“มายืนทำอะไรตรงนี้คะ”“เปล่านี่ ผมแค่เดินผ่านมา แล้วนี่คุณไม่ต้องเข้าประชุมหรือไงกัน ทำไมไม่ไปเตรียมตัว มัวแต่แอบมาคุยกับแฟนอยู่...”คนถูกตำหนิกลายๆ ตวัดสายตามอง เธอคิดไปเองหรือเปล่าที่น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวไปกว่าปกติ“ฉันกำลังจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”“ก็ดี...เพราะผมไม่ชอบคนที่ไม่รักษาเวลาหรือมาสาย” พูดจบก็เดินจากไปเตชิตามองตามแผ่นหลังกว้าง ในใจนึกฉุนกับคำตำหนิกลายๆ ของเขาฮึ! ใครกันแน่ที่ไม่รักษาเวลา ต่อให้เธอจะรักษาเวลาหรือไม่ เธอก็ไม่ใช่คนที่เขาชอบอยู่แล้วนี่นาเอาเถอะ...ไม่ชอบก็ไม่ต้องชอบสิ ใครแคร์ ต่อไปนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือตัดใจจากเขาให้เด็ดขาดเสียที ต่างคนต่างอยู่ ท่องไว้สิยัยแตม เขาเป็นเจ้านาย เธอมันก็แค่พนักงานตัวเล็กๆ ในแผนกคนหนึ่งก็เท่านั้น พอกันทีกับการรอคอยที่แสนไร้ค่า!การประชุมของแผนกขายปกติจะจัดทุกวันอยู่แล้วเพื่อคอยอัพเดตการทำงานตามที่ได้รับมอบหมายในแต่ละวันให้กับคนในแผนกและหัวหน้างานทราบ หากมีปัญหาก็จะได้หารือแก้ไขกันในที่ประชุมปกติเตชิตานั้นไม่ต้องเข้าประชุมที่ว่าก็ได้ แต่ทว่าการประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทุกคนในแผนกจะได้ทำความรู้จักกับผู้อำนวยการฝ่ายขายคนใหม่อย่าง
เตชิตามองสบตาคนพูดก่อนหลบตาเขาเมื่อเห็นแววตาที่มองมาอย่างมีนัยยะแฝงเพื่อนร่วมงานงั้นเหรอ...ไม่เข้าใจว่าเขาจะตอกย้ำเธอไปถึงไหน เธอรู้แล้วน่าว่าไม่อาจเป็นได้มากกว่านั้น ระหว่างที่กำลังอึดอัดใจนั้นเองก็มีเสียงใครบางคนแทรกขึ้นมา“ไปด้วยกันเถอะนะครับน้องแตม ไปหลายๆ คนสนุกดี เดี๋ยวขากลับพี่ไปส่งที่บ้านเองก็ได้” เตชิตาหันไปมองชายหนุ่มที่เสนอไมตรีมาให้“พอดีคราวก่อนผมก็เคยไปส่งน้องเขาที่บ้านแล้วน่ะครับ ยังไงบ้านเราก็อยู่ทางเดียวอยู่แล้ว สบายมากครับ”คำว่า ‘บ้านเรา’ ของเซลล์เอ็กเซกคลูทีฟหนุ่มคนนั้นทำให้หางตาใครบางคนกระตุกนิดๆ โดยไม่มีใครทันสังเกต ใบหน้าเคร่งขรึมขมวดขึ้ง รู้สึกหงุดหงิดหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ขอบคุณมากนะคะพี่ธัช”เตชิตาตอบกลับน้ำใจของธัชพงศ์เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ยอมหันไปมองเจ้านายคนใหม่ให้เสียอารมณ์อีกแล้วสุดท้ายหญิงสาวก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงต้องมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับผู้อำนวยการฝ่ายขายคนใหม่จนได้ งานนี้จัดให้ร้านอาหารกึ่งบาร์ แต่วันนี้เพื่อต้องการความเป็นส่วนตัวทางแผนกจึงจองห้องแยกต่างหาก มีทั้งบาร์ส่วนตัว และหากมีใครอยากร้องเพลงก็สามารถทำได้เตชิตาเลือกที่นั่งห่
“ไม่หนวกหูหรอกค่ะ เสียงหล่อๆ อย่างดอสน่ะน่าฟังจะตายไป จริงไหมพวกเรา”“งั้นก็ได้ครับ” ชายหนุ่มตอบรับตามสปิริทของผู้นำ หากแต่ตอนเลือกเพลง หางตาเขาก็บังเอิญหันไปสบตากับหญิงสาวที่อยู่หลังห้อง ก่อนที่เธอจะรีบหลบตาและหันไปคุยกับชายหนุ่มข้างกาย ราวกับเขาไม่อยู่ในสายตาก็ดี! แต่ทำไมนะ มันถึงรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ใจหนึ่งก็บอกไม่ให้สนใจเธอ ในเมื่อไม่ต้องการกวนตะกอนให้ขุ่น ก็ควรปล่อยเรื่องต่างๆ ให้จบไปแต่อีกใจมันก็อดห่วงไม่ได้ ผู้ชายด้วยกันทำไมจะดูไม่ออกว่านายธัชพงศ์อะไรนั่นมันสนใจเธอคนนั้นจนออกนอกหน้า ยิ่งงานคืนนี้รายนั้นก็ยิ่งเผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจน เขาไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงเตชิตาในวันนี้ไม่เหมือนน้องสาวข้างบ้านที่เขาเคยรู้จัก เขารู้จักเธอจนกระทั่งคืนแห่งความทรงจำนั้นมาทำให้เกิดรอยร้าวในความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องคนสนิทจนยากจะเหมือนเดิม แต่แววตาของเธอที่มองเขาในยามแรกที่ได้พบกันอีกครั้ง เขาพอดูออกว่าเธอยังคงมีใจให้เขาอยู่ไม่มากก็น้อยมีใจทั้งๆ ที่พูดคุยโทรศัพท์กระหนุงกระหนิงกับผู้ชายคนอื่น แล้วไหนจะเจ้าธัชพงศ์อะไรนี่อีก เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเตชิตาคนนี้ต้องการอะไรกันแน่หรือว่าสัมพันธ์ลึกซึ้งในคื
“อีกเดี๋ยวแม่กำลังจะกลับแล้วครับลูก”“แม่แตมอยู่ไหน ไมเสียงดังจังครับ” หญิงสาวรีบเดินออกห่างจากห้องกินเลี้ยงที่ยังคงมีเสียงเขาตามมาหลอกหลอนหู ไม่อยากให้ลูกชายได้ยินความใจร้ายของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่า...พ่อให้เธอเจ็บแค่คนเดียวก็พอแล้ว“งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ แม่จะรีบกลับไปหาลูกชิ้นแล้ว” ปลายสายส่งเสียงส่งจูบมาให้ก่อนที่เธอจะตัดใจกดวางสายไปตอนนี้เธอไม่อยากเดินกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกแล้ว ไม่อยากเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงเขาคนนั้นให้หัวใจเจ็บปวดอีกต่อจากนี้ไปเธอทำอย่างที่เขาบอก จะไม่หันกลับไปคิดถึงเขาอีกแล้ว สารที่เขาส่งให้เธอจะรับมันไว้เพื่อเตือนใจตัวเอง อย่าโง่รักใครที่เขาไม่เห็นค่าความรักของเราอีก!เตชิตาตัดสินใจไม่กลับเข้าไป แต่โดยมารยาทเธอจึงส่งข้อความไปบอกกับรุ้งลาวัณย์ว่าเธอขอตัวกลับก่อน เพราะมีธุระด่วนที่บ้าน หลังจากนั้นเธอก็รีบเดินออกไปยืนรอแท็กซี่ที่หน้าร้านหญิงสาวเงยหน้ามองฟ้าที่ตอนนี้มืดครึ้มเหมือนหัวใจเธอไม่มีผิด ดูเหมือนวันนี้ฝนกำลังจะตกเสียด้วยแหม...เข้าสูตรซ้ำเติมคนช้ำรักได้ดีเสียจริง เพียงไม่นานฝนใจร้ายก็โปรยปรายลงมาจริงๆ หญิงสาวจึงรีบถอยเข้าไปหลบใต้ชายคาร้าน ตาก็มองหารถแท็
“ลูก...”“ค่ะ ลูกชายแตมเอง ตอนนี้สี่ขวบกว่าแล้ว”“พี่ไม่เห็นรู้เลยว่าน้องแตมมีสามีมีลูกแล้ว” เตชิตาขมวดคิ้วนิดๆ ไม่แน่ใจว่าเธอคิดไปเองไหมว่าน้ำเสียงคนพูดแปลกๆ ไปคล้ายกับผิดหวัง จากที่จะบอกว่าเธอเป็นซิงเกิ้ลมัม จึงเปลี่ยนใจนิ่งเสีย“เอ่อ...พี่แค่หมายถึง น้องแตมหน้าตายังเด็กอยู่เลย พี่แค่คิดไม่ถึงน่ะครับ”“แตมมีลูกเร็วน่ะค่ะ อ๊ะ! เดี๋ยวพี่ธัชช่วยจอดที่ข้างหน้าร้านสะดวกซื้อนั่นก็ได้ค่ะ พอดีแตมสัญญาว่าจะซื้อขนมฝากเจ้าแสบที่บ้านหน่อย”เตชิตาพยายามข่มสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ หางตาแอบเห็นชายหนุ่มข้างกายถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ยอมเปิดไฟเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าร้านให้โดยดีก็โล่งใจ เธออาจคิดไปเองก็ได้ แต่กันไว้ก็ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง“พี่ธัชกลับก่อนก็ได้นะคะ บ้านแตมอยู่แค่นี้เอง” หญิงสาวรีบดักทาง “แตมอาจจะเลือกนาน เกรงใจพี่เปล่าๆ”“ไม่เป็นไรนี่ครับพี่รอได้”คำว่ารอของเขาฟังแล้วแปลกๆ“อย่ารอเลยค่ะ แตมเกรงใจจริงๆ”ธัชพงศ์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนพยักหน้า ในใจแอบนึกเสียดายหญิงสาวตรงหน้าที่เขาแอบหมายตาตั้งแต่เธอมาทำงานวันแรก แต่เมื่อรู้ว่าเธอมีพันธะแล้ว ถึงจะเจ้าชู้ตามประสาหนุ่มโสด แต่เขาก็ไม่ชอบแย่งเมียชาวบ้าน“งั
ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจดวงน้อยจนขาดสะบั้น หูเธอดับวิ้งไปดื้อๆ รู้สึกตัวชาๆ กระบอกตาแสบร้อนจนปวดแปลบ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย แต่พอได้ฟังจากปากเขามันก็ทำเอาเธอใจสลายได้ในพริบตา“อ้อ...เหรอคะ” เธอข่มเสียงไม่ให้สั่น “ยินดีด้วยนะคะ”“เธอโอเคใช่ไหม...”โอเคเหรอ! เท่าที่ยังควบคุมสติไม่ให้เผลอแสดงอาการน่าสมเพชออกไปได้นี่ถือว่าโอเคหรือเปล่านะ“ค่ะ”“เรื่องที่ทำงาน”“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันรู้ว่าควรทำตัวยังไง” ก็เขาเล่นตอกย้ำด้วยการกระทำและคำพูดว่าไม่รักไม่คิดอะไร ให้เธอตัดใจ พูดเสียขนาดนั้นเธอยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ“อย่าห่วงเลยค่ะ ฉันรู้ฐานะตัวเองดีว่าฉันเป็นใครคุณเป็นใคร และถ้าคุณกลัวว่าใครจะสงสัยก็สบายใจได้ ฉันกำลังจะหางานใหม่ หากได้งานเมื่อไหร่ก็จะลาออกทันที”“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณรุ้งบอกว่าเธอทำงานดีมาก พี่ไม่ได้อยากให้โรงแรมของเราต้องเสียบุคลากรดีๆ อย่างเธอไป แต่แค่อยากขอร้องให้เธอเข้าใจพี่ด้วย”“ค่ะ ฉันเข้าใจทุกอย่าง เราต่างคนต่างอยู่แบบนี้ใช่ไหมที่คุณต้องการ ได้ค่ะ ฉันจะจำให้ขึ้นใจ” หญิงสาวยิ้มเยาะตัวเองจำให้ขึ้นใจว่าเขาไม่ใช่พี่เจที่เธอรัก แต่เป็นคุณเจษภัทรหัวหน้า
พอได้หรือยังเจ้าหัวใจไม่รักดี เลิกรักคนที่ไม่เคยรักเราได้แล้ว สิ่งเดียวที่เธอควรคิดถึงให้มากกว่าสิ่งอื่นใดคือลูกชายสุดที่รัก และครอบครัวที่รักเธอเท่านั้น ส่วนคนใจร้ายนั่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา เธอจะเลิกสนใจเขาอีกต่อไปจากนี้ไปชื่อของเจษภัทรจะถูกลบออกจากหัวใจดวงนี้และเขาอย่าได้คิดจะมาแตะต้องลูกชายของเธอเด็ดขาดเธอไม่มีวันยอม!พอคิดถึงลูกชายสุดที่รัก หญิงสาวก็รีบปาดน้ำตา พลางสูดหายใจเข้าจนลึก ก่อนที่จะรวบรวมกำลังที่เหลือน้อยนิดเต็มทีเพื่อไปหา เตชินท์ เจ้าลูกชิ้นน้อยๆ ของแม่ ตอนนี้เธอต้องการกอดลูกเพื่อยึดเหนี่ยวหัวใจพังๆ ของตัวเองไว้ไม่ให้ย่อยยับมากไปกว่านี้“แตม...กลับมาแล้วหรือ”ตารการู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิด พร้อมกับน้องสาวที่เดินไหล่ลู่เข้ามา แม้จะปิดไฟ แต่กลิ่นความหม่นเศร้าทำให้คนเป็นพี่รู้สึกได้ว่าอารมณ์น้องสาวไม่ปกติ“ขอโทษนะพี่ตาลที่ทำให้ตื่น” หญิงสาวพยายามข่มน้ำเสียงไม่ให้สั่น แต่มันก็ยากเย็นเต็มที ตาเธอแสบร้อนเพราะร้องไห้อย่างหนักจนบวม ดีที่ในห้องปิดไฟมืดทำให้พี่สาวไม่เห็นความบอบช้ำที่ฟ้องบนใบหน้า“ไม่เป็นไรหรอก ตาลูกชิ้นก็เพิ่งหลับไปไม่นาน บ่นคิดถึงแม่แตมจะรอเ
เช้าวันเสาร์ ปกติร้านก๋วยเตี๋ยวของนายวีระจะเปิดขายแค่ช่วงเช้าจนถึงสายๆ ตลาดเริ่มวายเท่านั้น เพราะลูกสาวทั้งสองมีงานการทำแล้วจึงต้องการให้พ่อแม่ได้พักเหนื่อยไม่ต้องหักโหมมากนัก และมีเวลาพักผ่อนได้เล่นกับหลานรักบ้างแรกๆ คนเคยทำงานมาตลอดก็ไม่ยอมง่ายๆ ไม่ว่าลูกๆ จะช่วยกันเกลี้ยกล่อมอย่างไร แต่พอเห็นเจตนาของลูกสาวนานวันก็เริ่มใจอ่อน สุดท้ายก็มาแพ้ทางลูกอ้อนของเจ้าลูกชิ้นที่บอกอยากให้ตากับยายหยุดพักมาเล่นด้วยกับหลานรักจึงยอมเสียงหัวเราะร่วนที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักทำให้เตชิตาชะงักนิดๆ พลางสงสัยว่าใครกันหนอที่ทำให้พ่อเธอหัวเราะเต็มเสียงแบบนี้ได้ หญิงสาวจูงมือเจ้าลูกชายที่วันนี้แต่งตัวหล่อ เพราะจะได้ไปเที่ยว“ตาตาคร้าบ...ยูก เอ๊ย! ลูกชิ้นมาแล้ว”เสียงใสๆ ของขวัญใจคนทั้งบ้านทำให้พ่อของเธอหัน ขวับมาทันที พลางอ้าแขนรับร่างปุ๊กลุกที่โถมตัวเข้าหาไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างแสนรัก ทำให้คนเป็นลูกได้แต่ส่ายหน้า“ตื่นแล้วเหรอคนเก่งของตาตา ไหนมาให้ตาตาหอมหน่อยซิลูก” พอขาดคำ เด็กชายก็รีบเอียงแก้มให้ผู้เป็นตาหอม และหอมคืนจนพอใจภาพนั้นทำให้แขกคนสำคัญอดแปลกใจไม่ได้“อะไรกัน เฮียวี ไม่เจอกันแป๊บๆ มีหลานโตขนาดนี
“พ่อเจ...” ราวกับหัวใจที่แห้งแล้งได้น้ำชโลม เจษภัทรรู้สึกอุ่นวาบในอก หัวใจพองโต ก่อนอ้าแขนโอบร่างเล็กเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน“ครับคนเก่ง พ่อเจพ่อของลูกชิ้น พ่อขอโทษนะที่ทำงานเสร็จช้า แต่ต่อไปนี้พ่อสัญญาว่าจะไม่ทิ้งลูกกับแม่แตมไปไหนอีกแล้ว พ่อรักลูกนะครับ”เตชิตามองภาพนั้นอย่างตื้นตันใจจนน้ำตาคลอเบ้า ในที่สุดลูกของเธอก็ได้มีพ่อกับเขาเสียที“จริงๆ นะครับ พ่อเจห้ามโกหกนะ”“ไม่โกหกครับ”“เย้! ลูกชิ้นมีพ่อแล้ว ลูกชิ้นรักพ่อเจที่สุดเลย”“เดี๋ยวนะ แล้วแม่ล่ะครับ” หญิงสาวแกล้งแหย่ลูกชายตัวแสบ“ลูกชิ้นรักทั้งพ่อเจ รักทั้งแม่แตม รักมากที่สุดในโลกเลยครับ” เด็กน้อยยิ้มแป้น พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มพ่อและแม่อย่างมีความสุขสองปีต่อมา...ร้านก๋วยเตี๋ยวโกวีในวันหยุดมีลูกค้าคึกคักกว่าปกติ เจ้าของร้านแม้จะอายุเกือบหกสิบปีในอีกไม่กี่วัน แต่ดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง แต่ที่ทำให้ขายดีเป็นพิเศษนั้นอาจเป็นเพราะวันนี้มีเด็กเสิร์ฟกิตติมศักดิ์มาช่วยงานก็เป็นได้“หมี่เหลืองแห้งโต๊ะสี่ได้แล้ว” พอขาดคำ ร่างสูงใหญ่ของเด็กเสิร์ฟที่ว่าก็เข้ามารับชามก๋วยเตี๋ยวเพื่อไปเสิร์ฟให้ลูกค้าสาวใหญ่ที่นั่งส่งตาหวานให้วิ้งๆ“ดูสามีเธอสิยัย
“ตาภาส”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรหันไปมองตาม พลางคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้พบอดีตศัตรูหัวใจ“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมมารับวินนี่ไปทานข้าวครับ” คนพูดหันไปสบตาแขกที่นั่งอยู่ พลางพยักหน้าให้นิดๆ “ไม่พบกันนานนะคุณเจ สบายดีเหรอ”“ครับ” เจษภัทรรับคำ น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นอีกฝ่าย กลับรู้สึกเหมือนโล่งราวยกหินออกอก“ใครไปตามยัยวินนี่มาที บอกว่าพี่ภาสมารับแล้ว” คุณวิมาดากระวีกระวาดต้อนรับแขกผู้มาใหม่ราวกับต้องการให้เห็นว่าเธอไม่ได้แยแสอดีตคนรักของลูกสาวแม้แต่น้อยรอเพียงไม่นานวินรดาก็เดินลงมา หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ภาสกร แต่พอเห็นหันมาเห็นใครอีกคน ยิ้มหวานก็ลบเลือนหาย เหลือเพียงความเย็นชา“คุณมาที่นี่ทำไมอีก”“พี่มาขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูท่าคงไม่จำเป็นแล้ว” เจษภัทรยกยิ้ม น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรยามได้เห็นวินรดาเดินไปควงแขนชายหนุ่มอีกคนแสดงความสนิทสนมอย่างออกนอกหน้าผิดกับวินรดาที่หวังจะได้เห็นสีหน้าของผู้พ่ายแพ้เหมือนครั้งอดีตที่เธอเคยบอกเลิกกับเขาเพื่อคบกับภาสกร แต่ทว่าก็ต้องแอบผิดหวังและขัดใจนิดๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำหน้าผิดหวังเสียใจอย่างที่เธอต้องการเห็น ต
นายวีระหายใจฮึดฮัด ร่ำๆ อยากจะเอาเลือดหัวอีกฝ่ายออกให้สมอยาก ยิ่งเห็นลูกสาวสุดที่รักเข้าไปประคองและช่วยซับเลือดให้อีกฝ่าย ก็ยิ่งขัดตาขัดใจ“ยัยตาล พาน้องขึ้นห้องไปก่อน”“พ่อคะ...”เตชิตาร้องเรียกอย่างกลัวใจ ตาแลไปทางชายหนุ่มที่นั่งนิ่งยอมรับความผิด สภาพเขาตอนนี้อาจแค่ปากแตกสะบักสะบอม แต่หากเธอยอมขึ้นห้องไปตามที่พ่อสั่ง ไม่แน่ว่าตอนลงมาอาจพบเขานอนเป็นศพแล้วก็ได้“ถ้าพ่อจะลงโทษพี่เจ งั้นก็ลงโทษแตมด้วยอีกคนเถอะค่ะ หากเรื่องนี้จะมีใครผิด เราสองคนก็คงผิดเท่าๆ กัน หรือไม่แตมก็ผิดมากกว่า”เจษภัทรหันขวับไปมองหญิงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างกายเขาด้วยสายตาห่วงใย“แตม อย่าทำแบบนี้”“พี่เจไม่เคยรู้ว่าแตมท้อง ตอนเกิดเรื่องเขาเคยขอรับผิดชอบแล้ว แต่เป็นหนูที่ปฏิเสธเขา”“แล้วทำไมตอนนั้นลูกไม่บอกพ่อสักคำ”“แตม...” เจษภัทรกดสายตามองหญิงสาวพลางส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะหันไปสบตาพ่อของเธอ“เพราะตอนนั้นผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองครับ”ทุกคนมองสองหนุ่มสาว พลางหายใจไม่ทั่วท้อง เกรงว่าระเบิดจะลง“คนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองงั้นเหรอ” นายวีระทวนคำเสียงเยาะ “แล้วตอนนี้เกิดฉลาดขึ้นมาแล้วหรือไง”“เปล่าครับ แค่เพิ่งรู้ใจ
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องไอซียูก็เปิดออก พร้อมกับคุณหมอที่ออกมาแจ้งผลด้วยสีหน้าอิดโรย“คุณหมอคะ ลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ” เตชิตาพุ่งไปเป็นคนแรก“เด็กปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่น้องได้เลือดจากคุณพ่อที่มีกรุ๊ปเดียวกัน ไม่งั้นคงแย่ เพราะเลือดกรุ๊ปนี้หายากเสียด้วย” ทุกคนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก“แล้วตอนนี้พ่อของเด็กเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”“กำลังนอนพักอยู่ในห้องบริจาคเลือดข้างๆ กันครับ เพราะให้เลือดไปเยอะ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกเดี๋ยวก็คงฟื้น”“งั้นฉันขอเข้าไปดูได้ไหมคะ” คุณหมอพยักหน้าอนุญาต แต่ให้เข้าไปได้เพียงคนเดียวภาพคนตัวเล็กนอนเหยียดบนเตียงโดยมีสายน้ำเกลือและเครื่องช่วยชีวิตระโยงระยาง ทำให้คนเป็นแม่ใจแทบสลาย สีหน้าลูกแม้ซีดเผือด แต่เตชิตารู้ว่าลูกรักปลอดภัยแล้ว แม้จะมีบาดแผลตามร่างกายให้เห็น หญิงสาวปาดน้ำตาตัวเองเงียบๆในนาทีแห่งชีวิตที่เกิดขึ้นทำให้เธอรับรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด“แตม...ลูกเป็นยังไงบ้าง...”เสียงนั้นอ่อนระโหย แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างจริงใจที่สุด เตชิตาหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ในหัวใจมาตลอดนิ่งค้าง มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อถูกเขาดึงตัวเข้าไปกอดแนบอกเสียงห
คุณวิมาดาหันไปถามกับสามี แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าเพราะไม่รู้เช่นกัน“ว่าไงนะ ใครถูกรถชน เด็กที่ไหน...”เสียงซุบซิบเริ่มลามมาทางแถวหน้าอย่างรวดเร็ว และกระเด็นเข้าหูเจ้าภาพบนเวที พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินแกมวิ่งไปที่ข้างเวทีด้านที่นายชิษณุนั่งพร้อมกระซิบบอก“มีลูกของแขกที่มางานถูกรถชนหน้าโรงแรมค่ะ”“ตายจริง ลูกของแขกคนไหนกัน” คุณวิมาดาที่ได้ยินพลอยตกใจ“เห็นว่าเป็นแขกของคุณชิษณุ เด็กคนนั้นชื่อลูกชิ้นค่ะ!”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรสะดุ้ง ใจหายวาบ“ว่าไงนะ เด็กชื่ออะไรนะ”“ชื่อน้องลูกชิ้นค่ะ”“ลูกชิ้น!”ร่างสูงใหญ่ผุดลุกพรวดพราดขึ้นทันทีจนหญิงสาวที่นั่งพับเพียบข้างๆ พลอยตกใจ หันมาขึงตาใส่“พี่เจจะทำอะไรคะ ใกล้ได้ฤกษ์แล้ว จะไปไหน” วินรดากัดฟันถาม ตามองแขกเหรื่อที่เริ่มมองมาทางเวทีเป็นตาเดียว“ตาเจ ลูกอยู่ทางนี้ก่อน เดี๋ยวพ่อไปดูให้เอง” นายชิษณุที่เห็นท่าไม่ดีรีบอาสา“ไม่ครับพ่อ ผมจะไปดูลูกเอง”“ลูก!” วินรดาเผลอตัวรีบคว้าแขนว่าที่คู่หมั้นหนุ่มไว้ “ลูกใครคะ”“ลูกชิ้น! ลูกชายของพี่!”วินรดาอ้าปากค้าง ส่วนคนบนเวทีพลอยตกอกตกใจกับประโยคนั้น คุณวิมาดาลมแทบใส่“ละ...ลูกชายพี่งั้นเหรอคะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ทุกอย่างตอนนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือคะ คุณกำลังจะได้สมหวังกับผู้หญิงที่คุณรักมาตลอด ส่วนฉันก็พอใจกับชีวิตตอนนี้แล้ว เราต่างก็มีทางเดินของตัวเอง งั้นอย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายอีกเลยนะคะ ดึกแล้วคุณควรกลับไปพักผ่อน ส่วนฉันก็ควรต้องกลับเหมือนกัน”“แล้วพรุ่งนี้เธอจะไปที่งานหรือเปล่า” อะไรบางอย่างทำให้เขาหลุดปากถามออกไป“ฉันรับปากพี่วินนี่ไว้แล้วว่าจะไปค่ะ คุณเองก็อย่ากลับดึกนะคะ เดี๋ยวว่าที่คู่หมั้นจะเป็นห่วง ลา...อุ๊บ!” คำสุดท้ายถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมาเสียก่อนจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายของเขาสะกดตรึงเธอไว้ ราวกับปลดชนวนระเบิดในหัวใจที่แสนอัดอั้น หากนี่คือจูบอำลา เธอก็ขอเห็นแก่ตัวทำตามที่หัวใจไม่รักดีต้องการเป็นครั้งสุดท้ายบ้างเจษภัทรเลิกคิ้ว เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มละมุนที่ตอบกลับมา ความรู้สึกหวานที่คละเคล้าความเศร้าอวลในรสจูบนี้ จนนึกอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มตัดใจถอนริมฝีปากออกเมื่อรับรู้ถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่รินอาบแก้มของอีกฝ่าย“แตม...พี่...”“ครั้งก่อนพี่ทิ้งกันไปโดยไม่ได้บอกลา งั้นครั้งนี้แตมขอเป็นฝ่ายบอกพี่เอง...ลาก่อนนะคะพี่เจ
พอคล้อยหลังผู้เป็นมารดา หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกพลางนึกสงสัยตัวเองคร้ามครัน นี่เธอกำลังคิดผิดอย่างที่มารดาบอกหรือเปล่านะที่เลือกเจษภัทรแทนที่จะเลือกผู้ชายอีกคนที่ระยะนี้กลับเข้ามาวนเวียนในชีวิตอีกครั้ง หลังจากเลิกรากันไปตั้งแต่สมัยเรียน เพราะต่างคนต่างงี่เง่าเอาแต่ใจเป็นที่ตั้งเพื่อกลบความรู้สึกไม่มั่นคงในหัวใจ วินรดาจึงคว้าโทรศัพท์มาลองกดโทรออกหาว่าที่คู่หมั้นอีกครั้ง หากทว่าก็เหมือนเดิมที่เขาไม่รับสายจึงกดวางอีกครั้ง แต่พอกำลังคิดจะถอดใจ จู่ๆ สัญญาณโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อนหญิงสาวมองชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ตาวาว รอให้มันดังอีกสองสามครั้งจึงยอมกดรับสาย“ว่าไงคะพี่ภาส”“ทำไมทำเสียงหงุดหงิดจัง มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”“ก็นิดหน่อยค่ะ พี่ภาสมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ วินนี่ยุ่งๆ อยู่ ถ้าไม่มี...”“พี่คิดถึงวินนี่ พอดีพี่แวะมาร้านประจำที่เราเคยมาด้วยกันสมัยเรียน ถ้าเธอไม่มีนัดที่ไหน เราออกมาเจอกันหน่อยดีไหม”วินรดาคลี่ยิ้มอย่างลำพองใจ ความหงุดหงิดขุ่นมัวที่มีมาทั้งวันมลายหายไปทันที“ก็ได้ค่ะ แต่วินนี่อยู่ได้แป๊บเดียวนะคะ พี่ก็รู้ว่าวินนี่กำลังจะหมั้นแล้ว เดี๋ยวว่าที่คู่หมั้นจะเป็น
แล้วเธอก็คิดถูกจริงๆ“วินนี่ครับ พอดีพี่มีธุระด่วนเข้ามา จะเป็นไรไหมถ้าพี่ขอตัวกลับก่อน” สีหน้าเขารู้สึกผิด แต่ทว่าไม่ได้ทำให้หญิงสาวเห็นใจ ตรงข้ามเธอกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา“แต่วินนี่สั่งอาหารไปแล้ว นั่งทานให้เสร็จก่อนค่อยไปไม่ได้เหรอคะ”“ขอโทษจริงๆ นะวินนี่”“งั้นก็ตามใจเถอะค่ะ วินนี่ทานคนเดียวก็ได้” วินรดาประชดเสียงแข็ง คิดว่าอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดกลัวเธอโกรธ แล้วตามใจเธอเหมือนเช่นทุกครั้งที่ใช้ไม้นี้ แต่ทว่าคราวนี้มันกลับไม่ได้ผล“งั้นเสร็จธุระแล้วพี่รีบโทรหานะ”ว่าแล้วชายหนุ่มก็ผละไปทันที“คนบ้า!”หญิงสาวทำหน้างอ อารมณ์เสียจนอยากจะลุกเดินออกจากร้านเสียเดี๋ยวนั้น แต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่ใจคิด ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามาเสียก่อน ทำให้เธอยิ้มออกมาเพราะคิดว่าแฟนหนุ่มอาจเปลี่ยนใจกลับมาง้อเพราะกลัวเธอโกรธจึงรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา หากทว่าชื่อที่โชว์บนหน้าจอกลับทำให้รอยยิ้มของเธอจางลงเปลี่ยนเป็นความสงสัย“สวัสดีครับคนสวย” หญิงสาวค้อนใส่โทรศัพท์นิดๆ เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นหูนั่น“โทรมามีธุระอะไรคะ”“มีสิ พอดีพี่เห็นผู้หญิงหน้าคล้ายเธอนั่งในร้านอาหารคนเดียว ก็เลยลองโทรมาว่าใช่คนเดียวกันไ
“แตม...”“เอ่อ...ขึ้นมาข้างบนนานแล้ว เรารีบลงไปข้างล่างเสียทีดีไหมคะ” หญิงสาวรีบตัดบท หากทว่าตอนที่เธอหันหลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูนั้น กลับต้องชะงักเมื่อถูกดึงตัวเข้าไปกอดจากด้านหลังอย่างฉับพลัน“นี่คุณจะทำอะไรเนี่ย”“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวลูกตื่น...พี่ขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม”อยากจะปฏิเสธออกไปเพราะกลัวใจตัวเองหวั่นไหว หากทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือ แถมยังกดปลายคางลงมาวางบนไหล่มนเบาๆ ให้เธอใจสั่นอีกไออุ่นจากกายแกร่งของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวหายใจติดขัด ตัวแข็งทื่อ ยามที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเขา“พี่เจ...” เจษภัทรเผลอยิ้มละมุนกับสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกเหมือนในวันวาน ไม่ใช่เรียกแต่คุณฉันอย่างห่างเหิน“ที่ผ่านมาพี่ใจร้ายกับเธอมากเลยใช่ไหม”ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบที่ข้างแก้มของเธอบ่งบอกถึงความรู้สึกภายในใจของเขา“เรื่องมันผ่านมาแล้ว อย่ารื้อฟื้นเลยนะคะ เราควรอยู่กับปัจจุบันแล้วเดินไปข้างหน้าดีกว่า” เจษภัทรระบายลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ“แล้วถ้าพี่ทำไม่ได้ล่ะ เธอจะว่ายังไง...”“คำถามนั้นคุณควรถามใจตัวเองดีกว่านะคะว่าควรทำยังไง...” ยังไม่ทันเอ่ยจบ หญิงสาวก็พลันสะดุ้งวาบเมื่อรู้สึกถึงความอุ