ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจดวงน้อยจนขาดสะบั้น หูเธอดับวิ้งไปดื้อๆ รู้สึกตัวชาๆ กระบอกตาแสบร้อนจนปวดแปลบ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย แต่พอได้ฟังจากปากเขามันก็ทำเอาเธอใจสลายได้ในพริบตา“อ้อ...เหรอคะ” เธอข่มเสียงไม่ให้สั่น “ยินดีด้วยนะคะ”“เธอโอเคใช่ไหม...”โอเคเหรอ! เท่าที่ยังควบคุมสติไม่ให้เผลอแสดงอาการน่าสมเพชออกไปได้นี่ถือว่าโอเคหรือเปล่านะ“ค่ะ”“เรื่องที่ทำงาน”“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันรู้ว่าควรทำตัวยังไง” ก็เขาเล่นตอกย้ำด้วยการกระทำและคำพูดว่าไม่รักไม่คิดอะไร ให้เธอตัดใจ พูดเสียขนาดนั้นเธอยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ“อย่าห่วงเลยค่ะ ฉันรู้ฐานะตัวเองดีว่าฉันเป็นใครคุณเป็นใคร และถ้าคุณกลัวว่าใครจะสงสัยก็สบายใจได้ ฉันกำลังจะหางานใหม่ หากได้งานเมื่อไหร่ก็จะลาออกทันที”“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณรุ้งบอกว่าเธอทำงานดีมาก พี่ไม่ได้อยากให้โรงแรมของเราต้องเสียบุคลากรดีๆ อย่างเธอไป แต่แค่อยากขอร้องให้เธอเข้าใจพี่ด้วย”“ค่ะ ฉันเข้าใจทุกอย่าง เราต่างคนต่างอยู่แบบนี้ใช่ไหมที่คุณต้องการ ได้ค่ะ ฉันจะจำให้ขึ้นใจ” หญิงสาวยิ้มเยาะตัวเองจำให้ขึ้นใจว่าเขาไม่ใช่พี่เจที่เธอรัก แต่เป็นคุณเจษภัทรหัวหน้า
พอได้หรือยังเจ้าหัวใจไม่รักดี เลิกรักคนที่ไม่เคยรักเราได้แล้ว สิ่งเดียวที่เธอควรคิดถึงให้มากกว่าสิ่งอื่นใดคือลูกชายสุดที่รัก และครอบครัวที่รักเธอเท่านั้น ส่วนคนใจร้ายนั่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา เธอจะเลิกสนใจเขาอีกต่อไปจากนี้ไปชื่อของเจษภัทรจะถูกลบออกจากหัวใจดวงนี้และเขาอย่าได้คิดจะมาแตะต้องลูกชายของเธอเด็ดขาดเธอไม่มีวันยอม!พอคิดถึงลูกชายสุดที่รัก หญิงสาวก็รีบปาดน้ำตา พลางสูดหายใจเข้าจนลึก ก่อนที่จะรวบรวมกำลังที่เหลือน้อยนิดเต็มทีเพื่อไปหา เตชินท์ เจ้าลูกชิ้นน้อยๆ ของแม่ ตอนนี้เธอต้องการกอดลูกเพื่อยึดเหนี่ยวหัวใจพังๆ ของตัวเองไว้ไม่ให้ย่อยยับมากไปกว่านี้“แตม...กลับมาแล้วหรือ”ตารการู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิด พร้อมกับน้องสาวที่เดินไหล่ลู่เข้ามา แม้จะปิดไฟ แต่กลิ่นความหม่นเศร้าทำให้คนเป็นพี่รู้สึกได้ว่าอารมณ์น้องสาวไม่ปกติ“ขอโทษนะพี่ตาลที่ทำให้ตื่น” หญิงสาวพยายามข่มน้ำเสียงไม่ให้สั่น แต่มันก็ยากเย็นเต็มที ตาเธอแสบร้อนเพราะร้องไห้อย่างหนักจนบวม ดีที่ในห้องปิดไฟมืดทำให้พี่สาวไม่เห็นความบอบช้ำที่ฟ้องบนใบหน้า“ไม่เป็นไรหรอก ตาลูกชิ้นก็เพิ่งหลับไปไม่นาน บ่นคิดถึงแม่แตมจะรอเ
เช้าวันเสาร์ ปกติร้านก๋วยเตี๋ยวของนายวีระจะเปิดขายแค่ช่วงเช้าจนถึงสายๆ ตลาดเริ่มวายเท่านั้น เพราะลูกสาวทั้งสองมีงานการทำแล้วจึงต้องการให้พ่อแม่ได้พักเหนื่อยไม่ต้องหักโหมมากนัก และมีเวลาพักผ่อนได้เล่นกับหลานรักบ้างแรกๆ คนเคยทำงานมาตลอดก็ไม่ยอมง่ายๆ ไม่ว่าลูกๆ จะช่วยกันเกลี้ยกล่อมอย่างไร แต่พอเห็นเจตนาของลูกสาวนานวันก็เริ่มใจอ่อน สุดท้ายก็มาแพ้ทางลูกอ้อนของเจ้าลูกชิ้นที่บอกอยากให้ตากับยายหยุดพักมาเล่นด้วยกับหลานรักจึงยอมเสียงหัวเราะร่วนที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักทำให้เตชิตาชะงักนิดๆ พลางสงสัยว่าใครกันหนอที่ทำให้พ่อเธอหัวเราะเต็มเสียงแบบนี้ได้ หญิงสาวจูงมือเจ้าลูกชายที่วันนี้แต่งตัวหล่อ เพราะจะได้ไปเที่ยว“ตาตาคร้าบ...ยูก เอ๊ย! ลูกชิ้นมาแล้ว”เสียงใสๆ ของขวัญใจคนทั้งบ้านทำให้พ่อของเธอหัน ขวับมาทันที พลางอ้าแขนรับร่างปุ๊กลุกที่โถมตัวเข้าหาไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างแสนรัก ทำให้คนเป็นลูกได้แต่ส่ายหน้า“ตื่นแล้วเหรอคนเก่งของตาตา ไหนมาให้ตาตาหอมหน่อยซิลูก” พอขาดคำ เด็กชายก็รีบเอียงแก้มให้ผู้เป็นตาหอม และหอมคืนจนพอใจภาพนั้นทำให้แขกคนสำคัญอดแปลกใจไม่ได้“อะไรกัน เฮียวี ไม่เจอกันแป๊บๆ มีหลานโตขนาดนี
ประโยคนั้นทำให้เตชิตาใจหล่นไปอยู่ที่ปลายเท้า แอบหวั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าอีกฝ่ายจะจำได้ไหมว่าใบหน้าลูกชายเธอคล้ายใคร แต่อีกใจก็แอบนึกอยากรู้ว่า หากเธอใจกล้าสักนิดและบอกไปล่ะว่าเตชินท์เป็นหลานแท้ๆ ของเขา จะเป็นอย่างไรนะ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไหนไหมคงไม่หรอก...คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอก็ได้ยินแล้วว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนที่เขารักมาตลอด อย่าให้เธอและลุกกลายเป็นก้างขวางความสุขใครเลย“หลานฉันมันก็ต้องหน้าเหมือนฉันสิวะ จะไปหน้าเหมือนแมวที่ไหนล่ะ”นายวีระตอบกลับทำสนุกกลบเกลื่อน ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะร่วนเตชิตาแอบสะท้านในหัวใจ หากนายชิษณุได้รู้ว่าคนที่เขากำลังอุ้มนั่งบนตักนั่นเป็นหลานชายแท้ๆ ของตัวเองจะว่ายังไง จะยังเอ็นดูลูกชายเธอเหมือนตอนนี้ไหมนะ เพียงแค่คิด ก็รู้สึกจุกแปลบไปทั้งหัวอก“แล้วนี่แต่งตัวหล่อทาแป้งหอมฟุ้งแบบนี้ วันนี้จะไปไหนกันล่ะลูก” นายวีระหันไปถามลูกสาว“แม่แตมจะพาลูกชิ้นไปกินติมที่ห้างครับ” เจ้าตัวดีหันมาตอบเสียงใส พลางยิ้มตาหยีชอบใจในอ้อมแขนของปู่ที่เพิ่งพบหน้า“พอดีเมื่อวานแตมสัญญากับลูกไว้น่ะค่ะ เดี๋ยวรอช่วยพ่อแม่ปิดร้านแล้วเราค่อยไปด้วยกัน แต่วันนี้พี่ตาลมีสอนพิเศษคงไปด้วยไม่ไ
เขาอาจจะมาดูให้แน่ใจว่าเธอจะไม่เอาความลับในคืนนั้นมาขายทำให้ชีวิตรักของเขาและวินรดาต้องพังล่ะสิยิ่งคิดน้ำตาก็พานจะไหล แต่ไม่หรอกเธอจะไม่ร้องไห้ หญิงสาวรีบเดินจ้ำอ้าว ไปรอรถแท็กซี่ แต่ทว่ารออยู่พักใหญ่ก็ไม่มีมาเลยราวกับแกล้งกัน“แม่ครับ ลูกชิ้นร้อนจัง” เจ้าตัวน้อยเงยหน้าบอก“ทนเอานิดนึงนะลูก เดี๋ยวรถก็มาแล้วเราจะได้นั่งเป่าแอร์เย็นๆ นะครับ”“เย้ๆ ลูกชิ้นชอบแอร์เย็นๆ”หญิงสาวส่งยิ้มให้ลูก พลางตาก็เหลียวซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวัง จนเห็นรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาส่งผู้โดยสารพอดี จึงรีบขึ้นไป โดยไม่ทันเห็นว่ามีรถคันหนึ่งมาจอดต่อหลังรถแท็กซี่คันนั้นเจษภัทรเขม่นมองร่างคุ้นตาของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังก้าวขึ้นรถแท็กซี่ตรงหน้าพร้อมใครอีกคนที่ถูกดันเข้าไปก่อนอย่างรีบร้อน“มองอะไรเหรอคะที่รัก” เสียงหวานของหญิงสาวข้างกายฉะอ้อนถาม พลางมองตามสายตาเขาก่อนอุทาน“เอ๊ะ! ผู้หญิงคนนั้น ทำไมหน้าตาคุ้นๆ จัง” ดวงตาคู่สวยกดสายตามอง ก่อนหันไปที่ชายหนุ่ม “พี่เจรู้จักหรือคะ”“ไม่รู้สิ พี่ไม่ทันเห็นหน้าเขา” คนฟังทำหน้าไม่เชื่อ เพียงแต่เธอฉลาดพอที่จะไม่ชี้โพรงให้กระรอก“ว่าแต่เราจะมากินก๋วยเตี๋ยวในตลาดแบบนี้จริงๆ
“อ๋อ...หลานอาวีเขาน่ะสิ ชื่อน้องลูกชิ้น หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู” พอนึกถึงเจ้าตัวเล็กขึ้นมา นายชิษณุก็อดยิ้มไม่ได้“ลูกชิ้น...” เจษภัทรทวนคำ แต่ในใจแอบตงิดๆ สงสัยขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ถามสิ่งที่คาใจ นายวีระก็ยกก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟตรงหน้าเสียก่อนวินรดามองชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าด้วยสายตาเซ็งๆ ไม่ได้อยากกินเลยสักนิด แม้ว่าหน้าตาก๋วยเตี๋ยวจะหน้าตาน่าอร่อยไม่ได้ทุเรศทุรังอย่างที่คิดตอนแรก แต่ก็ขึ้นชื่อว่าร้านในตลาดสด มันคงไม่ถูกปากเธอมากมายอะไรหรอกน่าครั้นพอหันไปมองชายหนุ่มข้างกายที่นั่งนิ่งใจลอยก็แอบแปลกใจ“พี่เจ...พี่เจคะ”“ครับ มีอะไรหรือ” เจษภัทรได้สติ หันไปมองคนรัก พยายามเก็บงำความสงสัยในใจไว้อย่างมิดเม้น“เป็นอะไรไปคะ ทำไมนั่งเหม่อ คิดถึงใครอยู่หรือเปล่าคะ”“เปล่านี่ครับ กินก๋วยเตี๋ยวกันดีกว่านะ” ชายหนุ่มรีบเฉไฉกลบเกลื่อนสิ่งที่กำลังสงสัยค้างคา ในใจร้อนรนด้วยคำถามมากมาย แต่คนที่สามารถจะให้คำตอบเขาได้กลับไม่อยู่ให้เห็นหน้า นึกแล้วก็พาลให้รู้สึกหงุดหงิดลึกๆหรือเตชิตากำลังคิดหลบหน้าเขา เพราะมีอะไรปิดบังซ่อนเร้นไม่อยากให้เขารู้หรือเปล่าพลันคำพูดสุดท้ายที่เธอขอเขาเมื่อคืนก็ดังขึ้นในหู‘ไม่ว่า
“แม่ครับ ลูกชิ้นไม่ได้ทำจริงๆ” เตชิตาก้มลงมองดวงตาใสซื่อที่มีน้ำตาคลอเบ้า เธอเองก็เชื่อลูกรักหมดใจ แต่เพื่อความถูกต้อง“ก็ได้ค่ะ ฉันจะรับผิดชอบ แต่ต้องหลังจากที่เราได้รู้ความจริงทั้งหมดก่อน”ที่จริงมันก็แค่เรื่องของเด็กๆ เล่นกัน แต่ในเมื่อแม่ของเด็กอีกฝ่ายกลับอยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ลูกใครใครก็รัก แต่หากลูกชิ้นทำผิดจริง เธอก็พร้อมจะรับผิดชอบเหมือนที่เคยสอนลูกมาตลอด“ความจริง!”“ใช่ค่ะ ความจริง ถ้าลูกชายฉันผิดจริง ฉันยินดีจะรับผิดชอบ แต่...ถ้ากลับกันล่ะก็ คุณก็ต้องรับผิดชอบด้วย”แม่ของเด็กอีกคนหันไปสบตาสามี ก่อนเชิดหน้าอย่างถือดีเพราะมั่นใจว่างานนี้ตัวเองถูกแน่ๆ“ได้”“คุณคะ ฉันขอดูกล้องวงจรปิดที่ติดตรงนั้นหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวหันไปเอ่ยกับผู้ดูแลสถานที่“งั้นก็ได้ค่ะ เชิญพวกคุณทางนี้”ทันทีที่ภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนกลับไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สีหน้าคนที่คิดว่าตัวเองถูกแน่ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนสีจากแดงเป็นเขียวก่อนกลายเป็นซีดเผือด เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก ว่าลูกชายตนเข้าไปหาเรื่องเด็กชายเตชินท์ก่อนเตชิตาโอบกระชับลูกน้อยในอ้อมแขนไว้แน่น เมื่อเห็นว่าลูกถูกอีกฝ่ายรังแกก่อนด้วยก
ดวงตาคมกริบทอดมองไปยังถนนเบื้องหน้าที่การจราจรติดขัด ตั้งแต่ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวจนพาพ่อไปส่งที่บ้านเรียบร้อย เขาก็ยังไม่อาจสลัดสิ่งที่ติดค้างในหัวใจออกไปได้ พอเผลอตัว ใจก็แล่นกลับไปคิดเรื่องเดิมอีก จนบางครั้งก็ลืมไปว่าข้างกายยังมีผู้หญิงอีกคนที่เขาควรสนใจให้มาก ในฐานะว่าที่คนที่จะมาร่วมชีวิตกันในอนาคตอันใกล้“ว่าไงคะ คิดถึงสาวที่ไหนหรือเปล่า” วินรดาสรรพยอก“ถ้าไม่อยากให้พี่คิดถึงใคร เราแต่งงานกันสักทีดีไหม”“พี่เจ...” หญิงสาวทำหน้าง้ำ “เราคุยกันแล้วนี่คะ ว่าจะรอไปก่อน ตอนนี้วินนี่กำลังยุ่งๆ กับการเปิดร้านกับเพื่อนๆ อยากได้เวลาอีกสักปีสองปี ให้ร้านอยู่ตัว เราค่อยแต่งตอนนั้นก็ไม่สายนี่คะ”เจษภัทรถอนหายใจเฮือกกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาขออีกฝ่ายแต่งงาน แต่ทุกครั้งมันก็ลงเอยที่ว่าเขายังคงต้องรอต่อไปอย่างไร้จุดหมาย เพราะอีกฝ่ายอยากทำตามความฝันของตนด้วยการเปิดร้านเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเอง และยังอยากใช้ชีวิตสาวโสดให้คุ้มเสียก่อนที่จะต้องลงหลักปักฐานกับเขา“ทำไมคะ ทำไมพี่เจถึงอยากรีบแต่งนัก หรือกลัววินนี่จะเปลี่ยนใจ ฮึ” วินรดายิ้มหวาน แกล้งหยอก“ใช่และไม่ใช่ พี่ไม่อยากรอแล้ว ถ
“พ่อเจ...” ราวกับหัวใจที่แห้งแล้งได้น้ำชโลม เจษภัทรรู้สึกอุ่นวาบในอก หัวใจพองโต ก่อนอ้าแขนโอบร่างเล็กเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน“ครับคนเก่ง พ่อเจพ่อของลูกชิ้น พ่อขอโทษนะที่ทำงานเสร็จช้า แต่ต่อไปนี้พ่อสัญญาว่าจะไม่ทิ้งลูกกับแม่แตมไปไหนอีกแล้ว พ่อรักลูกนะครับ”เตชิตามองภาพนั้นอย่างตื้นตันใจจนน้ำตาคลอเบ้า ในที่สุดลูกของเธอก็ได้มีพ่อกับเขาเสียที“จริงๆ นะครับ พ่อเจห้ามโกหกนะ”“ไม่โกหกครับ”“เย้! ลูกชิ้นมีพ่อแล้ว ลูกชิ้นรักพ่อเจที่สุดเลย”“เดี๋ยวนะ แล้วแม่ล่ะครับ” หญิงสาวแกล้งแหย่ลูกชายตัวแสบ“ลูกชิ้นรักทั้งพ่อเจ รักทั้งแม่แตม รักมากที่สุดในโลกเลยครับ” เด็กน้อยยิ้มแป้น พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มพ่อและแม่อย่างมีความสุขสองปีต่อมา...ร้านก๋วยเตี๋ยวโกวีในวันหยุดมีลูกค้าคึกคักกว่าปกติ เจ้าของร้านแม้จะอายุเกือบหกสิบปีในอีกไม่กี่วัน แต่ดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง แต่ที่ทำให้ขายดีเป็นพิเศษนั้นอาจเป็นเพราะวันนี้มีเด็กเสิร์ฟกิตติมศักดิ์มาช่วยงานก็เป็นได้“หมี่เหลืองแห้งโต๊ะสี่ได้แล้ว” พอขาดคำ ร่างสูงใหญ่ของเด็กเสิร์ฟที่ว่าก็เข้ามารับชามก๋วยเตี๋ยวเพื่อไปเสิร์ฟให้ลูกค้าสาวใหญ่ที่นั่งส่งตาหวานให้วิ้งๆ“ดูสามีเธอสิยัย
“ตาภาส”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรหันไปมองตาม พลางคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้พบอดีตศัตรูหัวใจ“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมมารับวินนี่ไปทานข้าวครับ” คนพูดหันไปสบตาแขกที่นั่งอยู่ พลางพยักหน้าให้นิดๆ “ไม่พบกันนานนะคุณเจ สบายดีเหรอ”“ครับ” เจษภัทรรับคำ น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นอีกฝ่าย กลับรู้สึกเหมือนโล่งราวยกหินออกอก“ใครไปตามยัยวินนี่มาที บอกว่าพี่ภาสมารับแล้ว” คุณวิมาดากระวีกระวาดต้อนรับแขกผู้มาใหม่ราวกับต้องการให้เห็นว่าเธอไม่ได้แยแสอดีตคนรักของลูกสาวแม้แต่น้อยรอเพียงไม่นานวินรดาก็เดินลงมา หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ภาสกร แต่พอเห็นหันมาเห็นใครอีกคน ยิ้มหวานก็ลบเลือนหาย เหลือเพียงความเย็นชา“คุณมาที่นี่ทำไมอีก”“พี่มาขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูท่าคงไม่จำเป็นแล้ว” เจษภัทรยกยิ้ม น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรยามได้เห็นวินรดาเดินไปควงแขนชายหนุ่มอีกคนแสดงความสนิทสนมอย่างออกนอกหน้าผิดกับวินรดาที่หวังจะได้เห็นสีหน้าของผู้พ่ายแพ้เหมือนครั้งอดีตที่เธอเคยบอกเลิกกับเขาเพื่อคบกับภาสกร แต่ทว่าก็ต้องแอบผิดหวังและขัดใจนิดๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำหน้าผิดหวังเสียใจอย่างที่เธอต้องการเห็น ต
นายวีระหายใจฮึดฮัด ร่ำๆ อยากจะเอาเลือดหัวอีกฝ่ายออกให้สมอยาก ยิ่งเห็นลูกสาวสุดที่รักเข้าไปประคองและช่วยซับเลือดให้อีกฝ่าย ก็ยิ่งขัดตาขัดใจ“ยัยตาล พาน้องขึ้นห้องไปก่อน”“พ่อคะ...”เตชิตาร้องเรียกอย่างกลัวใจ ตาแลไปทางชายหนุ่มที่นั่งนิ่งยอมรับความผิด สภาพเขาตอนนี้อาจแค่ปากแตกสะบักสะบอม แต่หากเธอยอมขึ้นห้องไปตามที่พ่อสั่ง ไม่แน่ว่าตอนลงมาอาจพบเขานอนเป็นศพแล้วก็ได้“ถ้าพ่อจะลงโทษพี่เจ งั้นก็ลงโทษแตมด้วยอีกคนเถอะค่ะ หากเรื่องนี้จะมีใครผิด เราสองคนก็คงผิดเท่าๆ กัน หรือไม่แตมก็ผิดมากกว่า”เจษภัทรหันขวับไปมองหญิงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างกายเขาด้วยสายตาห่วงใย“แตม อย่าทำแบบนี้”“พี่เจไม่เคยรู้ว่าแตมท้อง ตอนเกิดเรื่องเขาเคยขอรับผิดชอบแล้ว แต่เป็นหนูที่ปฏิเสธเขา”“แล้วทำไมตอนนั้นลูกไม่บอกพ่อสักคำ”“แตม...” เจษภัทรกดสายตามองหญิงสาวพลางส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะหันไปสบตาพ่อของเธอ“เพราะตอนนั้นผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองครับ”ทุกคนมองสองหนุ่มสาว พลางหายใจไม่ทั่วท้อง เกรงว่าระเบิดจะลง“คนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองงั้นเหรอ” นายวีระทวนคำเสียงเยาะ “แล้วตอนนี้เกิดฉลาดขึ้นมาแล้วหรือไง”“เปล่าครับ แค่เพิ่งรู้ใจ
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องไอซียูก็เปิดออก พร้อมกับคุณหมอที่ออกมาแจ้งผลด้วยสีหน้าอิดโรย“คุณหมอคะ ลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ” เตชิตาพุ่งไปเป็นคนแรก“เด็กปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่น้องได้เลือดจากคุณพ่อที่มีกรุ๊ปเดียวกัน ไม่งั้นคงแย่ เพราะเลือดกรุ๊ปนี้หายากเสียด้วย” ทุกคนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก“แล้วตอนนี้พ่อของเด็กเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”“กำลังนอนพักอยู่ในห้องบริจาคเลือดข้างๆ กันครับ เพราะให้เลือดไปเยอะ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกเดี๋ยวก็คงฟื้น”“งั้นฉันขอเข้าไปดูได้ไหมคะ” คุณหมอพยักหน้าอนุญาต แต่ให้เข้าไปได้เพียงคนเดียวภาพคนตัวเล็กนอนเหยียดบนเตียงโดยมีสายน้ำเกลือและเครื่องช่วยชีวิตระโยงระยาง ทำให้คนเป็นแม่ใจแทบสลาย สีหน้าลูกแม้ซีดเผือด แต่เตชิตารู้ว่าลูกรักปลอดภัยแล้ว แม้จะมีบาดแผลตามร่างกายให้เห็น หญิงสาวปาดน้ำตาตัวเองเงียบๆในนาทีแห่งชีวิตที่เกิดขึ้นทำให้เธอรับรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด“แตม...ลูกเป็นยังไงบ้าง...”เสียงนั้นอ่อนระโหย แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างจริงใจที่สุด เตชิตาหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ในหัวใจมาตลอดนิ่งค้าง มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อถูกเขาดึงตัวเข้าไปกอดแนบอกเสียงห
คุณวิมาดาหันไปถามกับสามี แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าเพราะไม่รู้เช่นกัน“ว่าไงนะ ใครถูกรถชน เด็กที่ไหน...”เสียงซุบซิบเริ่มลามมาทางแถวหน้าอย่างรวดเร็ว และกระเด็นเข้าหูเจ้าภาพบนเวที พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินแกมวิ่งไปที่ข้างเวทีด้านที่นายชิษณุนั่งพร้อมกระซิบบอก“มีลูกของแขกที่มางานถูกรถชนหน้าโรงแรมค่ะ”“ตายจริง ลูกของแขกคนไหนกัน” คุณวิมาดาที่ได้ยินพลอยตกใจ“เห็นว่าเป็นแขกของคุณชิษณุ เด็กคนนั้นชื่อลูกชิ้นค่ะ!”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรสะดุ้ง ใจหายวาบ“ว่าไงนะ เด็กชื่ออะไรนะ”“ชื่อน้องลูกชิ้นค่ะ”“ลูกชิ้น!”ร่างสูงใหญ่ผุดลุกพรวดพราดขึ้นทันทีจนหญิงสาวที่นั่งพับเพียบข้างๆ พลอยตกใจ หันมาขึงตาใส่“พี่เจจะทำอะไรคะ ใกล้ได้ฤกษ์แล้ว จะไปไหน” วินรดากัดฟันถาม ตามองแขกเหรื่อที่เริ่มมองมาทางเวทีเป็นตาเดียว“ตาเจ ลูกอยู่ทางนี้ก่อน เดี๋ยวพ่อไปดูให้เอง” นายชิษณุที่เห็นท่าไม่ดีรีบอาสา“ไม่ครับพ่อ ผมจะไปดูลูกเอง”“ลูก!” วินรดาเผลอตัวรีบคว้าแขนว่าที่คู่หมั้นหนุ่มไว้ “ลูกใครคะ”“ลูกชิ้น! ลูกชายของพี่!”วินรดาอ้าปากค้าง ส่วนคนบนเวทีพลอยตกอกตกใจกับประโยคนั้น คุณวิมาดาลมแทบใส่“ละ...ลูกชายพี่งั้นเหรอคะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ทุกอย่างตอนนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือคะ คุณกำลังจะได้สมหวังกับผู้หญิงที่คุณรักมาตลอด ส่วนฉันก็พอใจกับชีวิตตอนนี้แล้ว เราต่างก็มีทางเดินของตัวเอง งั้นอย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายอีกเลยนะคะ ดึกแล้วคุณควรกลับไปพักผ่อน ส่วนฉันก็ควรต้องกลับเหมือนกัน”“แล้วพรุ่งนี้เธอจะไปที่งานหรือเปล่า” อะไรบางอย่างทำให้เขาหลุดปากถามออกไป“ฉันรับปากพี่วินนี่ไว้แล้วว่าจะไปค่ะ คุณเองก็อย่ากลับดึกนะคะ เดี๋ยวว่าที่คู่หมั้นจะเป็นห่วง ลา...อุ๊บ!” คำสุดท้ายถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมาเสียก่อนจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายของเขาสะกดตรึงเธอไว้ ราวกับปลดชนวนระเบิดในหัวใจที่แสนอัดอั้น หากนี่คือจูบอำลา เธอก็ขอเห็นแก่ตัวทำตามที่หัวใจไม่รักดีต้องการเป็นครั้งสุดท้ายบ้างเจษภัทรเลิกคิ้ว เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มละมุนที่ตอบกลับมา ความรู้สึกหวานที่คละเคล้าความเศร้าอวลในรสจูบนี้ จนนึกอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มตัดใจถอนริมฝีปากออกเมื่อรับรู้ถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่รินอาบแก้มของอีกฝ่าย“แตม...พี่...”“ครั้งก่อนพี่ทิ้งกันไปโดยไม่ได้บอกลา งั้นครั้งนี้แตมขอเป็นฝ่ายบอกพี่เอง...ลาก่อนนะคะพี่เจ
พอคล้อยหลังผู้เป็นมารดา หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกพลางนึกสงสัยตัวเองคร้ามครัน นี่เธอกำลังคิดผิดอย่างที่มารดาบอกหรือเปล่านะที่เลือกเจษภัทรแทนที่จะเลือกผู้ชายอีกคนที่ระยะนี้กลับเข้ามาวนเวียนในชีวิตอีกครั้ง หลังจากเลิกรากันไปตั้งแต่สมัยเรียน เพราะต่างคนต่างงี่เง่าเอาแต่ใจเป็นที่ตั้งเพื่อกลบความรู้สึกไม่มั่นคงในหัวใจ วินรดาจึงคว้าโทรศัพท์มาลองกดโทรออกหาว่าที่คู่หมั้นอีกครั้ง หากทว่าก็เหมือนเดิมที่เขาไม่รับสายจึงกดวางอีกครั้ง แต่พอกำลังคิดจะถอดใจ จู่ๆ สัญญาณโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อนหญิงสาวมองชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ตาวาว รอให้มันดังอีกสองสามครั้งจึงยอมกดรับสาย“ว่าไงคะพี่ภาส”“ทำไมทำเสียงหงุดหงิดจัง มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”“ก็นิดหน่อยค่ะ พี่ภาสมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ วินนี่ยุ่งๆ อยู่ ถ้าไม่มี...”“พี่คิดถึงวินนี่ พอดีพี่แวะมาร้านประจำที่เราเคยมาด้วยกันสมัยเรียน ถ้าเธอไม่มีนัดที่ไหน เราออกมาเจอกันหน่อยดีไหม”วินรดาคลี่ยิ้มอย่างลำพองใจ ความหงุดหงิดขุ่นมัวที่มีมาทั้งวันมลายหายไปทันที“ก็ได้ค่ะ แต่วินนี่อยู่ได้แป๊บเดียวนะคะ พี่ก็รู้ว่าวินนี่กำลังจะหมั้นแล้ว เดี๋ยวว่าที่คู่หมั้นจะเป็น
แล้วเธอก็คิดถูกจริงๆ“วินนี่ครับ พอดีพี่มีธุระด่วนเข้ามา จะเป็นไรไหมถ้าพี่ขอตัวกลับก่อน” สีหน้าเขารู้สึกผิด แต่ทว่าไม่ได้ทำให้หญิงสาวเห็นใจ ตรงข้ามเธอกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา“แต่วินนี่สั่งอาหารไปแล้ว นั่งทานให้เสร็จก่อนค่อยไปไม่ได้เหรอคะ”“ขอโทษจริงๆ นะวินนี่”“งั้นก็ตามใจเถอะค่ะ วินนี่ทานคนเดียวก็ได้” วินรดาประชดเสียงแข็ง คิดว่าอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดกลัวเธอโกรธ แล้วตามใจเธอเหมือนเช่นทุกครั้งที่ใช้ไม้นี้ แต่ทว่าคราวนี้มันกลับไม่ได้ผล“งั้นเสร็จธุระแล้วพี่รีบโทรหานะ”ว่าแล้วชายหนุ่มก็ผละไปทันที“คนบ้า!”หญิงสาวทำหน้างอ อารมณ์เสียจนอยากจะลุกเดินออกจากร้านเสียเดี๋ยวนั้น แต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่ใจคิด ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามาเสียก่อน ทำให้เธอยิ้มออกมาเพราะคิดว่าแฟนหนุ่มอาจเปลี่ยนใจกลับมาง้อเพราะกลัวเธอโกรธจึงรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา หากทว่าชื่อที่โชว์บนหน้าจอกลับทำให้รอยยิ้มของเธอจางลงเปลี่ยนเป็นความสงสัย“สวัสดีครับคนสวย” หญิงสาวค้อนใส่โทรศัพท์นิดๆ เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นหูนั่น“โทรมามีธุระอะไรคะ”“มีสิ พอดีพี่เห็นผู้หญิงหน้าคล้ายเธอนั่งในร้านอาหารคนเดียว ก็เลยลองโทรมาว่าใช่คนเดียวกันไ
“แตม...”“เอ่อ...ขึ้นมาข้างบนนานแล้ว เรารีบลงไปข้างล่างเสียทีดีไหมคะ” หญิงสาวรีบตัดบท หากทว่าตอนที่เธอหันหลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูนั้น กลับต้องชะงักเมื่อถูกดึงตัวเข้าไปกอดจากด้านหลังอย่างฉับพลัน“นี่คุณจะทำอะไรเนี่ย”“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวลูกตื่น...พี่ขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม”อยากจะปฏิเสธออกไปเพราะกลัวใจตัวเองหวั่นไหว หากทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือ แถมยังกดปลายคางลงมาวางบนไหล่มนเบาๆ ให้เธอใจสั่นอีกไออุ่นจากกายแกร่งของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวหายใจติดขัด ตัวแข็งทื่อ ยามที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเขา“พี่เจ...” เจษภัทรเผลอยิ้มละมุนกับสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกเหมือนในวันวาน ไม่ใช่เรียกแต่คุณฉันอย่างห่างเหิน“ที่ผ่านมาพี่ใจร้ายกับเธอมากเลยใช่ไหม”ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบที่ข้างแก้มของเธอบ่งบอกถึงความรู้สึกภายในใจของเขา“เรื่องมันผ่านมาแล้ว อย่ารื้อฟื้นเลยนะคะ เราควรอยู่กับปัจจุบันแล้วเดินไปข้างหน้าดีกว่า” เจษภัทรระบายลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ“แล้วถ้าพี่ทำไม่ได้ล่ะ เธอจะว่ายังไง...”“คำถามนั้นคุณควรถามใจตัวเองดีกว่านะคะว่าควรทำยังไง...” ยังไม่ทันเอ่ยจบ หญิงสาวก็พลันสะดุ้งวาบเมื่อรู้สึกถึงความอุ