“วันนี้พวกคนงานจะเริ่มมาก่อสร้างเพิงพักคนงานแล้วน่ะ ตรงที่เขาปักธงแดง ๆ โน่นน่ะเห็นไหม เมื่อวานอาให้ซินแสมาช่วยดู เขาบอกว่าฤกษ์งามยามดีในการลงเสาเอกคือวันพฤหัสนี้นะ ไม่งั้นคงต้องรอกันอีกหลายเดือนเลย”
“งั้นหรือครับ” ธามยิ้มมุมปาก ไม่ได้มีท่าทีเห็นด้วยหรือตื่นเต้นกับข้อมูลที่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย
“วันพฤหัสงั้นหรือ ก็อีกแค่สองวันนี่เองสิ เร็วไปรึเปล่าครับ ท่านประธานใหญ่ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติก่อสร้างเลย”
บิดาของเขายังไม่ได้เซ็นอนุมัติ แต่คนทางนี้กลับกระเหี้ยนกระหือรืออยากเร่งก่อสร้างเต็มที ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่กฤษณ์ บิดาของกนกลดาเสนอให้อย่างเป็นกอบเป็นกำ พิษณุก็คงไม่ตื่นตัวขนาดนี้
“เฮ้อ...อย่าหาว่าอาสอนเลยนะตาธาม เราก็รู้กันอยู่ว่าอย่างไรเสียโครงการรีสอร์ตสวนน้ำก็ต้องก่อสร้างอยู่วันยังค่ำ ในเมื่อตอนนี้บริษัทเคบี บิลท์เขาประมูลงานได้ราคาต่ำสุด ตามกฎธุรกิจแล้วเราก็ต้องว่าจ้างเขาอยู่ดี”
“เรื่องนั้นผมรู้ดีครับ แต่งานนี้สำคัญมาก ผมกับคุณพ่อก็ต้องพิจารณานานหน่อย เอกสารทางกฎหมายและสัญญาต่าง ๆ ก็ต้องรอบคอบให้มากที่สุด ผมไม่อยากให้มีปัญหาตามมาภายหลัง เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเราควรทำเมื่อพร้อมดีกว่า”
ธามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพราะตามสัญญาแล้ว หากมีการลงเสาเข็มเมื่อไร นั่นถือเป็นการเริ่มต้นการก่อสร้างทันที พิษณุทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการมัดมือชกให้เร่งก่อสร้าง
เขาก็แค่อยากดึงเวลาไปก่อน รอจนมั่นใจแล้วว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทรับเหมาอยู่ในมือมากพอสมควรแล้วจึงค่อยลงมือทำ จากนั้นก็ค่อยตลบหลังเล่นงานทีเดียว
“ธาม อาน่ะอาบน้ำร้อนมาก่อน อย่าลืมสิว่าอาก็เป็นผู้บริหารรุ่นบุกเบิกมากับคุณธเนศ พ่อของเราเหมือนกันนะ ไอ้เรื่องพวกงานก่อสร้าง งานเอกสารอะไรพวกนี้อาก็เคยมีประสบการณ์มา อาไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรยุ่งยากเลยในเมื่อฝ่ายกฎหมายของเราก็มี และอีกอย่างนะ เคบี บิลท์เขาก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มาตั้งหลายสิบปี เขาคงไม่เอาชื่อเสียงของตัวเองมาขายหรอกน่า เชื่ออาเถอะ อามองอะไรไม่เคยพลาด”
ธามเหยียดยิ้ม “งั้นหรือครับ” เขาถอนหายใจแผ่ว ก่อนพูดต่อ
“แต่สำหรับผมแล้ว ยิ่งมีประสบการณ์มากแค่ไหนก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่ายขึ้นเท่านั้นครับ เพราะคนที่คิดว่าตัวเองทำมาก่อน หรืออยู่มานานน่ะ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป และไอ้ความเชื่อมั่นนี่แหละที่ทำให้ความผิดพลาดมันเกิดขึ้น” พูดจบธามก็ดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือแล้วบอกอีกฝ่ายว่า
“แดดเริ่มแรงแล้ว ผมขอตัวก่อนละกันนะครับคุณอา แล้วเจอกันในห้องประชุมครับ”
ชายหนุ่มเดินกลับไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดไว้ในร่มไม้ โดยไม่สนใจกับสายตาของพิษณุที่มองมาอย่างกรุ่นโกรธ เขาเบื่อเต็มทีกับพวกผู้บริหารรุ่นเก่าที่คิดแต่เรื่องการยัดเงินใต้โต๊ะเป็นใบเบิกทางในการทำเรื่องต่าง ๆ พอเขาทักท้วงก็ยกคำกล่าวอ้างที่ว่าใคร ๆ ก็ทำกันมาปิดปากเขาในที่ประชุม
รออีกหน่อยเถอะ เขาจะเขี่ยพวกหัวหงอกเหล่านี้ออกไปให้พ้นทางให้ได้
หลังการประชุมเสร็จสิ้น ธามเดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเรียบเฉย มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยจนดูเหมือนเป็นรอยยิ้ม แต่หากมองให้ดีก็จะเป็นการแค่นยิ้มเสียมากกว่า
“จะกลับกรุงเทพฯ เลยรึเปล่าพ่อธาม”
โชคชัย ผู้บริหารอีกคนของลักซ์ แกรนด์ มิราจเอ่ยถามจากด้านหลัง ชายหนุ่มจึงหยุดเดินแล้วหันไปมองอีกฝ่าย
“ยังครับ ผมต้องรอวันลงเสาเอกวันพฤหัสไงละ” สีหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มบาง ๆ แต้มอยู่ หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา
พวกนี้รุมหัวกันกดดันเขาเรื่องการอนุมัติการก่อสร้าง คนเก่าคนแก่ของบิดากลุ่มนี้ต่างมองเขาเป็นแค่เด็กน้อยไร้ประสบการณ์คนหนึ่งทั้งที่เขาก็นั่งตำแหน่งจีเอ็มมาถึงห้าปีแล้ว
“เห็นไหมเล่า ยอมเสียตั้งแต่ทีแรกก็หมดเรื่อง ไม่งั้นป่านนี้ก็ก่อสร้างไปถึงไหนต่อไหนแล้ว มัวแต่มาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้”
พิษณุเข้ามาร่วมวงคุยด้วยอีกคน ธามมองสีหน้าสาแก่ใจของอีกฝ่ายแล้วได้แต่กดข่มอารมณ์กรุ่นโกรธเอาไว้ในใจ จากนั้นทำทีเป็นแค่นหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดว่า
“เรื่องแบบนี้รีบได้หรือครับ สำหรับผมแล้วต่อให้สร้างใหม่อีกกี่โรงแรมผมก็จะต้องดูให้ชัวร์ก่อนว่าทุกอย่างโอเคไหม ไม่ใช่สักแต่ว่ารีบสร้างรีบจบ พอมีปัญหาก็โบ้ยกันไปมา ความจริงแล้วการทำงานระบบเก่าแบบนี้ผมว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปได้แล้วนะ”
“พ่อธาม พวกอาน่ะผ่านเรื่องเหล่านี้มาก่อนเราตั้งเท่าไร แต่ก็อย่างว่าแหละนะ คนหนุ่มก็อย่างนี้แหละ ทำอะไรก็มักจะกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าตัดสินใจ อาเข้าใจดีเพราะอาก็เคยอยู่จุดนี้มาก่อน” พิษณุยิ้มจนตาหยี ขณะที่ธามก็ได้แต่หัวเราะพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“ผมยอมรับครับว่ากลัว เพราะการทำสวนน้ำควบคู่ไปกับโรงแรมด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่เครือของเราจะมีขึ้น ถ้าทุกอย่างไม่เป๊ะจริง หรือก่อสร้างแบบลวก ๆ แล้วนักท่องเที่ยวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาคงได้โดนฟ้องแน่”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เห็นสีหน้าแสดงความไม่พอใจของพิษณุกับโชคชัยที่แสดงออกมาเพราะถูกเขาด่าทางอ้อมแล้วก็ได้แต่ยิ้มเยาะ
“แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ผมมันคนรุ่นใหม่อย่างที่คุณอาว่า คือทำอะไรมัวแต่คิดโน่นคิดนี่เยอะแยะไปหมด คุณอาก็ต้องเข้าใจผมหน่อยนะครับเพราะผมอยู่เมืองนอกมานาน ก็เลยติดนิสัยการทำงานแบบรัดกุมและคำนึงถึงความปลอดภัยต้องมาก่อนแบบพวกฝรั่งเขา พอผมมาเห็นอะไรที่เป็นเหมือน...เอ...เขาเรียกอะไรนะ สุกเอาเผากินใช่ไหม นั่นแหละ ๆ ผมก็เลยค่อนข้างแอนตี้น่ะ เป็นธรรมดาครับ” พูดจบเขาก็คลี่ยิ้มกว้าง
“เย็นมากแล้ว ผมขอตัวก่อนละกันนะครับ แล้วเจอกันวันพฤหัส”
เขาเดินไปทางหน้าลิฟต์เพื่อขึ้นไปห้องพักของตนทันที โดยไม่สนใจกับสายตาสองคู่ที่สองมาด้วยความไม่พอใจจากด้านหลัง
พลอยพัดชานั่งเช็กรายการสินค้าที่ขายได้ทั้งหมดของเดือนที่ผ่านมาเพื่อวิเคราะห์ว่าพลอยชนิดไหนขายดีที่สุด เพราะวันมะรืนที่จะถึงนี้เธอต้องไปจันทบุรีเพื่อคัดพลอยเม็ดเด่น ๆ มาแยกขายต่างหากสำหรับขึ้นตัวเรือนตามแบบที่ลูกค้าต้องการ
ขณะที่หญิงสาวกำลังตรวจรายงานการซื้อขายอยู่นั้น หน้าร้านก็มีผู้หญิงวัยประมาณสี่สิบปลายเปิดประตูเข้ามา ซึ่งพนักงานขายประจำร้านจำได้ว่าเป็นลูกค้าที่เคยซื้อแหวนบุษราคัมล้อมเพชรไปเมื่อสองวันก่อน
“สวัสดีค่ะคุณพี่ วันนี้สนใจดูชิ้นไหนดีคะ” เอ็ม พนักงานขายรีบเดินเข้าไปไหว้อย่างนอบน้อมทันที
พลอยพัดชาเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อสีหน้าของลูกค้าที่เข้ามาใหม่นั้นบึ้งตึง จากนั้นก็ล้วงหยิบกล่องใส่แหวนออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วปาใส่หน้าของเอ็มอย่างแรงจนเอ็มร้องด้วยความตกใจ
“ยังมีหน้ามาขายชิ้นอื่นให้ฉันอีกหรือ แหวนวงนี้ที่ฉันซื้อไปแกเอาของปลอมมาขายให้ฉันชัด ๆ”
พลอยพัดชายืนขึ้นแล้วรีบเดินไปหาลูกน้องทันที
“ขอโทษนะคะ อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่าเพราะร้านเราขายพลอยแท้เท่านั้นค่ะ ไม่เคยขายของปลอม”
“ไม่ปลอมหรือ แล้วนั่นอะไร แกแหกตาดูสิว่าแกเอาอะไรมาขายให้ฉัน หนอย...อย่างนี้เข้าข่ายต้มตุ๋นหลอกลวงกันชัด ๆ วงนี้แกขายให้ฉันตั้งสี่ห้าหมื่นแต่ดันเป็นของปลอมเนี่ยนะ ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับพวกแก!”
พลอยพัดชาก้มหยิบกล่องใส่แหวนบนพื้นแล้วหยิบแหวนจากด้านในออกมาดูทันที หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นเพราะแค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่านี่คือของปลอมที่ทำลอกเลียนแบบขึ้นมา
“ขอโทษนะคะ นี่ไม่ใช่สินค้าของร้านเราแน่นอนค่ะ มองแค่นี้ก็รู้แล้วเพราะพลอยก็ของปลอม เพชรก็ไม่น่าใช่ของแท้ และสีของทองก็ไม่เหลืองอ่อนขนาดนี้ ฉันว่าคุณน่าจะจำผิดแล้วละ” พลอยพัดชาพูดด้วยความมั่นใจ
“แกพูดอย่างนี้ได้ยังไง คิดจะปัดความรับผิดชอบหรือ ฉันซื้อมาจากร้านแกชัด ๆ ใบเสร็จก็ยังอยู่ นี่ไง ฉันเก็บไว้หมดทุกอย่างเลย ใบเซอร์ก็ด้วย นี่มันของปลอมแน่ ๆ พวกแกต้องทำขึ้นมาเองแน่นอน ทุเรศ!”
พลอยพัดชาเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหลังอะไรบางอย่าง บางทีผู้หญิงคนนี้อาจเป็นนักต้มตุ๋น ดังนั้นเธอจึงกระซิบบอกพนักงานอีกคนให้เดินไปคล้องป้าย CLOSE ไว้หน้าร้านและล็อกประตูเพื่อไม่ให้ลูกค้าคนอื่นเข้ามาได้
“ถ้ามีใบเซอร์จากสถาบันคือพลอยแท้ค่ะ และที่เราขายคุณไปก็คือพลอยแท้แน่นอน แต่ที่คุณเอามาเนี่ยมันของปลอม คุณมากล่าวหากันอย่างนี้ฉันมีสิทธิ์ฟ้องคุณได้นะคะ” พลอยพัดชาจ้องอีกฝ่ายนิ่งเพื่อสังเกตท่าที
“นี่แกขู่ฉันหรือ เอาซี้ ฟ้องเลย ฉันก็จะแจ้งตำรวจเหมือนกันว่าร้านแกน่ะมันขี้โกง!”
“เชิญค่ะ จะไปพร้อมกันตอนนี้เลยไหมคะ สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไร ขับรถไม่เกินสิบนาทีก็ถึง ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจอดรถไว้ที่ไหนคะ”พลอยพัดชาพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสุภาพราบเรียบ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่ฝ่ายลูกค้านั้นแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดเต็มที่ อีกทั้งยังชี้หน้าพลอยพัดชาพร้อมกับพูดว่า“ฉันจะไปแจ้งตำรวจ คอยดูเถอะฉันจะทำให้ร้านของแกเสียชื่อเสียงจนไม่มีคนมาซื้อเลยเพราะขายของปลอมทั้งร้าน” อีกฝ่ายขู่เสียงดังลั่นร้าน แต่พลอยพัดชาก็ยังคงนิ่ง“แต่ถ้าแกไม่อยากเสียชื่อก็คืนเงินฉันมา เรื่องทุกอย่างก็จบ ฉันจะไม่เอาเรื่องเอาราว ฉันเสียเงินหลายหมื่นก็อยากได้ของดี ๆ แต่พวกแกเอาของปลอมมาหลอกขายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน คืนเงินฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”พลอยพัดชามองมือที่อีกฝ่ายแบมาตรงหน้าตนพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า“คงไม่ได้ค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วตอนต้นว่าร้านเราขายของแท้เท่านั้น ถ้าคุณต้องการจะขายคืนให้กับทางร้าน คุณก็ต้องเอาสินค้าของร้านเรามาคืนค่ะ แต่แหวนวงนี้ไม่ใช่ของที่ร้าน
“ใบเซอร์นี้น่ะ เราให้สถาบันอัญมณีศาสตร์ทำการตรวจสอบให้โดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งคุณตำรวจสามารถเอาเอกสารตัวนี้ไปเช็กตามที่อยู่ด้านหลังได้เลยว่าใบเซอร์นี้เป็นของแท้รึเปล่า และที่สำคัญก็คือรายละเอียดในใบเซอร์จะบอกน้ำหนัก และความกว้างยาวของพลอยเอาไว้ค่อนข้างละเอียด แต่พลอยเม็ดนี้” พูดถึงตรงนี้ พลอยพัดชาก็หยิบแหวนวงที่เป็นปัญหาขึ้นมาให้ตำรวจดู ก่อนจะพูดต่อ“สามารถเอาไปเช็กได้เลยค่ะว่าน้ำหนักและขนาดของมันตรงตามใบเซอร์รึเปล่า แหม...พูดแล้วก็คันปาก ขอเล่านิดนะคะคุณตำรวจ เมื่อก่อนที่ร้านก็เคยเจอปัญหาแบบนี้ค่ะ มีลูกค้าคนหนึ่งซื้อของจริงจากร้านไป พอสองสามวันถัดมาก็เอาของปลอมมาโวยวายบอกว่าจะเอาเงินคืน เพราะสร้อยนั้นเป็นพลอยปลอม แต่สุดท้ายทางร้านก็พิสูจน์ได้ว่าเจอพวกต้มตุ๋น ก็เลยโดนร้านเราฟ้องเรียกค่าเสียหายหลายล้านเชียวค่ะ”พลอยพัดชาจีบปากจีบคอพูด ขณะที่พูดก็สังเกตสีหน้าของคู่กรณีไปด้วย ซึ่งแววตาของอีกฝ่ายดูหลุกหลิกก่อนจะชี้หน้าต่อว่าเธอเสียงดังลั่น“แกหาว่าฉันเป็นพวกต้มตุ๋นหรือ ฉันจะแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท คุณตำรวจคะ...”“อุ๊ย! ฉ
พลอยพัดชาต้องไปรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อเอามาฟาดยายสิบแปดมงกุฎคนนั้น ร้านพัดชา เจมส์เปิดมาหลายปีแล้ว ฉะนั้นพลอยทุกเม็ด แหวนทุกวงย่อมตรวจสอบที่มาที่ไปได้ ตั้งแต่ช่างทำตัวเรือน ช่างเจียระไน ไปจนถึงแหล่งที่มาของพลอยเม็ดนั้น ๆ ว่ามาจากบ่อไหน ประเทศอะไร และที่สำคัญ ช่างจิวเวลรี่แต่ละคนก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใส่ลงไปในเนื้องานอีกด้วยเมื่อกลับถึงร้านพัดชา เจมส์ หญิงสาวก็พบว่ากวินภพมานั่งรออยู่ในร้านก่อนแล้ว“อ้าวคุณก้าว มานานรึยังคะ จะมาไม่เห็นโทร. มาบอกพลอยก่อน พลอยก็เอ้อระเหยอยู่ที่สน. ตั้งนาน” ความจริงแล้วเธอต่อว่าเขาทางอ้อม เพราะการที่เขาจะมาหาเธอที่ร้านก็ควรโทรศัพท์มาบอกก่อนล่วงหน้า ไม่ใช่นึกอยากมาก็มาราวกับคนสนิทกันมาก เพราะขนาดเพื่อนสนิทอย่างนลินทรายังโทร. มาถามเธอก่อนทุกครั้งเลยว่าอยู่ร้านหรือเปล่า“ผมต้องขอโทษด้วยครับที่มาโดยไม่บอกกล่าว คือผมมาทำธุระแถวนี้น่ะก็เลยลองแวะมาหาคุณพลอยดู ถามน้อง ๆ เขาก็บอกว่าคุณพลอยไปแจ้งความที่สน. ผมเลยนั่งรอ แล้วนี่...คุณพลอยไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”ชายหนุ่มมีสีหน้าเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด พลอยพัดชายิ้
พลันนั้น จู่ ๆ เขาก็เกิดความคิดห่าม ๆ ขึ้นมาว่าถ้าพลอยพัดชามาเต้นแบบนี้ให้เขาดูต่อหน้าบ้างจะเป็นอย่างไร คงต้องเซ็กซี่มากเป็นแน่ แต่ที่สำคัญคือเขาคงไม่สามารถทนดูจนจบได้ เพราะเขาคงจัดการกินเธอจนเรียบเสียก่อนหลังการแสดงจบลง ธามหยิบธนบัตรใบสีเทายื่นให้พนักงานเสิร์ฟเพื่อนำไปให้สาวนักเต้นบนเวที แต่พนักงานคนนั้นกลับถามว่า“ออฟไหมพี่”ธามส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ทิปเฉย ๆ เพราะเขาเต้นสวยดี”แต่หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นได้เงินค่าทิปไปแล้ว เจ้าตัวกลับลงมานั่งคุยเป็นเพื่อนกับสองหนุ่มอยู่เป็นนาน ธามจึงเลี้ยงเบียร์เธอไปอีกสามขวด เพราะเขาเข้าใจดีว่าหญิงสาวจะได้เงินจากตรงนี้อีกด้วยธามกับศตายุปล่อยให้สาวนักเต้นคลอเคลียใกล้ชิดอย่างจงใจ เพราะศตายุสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายสองคนคอยลอบมองมาทางโต๊ะของเขาอยู่หลายครั้ง เขาจึงแอบสะกิดเพื่อนและส่งสายตาให้อย่างรู้กันคืนนั้น หลังจากที่พลอยพัดชาอาบน้ำเสร็จและเตรียมตัวจะเข้านอน เสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีข้อความส่งเข้ามาทางไลน์ ตอนแรกหญิงสาวค
“พี่มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย” ธามเห็นสายตาที่พลอยพัดชามองมาด้วยความสงสัย เขาไม่ทันได้นึกคำตอบดี ๆ ไว้เพราะไม่คิดเช่นกันว่าจะเจอเธอที่นี่ จึงยกมือไหว้ผู้ชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานก่อนเพราะอีกฝ่ายอาวุโสกว่า ก่อนจะตอบไปว่า“คือว่า...วันนี้พี่ว่างน่ะก็เลยขับรถเล่นมาเรื่อย ๆ จนมาถึงจันทบุรี นึกขึ้นได้ว่าแถวนี้มีตลาดพลอยอยู่ก็เลยลองแวะเข้ามาดู ไม่คิดว่าจะเจอเราที่นี่เหมือนกันนะเนี่ย”ธามได้แต่คิดในใจว่าช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้ เขายิ้มให้เธอบาง ๆ แต่เห็นแววตาของหญิงสาวที่เขม้นมองเหมือนไม่เชื่อที่เขาพูดออกไปเลยแม้แต่น้อย และต้องการคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้ เขาจึงต้องรีบเบี่ยงเบนความสนใจของเธอทันที“ไหน ๆ ก็เจอกันแล้ว แถวนี้มีอะไรอร่อย ๆ แนะนำพี่บ้างไหม พี่ว่าเราไปหาอะไรกินกันเถอะ”“หนูพลอยกินอะไรมารึยังล่ะ ไปกินกับเพื่อนก่อนก็ได้ บะหมี่เกี๊ยวตรงหัวมุมฝั่งโน้นอร่อยนะ พาเพื่อนไปกินสิ” ประสิทธิ์แย้มยิ้มอย่างใจดี ราวกับมองออกว่าชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้สนใจพลอยพัดชา จึงคิดสนับสนุนเต็มที่พลอยพัดชาครุ่
“ถ้างั้นสนใจอยากไปเที่ยวภูเก็ตไหมล่ะ ที่พักกับอาหารฟรีทุกมื้อเพราะพักโรงแรมพี่เอง ชวนคุณนิ้งไปเที่ยวด้วยกันก็ได้ เพราะถ้าคุณนิ้งไป เจ้าซีเพื่อนพี่มันต้องตามไปด้วยแน่นอน”พลอยพัดชาช้อนตาขึ้นมองเขา เห็นเพียงสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการใด ๆ ราวกับว่าเมื่อครู่เขากำลังชวนออกไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้ออย่างไรอย่างนั้น เห็นแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาคงคิดกระมังว่าถ้าเอ่ยปากชวนแล้วเธอจะต้องตอบรับทันทีด้วยความดีอกดีใจ...คนหลงตัวเอง!แม้ในใจจะลอบต่อว่าเขาอย่างนั้น แต่พอเห็นชามก๋วยเตี๋ยวของเขาที่มีกระเทียมเจียวเยอะจนผิดปกติ และรู้ดีว่าธามไม่ชอบกิน พลอยพัดชาจึงพูดขึ้นตามความเคยชิน“พี่ธามตักกระเทียมเจียวมาใส่จานพลอยก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องเขี่ยไปเขี่ยมา” เธอพูดจบ ธามก็ยิ้มทันที“นอกจากคนในครอบครัวของพี่แล้วก็มีพลอยนี่แหละที่รู้ใจพี่ที่สุด” เขาตักกระเทียมเจียวเหล่านั้นมาใส่ในจานของเธอโดยที่รอยยิ้มยังเกลื่อนใบหน้าแต่พลอยพัดชาหารู้ไม่ว่า เป็นธามเองที่เดินไปบอกคนทำก๋วยเตี๋ยวว่าให้ใส่กระเทียมเจียวมากหน่อย!พลอยพั
“ฉันไม่น่ายอมรับปากทำเรื่องนี้ให้คุณเลย” เธอไม่น่าเอาคอตัวเองไปพาดเขียงแบบนั้น ตอนแรกที่รับปากก็เพราะเห็นว่าค่าจ้างดี อีกทั้งยังได้แหวนพลอยล้อมเพชรของแท้เอามาขายต่อได้อีกด้วย ตอนที่เธอไปซื้อแหวนวงนั้นในร้าน เธอเห็นว่าเจ้าของร้านเป็นเพียงหญิงสาวอายุยี่สิบต้น ๆ ดูแล้วน่าจะหลอกต้มได้ง่าย สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเธอเจอของแข็งเข้าให้แล้ว“หึ! แต่คุณก็รับปากและลงมือทำไปแล้ว แค่นี้นะ มีธุระ”ปลายสายวางหูไปแล้ว แต่เธอยังคงเดินวนเวียนอยู่ในห้องพักของตัวเองอย่างร้อนรน สัญชาตญาณกำลังบอกว่าอีกไม่นานเธอจะเจอปัญหาใหญ่แน่นอน“หนูกับธามเป็นยังไงบ้างลูก ไปถึงไหนกันแล้ว” เสียงทุ้มจากบิดา ทำให้กนกลดาเงยหน้าจากเอกสารบนโต๊ะ หญิงสาวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางถอนหายใจแผ่ว ก่อนพูดว่า“คงยากค่ะคุณพ่อ พี่ธามเขา...ยังไงดีล่ะ”เธอไม่รู้จะนิยามผู้ชายอย่างธามว่าอย่างไรดี เขาไม่ใช่คนโลเลหรือหวั่นไหวง่าย อีกทั้งเธอยังรู้สึกว่าเขาเว้นระยะห่างกับเธอไว้ประมาณหนึ่งเสมอ คือไม่สนิทสนมเกินไป แต่ก็ไม่ถึงกั
“ทีนี้เรามาดูกันค่ะว่าจุดไหนบ้างที่ทำให้พลอยมั่นใจว่าแหวนวงนั้นคือของที่ทำเลียนแบบจากของจริงที่ซื้อไปจากร้านพัดชา เจมส์”จากนั้นหญิงสาวก็เลี่ยงไปยืนอยู่ข้างจอแอลซีดีขนาดใหญ่ที่ตั้งไว้ด้านหลังของตน แล้วเปิดคลิปที่เธอถ่ายแหวนวงนั้นเอาไว้ให้ทุกคนที่ดูไลฟ์สดครั้งนี้ได้เห็นไปพร้อมกัน“จุดแรกเลยนะคะ ขอให้ทุกคนดูที่รอยปั๊มโลโก้ของชื่อร้านที่อยู่ด้านในแหวนค่ะ” ภาพบนจอแอลซีดีหยุดค้างเอาไว้ จากนั้นพลอยพัดชาก็นำแหวนหลายวงจากในร้านซูมให้ดูใกล้ ๆ ว่าแตกต่างกันตรงไหนบ้าง“สังเกตไหมคะว่าแหวนของร้านพัดชา เจมส์ทุกวงรอยปั๊มตรงนี้จะเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นความคมชัดของตัวหนังสือ หรือฟอนต์ตัวอักษร แล้วทีนี้มาดูของที่ลูกค้าท่านนั้นเอามากันค่ะ เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเลยใช่ไหมคะว่านอกจากความคมชัดจะไม่เท่ากันแล้วเนี่ย ฟอนต์หรือตัวอักษรยังแตกต่างกันด้วย”จากนั้นหญิงสาวก็ปล่อยให้คลิปเล่นต่อ แล้วก็หยุดลงตอนที่ภาพฉายด้านในของแหวนและซูมภาพนั้นขึ้นมา พลอยพัดชาปล่อยภาพค้างไว้แบบนั้นแล้วเดินมาหน้ากล้อง ชูแหวนอีกวงขึ้นมาแล้วหงายให้ดูด้านในพร้อมกับใช
พลอยพัดชาอมยิ้มขณะที่อ่านข่าวเหล่านั้นจากโทรศัพท์มือถือของตน ตอนที่เธอกับจินตวาตีคาดเดาความสัมพันธ์ของกวินภพกับปวีณาเมื่อคราวนั้น เธอยังอดสงสารฝ่ายหญิงไม่ได้ที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ราวกับคนที่ทำผิดกฎหมาย แต่มาวันนี้ความสงสารไม่มีเหลืออยู่แล้ว หลังจากที่ได้เห็นภาพและคลิปต่าง ๆ ที่ธามนำมาให้ดู เธอจึงรู้ทันทีว่าสองคนนี้ร่วมมือกัน“จริงสิ พี่ธามให้ใครส่งรูปพวกนั้นให้พวกเพจข่าวหรือคะ ไหนจะพวกที่ไปตอบคอมเมนต์ว่าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกับสองคนนั้นอีก เขาเป็นจริง ๆ รึเปล่า แล้วไม่กลัวโดนฟ้องหรือไง”ธามยิ้มอ่อนพลางตอบว่า “จะใครเล่า ก็ยายนาฏไง”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ยายนาฏหรือ อ้าว! แล้วแอคเคาน์พวกนี้ล่ะ”“เป็นแอคเคาน์สำรองของเพื่อน ๆ เขาที่อเมริกาน่ะ ถ้าคิดจะฟ้องก็เชิญตามสบาย” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะตักกุ้งทอดซอสมะขามใส่ในจานข้าวให้หญิงสาวแล้วพูดว่า“กินข้าวเถอะ อย่าไปสนใจข่าวพวกนั้นเลย รอดูฟีดแบ็กที่ตามมาดีกว่า”“พลอยอยากเห็นหน้านายก้าวจริง ๆ ว่าถ้าเห็นข่าวพวกนี้แล้ว
“พี่ธามพอแล้ว พลอยหายใจไม่ทัน” หญิงสาวหอบจนตัวโยนราวกับวิ่งมาหลายกิโลเมตร ธามเห็นแล้วสงสารจึงหยุดมือ แต่ก็อดหยิกแก้มของอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยวไม่ได้“คิดจะไปส่องแขกหล่อ ๆ งั้นหรือ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”ธามคาดโทษหญิงสาวอย่างไม่จริงจังนักเพราะรู้นิสัยของอีกฝ่ายดีว่าช่างยั่วยวนและยั่วอารมณ์ให้มีน้ำโหอยู่บ่อย ๆ“ก็แขกส่วนใหญ่หล่อจริง ๆ นี่นา แต่ก็สู้หล่อมาดเข้มแบบพี่ไม่ได้หรอกน่า จริงไหม” พลอยพัดชายิ้มประจบ“ก็เพราะปากหวานช่างยั่วอย่างนี้นี่ไง พี่ถึงไปไหนไม่รอด” ชายหนุ่มเชยคางของเธอขึ้นแล้วจุ๊บเบา ๆ“ให้มันจริงเถอะ พลอยกลัวว่าพอหมดช่วงโปร พี่ก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมน่ะสิ คนนิสัยเสีย”“ไม่เป็นแล้ว สัญญา” เขาชี้สามนิ้วขึ้น เธอจึงยู่หน้าใส่เขา“เชอะ พี่น่ะชอบใจร้ายกับพลอย จะง้อก็ไม่มาง้อดี ๆ กลับส่งขนมมาล่อ แถมยังเป็นคุกกี้ถั่วอีกต่างหาก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าพี่เอาใจใส่พลอยมากแค่ไหน”ธามได้ยินอย่างนั้นก็เบิกตากว้างพลางทำหน้างุนงงสงสัย เพราะเขาจำไม่ได้ว่าส่
พลอยพัดชาพยักหน้าเพราะเห็นด้วยกับคำพูดของเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“เฮ้อ ตั้งแต่เคยถูกผู้ชายกอดมานะ มีอีตาคนนี้นี่แหละที่พลอยรู้สึกรังเกียจที่สุด”ธามหูผึ่งขึ้นมาทันที จากนั้นก็ชี้หน้าเธออย่างเอาเรื่อง“ยั่วโมโหอีกแล้วนะ เดี๋ยวจะโดน”พลอยพัดชาหัวเราะคิกคัก แล้วถามว่า“ว่าแต่...พี่จะทำอะไรเขาหรือคะ”พลอยพัดชาอดอยากรู้ไม่ได้ แต่มั่นใจว่าคนอย่างธามจะไม่มีการส่งนักเลงไปดักซ้อมกวินภพแน่นอน เพราะเขาไม่ชอบทำอะไรที่เป็นการให้ผลแค่ระยะสั้น คนอย่างเขาถ้าคิดลงมือเล่นงานใคร จะต้องเกิดผลเสียกับอีกฝ่ายในระยะยาว“ก็มันอยากเป็นข่าวนักไม่ใช่หรือ พี่ก็จะจัดให้ไง” ธามหันมายิ้มให้ ก่อนจะจับแก้มของเธอไว้ทั้งสองข้างแล้วดึงเบา ๆ พลางพูดว่า“คราวนี้ก็ยิ้มได้แล้วนะ ลงไปหาเค้กกินแก้เครียดกันดีกว่าเนอะ”หญิงสาวยิ้มออกทันที รู้สึกสมองโล่งขึ้นมาในทันใด อีกทั้งยังรู้สึกว่าหัวใจอุ่นวาบอย่างบอกไม่ถูก เพราะตั้งแต่บิดามารดาจากไป ชีวิตของเธอก็มีแต่น้าจินนี่คอยกางปีกปกป้องเสมอมา แต่ในบางครั
พลอยพัดชาเดินเข้ามาในโรงแรมพลางโทรศัพท์หานลินทราไปด้วย แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย หญิงสาวจึงคิดว่าเพื่อนน่าจะวุ่นอยู่กับการซ้อมบทจึงไม่คิดโทร. ไปรบกวนอีกหญิงสาวกดลิฟต์ไปชั้นสิบเอ็ดแล้วเดินไปยังห้องที่ข้อความบอกเอาไว้ เมื่อมาถึงห้องหมายเลยหนึ่งหนึ่งศูนย์สี่ จึงเคาะเบา ๆ แล้วรอให้ทีมงานมาเปิดประตูเมื่อประตูเปิดแง้มออก พลอยพัดชาได้ยินเสียงนลินทราดังแว่วมาจึงลองชะโงกหน้าเข้าไปแล้วเรียกเพื่อนเบา ๆ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีมือแข็งแรงจากด้านในฉุดข้อมือของเธอจนถลาไปตามแรงนั้น และในที่สุดก็ต้องมายืนอยู่ในห้องจนได้พลอยพัดชาหน้าเหวอทันทีเพราะเห็นแล้วว่าไม่มีคนอยู่ในห้องนี้เลย และเสียงของนลินทราที่ได้ยินก็เป็นเสียงจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก เธอจึงรีบหันหลังกลับทันที แต่พอหันมาก็ต้องเจอกับใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เธอไม่คิดอยากเจอที่สุดในโลกยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งหมายความว่าเมื่อครู่เขาแอบอยู่หลังประตู และเป็นคนฉุดเธอเข้ามาในห้องนี้อีกด้วย“ถอยไป!” เรื่องราวเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว พลอยพัดชาจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดดี ๆ กับอีกฝ่ายอีก&ldqu
พลอยพัดชาอมยิ้มเมื่อเห็นธามตัวเกร็งขึ้นมาทันทีแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ นั่นก็เพราะการกรีดแผ่นหลังของเขาแบบนี้เป็นการกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มให้ตื่นเพริด ยิ่งถ้าเธอทำตอนนัวเนียกันอยู่บนเตียง เขาจะแหงนหน้าขึ้นแล้วครางออกมาอย่างลืมตัวเสมอ“แขกของพี่ธามนี่เขาไม่ได้เรียนมารยาทมาหรือคะ เห็นมาทีไรก็มาตอนเที่ยงทุกที เขาไม่รู้หรือไงว่าตอนเที่ยงพนักงานทุกคนก็ต้องพักเที่ยงไปกินข้าวกินปลา”พลอยพัดชาเห็นกนกลดากำหมัดแน่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ยิ่งเห็นร่องรอยบนใบหน้าซึ่งเกิดจากฝีมือของตนครั้งนั้นก็ยิ่งรู้สึกสะใจไม่น้อย ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างเธอจึงชิงพูดขึ้นก่อนเพราะไม่ต้องการปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูด“อ๋อรู้แล้ว ที่มาตอนเที่ยงทุกครั้งก็หมายความว่าเป็นเพราะเขาอยากชวนพี่ไปกินกลางวันด้วยใช่ไหมคะ อุ๊ยตาย ช่างมีความพยายามสูงส่งซะจริ๊ง”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ! ฉันมาคุยเรื่องงานกับพี่ธาม”กนกลดาแทบเค้นเสียงพูด สีหน้าแววตามีแต่ความกรุ่นโกรธอัดแน่นเต็มที่ แต่พลอยพัดชากลับไม่สนใจ เธอเปิดฝากล่องข้าวหน้าเนื้อจนกลิ่นหอมของอาหารโชยเข้าจมู
“ใกล้ถึงวันเกิดของเขาน่ะ แต่พี่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้เขาดีก็เลยคิดว่าน่าจะซื้อแหวนให้สักวง”“แล้วพี่พัฒน์คิดว่าจะหมั้นกันเร็ว ๆ นี้รึเปล่าคะ หรือว่ายังไม่ได้กำหนด”พลอยพัดชาลองเลียบเคียงถาม เพราะจะได้เลือกสินค้าให้เขาได้ตรงตามความต้องการของอีกฝ่าย“ยังไม่ได้คิดเรื่องหมั้นเลย พี่เพิ่งคบกับเขาได้เดือนสองเดือนนี่เอง” สีหน้าของชายหนุ่มมีความขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด“ถ้าอย่างนั้นพลอยแนะนำว่าเป็นต่างหูหรือสร้อยคอสร้อยข้อมืออะไรพวกนี้ดีกว่าไหมคะ เพราะว่าถ้าให้แหวนกัน คนรับอาจจะคิดว่านี่คือการขอหมั้นทางอ้อม”เธอแนะนำอย่างเป็นกลาง เพราะอย่างไรเสียการให้แหวนกันนั้น อาจทำให้อีกฝ่ายคิดว่าคนให้ต้องการหมั้นหมายก็เป็นได้จากที่ฟังเขาพูดมา ดูเหมือนรพีพัฒน์ยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้นเพราะเพิ่งคบหากันได้ไม่นาน ซึ่งหากฝ่ายหญิงยังไม่ได้คิดถึงเรื่องหมั้นเช่นกัน แต่จู่ ๆ ฝ่ายชายก็ให้แหวนแทนใจ อาจทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาต้องการผูกมัดทางอ้อม และสิ่งที่จะตามมาก็คือความอึดอัดถ้าหากเจ้าตัวยังไม่พร้อมพูดถึงเรื่องนี้&ldqu
“ฉันไม่น่ารับปากยายปลาแล้วเอามันมาอยู่ในสังกัดเลย ชักศึกเข้าบ้านตัวเองแท้ ๆ”“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดน่าน้าจินนี่ อีกอย่างนะ เขาเองก็กำลังดังเป็นพลุแตก ใคร ๆ ก็อยากได้เขากันทั้งนั้น” พลอยพัดชาเอ่ยปลอบใจผู้เป็นน้า“เรื่องยายปลาน้าไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร เพราะพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เรื่องนั้นน่ะสิ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้ก้าวมันจะทำได้”“พลอยก็ว่างั้นแหละ เขาไม่กลัวคนจะจำได้เลยเนอะ เวลาออกสื่อน่ะ”จินตวาตีนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “น้าคิดว่าก็คงมีคนจำได้บ้างนั่นแหละ และก็รู้กันแค่วงในไม่กี่คน แต่เขาไม่เอามาพูดกัน เพราะสมัยนี้เอะอะอะไรก็ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล คนมันต้องทำมาหากิน ไม่มีใครว่างพอจะมานั่งติดตามเรื่องพวกนี้หรอก”พลอยพัดชาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ก็จริงเนอะ คนกลุ่มเล็ก ๆ แค่ไม่กี่คนกับคนกลุ่มใหญ่ที่รู้จักฐานะของเขาว่าเป็นพระเอกคนดัง ยังไงกลุ่มหลังเสียงมันก็ดังกว่า”“นี่ถ้านังแอ๊ดดี้กับนังเบนซ์มันรู้เข้าคงได้หัวเราะเยาะฉันจนกรามค้างแน่ พวกนั้นมันยิ่งรอดูฉันล้ม
ธามยิ้มมุมปาก ตอนแรกเขาคิดจะใช้เรื่องคีย์การ์ดมาจัดการกับพิษณุด้วยการยื่นหนังสือให้ฝ่ายบริหารทุกคนทราบว่าอีกฝ่ายทำผิดกฎร้ายแรง และไล่ออกให้พ้นจากบริษัทไป แต่วันนี้หลังจากที่ตรวจไซต์งานเสร็จเรียบร้อย เขาก็เปลี่ยนใจ เพราะคิดว่าการไล่ออกให้พ้นจากตำแหน่งดูจะลงโทษน้อยไปหน่อย“พี่คิดว่าไหน ๆ ก็จะเอาเรื่องเขาแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด การไล่ออกโทษมันเบาไปหน่อย เพราะแผนที่พี่วางเอาไว้น่ะนอกจากจะไล่ออกแล้ว ยังส่งพวกมันเข้าคุกและฟ้องร้องเรียกเงินค่าเสียหายได้อีกด้วย โทษฐานทุจริต”พลันนั้นเขานึกถึงสายตาคับแค้นของกฤษณ์ตอนที่มองพลอยพัดชาจึงอดเตือนเธอไม่ได้“พลอยต้องระวังตัวหน่อยนะ เพราะพี่ไม่รู้ว่าดากับพ่อของเขาจะมาเล่นงานพลอยรึเปล่า พ่อลูกคู่นี้น่ะเล่นงานคนอื่นมาเยอะ พี่ไม่อยากให้พลอยเป็นอะไร เพราะฉะนั้นพี่ว่าพลอยย้ายมาอยู่กับพี่ที่เพนต์เฮาส์เถอะ”“โน!”“ไม่คิดจะกลับไปตัดสินใจก่อนหรือ พี่เป็นห่วงพลอยจริง ๆ นะ”“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วพี่น่ะ ทำมาเป็นพูดดี ไม่ต้องเลย ต่างคนต่างอยู่ไปนั่น
ธามยักไหล่ “แน่นอนอยู่แล้ว เพอร์เฟกต์อย่างพี่น่ะหาไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะจะบอกให้ เพราะฉะนั้นพลอยต้องจับไว้ให้แน่น ๆ ห้ามปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาดเลยนะ”พลอยพัดชาเบ้ปากใส่ทันที “ขอโทษนะคะ ประโยคนั้นพลอยควรเป็นคนพูดมากกว่าค่ะ”“ครับผม ยอมแล้วครับ แต่ก่อนอื่น กรุณาอย่าหลับในรถนะครับคนสวย มันอันตรายนะคุณผู้หญิง ถ้าคิดจะงีบก็กรุณาเลื่อนกระจกลงมาสักนิดก็ยังดี”“ก็ตอนแรกไม่คิดว่าจะหลับสักหน่อย เล่นมือถืออยู่ดี ๆ เล่นไปเล่นมาหลับตอนไหนยังไม่รู้เลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่มาเคาะกระจกเรียกนั่นแหละ ปกติพลอยไม่เคยหลับตอนกลางวันเลยนะ เรื่องนี้เป็นความผิดของพี่ล้วน ๆ ที่ทำให้พลอยต้องนอนไม่อิ่ม” เธอค้อนให้เขาธามหัวเราะเบา ๆ พลางเอื้อมไปจับมือของเธอให้มาวางไว้บนตักของตัวเอง จากนั้นก็เอ่ยปากถามว่า“พลอยค้างกับพี่อีกคืนได้ไหม เดี๋ยวคืนนี้พี่พาไปเที่ยวที่เด็ด ๆ”“ที่ไหน บาร์อะโกโก้หรือ” หญิงสาวปรายตามองเขา“เฮ้ย รู้ได้ไง” เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ“ใช่แล้ว พี่จะพาพลอยไปเที่ยวบาร์อะโกโก้ แต่มันไม่ใช่บาร์อนาจารแบบที่พลอยเข้าใจนะ ที่นั่นจะมีผู้หญิงเต้น