“ก็ไม่แน่ว่ะ ถึงขั้นตามไปหาที่ร้านนี่ก็ไม่ใช่เล่น ๆ แล้วมั้ง แกไม่ลองพิจารณาเขาบ้างหรือ” นลินทราพูดเสียงเบาราวกับกลัวคนอื่นได้ยิน จึงทำให้พลอยพัดชารู้ว่าบริเวณที่เพื่อนนั่งอยู่นั้นมีคนอื่นเดินผ่านพอดี
“คงไม่ละ เป็นเพื่อนกันไปนั่นแหละดีแล้ว ฉันไม่ชอบมีแฟนเป็นดารา ขอผู้ชายธรรมดาดีกว่า”
“ผู้ชายธรรมดาที่แกว่าน่ะ หมายถึงพี่ธามหรือพี่พัฒน์ล่ะยายบ้า สองคนนี้เรียกผู้ชายธรรมดาที่ไหนกัน คนหนึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม อีกคนเป็นเจ้าของบริษัทน้ำอัดลม หูย...อีสวยเลือกได้ ฉันละอยากรู้จริงเชียวว่าถ้าพี่ธามเห็นภาพข่าวพวกนี้แล้วเขาจะเป็นยังไง”
พลอยพัดชาเบ้ปาก “จะเป็นยังไงล่ะ ก็คงดีใจจนเนื้อเต้นละมั้งที่ฉันมีคนมาจีบสักที จะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขาอีก แต่แกเชื่อเถอะว่าเขาไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก เพราะพี่ธามเขาสนใจข่าวซุบซิบดาราพวกนี้ที่ไหน วัน ๆ ดูแต่ข่าวเศรษฐกิจกับการเมือง ดีไม่ดี ดาราผู้หญิงคนเดียวที่เขารู้จักก็คงมีแต่แกนั่นแหละนังนิ้ง”
หญิงสาวพูดจบก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะตอนนี้หน้าร้านมีใครบางคนกำลังแหงนหน้ามองป้ายชื่อร้านราวกับดูให้แน่ใจว่าใช่ร้านพัดชา เจมส์หรือไม่ เธอจึงพูดกับคนปลายสายว่า
“เฮ้ยนังนิ้ง เจ้ากรรมนายเวรฉันมาว่ะ”
“ใครวะ พี่ธามหรือ” นลินทราถาม
“นังสนิม!” พลอยพัดชาพูดจบ กนกลดาก็เปิดประตูเข้ามาในร้านพอดี หญิงสาวจึงบอกเพื่อนว่า
“แค่นี้ก่อนนะนิ้ง เดี๋ยวจะโทร. ไปเม้าท์ใหม่”
พลอยพัดชาวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงานแล้วนั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้มองผู้ที่เดินเข้ามาด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่มีการเอ่ยทักทายหรือต้อนรับในฐานะที่เป็นเจ้าของร้านแต่อย่างใด มีเพียงพนักงานในร้านเท่านั้นที่เดินเข้าไปต้อนรับกนกลดาอย่างสุภาพ หากแต่กนกลดาไม่ยิ้ม และไม่ได้ขานตอบ เจ้าตัวทำเพียงยืนกอดอกมองเครื่องประดับในตู้พลางแค่นยิ้มบาง ๆ
“สนใจดูพลอยชนิดไหนเป็นพิเศษ สอบถามได้นะคะ” พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างนอบน้อม พอดีกับที่กนกลดาหยุดยืนอยู่หน้ากลุ่มเครื่องประดับที่ทำจากนิล
“สีดำนี่คืออะไรคะ” กนกลดาถาม
“นิลค่ะ เป็นนิลจากเมืองกาญจน์ ตามความเชื่อของคนโบราณเนี่ย เขาว่ากันว่านิลจะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ใส่ให้ปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ และขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้” พนักงานคนเดิมอธิบายให้ฟัง แต่ยังไม่ทันพูดต่อ เจ้าของร้านอย่างพลอยพัดชาก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“เฮ้อ...หน่อยเอ๊ย ลูกค้าคนนี้คงใส่นิลไม่ได้หรอก อย่าว่าแต่ใส่เลย แค่แตะโดนมันก็คงแตกโพละแล้วละมั้ง ก็อย่างว่าแหละนะ มันไม่ค่อยถูกกับสิ่งชั่วร้าย” สามคำหลัง พลอยพัดชาเน้นเสียงเป็นพิเศษ
กนกลดาหันไปมองพลอยพัดชาด้วยสายตาไม่พอใจทันที “นี่แก!”
“ทำไม! ฉันก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า หรือแกจะลองซื้อไปใส่ก็ได้นะ มันจะได้ช่วยดูดซับความชั่วร้ายออกจากตัวแกบ้างไง ดีออก จะได้เป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง” คำว่าดีออก พลอยพัดชาเน้นเป็นพิเศษอีกเช่นกัน
“นังพลอย!” กนกลดาแว้ดเสียงแหลม ยิ่งเห็นพลอยพัดชาทำมือโบกไล่ให้ตนรีบออกไปจากร้านพร้อมกับชักสีหน้าเบ้ปากใส่ราวกับรังเกียจเดียดฉันท์เสียเต็มประดา ก็ยิ่งโกรธจนกำหมัดแน่น แต่เมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญที่ตนต้องทำในวันนี้ เลยต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ให้ได้ มิเช่นนั้นแผนจะเสียหมด
เมื่อตอนที่ยังเป็นนักศึกษา กนกลดาจงใจแย่งรพีพัฒน์ซึ่งขณะนั้นกำลังคบหาอยู่กับพลอยพัดชามาเป็นแฟนของตน ด้วยภาพลักษณ์ที่เรียบร้อยอ่อนหวาน และดูสุขุมเยือกเย็นจึงทำให้กนกลดาเข้าหารพีพัฒน์ได้ไม่ยาก แต่เขาก็ให้ความสนิทสนมในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้น ซึ่งเธอไม่ต้องการ ดังนั้นจึงต้องวางแผนล่อ
เนื่องจากพลอยพัดชาเป็นคนใจร้อน ขี้เหวี่ยงขี้วีน และไม่ค่อยเก็บอารมณ์ จึงยิ่งเข้าทางกนกลดา นั่นคือพยายามยั่วยุให้อีกฝ่ายโมโหด้วยการหาเรื่องไปเจอกับรพีพัฒน์บ่อย ๆ และแอบถ่ายรูปโดยอาศัยมุมกล้องเหมือนว่าใกล้ชิดกันมาก และบางรูปก็ดูหมิ่นเหม่เหมือนว่ากำลังพลอดรักกันส่งไปให้พลอยพัดชาดู ผลคืออีกฝ่ายตามมาอาละวาดถึงที่ หนำซ้ำยังคว้าแก้วกาแฟมาปาใส่ตน แต่รพีพัฒน์ช่วยเอาตัวบังไว้ให้ เขาจึงถูกกาแฟราดรดเลอะเทอะไปทั้งตัว
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พลอยพัดชาก็เลิกรากับรพีพัฒน์สมใจเธอในที่สุด
“วันนี้ฉันไม่ได้มาฟาดปากกับแกหรอกนะ เพราะฉันคงปากตลาดสู้แกไม่ได้ ฉันแค่จะ...” กนกลดายังพูดไม่จบ พลอยพัดชาก็โพล่งขัดขึ้น
“ไม่ได้มาฟาดก็เชิญไปที่ชอบ ๆ เถอะค่ะ ฉันก็ปากตลาดแบบนี้แหละ ก็ฉันเป็นแม่ค้านี่นา”
เห็นพลอยพัดชายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าปากตลาด กนกลดาที่คิดว่าด่ากระทบอีกฝ่ายแล้วจะเจ็บใจบ้าง กลับกลายเป็นว่าตนต้องหัวร้อนเสียเอง แต่ก็ต้องข่มใจไว้
“ฉันแค่จะมาบอกว่า เดี๋ยวฉันจะไปกินข้าวกับพี่ธามที่อเวนิว พี่เขาให้ลงมาชวนแกด้วยน่ะในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน แต่แกคงไม่ไปหรอกใช่ไหม”
กนกลดาเริ่มเข้าแผนของตน เพราะมั่นใจว่าพลอยพัดชาจะต้องตามไปด้วยแน่นอน และเมื่อนั้นอีกฝ่ายก็จะตกหลุมพรางในการยั่วยุปั่นหัวของเธออีกครั้ง ธามจะได้เห็นเสียทีว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมากแค่ไหน จะได้เลิกสนใจสักที
เวลานี้เธอต้องคว้าหัวใจของธามเอาไว้ให้ได้ เพื่อผลประโยชน์มหาศาลทางธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น
ขณะที่พลอยพัดชาเบ้ปากใส่คนพูดและทำทีเป็นมองเล็บที่เพนต์ไว้อย่างสวยงามของตนอยู่นั้น ประตูร้านก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของธามเดินเข้ามาด้านใน สายตาของชายหนุ่มหยุดอยู่ที่ใบหน้าของคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานทันที เป็นเวลาเดียวกับที่พลอยพัดชาเองก็ช้อนตาขึ้นมองเขาเช่นกัน
“พี่ธามคะ ดาคิดว่าพลอยคงไม่ไปหรอกค่ะ เราคงต้องไปกินกันสองคนแล้วละ” กนกลดาหันไปพูดเสียงหวานกับชายหนุ่ม ธามจึงเอ่ยปากถามพลอยพัดชาด้วยตัวเอง
“ไม่ไปกินข้าวกันหน่อยหรือพลอย แค่ตรงนี้เอง” เขาชี้ไปที่อเวนิวซึ่งอยู่ถัดไปจากร้านพัดชา เจมส์ไม่กี่คูหา
“ไม่ไป! ขี้เกียจเดิน รู้สึกพะอืดพะอมกินอะไรไม่ลง สงสัยอากาศในร้านจะมีมลพิษเยอะ”
พลอยพัดชาตอบโดยไม่มองหน้าเขา เอาแต่หลุบตามองดูเล็บของตัวเองพลางยืดหดแขนเพื่อดูความสวยงามโดยรวมของมัน หากเป็นคนอื่นอาจมองแล้วรู้สึกว่าเธอช่างน่าหมั่นไส้ แต่เขามองแล้วรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากเดินเข้าไปกัดแก้มแรง ๆ สักที
ธามอมยิ้มอย่างอ่อนใจ “ถ้าอย่างนั้นพลอยอยากฝากซื้ออะไรมากินในร้านไหมล่ะ”
พลอยพัดชาช้อนตามองเขาพลางเลิกคิ้วขึ้นราวกับไม่เชื่อว่าประโยคเมื่อครู่ออกมาจากปากเขา
“แหม...ใครจะกล้าฝากท่านจีเอ็มซื้อข้าวมาให้ละคะ ข้าน้อยมิบังอาจหรอกค่ะ”
ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วด้วยความเสียดาย ดูแล้วพลอยพัดชาไม่มีทางไปกินข้าวกับเขาแน่นอน ใจจริงเขาก็แค่อยากกินข้าวและหาเรื่องคุยเล่นกับเธอเท่านั้น แต่ถ้าจะบังคับให้ไปกินด้วยกันก็กระไรอยู่ วันนี้ประจวบเหมาะกับที่กนกลดาแวะมาคุยธุระเรื่องงานพอดี เขาจึงออกอุบายให้อีกฝ่ายชวนพลอยพัดชาไปกินด้วยกัน เนื่องจากเห็นว่าหญิงสาวสองคนนี้ศรศิลป์ไม่กินกันเท่าไร
เขารู้จักพลอยพัดชาดี เธอเป็นคนที่ไม่ยอมลงให้คนอื่น ยิ่งกับคู่อริด้วยแล้วยิ่งไม่มีทาง ดังนั้นถ้าเธอเห็นว่ากนกลดาไปกินข้าวด้วยกัน เขายังคิดว่าพลอยพัดชาจะต้องตามไปด้วยเพื่อต้องการขัดแข้งขัดขาอีกฝ่ายเป็นแน่ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังธามผงกศีรษะให้กนกลดาเป็นเชิงบอกว่าออกจากร้านกันได้แล้ว ครั้นพอเดินออกมาไม่เท่าไร เขายังอดหันกลับไปมองด้านหลังไม่ได้เพราะคิดว่าอีกเดี๋ยวพลอยพัดชาจะต้องตามมาแน่ แต่เธอก็ไม่มา สุดท้ายจึงได้แต่ถอดใจแล้วเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่ช้าไม่เร็วขณะเดียวกัน พลอยพัดชาก็นั่งเท้าคางพลางเหยียดยิ้มมุมปากเมื่อคิดถึงเรื่องสนุกที่ตนกำลังจะลงมือทำ ป่านนี้สองคนนั้นคงเดินไปได้ไม่ไกลเท่าไร คิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านตามไปทันทีธามกับกนกลดาเดินนำอยู่ข้างหน้าประมาณสิบเมตรได้ เธอเห็นธามเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างซึ่งนั่นเป็นอาการเวลาที่เขาไม่ต้องการใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากเกินไป ขณะที่กนกลดานั้นพยายามเดินเอาแขนของตนไปชนแขนของชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้งพลอยพัดชาเร่งฝีเท้าก้าวให้ทันคนทั้งคู่ จากนั้นก็จงใจแทรกตรงกลางระหว่างคนทั้งสองโดยจงใจใช้ลำตั
ธามมองอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อสแกนว่าไม่มีจานไหนที่มีถั่วเป็นส่วนประกอบ แม้จะรู้ว่าพลอยพัดชาย่อมระวังตัวเองอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังวางใจไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดคือเขาจะให้กนกลดารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าพลอยพัดชาแพ้ถั่วทุกชนิด เพราะสองคนนี้ไม่ใช่แค่ไม่ถูกชะตากันธรรมดา แต่เรียกว่าเกลียดกันมากเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีกยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะหยิบตะเกียบ เขาก็ถูกคนข้างตัวใช้มือดันให้เข้าไปด้านในของเก้าอี้อีกครั้ง“กระเถิบไปเลย พลอยนั่งไม่สะดวก นิสัยเสีย มานั่งติดคนอื่นเขาอยู่ได้”ธามยิ้มอ่อนพลางขยับเข้าไปเพียงเล็กน้อยพอให้เธอจับตะเกียบได้สะดวกขึ้น แต่ก็ยังไม่วายเย้าแหย่ให้เธอเหวี่ยงใส่ด้วยการพูดว่า“พี่นั่งของพี่ตรงนี้อยู่ดี ๆ เรานั่นแหละมาเบียดพี่ หรือจะย้ายไปนั่งกับคุณดาเขาก็ได้นะ”“แหวะ! ไม่เอาหรอก เดี๋ยวสนิมเกาะ” พูดจบก็ทำสีหน้ายี้ใส่กนกลดา จนอีกฝ่ายเริ่มทนไม่ไหวแล้ว“นังพลอย!”แม้จะถูกกนกลดาตวาดใส่แต่เสียงก็ไม่ดังนักเพราะอีกฝ่ายยังเกรงใจธามและโต๊ะข้างเคียงอยู่ เห็นดังนั้นพลอยพัดชาจึงอด
“เธอนี่เสน่ห์แรงไม่มีตกเลยนะ” กนกลดายิ้มบาง ๆ ยิ่งเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของธามก็ยิ่งรู้สึกว่าครั้งนี้ตนมาถูกทางแน่แล้ว ดูท่าทางชายหนุ่มคงไม่ได้คิดกับพลอยพัดชาแค่น้องสาวอย่างที่ปากพูดกระมัง เห็นทีครั้งนี้เธอคงต้องพยายามดึงความสนใจจากเขาให้มากกว่าเดิม มิเช่นนั้นนอกจากแผนทุกอย่างจะพังแล้ว เม็ดเงินมหาศาลจากการที่ได้อาศัยชื่อเสียงของโรงแรมลักซ์ แกรนด์ มิราจในการทำธุรกิจก็คงละลายหายไปด้วยโชคดีที่ธามเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่อายุยังน้อย อีกทั้งรูปร่างหน้าตาก็จัดว่าควงได้ไม่อายใคร แม้เขาจะหล่อไม่เท่ารพีพัฒน์ แต่ความคมเข้ม สมาร์ต และความภูมิฐานนั้นกินขาดผู้ชายวัยเดียวกันอย่างไม่เห็นฝุ่น ดังนั้นการตีสนิทกับเขาโดยเอาตัวเข้าแลกนั้นเธอจึงเต็มใจทำอย่างยิ่ง แต่ปัญหากลับติดอยู่ที่คนเพียงคนเดียว...พลอยพัดชา“แน่นอน ก็ฉันสวยนี่ จริงไหมคะพี่ธามขา” ประโยคหลัง พลอยพัดชาจงใจกระแซะไหล่เขาเพื่อให้ชายหนุ่มหมั่นไส้เล่นเพราะเธอรู้ว่าต่อให้อ่อยผู้ชายคนนี้ไปกี่เล่มเกวียน เขาก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับตนแต่ที่เขามาทำตัวใกล้ชิด และทำเหมือนง้อราวกับเ
“ไม่ได้การแล้ว” ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาต้องเสียเธอไปจริง ๆ แน่ เขาอยากปรับความเข้าใจกับเธอเสียใหม่ แต่งานช่วงนี้ก็ช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย เพราะพรุ่งนี้เขาก็ต้องเดินทางไปพัทยา กว่าจะกลับก็อีกสองวัน ระหว่างนี้เขาทำได้เต็มที่แค่โทรศัพท์คุยกับพลอยพัดชาเท่านั้น แต่ไม่สามารถมานั่งจับเข่าคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวได้เลยเอาไงดีวะครั้นพอนึกถึงข่าวที่กนกลดาส่งให้อ่านวันนี้ เกี่ยวกับพระเอกหนุ่มสุดฮอตที่ดูเหมือนจะตามจีบพลอยพัดชา ความไม่สบอารมณ์ ความหวาดหวั่นและไม่สบายใจก็โอบรัดรอบตัวจนเขาไม่อาจนั่งอยู่ในห้องทำงานต่อไปได้คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงโทรศัพท์ชวนเพื่อนสนิทอย่างนพฤทธิ์ให้ออกมานั่งดื่มเพื่อผ่อนคลายสมองเช่นเคย“เฮ้ยเพื่อน ว่างไหม ชนแก้วกันหน่อยดีกว่า...อืม ร้านเดิมนะ”หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อย ธามก็หยิบกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ และกุญแจรถเดินออกจากห้องทำงานทันทีในห้องพักของคอนโดมิเนียมหรูย่านใจกลางเมือง กวินภพนั่งจมจ่อมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเช็กภาพข่าวจากสื่อบันเทิงสำนักต่าง ๆ หล
ในเวลาเดียวกัน พลอยพัดชาก็กำลังนั่งดื่มด่ำกับไวน์รสเลิศริมสระว่ายน้ำในบ้านหลังใหญ่ โดยมีจินตวาตีนั่งดื่มอยู่ด้วย สองน้าหลานนั่งฟังเพลงที่เปิดจากโทรศัพท์มือถือแล้วต่อเข้ากับลำโพงบลูทูธด้วยสีหน้าผ่อนคลายทั้งคู่“พลอยอยากให้น้าจัดการอะไรไหมล่ะ” จินตวาตีถามขึ้นเบา ๆ ทั้งที่ยังหลับตาพลางโยกศีรษะอย่างเชื่องช้าไปตามจังหวะเพลง“น้าคิดว่าไงละ แต่พลอยไม่ซีเรียสนะเพราะพลอยไม่ใช่ดาราหรือเซเลบที่ไปไหนมาไหนจะต้องมีคนจำหน้าได้ และมีนักข่าวคอยแอบถ่ายรูปไปทำข่าว”พลอยพัดชายิ้มอ่อน ตามองน้ำในสระที่กระเพื่อมเล็กน้อยตามแรงลมแล้วกระทบกับแสงไฟสีส้มจนเกิดเป็นประกายระยิบระยับสวยงามจับตา“ถ้าเป็นข่าวบ่อยเข้า อีกหน่อยมันก็ไม่แน่หรอกย่ะ” จินตวาตีลืมตาขึ้นพลางเอื้อมไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบ“เขาจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันล่ะ เขาก็ดังพอตัวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ก็ไหนว่างานละครกับงานอีเวนต์เพียบ ไหนจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าตั้งหลายอย่าง แต่มาอยากเป็นข่าวกับพลอยเนี่ยนะ”จินตวาตีเงียบไปครู่หนึ่ง สักพักก็พูดขึ้นเบา ๆ
“วันนี้พวกคนงานจะเริ่มมาก่อสร้างเพิงพักคนงานแล้วน่ะ ตรงที่เขาปักธงแดง ๆ โน่นน่ะเห็นไหม เมื่อวานอาให้ซินแสมาช่วยดู เขาบอกว่าฤกษ์งามยามดีในการลงเสาเอกคือวันพฤหัสนี้นะ ไม่งั้นคงต้องรอกันอีกหลายเดือนเลย”“งั้นหรือครับ” ธามยิ้มมุมปาก ไม่ได้มีท่าทีเห็นด้วยหรือตื่นเต้นกับข้อมูลที่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย“วันพฤหัสงั้นหรือ ก็อีกแค่สองวันนี่เองสิ เร็วไปรึเปล่าครับ ท่านประธานใหญ่ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติก่อสร้างเลย”บิดาของเขายังไม่ได้เซ็นอนุมัติ แต่คนทางนี้กลับกระเหี้ยนกระหือรืออยากเร่งก่อสร้างเต็มที ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่กฤษณ์ บิดาของกนกลดาเสนอให้อย่างเป็นกอบเป็นกำ พิษณุก็คงไม่ตื่นตัวขนาดนี้“เฮ้อ...อย่าหาว่าอาสอนเลยนะตาธาม เราก็รู้กันอยู่ว่าอย่างไรเสียโครงการรีสอร์ตสวนน้ำก็ต้องก่อสร้างอยู่วันยังค่ำ ในเมื่อตอนนี้บริษัทเคบี บิลท์เขาประมูลงานได้ราคาต่ำสุด ตามกฎธุรกิจแล้วเราก็ต้องว่าจ้างเขาอยู่ดี”“เรื่องนั้นผมรู้ดีครับ แต่งานนี้สำคัญมาก ผมกับคุณพ่อก็ต้องพิจารณานานหน่อย เอกสารทางกฎหมายและสัญญาต่าง ๆ ก็ต้องรอ
“เชิญค่ะ จะไปพร้อมกันตอนนี้เลยไหมคะ สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไร ขับรถไม่เกินสิบนาทีก็ถึง ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจอดรถไว้ที่ไหนคะ”พลอยพัดชาพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสุภาพราบเรียบ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่ฝ่ายลูกค้านั้นแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดเต็มที่ อีกทั้งยังชี้หน้าพลอยพัดชาพร้อมกับพูดว่า“ฉันจะไปแจ้งตำรวจ คอยดูเถอะฉันจะทำให้ร้านของแกเสียชื่อเสียงจนไม่มีคนมาซื้อเลยเพราะขายของปลอมทั้งร้าน” อีกฝ่ายขู่เสียงดังลั่นร้าน แต่พลอยพัดชาก็ยังคงนิ่ง“แต่ถ้าแกไม่อยากเสียชื่อก็คืนเงินฉันมา เรื่องทุกอย่างก็จบ ฉันจะไม่เอาเรื่องเอาราว ฉันเสียเงินหลายหมื่นก็อยากได้ของดี ๆ แต่พวกแกเอาของปลอมมาหลอกขายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน คืนเงินฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”พลอยพัดชามองมือที่อีกฝ่ายแบมาตรงหน้าตนพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า“คงไม่ได้ค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วตอนต้นว่าร้านเราขายของแท้เท่านั้น ถ้าคุณต้องการจะขายคืนให้กับทางร้าน คุณก็ต้องเอาสินค้าของร้านเรามาคืนค่ะ แต่แหวนวงนี้ไม่ใช่ของที่ร้าน
“ใบเซอร์นี้น่ะ เราให้สถาบันอัญมณีศาสตร์ทำการตรวจสอบให้โดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งคุณตำรวจสามารถเอาเอกสารตัวนี้ไปเช็กตามที่อยู่ด้านหลังได้เลยว่าใบเซอร์นี้เป็นของแท้รึเปล่า และที่สำคัญก็คือรายละเอียดในใบเซอร์จะบอกน้ำหนัก และความกว้างยาวของพลอยเอาไว้ค่อนข้างละเอียด แต่พลอยเม็ดนี้” พูดถึงตรงนี้ พลอยพัดชาก็หยิบแหวนวงที่เป็นปัญหาขึ้นมาให้ตำรวจดู ก่อนจะพูดต่อ“สามารถเอาไปเช็กได้เลยค่ะว่าน้ำหนักและขนาดของมันตรงตามใบเซอร์รึเปล่า แหม...พูดแล้วก็คันปาก ขอเล่านิดนะคะคุณตำรวจ เมื่อก่อนที่ร้านก็เคยเจอปัญหาแบบนี้ค่ะ มีลูกค้าคนหนึ่งซื้อของจริงจากร้านไป พอสองสามวันถัดมาก็เอาของปลอมมาโวยวายบอกว่าจะเอาเงินคืน เพราะสร้อยนั้นเป็นพลอยปลอม แต่สุดท้ายทางร้านก็พิสูจน์ได้ว่าเจอพวกต้มตุ๋น ก็เลยโดนร้านเราฟ้องเรียกค่าเสียหายหลายล้านเชียวค่ะ”พลอยพัดชาจีบปากจีบคอพูด ขณะที่พูดก็สังเกตสีหน้าของคู่กรณีไปด้วย ซึ่งแววตาของอีกฝ่ายดูหลุกหลิกก่อนจะชี้หน้าต่อว่าเธอเสียงดังลั่น“แกหาว่าฉันเป็นพวกต้มตุ๋นหรือ ฉันจะแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท คุณตำรวจคะ...”“อุ๊ย! ฉ
“พลอย” เขาเรียกเธอเสียงพร่า หญิงสาวจึงแกล้งละเลงลิ้นลงบนกล้วยอีกครั้งพลางตอบรับเบา ๆ“ขา พี่อยากทำงานก็ทำไปสิคะ พลอยก็แค่...หิว”พูดจบเธอก็ส่งกล้วยเข้าปากไปอีกครั้ง และเช่นเคยที่เธอไม่ยอมกัดกินมัน แต่กลับเอาออกมาแล้วส่งเข้าไปใหม่อีกสองสามครั้ง จนในที่สุดธามก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงเพื่อปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“อุ๊ย!” สายตาของพลอยพัดชาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงเขาทันที เพราะตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างจนเห็นเด่นชัด“ตื่นแล้วอะ ทำยังไงดีน้า” หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบา ๆ ไปตามรอยที่นูนขึ้นมาอย่างยั่วเย้า“ยั่วเก่งดีนักนะ แล้วอย่ามาบ่นละกันว่าปวดขาปวดเอว”เขาพูดจบก็คว้าสูทมาพาดไว้ที่แขนเพื่อเป็นการบังเป้ากางเกงไปด้วย มืออีกข้างก็โอบเอวภรรยาจอมยั่วพลางกระซิบว่า“กล้วยนี้มันไม่อร่อยหรอก ขึ้นไปกินกล้วยกับพี่บนห้องดีกว่า อร่อยกว่าเยอะแถมกินได้ไม่อั้น”พลอยพัดชายิ้มกริ่มพลางทิ้งกล้วยหอมนั้นลงถังขยะทันที จากนั้นก็เดินตามสามีออกจากห้องทำงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุ
สองปีต่อมาพลอยพัดชามองเงาตัวเองในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้พุงของเธอป่องมากราวกับลูกโป่งใบใหญ่ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าสาวน้อยที่อยู่ในพุง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียจนแทบนับวันถอยหลังรอแต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ เพราะตั้งแต่รู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกสาว ธามก็ลงทุนจัดห้องไว้รอรับด้วยตัวเอง ตั้งแต่ทาสีผนังเป็นสีชมพูอ่อน ซื้อเตียงและเปลเจ้าหญิงเอาไว้รอ รวมถึงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นสีชมพูและไม่ใช่แค่ธามเท่านั้นที่เตรียมห้องไว้รอบุตรสาวคนแรก จินตวาตีก็เช่นกันที่จัดเตรียมห้องไว้รอต้อนรับหลานสาวคนแรกที่จะได้เรียกตนว่าคุณยายหญิงสาวหยิบโลชั่นสำหรับกันรอยแตกลายมาทาเบา ๆ ที่หน้าท้อง เพราะแม้จะใกล้ได้เป็นคุณแม่แล้ว แต่ร่างกายส่วนอื่นของพลอยพัดชาก็ยังคงสภาพเดิม มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ทว่าตอนนี้คนที่ดูจะคลั่งไคล้กับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นของเธอเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นสามีของเธออ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหล
พลอยพัดชากับนลินทรายืนมองผืนน้ำสีเขียวมรกตด้วยแววตาระยิบระยับ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นมาทะเลครั้งนี้พวกเธอจะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เติมพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“พี่ธามไปไหนน่ะ” นลินทราถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อน“ไม่รู้สิ เห็นมีโทรศัพท์มาเมื่อกี้แล้วก็เดินไปคุยที่อื่นน่ะ” พลอยพัดชาตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้จินตวาตีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่ในที่ร่ม“น้าจินนี่เอาชุดว่ายน้ำกับพร็อพมาเพียบเลยแก ทั้งหมวกเอย ผ้าคลุมเอย คือนางไม่ได้จะมาเล่นน้ำหรอก แต่จะมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ เห็นบอกว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่” พลอยพัดชาได้ที จึงแอบเม้าท์ผู้เป็นน้า“ว่าแต่น้าจินนี่ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะยะ มาเที่ยวแค่สี่วันแต่กระเป๋าเดินทางตั้งสองใบ อีบ้า ทำอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน” นลินทราค้อนให้เพื่อน พลอยพัดชาจึงได้แต่หัวเราะคิกคักทั้งสองสาวเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้วจึงหันไปมองหน้ากัน“ฉันว่าเราไป
“เจ้าค่า...คราวนี้ก็ออกกันยกแผงเลยสิคะ”“ใช่ ตอนนี้ให้ฝ่ายบุคคลของส่วนกลางประกาศรับพนักงานใหม่แล้ว ส่วนคนที่จะไปแทนตำแหน่งของพิษณุกับโชคชัยนั้น พี่ว่าจะลองคุยกับคุณพ่อดูว่าจะคัดเลือกคนเก่ง ๆ ของที่นี่ไปประจำอยู่สาขานั้นดีไหม ถือเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปในตัว แล้วพลอยล่ะเป็นไงมั่ง”“ตอนนี้ที่ร้านได้พนักงานใหม่มาเพิ่มแล้วค่ะ หน่วยก้านดีใช้ได้ ไลฟ์สดเก่งด้วยเพราะเขาเคยไลฟ์ขายเสื้อผ้ามาก่อนก็เลยคล่องมากตอนอยู่หน้าจอ ส่วนน้าจินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว เริ่มให้พวกพี่เลี้ยงที่ดูแลศิลปินเข้าไปคุยเรื่องงานโดยตรงในห้องพักได้แล้วค่ะ เพราะจะได้ช่วยฟื้นความจำด้วย”“พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงไอ้ก้าว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำแล้วละ รอศาลตัดสินโทษ แต่คิดว่าคงติดคุกไม่นานหรอก ไม่กี่ปี แต่เรื่องของเพื่อนพลอยนี่สิ กว่าคดีจะเสร็จสิ้นคงอีกนานเลย น่าจะเป็นปี”พลอยพัดชาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงกนกลดา“ว้าย อย่ามาพูดอย่างนี้นะ นางไม่ใช่เพื่อนพลอยสักหน่อย แค่คนรู้จักยังไม่อยากจะเป็นเลย เท่ากับว่าตอนนี้นางกับพ่อก็ยัง
พลอยพัดชาตื่นขึ้นมาช่วงสายเพียงลำพังบนเตียงนอนหลังใหญ่ ไม่รู้ธามไปไหน แต่เดาว่าเขาคงลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมตามเคยหญิงสาวพาร่างที่เมื่อยขบของตนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ครึ่งชั่วโมงถัดมาเธอก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่บนเตียง ดูแล้วเหมือนกล่องใส่เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้หลายชิ้นทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู“หรือว่าจะเป็นกล่องใส่นาฬิกาของพี่ธาม” เธอรู้ว่าธามเป็นคนที่ชอบสะสมนาฬิกา ก็เลยคิดว่าเขาคงหยิบมาเลือกใส่จึงไม่ได้สนใจมันอีก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดของตนออกมาสวม“จะไม่เปิดดูหน่อยหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง ธามยืนเปลือยท่อนบน ใส่เพียงกางเกงลำลองอยู่บ้านสบาย ๆ กำลังยืนกอดอกและส่งยิ้มมาให้“กล่องนาฬิกาของพี่ธามรึเปล่าล่ะคะ”“ไม่ใช่ กล่องนั้นของพลอยทั้งกล่องเลย”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ถามจริง”เธอแขวนชุดไว
“เม็ดสีเหลืองคือพลอยปลอม วิธีสังเกตอย่างง่ายเลยก็คือให้ดูประกายของมันเวลาส่องกับแสง ถ้ามีประกายรุ้งคือปลอมชัวร์ เป็นพลอยที่สังเคราะห์ขึ้นมา และอีกวิธีที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ก็คือให้ดูที่เส้นของพลอย พลอยบางเม็ดมันจะมีเส้นตรงเรียง ๆ กันเป็นแถบให้เห็นกันเลย แต่บางเม็ดเราก็อาจจะต้องใช้ลูปหรือกล้องส่องพระขยายดูข้างในว่ามันมีเส้น ๆ พวกนี้ไหม จำไว้ว่าต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น ถ้ามีเส้นโค้งให้เห็นนั่นคือปลอม และถ้าใช้ลูปส่องดูแล้วมีฟองอากาศหรือรูปร่างกลม ๆ เหมือนโดนัทกระจายอยู่ นั่นก็ปลอมเหมือนกัน” พลอยพัดชาลองให้วนิตาใช้ลูปส่องพลอยดูด้วยตัวเอง“เส้นหรือแถบสีในเนื้อพลอยมันก็เหมือนลายนิ้วมือของคนเรานั่นแหละ แต่ละเม็ดก็จะแตกต่างกันไป ไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันหรอก”พลอยพัดชาอธิบายพลางเดินไปหยิบถ้วยสีขาวในตู้มารองน้ำแล้วกลับมานั่งที่เดิม“และอีกวิธีที่ง่ายในการดูด้วยตาเปล่าก็คือการจุ่มน้ำ” เธอหยิบพลอยเม็ดสีเขียวมาจุ่มลงไปในน้ำแล้วถามว่า“นิตาเห็นอะไรไหม”“เห็นค่ะ มันเป็นแถบสีเป็นเส้น ๆ” วนิตาตอบ&
“ถ้าไม่มีผมก็ขอปิดประชุมครับ อ้อจริงสิ ผมลืมไป ผู้ช่วยคุณพิษณุกับคุณโชคชัยอย่าลืมไประงับการก่อสร้างเอาไว้นะครับ ส่วนคนงานพวกนั้นก็ให้กลับบ้านไปได้เลยเพราะเป็นคนของเคบี บิลท์ และเพิ่มพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกสี่คนเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน”ธามพูดจบก็หันไปพยักหน้ากับบิดา จากนั้นก็พากันลุกเดินออกไปจากห้องประชุมทันที ซึ่งหลังจากคล้อยหลังคนทั้งสามแล้ว ในห้องประชุมก็มีแต่เสียงโอดครวญเพราะรู้อนาคตของตัวเองแล้วว่าจะเป็นอย่างไรกฤษณ์กลับถึงบ้านด้วยสีหน้าเครียดขึ้ง กนกลดาจึงรีบเดินมาหาบิดาทันที“เป็นไงบ้างคะคุณพ่อ”“มันมีหลักฐานครบทุกอย่างเลย งานนี้เราจบแน่”“แล้วเราจะทำยังไงดีคะ เราต้องติดคุกหรือคะคุณพ่อ” กนกลดาถามเสียงสั่น กฤษณ์ยืนใช้ความคิดครู่หนึ่งก็บอกบุตรสาวว่า“เราต้องหนีไปต่างประเทศแล้วละ แต่ก่อนอื่นเราต้องหาทางถ่ายโอนทรัพย์สินและเงินทั้งหมดไปไว้กับป้าของแกก่อน ไม่อย่างนั้นเราถูกยึดทรัพย์หมดตัวแน่”“แล้วพวกพนักงานที่บริษัทล่ะคะ”
“ว่าไงครับ ทำไมเงียบกันล่ะ” ธามยิ้มมุมปาก เพราะเข้าใจดีว่าพิษณุกับโชคชัยคงกำลังสงสัยและกังวลไม่น้อยว่าเขารู้อะไรมาบ้าง แต่ด้วยความที่วางตัวเป็นคนใหญ่คนโตมานานเกินไป จึงได้แต่เชิดหน้าอย่างหยิ่งผยอง“เธอมาไล่บี้กับพวกอาอย่างนี้ไม่ถูกนะ รู้ไหมว่าสมัยที่พ่อเธอ...” โชคชัยทำท่าขึงขัง แต่ธามไม่เปิดโอกาสให้พูดจบ“พ่อผมก็ส่วนพ่อผมครับไม่เกี่ยวกัน นั่นมันสมัยเมื่อกี่สิบปีมาแล้วล่ะ คนเรามันต้องเดินหน้าครับ ธุรกิจก็เช่นกัน ยิ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการโรงแรมหรือการท่องเที่ยวยิ่งย่ำอยู่กับที่ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเห็นแก่ประโยชน์ขององค์กรเป็นหลักครับไม่ใช่ตัวบุคคล ไอ้ระบบพวกมากลากไปหรือระบบผู้อาวุโสต้องถืออภิสิทธิ์เหนือคนอื่น คิดอยากจะมาทำงานวันไหนก็มาแต่เงินเดือนรับเต็มเดือน แล้วก็พวกใช้เส้นสายยัดญาติพี่น้องตัวเองเข้ามาทำงานแล้วแต่งตั้งตำแหน่งกันเอง ผมบอกตรงนี้เลยว่าผมไม่เอา”ชายหนุ่มลากเก้าอี้ออกแล้วหย่อนตัวลงนั่งพลางกวาดตามองหน้าผู้เข้าร่วมประชุมไปทีละคนอย่างช้า ๆ เพราะคนเหล่านี้ล้วนแต่ถืออภิสิทธิ์ชนทั้งสิ้น บางคนมาทำง
“คุณพ่อว่าไงนะ พี่ธามพาทีมวิศวกรมาตรวจเองโดยไม่บอกใครหรือคะ” กนกลดาถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้หูฝาด“ก็ใช่น่ะสิ แสดงว่ามันคอยสบโอกาสเล่นงานเราอยู่แน่ ๆ”กฤษณ์หงุดหงิดจนไม่สามารถนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ ต้องลุกเดินไปเดินมาเพื่อคลายความร้อนรุ่มในใจ“แต่ดาว่าก็แค่ตัวเลขบางจุดไม่ตรงกันกับคราวก่อน เขาไม่น่าจะเล่นงานเราได้นะคะ”“เฮอะ! นี่แกคิดว่าคนอย่างไอ้ธามมันจะจ้างทีมวิศวกรลงมาตรวจงานเล่น ๆ หรือ มันทำแบบนี้ก็หมายความว่ามันมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดพวกเราได้อยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว”กนกลดานิ่งไปทันทีที่ได้ยินบิดาพูดจบ “แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดีคะ หรือถ้าเราไม่ยอมรับเสียอย่าง เขาจะทำอะไรเราได้ คุณพ่อคิดว่าหลักฐานที่เขามีจะทำให้เราล้มได้เลยหรือ”กฤษณ์หันมามองหน้าบุตรสาวครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“ถ้าพวกเราไม่ล้มแล้วมันจะทำอย่างนี้ไปทำไม”เขาพยักหน้าช้า ๆ เมื่อนึกถึงสีหน้าเย็นชากับสายตาที่เป็นอริของธามยามมองมาที่ตน“ไอ้ธามมันอดทนอดกลั้นได้ด