เขารู้จักพลอยพัดชาดี เธอเป็นคนที่ไม่ยอมลงให้คนอื่น ยิ่งกับคู่อริด้วยแล้วยิ่งไม่มีทาง ดังนั้นถ้าเธอเห็นว่ากนกลดาไปกินข้าวด้วยกัน เขายังคิดว่าพลอยพัดชาจะต้องตามไปด้วยเพื่อต้องการขัดแข้งขัดขาอีกฝ่ายเป็นแน่ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง
ธามผงกศีรษะให้กนกลดาเป็นเชิงบอกว่าออกจากร้านกันได้แล้ว ครั้นพอเดินออกมาไม่เท่าไร เขายังอดหันกลับไปมองด้านหลังไม่ได้เพราะคิดว่าอีกเดี๋ยวพลอยพัดชาจะต้องตามมาแน่ แต่เธอก็ไม่มา สุดท้ายจึงได้แต่ถอดใจแล้วเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
ขณะเดียวกัน พลอยพัดชาก็นั่งเท้าคางพลางเหยียดยิ้มมุมปากเมื่อคิดถึงเรื่องสนุกที่ตนกำลังจะลงมือทำ ป่านนี้สองคนนั้นคงเดินไปได้ไม่ไกลเท่าไร คิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านตามไปทันที
ธามกับกนกลดาเดินนำอยู่ข้างหน้าประมาณสิบเมตรได้ เธอเห็นธามเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างซึ่งนั่นเป็นอาการเวลาที่เขาไม่ต้องการใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากเกินไป ขณะที่กนกลดานั้นพยายามเดินเอาแขนของตนไปชนแขนของชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง
พลอยพัดชาเร่งฝีเท้าก้าวให้ทันคนทั้งคู่ จากนั้นก็จงใจแทรกตรงกลางระหว่างคนทั้งสองโดยจงใจใช้ลำตัวและแขนข้างหนึ่งดันกนกลดาไปด้านข้างอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวจนอีกฝ่ายเซไปหลายก้าว ส่วนแขนอีกข้างก็คล้องแขนของธามไว้อย่างถือวิสาสะ จากนั้นก็หันไปยิ้มหวานกับเขา
“พลอยเปลี่ยนใจแล้วค่ะพี่ธาม นาน ๆ พี่ธามจะเลี้ยงข้าวทั้งที พลอยจะไม่กินได้ยังไงละ” จากนั้นก็ทำทีเป็นหันไปมองกนกลดาแล้วทำหน้าเหลอหลาถามว่า
“อ้าว เป็นอะไรของเธอน่ะดูทำหน้าเข้า รองเท้ากัดหรือไง เฮ้อ...เสียเวลาจริง” เธอไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรก็หันไปพูดกับธามพร้อมกับรั้งให้ชายหนุ่มเดินต่อ
“ไปกันเถอะค่ะพี่ธาม พลอยหิวแล้วเนี่ย” พลอยพัดชาไม่อยากสนใจกนกลดาอีก จึงเกาะแขนธามไว้ทั้งสองมือแล้วรั้งให้เขาเดินเร็วขึ้น
เธอรู้ดีว่ากนกลดาไม่มีทางกล้าเดินมาแทรกตรงกลางอย่างที่ตนทำเมื่อครู่แน่นอน หนึ่งเพราะอีกฝ่ายยังไม่สนิทสนมกับธามมากนัก และสองคือกนกลดาต้องรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวาน และไม่ถือสาหาความกับคนร้ายกาจอย่างเธอ เพราะอยากให้ธามเห็นว่าตนเองนั้นใจกว้างดั่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ที่ไม่ว่าจะเครื่องบินหรือเรือต่างก็พากันตกลงไปหายสาบสูญอยู่ในนั้น
เมื่อเดินมาถึงอเวนิวพลาซ่า พลอยพัดชาก็บอกความต้องการของตัวเองทันทีโดยไม่ต้องให้ธามเป็นฝ่ายถามว่าจะกินอะไร เพราะเธอบอกแล้วว่าเธอมาเพื่อป่วนสองคนนี้!
“พลอยอยากกินร้านนั้น”
หญิงสาวชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง จากนั้นก็ไม่รอให้เจ้ามืออย่างธามตอบรับหรือปฏิเสธ พลอยพัดชาก็เกาะแขนเขาลากไปร้านที่ว่าทันทีโดยมีกนกลดาเดินตามด้วยความไม่พอใจอยู่ด้านหลัง
ครั้นพอเดินเข้ามาในร้าน พนักงานก็พาทั้งสามคนไปยังโต๊ะตัวที่ว่าง พลอยพัดชาคอยมองว่ากนกลดาจะนั่งตรงไหน ซึ่งแน่นอนว่าธามจะต้องเป็นฝ่ายให้หญิงสาวอย่างพวกเธอนั่งก่อนแล้วเขาค่อยนั่งลงตามทีหลัง
เมื่อพลอยพัดชาเห็นว่ากนกลดานั่งลงแล้วและเขยิบเข้าไปด้านในเพื่อเว้นที่ให้เธอนั่งข้าง ๆ พลอยพัดชาจึงทำทีจะไปนั่งตรงนั้น แต่พอเห็นว่าธามเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้ว หญิงสาวจึงรีบแทรกตัวเข้าไปนั่งข้างเขาทันที
“พี่ธามขยับไปข้างในหน่อยสิคะ จะมาเบียดพลอยทำไมเนี่ย”
ทั้งที่เห็นอยู่ว่าเป็นเธอเองแท้ ๆ ที่เป็นฝ่ายไปเบียดเขา แต่เธอจะหาเรื่องเขานี่ ใครจะทำไม!
“พลอยมานั่งกับเราก็ได้ พี่ธามตัวใหญ่ เธอไปนั่งเบียดเขาแบบนั้น...” กนกลดาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองเต็มที่ แต่พลอยพัดชาไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดจบ
“ฉันพูดกับพี่ธาม ไม่ได้พูดกับเธอ และฉันจะนั่งตรงนี้ ใครจะทำไม”
พูดจบเธอก็ยักคิ้วพร้อมกับแค่นยิ้มมุมปากให้อีกฝ่ายอย่างจงใจหาเรื่องเต็มที่
เอาซี้...อยากเห็นเธอร้าย อยากเห็นเธอเหวี่ยงวีนนักไม่ใช่หรือ ได้เลย เธอจัดให้!
กนกลดามองพลอยพัดชาด้วยสีหน้าและแววตาไม่พอใจนัก ดูก็รู้ว่าโกรธไม่น้อยแต่ก็ต้องฝืนข่มความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ ทำให้พลอยพัดชาได้แต่สะใจอยู่ลึก ๆ
ถ้าการเสแสร้งเพื่อให้ดูเป็นนางเอกที่แสนอ่อนโยนนุ่มนวลแล้วต้องถูกโจมตีไม่หยุดละก็ เธอขอเป็นนางร้ายที่ด่าเป็นด่า ตบเป็นตบดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนอึดอัด และไม่ถูกคนอื่นกดหัวข่มด้วย
หลังจากสั่งอาหารกับพนักงานเรียบร้อยแล้ว บริกรก็นำถั่วแระญี่ปุ่นต้มมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นออร์เดิร์ฟรองท้อง ธามกับกนกลดาหยิบกินไปคนละนิดละหน่อย แต่พลอยพัดชานั้นไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง อีกทั้งกนกลดาไม่เห็นชายหนุ่มจะหยิบถั่วแระไปวางไว้ในจานของพลอยพัดชา แต่กลับวางในจานของเธออย่างเอาใจใส่ ซึ่งพอเห็นแบบนี้ กนกลดาก็คิดแล้วว่าธามคงไม่พอใจอีกฝ่ายแน่นอนที่ทำตัวราวกับเด็กเอาแต่ใจ ดังนั้นเธอจึงทำทีเป็นชวนอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้
“พลอยไม่กินถั่วแระญี่ปุ่นหรือ อร่อยดีนะ” เธอผลักจานถั่วแระไปใกล้ ๆ พลอยพัดชา แต่กลับถูกธามดันกลับมาไว้ที่เดิมแล้วพูดว่า
“พลอยเขาไม่ชอบกินครับ คุณดากินเถอะ”
พลอยพัดชาเหลือบมองหน้าธามด้วยหางตา พลางทำเสียง “ชิ!” เบา ๆ ส่วนคนที่ถูกแค่นเสียงใส่นั้นทำเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ โดยไม่พูดอะไร หากแต่สายตากลับมองคนข้างตัวเป็นระยะ และเขาเองก็ไม่ได้ขยับเข้าไปด้านในสุดของเก้าอี้ด้วย จึงทำให้ตอนนี้ธามกับพลอยพัดชาแทบจะนั่งตัวติดกัน
กนกลดามองภาพตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจเท่าไรนัก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะอย่างไรเสียเธอก็ยังไม่สนิทกับธามถึงขั้นพูดจาแนะนำอะไรอีกฝ่ายได้
“เธอนี่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยนะพลอย ยังใจร้อนเหมือนเดิม คงจริงอย่างที่พี่ธามพูดไว้ตอนนั้นละมั้งคะว่ายายพลอยเนี่ยเหมือนเด็กไม่โต”
กนกลดาพูดเสียงอ่อนเหมือนผู้ใหญ่พูดกับเด็ก โดยประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับชายหนุ่มพร้อมกับยิ้มหวาน
“แหม ๆ เธอก็เหมือนกันนั่นแหละจ้ะยายสนิมสร้อย เอ๊ย ยายสร้อยขึ้นสนิม” พลอยพัดชาโต้กลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน ขณะที่ชายหนุ่มคนเดียวในโต๊ะนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยจึงเอ่ยปากถาม
“อะไรคือสร้อยขึ้นสนิม”
“ก็ของปลอมไงคะ มันถึงได้ขึ้นสนิม ทองแท้ที่ไหนมันจะขึ้นสนิมล่ะจริงไหม” พลอยพัดชาลอยหน้าลอยตาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยโดยเน้นคำว่าปลอมเป็นพิเศษ หากแต่สายตานั้นจ้องกนกลดาตาแทบไม่กะพริบ
กนกลดาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์กรุ่นโกรธของตัวเอง เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตนจะทนได้อีกนานแค่ไหนเพราะการถูกคู่อริโจมตีไม่หยุดเช่นนี้ ฝ่ายที่เสียเปรียบอาจเป็นเธอเองก็ได้ เพราะดูแล้วธามแทบไม่ถือสาหาความ หรือเอ่ยปากห้ามพลอยพัดชาเพื่อเห็นแก่หน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่สองสาวแทบจะตีกันตายทางสายตา อาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟพอดี ทำเอาชายหนุ่มได้แต่ลอบผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ธามมองอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อสแกนว่าไม่มีจานไหนที่มีถั่วเป็นส่วนประกอบ แม้จะรู้ว่าพลอยพัดชาย่อมระวังตัวเองอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังวางใจไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดคือเขาจะให้กนกลดารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าพลอยพัดชาแพ้ถั่วทุกชนิด เพราะสองคนนี้ไม่ใช่แค่ไม่ถูกชะตากันธรรมดา แต่เรียกว่าเกลียดกันมากเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีกยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะหยิบตะเกียบ เขาก็ถูกคนข้างตัวใช้มือดันให้เข้าไปด้านในของเก้าอี้อีกครั้ง“กระเถิบไปเลย พลอยนั่งไม่สะดวก นิสัยเสีย มานั่งติดคนอื่นเขาอยู่ได้”ธามยิ้มอ่อนพลางขยับเข้าไปเพียงเล็กน้อยพอให้เธอจับตะเกียบได้สะดวกขึ้น แต่ก็ยังไม่วายเย้าแหย่ให้เธอเหวี่ยงใส่ด้วยการพูดว่า“พี่นั่งของพี่ตรงนี้อยู่ดี ๆ เรานั่นแหละมาเบียดพี่ หรือจะย้ายไปนั่งกับคุณดาเขาก็ได้นะ”“แหวะ! ไม่เอาหรอก เดี๋ยวสนิมเกาะ” พูดจบก็ทำสีหน้ายี้ใส่กนกลดา จนอีกฝ่ายเริ่มทนไม่ไหวแล้ว“นังพลอย!”แม้จะถูกกนกลดาตวาดใส่แต่เสียงก็ไม่ดังนักเพราะอีกฝ่ายยังเกรงใจธามและโต๊ะข้างเคียงอยู่ เห็นดังนั้นพลอยพัดชาจึงอด
“เธอนี่เสน่ห์แรงไม่มีตกเลยนะ” กนกลดายิ้มบาง ๆ ยิ่งเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของธามก็ยิ่งรู้สึกว่าครั้งนี้ตนมาถูกทางแน่แล้ว ดูท่าทางชายหนุ่มคงไม่ได้คิดกับพลอยพัดชาแค่น้องสาวอย่างที่ปากพูดกระมัง เห็นทีครั้งนี้เธอคงต้องพยายามดึงความสนใจจากเขาให้มากกว่าเดิม มิเช่นนั้นนอกจากแผนทุกอย่างจะพังแล้ว เม็ดเงินมหาศาลจากการที่ได้อาศัยชื่อเสียงของโรงแรมลักซ์ แกรนด์ มิราจในการทำธุรกิจก็คงละลายหายไปด้วยโชคดีที่ธามเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่อายุยังน้อย อีกทั้งรูปร่างหน้าตาก็จัดว่าควงได้ไม่อายใคร แม้เขาจะหล่อไม่เท่ารพีพัฒน์ แต่ความคมเข้ม สมาร์ต และความภูมิฐานนั้นกินขาดผู้ชายวัยเดียวกันอย่างไม่เห็นฝุ่น ดังนั้นการตีสนิทกับเขาโดยเอาตัวเข้าแลกนั้นเธอจึงเต็มใจทำอย่างยิ่ง แต่ปัญหากลับติดอยู่ที่คนเพียงคนเดียว...พลอยพัดชา“แน่นอน ก็ฉันสวยนี่ จริงไหมคะพี่ธามขา” ประโยคหลัง พลอยพัดชาจงใจกระแซะไหล่เขาเพื่อให้ชายหนุ่มหมั่นไส้เล่นเพราะเธอรู้ว่าต่อให้อ่อยผู้ชายคนนี้ไปกี่เล่มเกวียน เขาก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับตนแต่ที่เขามาทำตัวใกล้ชิด และทำเหมือนง้อราวกับเ
“ไม่ได้การแล้ว” ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาต้องเสียเธอไปจริง ๆ แน่ เขาอยากปรับความเข้าใจกับเธอเสียใหม่ แต่งานช่วงนี้ก็ช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย เพราะพรุ่งนี้เขาก็ต้องเดินทางไปพัทยา กว่าจะกลับก็อีกสองวัน ระหว่างนี้เขาทำได้เต็มที่แค่โทรศัพท์คุยกับพลอยพัดชาเท่านั้น แต่ไม่สามารถมานั่งจับเข่าคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวได้เลยเอาไงดีวะครั้นพอนึกถึงข่าวที่กนกลดาส่งให้อ่านวันนี้ เกี่ยวกับพระเอกหนุ่มสุดฮอตที่ดูเหมือนจะตามจีบพลอยพัดชา ความไม่สบอารมณ์ ความหวาดหวั่นและไม่สบายใจก็โอบรัดรอบตัวจนเขาไม่อาจนั่งอยู่ในห้องทำงานต่อไปได้คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงโทรศัพท์ชวนเพื่อนสนิทอย่างนพฤทธิ์ให้ออกมานั่งดื่มเพื่อผ่อนคลายสมองเช่นเคย“เฮ้ยเพื่อน ว่างไหม ชนแก้วกันหน่อยดีกว่า...อืม ร้านเดิมนะ”หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อย ธามก็หยิบกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ และกุญแจรถเดินออกจากห้องทำงานทันทีในห้องพักของคอนโดมิเนียมหรูย่านใจกลางเมือง กวินภพนั่งจมจ่อมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเช็กภาพข่าวจากสื่อบันเทิงสำนักต่าง ๆ หล
ในเวลาเดียวกัน พลอยพัดชาก็กำลังนั่งดื่มด่ำกับไวน์รสเลิศริมสระว่ายน้ำในบ้านหลังใหญ่ โดยมีจินตวาตีนั่งดื่มอยู่ด้วย สองน้าหลานนั่งฟังเพลงที่เปิดจากโทรศัพท์มือถือแล้วต่อเข้ากับลำโพงบลูทูธด้วยสีหน้าผ่อนคลายทั้งคู่“พลอยอยากให้น้าจัดการอะไรไหมล่ะ” จินตวาตีถามขึ้นเบา ๆ ทั้งที่ยังหลับตาพลางโยกศีรษะอย่างเชื่องช้าไปตามจังหวะเพลง“น้าคิดว่าไงละ แต่พลอยไม่ซีเรียสนะเพราะพลอยไม่ใช่ดาราหรือเซเลบที่ไปไหนมาไหนจะต้องมีคนจำหน้าได้ และมีนักข่าวคอยแอบถ่ายรูปไปทำข่าว”พลอยพัดชายิ้มอ่อน ตามองน้ำในสระที่กระเพื่อมเล็กน้อยตามแรงลมแล้วกระทบกับแสงไฟสีส้มจนเกิดเป็นประกายระยิบระยับสวยงามจับตา“ถ้าเป็นข่าวบ่อยเข้า อีกหน่อยมันก็ไม่แน่หรอกย่ะ” จินตวาตีลืมตาขึ้นพลางเอื้อมไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบ“เขาจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันล่ะ เขาก็ดังพอตัวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ก็ไหนว่างานละครกับงานอีเวนต์เพียบ ไหนจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าตั้งหลายอย่าง แต่มาอยากเป็นข่าวกับพลอยเนี่ยนะ”จินตวาตีเงียบไปครู่หนึ่ง สักพักก็พูดขึ้นเบา ๆ
“วันนี้พวกคนงานจะเริ่มมาก่อสร้างเพิงพักคนงานแล้วน่ะ ตรงที่เขาปักธงแดง ๆ โน่นน่ะเห็นไหม เมื่อวานอาให้ซินแสมาช่วยดู เขาบอกว่าฤกษ์งามยามดีในการลงเสาเอกคือวันพฤหัสนี้นะ ไม่งั้นคงต้องรอกันอีกหลายเดือนเลย”“งั้นหรือครับ” ธามยิ้มมุมปาก ไม่ได้มีท่าทีเห็นด้วยหรือตื่นเต้นกับข้อมูลที่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย“วันพฤหัสงั้นหรือ ก็อีกแค่สองวันนี่เองสิ เร็วไปรึเปล่าครับ ท่านประธานใหญ่ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติก่อสร้างเลย”บิดาของเขายังไม่ได้เซ็นอนุมัติ แต่คนทางนี้กลับกระเหี้ยนกระหือรืออยากเร่งก่อสร้างเต็มที ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่กฤษณ์ บิดาของกนกลดาเสนอให้อย่างเป็นกอบเป็นกำ พิษณุก็คงไม่ตื่นตัวขนาดนี้“เฮ้อ...อย่าหาว่าอาสอนเลยนะตาธาม เราก็รู้กันอยู่ว่าอย่างไรเสียโครงการรีสอร์ตสวนน้ำก็ต้องก่อสร้างอยู่วันยังค่ำ ในเมื่อตอนนี้บริษัทเคบี บิลท์เขาประมูลงานได้ราคาต่ำสุด ตามกฎธุรกิจแล้วเราก็ต้องว่าจ้างเขาอยู่ดี”“เรื่องนั้นผมรู้ดีครับ แต่งานนี้สำคัญมาก ผมกับคุณพ่อก็ต้องพิจารณานานหน่อย เอกสารทางกฎหมายและสัญญาต่าง ๆ ก็ต้องรอ
“เชิญค่ะ จะไปพร้อมกันตอนนี้เลยไหมคะ สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไร ขับรถไม่เกินสิบนาทีก็ถึง ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจอดรถไว้ที่ไหนคะ”พลอยพัดชาพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสุภาพราบเรียบ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่ฝ่ายลูกค้านั้นแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดเต็มที่ อีกทั้งยังชี้หน้าพลอยพัดชาพร้อมกับพูดว่า“ฉันจะไปแจ้งตำรวจ คอยดูเถอะฉันจะทำให้ร้านของแกเสียชื่อเสียงจนไม่มีคนมาซื้อเลยเพราะขายของปลอมทั้งร้าน” อีกฝ่ายขู่เสียงดังลั่นร้าน แต่พลอยพัดชาก็ยังคงนิ่ง“แต่ถ้าแกไม่อยากเสียชื่อก็คืนเงินฉันมา เรื่องทุกอย่างก็จบ ฉันจะไม่เอาเรื่องเอาราว ฉันเสียเงินหลายหมื่นก็อยากได้ของดี ๆ แต่พวกแกเอาของปลอมมาหลอกขายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน คืนเงินฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”พลอยพัดชามองมือที่อีกฝ่ายแบมาตรงหน้าตนพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า“คงไม่ได้ค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วตอนต้นว่าร้านเราขายของแท้เท่านั้น ถ้าคุณต้องการจะขายคืนให้กับทางร้าน คุณก็ต้องเอาสินค้าของร้านเรามาคืนค่ะ แต่แหวนวงนี้ไม่ใช่ของที่ร้าน
“ใบเซอร์นี้น่ะ เราให้สถาบันอัญมณีศาสตร์ทำการตรวจสอบให้โดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งคุณตำรวจสามารถเอาเอกสารตัวนี้ไปเช็กตามที่อยู่ด้านหลังได้เลยว่าใบเซอร์นี้เป็นของแท้รึเปล่า และที่สำคัญก็คือรายละเอียดในใบเซอร์จะบอกน้ำหนัก และความกว้างยาวของพลอยเอาไว้ค่อนข้างละเอียด แต่พลอยเม็ดนี้” พูดถึงตรงนี้ พลอยพัดชาก็หยิบแหวนวงที่เป็นปัญหาขึ้นมาให้ตำรวจดู ก่อนจะพูดต่อ“สามารถเอาไปเช็กได้เลยค่ะว่าน้ำหนักและขนาดของมันตรงตามใบเซอร์รึเปล่า แหม...พูดแล้วก็คันปาก ขอเล่านิดนะคะคุณตำรวจ เมื่อก่อนที่ร้านก็เคยเจอปัญหาแบบนี้ค่ะ มีลูกค้าคนหนึ่งซื้อของจริงจากร้านไป พอสองสามวันถัดมาก็เอาของปลอมมาโวยวายบอกว่าจะเอาเงินคืน เพราะสร้อยนั้นเป็นพลอยปลอม แต่สุดท้ายทางร้านก็พิสูจน์ได้ว่าเจอพวกต้มตุ๋น ก็เลยโดนร้านเราฟ้องเรียกค่าเสียหายหลายล้านเชียวค่ะ”พลอยพัดชาจีบปากจีบคอพูด ขณะที่พูดก็สังเกตสีหน้าของคู่กรณีไปด้วย ซึ่งแววตาของอีกฝ่ายดูหลุกหลิกก่อนจะชี้หน้าต่อว่าเธอเสียงดังลั่น“แกหาว่าฉันเป็นพวกต้มตุ๋นหรือ ฉันจะแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท คุณตำรวจคะ...”“อุ๊ย! ฉ
พลอยพัดชาต้องไปรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อเอามาฟาดยายสิบแปดมงกุฎคนนั้น ร้านพัดชา เจมส์เปิดมาหลายปีแล้ว ฉะนั้นพลอยทุกเม็ด แหวนทุกวงย่อมตรวจสอบที่มาที่ไปได้ ตั้งแต่ช่างทำตัวเรือน ช่างเจียระไน ไปจนถึงแหล่งที่มาของพลอยเม็ดนั้น ๆ ว่ามาจากบ่อไหน ประเทศอะไร และที่สำคัญ ช่างจิวเวลรี่แต่ละคนก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใส่ลงไปในเนื้องานอีกด้วยเมื่อกลับถึงร้านพัดชา เจมส์ หญิงสาวก็พบว่ากวินภพมานั่งรออยู่ในร้านก่อนแล้ว“อ้าวคุณก้าว มานานรึยังคะ จะมาไม่เห็นโทร. มาบอกพลอยก่อน พลอยก็เอ้อระเหยอยู่ที่สน. ตั้งนาน” ความจริงแล้วเธอต่อว่าเขาทางอ้อม เพราะการที่เขาจะมาหาเธอที่ร้านก็ควรโทรศัพท์มาบอกก่อนล่วงหน้า ไม่ใช่นึกอยากมาก็มาราวกับคนสนิทกันมาก เพราะขนาดเพื่อนสนิทอย่างนลินทรายังโทร. มาถามเธอก่อนทุกครั้งเลยว่าอยู่ร้านหรือเปล่า“ผมต้องขอโทษด้วยครับที่มาโดยไม่บอกกล่าว คือผมมาทำธุระแถวนี้น่ะก็เลยลองแวะมาหาคุณพลอยดู ถามน้อง ๆ เขาก็บอกว่าคุณพลอยไปแจ้งความที่สน. ผมเลยนั่งรอ แล้วนี่...คุณพลอยไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”ชายหนุ่มมีสีหน้าเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด พลอยพัดชายิ้
พลอยพัดชาอมยิ้มขณะที่อ่านข่าวเหล่านั้นจากโทรศัพท์มือถือของตน ตอนที่เธอกับจินตวาตีคาดเดาความสัมพันธ์ของกวินภพกับปวีณาเมื่อคราวนั้น เธอยังอดสงสารฝ่ายหญิงไม่ได้ที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ราวกับคนที่ทำผิดกฎหมาย แต่มาวันนี้ความสงสารไม่มีเหลืออยู่แล้ว หลังจากที่ได้เห็นภาพและคลิปต่าง ๆ ที่ธามนำมาให้ดู เธอจึงรู้ทันทีว่าสองคนนี้ร่วมมือกัน“จริงสิ พี่ธามให้ใครส่งรูปพวกนั้นให้พวกเพจข่าวหรือคะ ไหนจะพวกที่ไปตอบคอมเมนต์ว่าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกับสองคนนั้นอีก เขาเป็นจริง ๆ รึเปล่า แล้วไม่กลัวโดนฟ้องหรือไง”ธามยิ้มอ่อนพลางตอบว่า “จะใครเล่า ก็ยายนาฏไง”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ยายนาฏหรือ อ้าว! แล้วแอคเคาน์พวกนี้ล่ะ”“เป็นแอคเคาน์สำรองของเพื่อน ๆ เขาที่อเมริกาน่ะ ถ้าคิดจะฟ้องก็เชิญตามสบาย” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะตักกุ้งทอดซอสมะขามใส่ในจานข้าวให้หญิงสาวแล้วพูดว่า“กินข้าวเถอะ อย่าไปสนใจข่าวพวกนั้นเลย รอดูฟีดแบ็กที่ตามมาดีกว่า”“พลอยอยากเห็นหน้านายก้าวจริง ๆ ว่าถ้าเห็นข่าวพวกนี้แล้ว
“พี่ธามพอแล้ว พลอยหายใจไม่ทัน” หญิงสาวหอบจนตัวโยนราวกับวิ่งมาหลายกิโลเมตร ธามเห็นแล้วสงสารจึงหยุดมือ แต่ก็อดหยิกแก้มของอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยวไม่ได้“คิดจะไปส่องแขกหล่อ ๆ งั้นหรือ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”ธามคาดโทษหญิงสาวอย่างไม่จริงจังนักเพราะรู้นิสัยของอีกฝ่ายดีว่าช่างยั่วยวนและยั่วอารมณ์ให้มีน้ำโหอยู่บ่อย ๆ“ก็แขกส่วนใหญ่หล่อจริง ๆ นี่นา แต่ก็สู้หล่อมาดเข้มแบบพี่ไม่ได้หรอกน่า จริงไหม” พลอยพัดชายิ้มประจบ“ก็เพราะปากหวานช่างยั่วอย่างนี้นี่ไง พี่ถึงไปไหนไม่รอด” ชายหนุ่มเชยคางของเธอขึ้นแล้วจุ๊บเบา ๆ“ให้มันจริงเถอะ พลอยกลัวว่าพอหมดช่วงโปร พี่ก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมน่ะสิ คนนิสัยเสีย”“ไม่เป็นแล้ว สัญญา” เขาชี้สามนิ้วขึ้น เธอจึงยู่หน้าใส่เขา“เชอะ พี่น่ะชอบใจร้ายกับพลอย จะง้อก็ไม่มาง้อดี ๆ กลับส่งขนมมาล่อ แถมยังเป็นคุกกี้ถั่วอีกต่างหาก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าพี่เอาใจใส่พลอยมากแค่ไหน”ธามได้ยินอย่างนั้นก็เบิกตากว้างพลางทำหน้างุนงงสงสัย เพราะเขาจำไม่ได้ว่าส่
พลอยพัดชาพยักหน้าเพราะเห็นด้วยกับคำพูดของเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“เฮ้อ ตั้งแต่เคยถูกผู้ชายกอดมานะ มีอีตาคนนี้นี่แหละที่พลอยรู้สึกรังเกียจที่สุด”ธามหูผึ่งขึ้นมาทันที จากนั้นก็ชี้หน้าเธออย่างเอาเรื่อง“ยั่วโมโหอีกแล้วนะ เดี๋ยวจะโดน”พลอยพัดชาหัวเราะคิกคัก แล้วถามว่า“ว่าแต่...พี่จะทำอะไรเขาหรือคะ”พลอยพัดชาอดอยากรู้ไม่ได้ แต่มั่นใจว่าคนอย่างธามจะไม่มีการส่งนักเลงไปดักซ้อมกวินภพแน่นอน เพราะเขาไม่ชอบทำอะไรที่เป็นการให้ผลแค่ระยะสั้น คนอย่างเขาถ้าคิดลงมือเล่นงานใคร จะต้องเกิดผลเสียกับอีกฝ่ายในระยะยาว“ก็มันอยากเป็นข่าวนักไม่ใช่หรือ พี่ก็จะจัดให้ไง” ธามหันมายิ้มให้ ก่อนจะจับแก้มของเธอไว้ทั้งสองข้างแล้วดึงเบา ๆ พลางพูดว่า“คราวนี้ก็ยิ้มได้แล้วนะ ลงไปหาเค้กกินแก้เครียดกันดีกว่าเนอะ”หญิงสาวยิ้มออกทันที รู้สึกสมองโล่งขึ้นมาในทันใด อีกทั้งยังรู้สึกว่าหัวใจอุ่นวาบอย่างบอกไม่ถูก เพราะตั้งแต่บิดามารดาจากไป ชีวิตของเธอก็มีแต่น้าจินนี่คอยกางปีกปกป้องเสมอมา แต่ในบางครั
พลอยพัดชาเดินเข้ามาในโรงแรมพลางโทรศัพท์หานลินทราไปด้วย แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย หญิงสาวจึงคิดว่าเพื่อนน่าจะวุ่นอยู่กับการซ้อมบทจึงไม่คิดโทร. ไปรบกวนอีกหญิงสาวกดลิฟต์ไปชั้นสิบเอ็ดแล้วเดินไปยังห้องที่ข้อความบอกเอาไว้ เมื่อมาถึงห้องหมายเลยหนึ่งหนึ่งศูนย์สี่ จึงเคาะเบา ๆ แล้วรอให้ทีมงานมาเปิดประตูเมื่อประตูเปิดแง้มออก พลอยพัดชาได้ยินเสียงนลินทราดังแว่วมาจึงลองชะโงกหน้าเข้าไปแล้วเรียกเพื่อนเบา ๆ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีมือแข็งแรงจากด้านในฉุดข้อมือของเธอจนถลาไปตามแรงนั้น และในที่สุดก็ต้องมายืนอยู่ในห้องจนได้พลอยพัดชาหน้าเหวอทันทีเพราะเห็นแล้วว่าไม่มีคนอยู่ในห้องนี้เลย และเสียงของนลินทราที่ได้ยินก็เป็นเสียงจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก เธอจึงรีบหันหลังกลับทันที แต่พอหันมาก็ต้องเจอกับใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เธอไม่คิดอยากเจอที่สุดในโลกยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งหมายความว่าเมื่อครู่เขาแอบอยู่หลังประตู และเป็นคนฉุดเธอเข้ามาในห้องนี้อีกด้วย“ถอยไป!” เรื่องราวเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว พลอยพัดชาจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดดี ๆ กับอีกฝ่ายอีก&ldqu
พลอยพัดชาอมยิ้มเมื่อเห็นธามตัวเกร็งขึ้นมาทันทีแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ นั่นก็เพราะการกรีดแผ่นหลังของเขาแบบนี้เป็นการกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มให้ตื่นเพริด ยิ่งถ้าเธอทำตอนนัวเนียกันอยู่บนเตียง เขาจะแหงนหน้าขึ้นแล้วครางออกมาอย่างลืมตัวเสมอ“แขกของพี่ธามนี่เขาไม่ได้เรียนมารยาทมาหรือคะ เห็นมาทีไรก็มาตอนเที่ยงทุกที เขาไม่รู้หรือไงว่าตอนเที่ยงพนักงานทุกคนก็ต้องพักเที่ยงไปกินข้าวกินปลา”พลอยพัดชาเห็นกนกลดากำหมัดแน่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ยิ่งเห็นร่องรอยบนใบหน้าซึ่งเกิดจากฝีมือของตนครั้งนั้นก็ยิ่งรู้สึกสะใจไม่น้อย ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างเธอจึงชิงพูดขึ้นก่อนเพราะไม่ต้องการปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูด“อ๋อรู้แล้ว ที่มาตอนเที่ยงทุกครั้งก็หมายความว่าเป็นเพราะเขาอยากชวนพี่ไปกินกลางวันด้วยใช่ไหมคะ อุ๊ยตาย ช่างมีความพยายามสูงส่งซะจริ๊ง”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ! ฉันมาคุยเรื่องงานกับพี่ธาม”กนกลดาแทบเค้นเสียงพูด สีหน้าแววตามีแต่ความกรุ่นโกรธอัดแน่นเต็มที่ แต่พลอยพัดชากลับไม่สนใจ เธอเปิดฝากล่องข้าวหน้าเนื้อจนกลิ่นหอมของอาหารโชยเข้าจมู
“ใกล้ถึงวันเกิดของเขาน่ะ แต่พี่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้เขาดีก็เลยคิดว่าน่าจะซื้อแหวนให้สักวง”“แล้วพี่พัฒน์คิดว่าจะหมั้นกันเร็ว ๆ นี้รึเปล่าคะ หรือว่ายังไม่ได้กำหนด”พลอยพัดชาลองเลียบเคียงถาม เพราะจะได้เลือกสินค้าให้เขาได้ตรงตามความต้องการของอีกฝ่าย“ยังไม่ได้คิดเรื่องหมั้นเลย พี่เพิ่งคบกับเขาได้เดือนสองเดือนนี่เอง” สีหน้าของชายหนุ่มมีความขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด“ถ้าอย่างนั้นพลอยแนะนำว่าเป็นต่างหูหรือสร้อยคอสร้อยข้อมืออะไรพวกนี้ดีกว่าไหมคะ เพราะว่าถ้าให้แหวนกัน คนรับอาจจะคิดว่านี่คือการขอหมั้นทางอ้อม”เธอแนะนำอย่างเป็นกลาง เพราะอย่างไรเสียการให้แหวนกันนั้น อาจทำให้อีกฝ่ายคิดว่าคนให้ต้องการหมั้นหมายก็เป็นได้จากที่ฟังเขาพูดมา ดูเหมือนรพีพัฒน์ยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้นเพราะเพิ่งคบหากันได้ไม่นาน ซึ่งหากฝ่ายหญิงยังไม่ได้คิดถึงเรื่องหมั้นเช่นกัน แต่จู่ ๆ ฝ่ายชายก็ให้แหวนแทนใจ อาจทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาต้องการผูกมัดทางอ้อม และสิ่งที่จะตามมาก็คือความอึดอัดถ้าหากเจ้าตัวยังไม่พร้อมพูดถึงเรื่องนี้&ldqu
“ฉันไม่น่ารับปากยายปลาแล้วเอามันมาอยู่ในสังกัดเลย ชักศึกเข้าบ้านตัวเองแท้ ๆ”“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดน่าน้าจินนี่ อีกอย่างนะ เขาเองก็กำลังดังเป็นพลุแตก ใคร ๆ ก็อยากได้เขากันทั้งนั้น” พลอยพัดชาเอ่ยปลอบใจผู้เป็นน้า“เรื่องยายปลาน้าไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร เพราะพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เรื่องนั้นน่ะสิ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้ก้าวมันจะทำได้”“พลอยก็ว่างั้นแหละ เขาไม่กลัวคนจะจำได้เลยเนอะ เวลาออกสื่อน่ะ”จินตวาตีนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “น้าคิดว่าก็คงมีคนจำได้บ้างนั่นแหละ และก็รู้กันแค่วงในไม่กี่คน แต่เขาไม่เอามาพูดกัน เพราะสมัยนี้เอะอะอะไรก็ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล คนมันต้องทำมาหากิน ไม่มีใครว่างพอจะมานั่งติดตามเรื่องพวกนี้หรอก”พลอยพัดชาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ก็จริงเนอะ คนกลุ่มเล็ก ๆ แค่ไม่กี่คนกับคนกลุ่มใหญ่ที่รู้จักฐานะของเขาว่าเป็นพระเอกคนดัง ยังไงกลุ่มหลังเสียงมันก็ดังกว่า”“นี่ถ้านังแอ๊ดดี้กับนังเบนซ์มันรู้เข้าคงได้หัวเราะเยาะฉันจนกรามค้างแน่ พวกนั้นมันยิ่งรอดูฉันล้ม
ธามยิ้มมุมปาก ตอนแรกเขาคิดจะใช้เรื่องคีย์การ์ดมาจัดการกับพิษณุด้วยการยื่นหนังสือให้ฝ่ายบริหารทุกคนทราบว่าอีกฝ่ายทำผิดกฎร้ายแรง และไล่ออกให้พ้นจากบริษัทไป แต่วันนี้หลังจากที่ตรวจไซต์งานเสร็จเรียบร้อย เขาก็เปลี่ยนใจ เพราะคิดว่าการไล่ออกให้พ้นจากตำแหน่งดูจะลงโทษน้อยไปหน่อย“พี่คิดว่าไหน ๆ ก็จะเอาเรื่องเขาแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด การไล่ออกโทษมันเบาไปหน่อย เพราะแผนที่พี่วางเอาไว้น่ะนอกจากจะไล่ออกแล้ว ยังส่งพวกมันเข้าคุกและฟ้องร้องเรียกเงินค่าเสียหายได้อีกด้วย โทษฐานทุจริต”พลันนั้นเขานึกถึงสายตาคับแค้นของกฤษณ์ตอนที่มองพลอยพัดชาจึงอดเตือนเธอไม่ได้“พลอยต้องระวังตัวหน่อยนะ เพราะพี่ไม่รู้ว่าดากับพ่อของเขาจะมาเล่นงานพลอยรึเปล่า พ่อลูกคู่นี้น่ะเล่นงานคนอื่นมาเยอะ พี่ไม่อยากให้พลอยเป็นอะไร เพราะฉะนั้นพี่ว่าพลอยย้ายมาอยู่กับพี่ที่เพนต์เฮาส์เถอะ”“โน!”“ไม่คิดจะกลับไปตัดสินใจก่อนหรือ พี่เป็นห่วงพลอยจริง ๆ นะ”“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วพี่น่ะ ทำมาเป็นพูดดี ไม่ต้องเลย ต่างคนต่างอยู่ไปนั่น
ธามยักไหล่ “แน่นอนอยู่แล้ว เพอร์เฟกต์อย่างพี่น่ะหาไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะจะบอกให้ เพราะฉะนั้นพลอยต้องจับไว้ให้แน่น ๆ ห้ามปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาดเลยนะ”พลอยพัดชาเบ้ปากใส่ทันที “ขอโทษนะคะ ประโยคนั้นพลอยควรเป็นคนพูดมากกว่าค่ะ”“ครับผม ยอมแล้วครับ แต่ก่อนอื่น กรุณาอย่าหลับในรถนะครับคนสวย มันอันตรายนะคุณผู้หญิง ถ้าคิดจะงีบก็กรุณาเลื่อนกระจกลงมาสักนิดก็ยังดี”“ก็ตอนแรกไม่คิดว่าจะหลับสักหน่อย เล่นมือถืออยู่ดี ๆ เล่นไปเล่นมาหลับตอนไหนยังไม่รู้เลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่มาเคาะกระจกเรียกนั่นแหละ ปกติพลอยไม่เคยหลับตอนกลางวันเลยนะ เรื่องนี้เป็นความผิดของพี่ล้วน ๆ ที่ทำให้พลอยต้องนอนไม่อิ่ม” เธอค้อนให้เขาธามหัวเราะเบา ๆ พลางเอื้อมไปจับมือของเธอให้มาวางไว้บนตักของตัวเอง จากนั้นก็เอ่ยปากถามว่า“พลอยค้างกับพี่อีกคืนได้ไหม เดี๋ยวคืนนี้พี่พาไปเที่ยวที่เด็ด ๆ”“ที่ไหน บาร์อะโกโก้หรือ” หญิงสาวปรายตามองเขา“เฮ้ย รู้ได้ไง” เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ“ใช่แล้ว พี่จะพาพลอยไปเที่ยวบาร์อะโกโก้ แต่มันไม่ใช่บาร์อนาจารแบบที่พลอยเข้าใจนะ ที่นั่นจะมีผู้หญิงเต้น