“มาเอีย!...ท่านแม่ล่ะ”
น้ำเสียงอันกราดเกรี้ยวทำให้นางกำนัลซึ่งเฝ้าอยู่หน้าตำหนักของพระสนมในฟาโรห์ต้องรีบผลักบานประตูห้องให้ร่างระหงของหญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดภายใต้แพรพรรณของบุคคลชั้นสูงภายในมหาราชวังเดินลงส้นอย่างไม่สบอารมณ์เข้าไปด้านใน
อังเคเซนามุนก้าวผ่านผ้าม่านบางเบาที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราก่อนจะพบว่ามีใครคนหนึ่งในชุดดำโพกศีรษะและปิดหน้าอย่างมิดชิดเดินสวนกลับออกมาจากภายในห้องมารดาของนา หากแต่ไม่ทันได้กล่าวว่ากระไรเสียงของนางสนมไอดุตก็เรียกนางเข้าไปหา
“อังเคเซนามุน...เจ้ามาหาแม่รึ?”
“ท่านแม่!”
เสียงของนางยิ่งเกรี้ยวกราดเมื่อก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้าผู้เป็นมารดาภายในห้องซึ่งดูมิดชิดภายในตำหนักอีกฝั่งฟากของราชวัง ที่แห่งนี้คือสถานอันเป็นแหล่งพำนักแก่นางในของราชันผู้ยิ่งใหญ่อย่างรามเสสซึ่งมีนางสนมในฮาเร็มนับร้อยหากก็มิมีผู้ใดได้รับการยกย่องเชิดชูเท่าเนเฟอร์ตารีมเหสีเอก
ไอดุตก็คือหนึ่งนางในที่รั้งตำแหน่งได้แค่สนมปลายแถวซึ่งให้กำเนิดธิดาอย่างอังเคเซนามุน ผู้มีอายุไล่เลี่ยกันกับเนเฟอร์ติตี ทั้งรูปร่างหน้าตาก็มีส่วนละม้ายคล้ายกัน ต่างเพียงศักดิ์เท่านั้นที่มิได้กำเนิดแต่มเหสีหลวง
ความแตกต่างและห่างชั้นทำให้นางเกลียดชังเจ้าหญิงผู้มีศักดิ์เป็นพระเชษฐภคินีต่างมารดาเป็นที่ยิ่ง ไม่ว่าเนเฟอร์ติตีจะกระทำสิ่งใดก็ให้เป็นที่รักใคร่หวงแหนของพระบิดา ส่วนนางนั้นเพียงลูกสนมหาได้เป็นที่ต้องตาดังเจ้าฟ้าหญิงแห่งธีบส์องค์นั้นไม่
“โอ...เทพอมุน-รา ข้าชังมันนัก เนเฟอร์ติตี!...นางมีอันใดดีเสด็จพ่อจึงเอาใจใส่มันเยี่ยงนั้น แค่คนร้ายเข้าไปในตำหนักทำให้มันได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ถึงขนาดต้องขนเหล่าทหารองครักษ์ไปดูแล ข้าอยากให้เทพแห่งความตายเอานางไป เอานางไปอยู่ในปรโลกโดยมิต้องเกิดใหม่เพื่อมาทำร้ายหัวใจของข้า!”
“อังเคเซนามุนลูกแม่...เจ้าควรสงบใจหน่อย หากข้าราชบริพารข้างนอกผู้ใดมาได้ยินอาจเป็นที่ครหาแก่ตัวเจ้าได้”
ไอดุตลุกจากเก้าอี้ไม้ทาทับด้วยสีเหลืองอร่าม ใบหน้าเรียวเล็กภายใต้วิกผมประดับลูกปัดแสดงความเรียบเฉย หากแต่ดวงตาที่ถูกวาดด้วยผงถ่านคมเข้มลากไปจรดขมับทั้งสองกลับฉายความเกลียดชังมิได้ต่างกันกับธิดาของนาง
“ท่านแม่ใจเย็นนัก!...ท่านสงบนิ่งเช่นนี้ได้อย่างไรในเพลาที่คนอื่นมีความสำคัญเหนือท่าน”
“เจ้าจะรุ่มร้อนไปเพื่อให้ได้อะไร!”
คราวนี่เสียงของไอดุตกร้าวขึ้นขณะร่างบางในชุดผ้าลินินจับจีบด้านหน้ายาวกรอมเท้าและแผงคอทำจากหินหลากสีหันไปทางหน้าระเบียงห้อง เบื้องนอกนั้นคือมหาวิหารมากมายและใหญ่โตภายในนครธีบส์ ที่ซึ่งนางมองข้ามไปยังขอบฟ้าในทุกเวลาของความวาดหวัง
“จะตื่นเต้นไปใยให้ใครมาล่วงรู้ว่าคนร้ายที่เกือบเอาชีวิตของเนเฟอร์ติตีไปสังเวยต่อเทพโอซิริสเป็นคนของแม่เจ้าเอง!”
“ท่านว่าอย่างไรนะ!”
นางสนมในวัยสามสิบกว่าหันมาแสยะยิ้มร้ายกับอังเคเซนามุนก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม
“ใยเจ้าจึงคิดว่าแม่เฉยเมย...ใยเจ้าจึงคิดว่าแม่ไม่ใส่ใจ ไม่มีสนมคนใดมิปรารถนาการยกย่องเชิดชูตนทัดเทียมเจ้าฟ้าหญิงเคียงข้างมหาราช เจ้ารู้ไว้เถิดว่าแม่ของเจ้าปวดร้าวนักที่พระบิดาของเจ้ามิเคยหันกลับมาสนใจเราสองแม่ลูก ถึงเราจะอยู่ในฐานะที่คนอื่นก็ให้ความเคารพเพราะเป็นสนมและธิดาของฟาโรห์ หากก็มิเป็นที่น่าจดจำและยำเกรงแก่ผู้ใดทั้งสิ้น อังเคเซนามุนลูกแม่...”
ไอดุตก้าวเข้ามาหาบุตรสาวและวางมือทั้งสองลงบนไหล่บางใต้แพรผ้าลินินเนื้อเบาขณะเหยียดรอยยิ้มอำมหิตที่อีกฝ่ายมินึกฝัน
“อย่ากังวลอันใด...ขวากหนามในหัวใจของเจ้า แม่จะเป็นผู้หักโค่นมันให้ราพณาศูนย์ ไม่วันไดก็วันหนึ่ง...จำไว้!”
ในยามสายที่แดดกล้าแผดแรง ไอระอุจากโคมทองสาดส่องตกต้องเหนือเกลียวน้ำไหวระยับภายในสระบัวที่กระเพื่อมขึ้นลงยามเมื่อเรือนร่างบางระหงขยับไปมาเพื่อเอื้อมเก็บดอกไม้งามทั้งตูมสลับบานสีขาวและน้ำเงินลานตาขณะที่บางครั้งนกเป็ดน้ำว่ายวนเข้ามาและว่ายห่างออกไปอีกทั้งนกช้อนหอยขาวตัวใหญ่น้อยร่อนลงเกาะใกล้กอปาปิรัส (กอกก) ริมสระราวจะให้กำลังใจแก่ผู้กอบกุมดอกบัวไว้ในอ้อมแขน
ละอองแดดจ้าที่สาดกระทบลงบนพระพักตร์ของเนเฟอร์ติตีทำให้นางต้องยกพระกรข้างที่เปียกน้ำลูบลงบนพระฉวีสีน้ำผึ้งเพื่อไล่พระเสโทที่ผุดพรายตามพระนลาฏและไหลร่นลงมาถึงปลายพระนาสิกโด่งออกไปอย่างทุลักทุเล
ฉลองพระองค์เนื้อบางชุ่มน้ำจนเกือบหมดหากแต่นางก็หาได้สนพระทัยนักแม้ทรงยืนในระดับความลึกถึงบั้นพระองค์ นอกจากรีบดอกบัวในสระที่ห่างจากตำหนักซึ่งพ้นสายตาคูอิตออกมามากนักแล้ว นับแต่มีคนร้ายเข้าไปในวังพระองค์ต้องประทับอยู่แต่ในห้องบรรทมโดยมีพระนมคอยเฝ้าดูแลอีกทั้งราชองรักษ์ที่ไม่ยอมพูดจาเวลานางตรัสถามสิ่งใด ให้อยากรู้นักว่าหากเจ้าฟ้าหญิงมีอันต้องคลาดจากสายตาองครักษ์หนุ่มผู้เฉยชาจะทำเยี่ยงไร
“องค์หญิง!...องค์หญิงพะย่ะค่ะ!”
เสียงหนักที่ดังมาจากที่อันใกล้ทำให้นางต้องหันกลับไปทางเจ้าของเสียงเรียกที่ยืนอยู่ริมสระ เมมนอนซึ่งอยู่ในชุดราชองรักษ์สวมกระโปรงตัวสั้นและมีเพียงแผงคอที่มิอาจปกปิดกล้ามเนื้อแข็งแกร่งบนอกและหน้าท้องเป็นลอนทำให้เจ้าฟ้าหญิงต้องชะงักการกระทำอันแสนรื่นรมย์ลงในทันใด ใบหน้าคมเข้มภายใต้ผ้าโพกศีรษะสีดำสนิทดูกังวลมากกว่าเครียดขรึมดังปกติ ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ เดินลุยน้ำตามเนเฟอร์ติตีลงไปกระทั่งหยุดอยู่ห่างจากนางไม่มากด้วยมิอาจล่วงล้ำเข้าไปได้ใกล้กว่านั้น “ขออภัยพะย่ะค่ะ...กระหม่อมขอเชิญองค์หญิงเสด็จกลับตำหนักบัดเดี๋ยวนี้” เมมนอนค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อมหากทว่าน้ำเสียงนั้นบอกความไม่สบายใจออกมาชัดเจน แม้โล่งใจที่พบว่าเจ้าหญิงหายตัวจากห้องบรรทมมาอยู่ที่นี่ หากแต่ด้วยหน้าที่ที่มีทำให้เขารู้สึกลำบากใจยิ่งนัก “เป็นบัญชาของเสด็จพ่อหรือไร?” “มิได้ฝ่าบาท...หากแต่เป็นหน้าที่ ที่กระหม่อมต้องคอยดูแลพระองค์ตามพระบัญชาของฟาโรห์” “ข้ายังไม่อยากกลับ ท่านไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่” เนเฟอร์ติตีทรงหันหลังให้แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงัก
ใต้เวิ้งฟ้าอันสุกสกาวและพราวพร่างด้วยหมู่ดาวราวเปล่งรัศมีแข่งกันบนผืนกำมะหยี่สีนิลเหนือเมืองธีบส์นครหลวงแห่งอาณาจักรอียิปต์อันไพศาลราวอยู่ในแดนสรวง แสงสว่างจากคบไฟยังคงสาดประกายตามทางเดินในตำหนักหลวงที่มีทหารยามคอยเฝ้าระแวดระวังในราตรีอันเงียบสงบภายในมหาราชวังอันโอ่อ่าแห่งนี้ แม้ย่ำค่ำบรรยากาศจากเบื้องบนจะลดต่ำลงแล้วหากทว่าละอองไอร้อนจากผืนทรายเบื้องนอกยังคงขับไออุ่นโอบล้อมรอบพระราชวังอยู่มิคลาย นางสนมวัยกลางคนยังคงเดินเข้าออกภายในห้องบรรทมของตำหนักชั้นในซึ่งเจ้าของยังยืนมองเหม่อที่ริมระเบียงออกไปยังสายนทีแห่งไนล์ที่ยังคงไหลเอื่อยอยู่เบื้องนอก เนเฟอร์ติตีทรงหันไปทอดพระเนตรพระนม คูอิต เป็นบางครั้งและทรงแย้มพระโอษฐ์บ้างด้วยพึงใจ ตั้งแต่ทรงพระเยาว์จวบจนบัดนี้พระนางมีประชนมายุเต็มสิบเจ็ดชันษาแล้ว คูอิต ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของนางมิเคยบกพร่อง นางได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากฟาโรห์รามเสสและพระนางเนเฟอร์ตารีซึ่งเป็นพระชนกและพระชนนีให้ดูแลทุกอย่างนับแต่ลืมพระเนตรจวบจนบรรทมนั่นแล้ว ฟ้าหญิงแห่งธีบส์ภายใต้ฉลองพระองค์อันเป็นพระภูษาทอจากด้ายปอเป็นลิ
เนเฟอร์ติตีกรีดร้องสุดเสียงเมื่อคมมีดปาดลงบนพระพาหุ(ต้นแขน) ทำให้นางถึงกับเซล้มลงไปอยู่หลังชายผ้าม่าน สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือสายตาแห่งความหมายมาดของผู้ที่นางมิรู้ว่าเป็นผู้ใดจ้องมาเอาชีวิต“ช่วยด้วย!...ช่วยด้วย!”เจ้าหญิงทรงลนลานขณะยกพระหัตถ์ขึ้นกางกั้นเมื่อคนชุดดำเงื้อมอาวุธในมือขึ้นอีกหน แต่แล้วก็กลับต้องชะงักงันเมื่อมีเสียงดังมาจากอีกฝั่งของห้องบรรทม“เจ้าเป็นใคร!...ทหาร!...ทหาร!...มีคนร้ายเข้ามาในตำหนัก! เข้ามาจับมันเดี๋ยวนี้!”คูอิตร้องตะโกนโหวกเหวกและนั่นจึงทำให้คนร้ายลดมือที่กำมีดลงก่อนจะเหน็บมันกลับเข้าไปในฝักที่บั้นเอวแล้วกระโดดขึ้นไปบนขอบระเบียงอย่างคล่องแคล่ว เมื่อมีทหารวิ่งกรูเข้ามาในห้องร่างนั้นจึงทิ้งตัวหายไปเบื้องล่างราวมัจจุราชอันตรธานหายไปในหุบมืดแห่งราตรีกาล“เจ้าหญิง!...เจ้าหญิงเพคะ!...”คูอิตรีบถลาเข้าไปดูพระอาการของเจ้าหญิงซึ่งยังทรงตะลึงลานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมิทรงสำเหนียกในความเจ็บปวดที่แผลบนพระพาหุที่พระโลหิตเหนียวข้นหยาดหยดลงมา เพียงครู่เหล่าทหารยามจึงรีบออกไปชะโงกหน้าตรงระเบียงห้องบรรทมก็พบเพียงยอดปาล์มและคบไฟ ทางเดินเบื้องล่างนั้นว่างเปล่าราวคนร้ายได
บัญชาจากพระบิดาทำให้เจ้าฟ้าหญิงผู้งดงามเหลือบพระเนตรมองดูผู้จะมาทำหน้าที่ถวายการดูแลพระองค์หลังเกิดเหตุร้าย ดวงหทัยของเนเฟอร์ติตีราวมีบางอย่างผุดวาบขึ้นมาในชั่วแวบที่มองเห็น ราชองครักษ์ซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ข้างรามเสสนั้นเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่มีใบหน้าคมคายต่างจากทหารในวังทั่วไป ดวงหน้าเข้มนั้นกอรปด้วยดวงตาคมแน่วแน่จริงจัง จมูกโด่งและริมฝีปากหนาได้รูปภายใต้ท่าทีเคร่งขรึมช่างชวนมองอย่างยากจะหลีกเลี่ยง ในขณะนั้นเององค์ฟาโรห์จึงเสด็จเข้าไปใกล้พระธิดาและวางฝ่าพระหัตถ์ลงบนพระเกศาประกายทองแดงด้วยทรงห่วงใย “เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว เนเฟอร์ติตี นี่คงเป็นด้วยผลานุภาพแห่งเทพอมุน-รา เทวีมัตและเทพคอนซูแห่งวิหารคาร์นัคที่ช่วยปกป้องเจ้าให้รอดพ้นจากภัยร้ายทั้งปวง” “ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ แต่ตอนนี้ลูกก็ปลอดภัยดีแล้ว เสด็จพ่ออาจมิต้องทรงกังวลเรื่องใดอีก” “พ่อจะจัดทหารมาอยู่เวรยามในตำหนักของเจ้าเพิ่มเป็นสองเท่า!... เนเฟอร์ติตี แม้เจ้าไม่เป็นอะไร พ่อก็ต้องให้เหล่าทหารและนางกำนัลมาคอยระแวดระวังเจ้า และหน้าที่อันสำคัญนี้พ่อจะมอบหมายให้เมมนอน องครักษ์ฝีมือดีที่สุดของพ่อ