แชร์

บทที่ 2

เนเฟอร์ติตีกรีดร้องสุดเสียงเมื่อคมมีดปาดลงบนพระพาหุ(ต้นแขน) ทำให้นางถึงกับเซล้มลงไปอยู่หลังชายผ้าม่าน สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือสายตาแห่งความหมายมาดของผู้ที่นางมิรู้ว่าเป็นผู้ใดจ้องมาเอาชีวิต

“ช่วยด้วย!...ช่วยด้วย!”

เจ้าหญิงทรงลนลานขณะยกพระหัตถ์ขึ้นกางกั้นเมื่อคนชุดดำเงื้อมอาวุธในมือขึ้นอีกหน แต่แล้วก็กลับต้องชะงักงันเมื่อมีเสียงดังมาจากอีกฝั่งของห้องบรรทม

“เจ้าเป็นใคร!...ทหาร!...ทหาร!...มีคนร้ายเข้ามาในตำหนัก! เข้ามาจับมันเดี๋ยวนี้!”

คูอิตร้องตะโกนโหวกเหวกและนั่นจึงทำให้คนร้ายลดมือที่กำมีดลงก่อนจะเหน็บมันกลับเข้าไปในฝักที่บั้นเอวแล้วกระโดดขึ้นไปบนขอบระเบียงอย่างคล่องแคล่ว เมื่อมีทหารวิ่งกรูเข้ามาในห้องร่างนั้นจึงทิ้งตัวหายไปเบื้องล่างราวมัจจุราชอันตรธานหายไปในหุบมืดแห่งราตรีกาล

“เจ้าหญิง!...เจ้าหญิงเพคะ!...”

คูอิตรีบถลาเข้าไปดูพระอาการของเจ้าหญิงซึ่งยังทรงตะลึงลานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมิทรงสำเหนียกในความเจ็บปวดที่แผลบนพระพาหุที่พระโลหิตเหนียวข้นหยาดหยดลงมา เพียงครู่เหล่าทหารยามจึงรีบออกไปชะโงกหน้าตรงระเบียงห้องบรรทมก็พบเพียงยอดปาล์มและคบไฟ ทางเดินเบื้องล่างนั้นว่างเปล่าราวคนร้ายได้ดำดินหายไปเสียแล้ว

“พวกเจ้าดูแลพระธิดากันเยี่ยงไร...ใยปล่อยให้มีคนร้ายเข้ามาในตำหนักนี้ได้!”

พระสุรเสียงอันก้องกังวานและเด็ดขาดยิ่งกว่าภูผาสะเทือนนั้นทำให้ทหารยามกว่าสิบนายและนางสนมอีกจำนวนหนึ่งนั่งก้มอยู่หน้าเบื้องพระพักตร์อันดุดันของรามเสสซึ่งรีบรุดเข้ามายังตำหนักของพระธิดาหลังออกว่าราชการและรับรู้ข่าวคนร้ายบุกเข้ามาหวังเอาชีวิตของเจ้าฟ้าหญิงเนเฟอร์ติตีถึงห้องบรรทม

ภายในห้องนั้นเงียบงันมิมีผู้ใดกล้าเอื้อนเอ่ยวาจาเมื่อมหาราชทรงเสด็จมาพร้อมมเหสีเอกเนเฟอร์ตารีซึ่งกำลังทรงปลอบพระทัยพระธิดาอยู่บนแท่นบรรทม

ฟาโรห์ผู้เกรียงไกรอยู่ในฉลองพระองค์ทอจากลินินและด้ายทองคำบนพระวรกายสีน้ำผึ้งเปล่งรัศมีแห่งผู้ปกครองดินแดนไอยคุปต์ทั้งเหนือใต้ บนพระอุระประดับด้วยแผงประดับพระศอที่ร้อยเรียงด้วยหินสีล้ำค่าอันเป็นเครื่องบรรณาการจากต่างแดน

พระพักตร์นั้นน่ายำเกรงด้วยดวงเนตรคมกร้าวเหนือพระนาสิกยาวงุ้มและโหนกพระปรางสูงรับกับพระโอษฐ์หนาเพื่อทรงบัญชาให้ผู้อยู่ใต้เบื้องบาทเป็นหรือตายตามพระทัย บนพระนลาฎประดับมงกุฎและรองพระบาทถักด้วยทองคำอร่ามบ่งบอกพระราชอำนาจที่มิมีผู้ใดกล้าไพรี ในยามนี้มีเพียงนางสนมคูอิตเข้าไปก้มลงแทบเบื้องบาทผู้เป็นเจ้าชีวิตขณะกล่าววอนด้วยเสียงสั่นเครือ

“โอ!...ฟาโรห์เพคะ ลงโทษคูอิตผู้นี้เถิด เป็นเพราะหม่อมฉัน เจ้าหญิงจึงต้องทรงเจ็บปวดพระวรกายเช่นนี้ หม่อมฉันผิดเองเพคะ”

“เปล่าประโยชน์จะมาโทษว่าผู้ใดผิด เราให้พวกเจ้านับสิบดูแลธิดาของเราแค่องค์เดียวพวกเจ้ายังหละหลวม ในนามของเทพแห่งรา หากเราปล่อยไว้มิยอมให้โทษผู้ใด จะเกิดการติฉินนินทาขึ้นได้ว่ามหาราชอย่างรามเสสมิเด็ดขาดพอ!”

“องค์ฟาโรห์เพคะ...”

เสียงทักท้วงจากมเหสีเอกทำให้พระองค์ต้องหยุดสดับถ้อยพรรรณรจของพระนางที่ทรงผละจากพระธิดามาหาเจ้าเหนือหัวก่อนอื่นใด

“ทรงฟังหม่อมฉันก่อนเถิดเพคะ แม้เนเฟอร์ติตีจะได้รับบาดเจ็บก็เพียงน้อย ลูกของเราหาได้ถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิต... ด้วยพระนามอันยิ่งใหญ่ของเทพแห่งรา ขอพระองค์ทรงตรองดูเถิดเพคะ หากมิใช่เพราะทหารยามและนางสนมเข้ามาได้ทัน เราอาจต้องพาร่างที่ไร้วิญญาณของนางไปให้พวกนักบวชเสียแล้วในวันนี้ อย่าทรงด่วนตัดสินสิ่งใดเร็วนัก ขอทรงเมตตาพวกทหารที่ต้องอดนอนเฝ้าตำหนักเหล่านี้ เราอาจเปลี่ยนตัวผู้ดูแลเป็นผู้มีฝีมือเฝ้าตำหนักชั้นในมิเห็นควรกว่าหรือเพคะ”

พระพักตร์อันสิริโฉมหาได้ต่างจากพระธิดาภายใต้ฉลองพระองค์จากพระภูษาป่านลินินเงาระยับจับจ้องอยู่บนพระโอษฐ์ของพระสวามี ชั่วขณะผู้ได้รับพระฉายานามว่าเป็นบุตรแห่งเทพทรงตริตองถ้วนถี่ขณะสบพระเนตรกลมโตของพระธิดาอย่างชั่งพระหทัย

“เมมนอน!”

พระบัญชาอันแน่นหนักทำให้ร่างสูงใหญ่ในชุดราชองครักษ์ของบุรุษหน้าตาราวสลักเสลาซึ่งนุ่งผ้าผืนสั้นและเหน็บดาบโง้งยาวสวมรองเท้าสานจากต้นปาปิรุส(ต้นกก) ก้าวออกมาและคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระยุคลบาท

“แต่นี้ไปเราจะมอบหมายหน้าที่ให้เจ้าคอยเฝ้าดูแลเนเฟอร์ติตีธิดาแห่งเราอย่าได้คลาดสายตา ส่วนพวกเจ้า...ทหารยามที่ละเลยให้คนร้ายเข้ามาถึงตำหนักชั้นใน เราจะให้ไปเฝ้าเวรยามที่สุสานหลวงจวบจนฤดูน้ำหลากถึงจะให้กลับมาอยู่ในพระราชวัง!”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status