หน้าหลัก / วัยรุ่น / เธอในความทรงจำ / สายลม แสงแดดและการพบหน้าเธอ

แชร์

สายลม แสงแดดและการพบหน้าเธอ

ผู้เขียน: Sonan.lin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-22 11:32:06

16 พฤษภาคม พศ.2516 วันเปิดเทอมวันแรกกับการตื่นนอนแต่เช้าตรู่ เด็กหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นรีบแต่งตัวสะพายกระเป๋าเป้ใบเก่า เขารีบวิ่งลงบันไดบ้าน เขาวิ่งลงบันไดบันได้ไม่ทันสุดขั้นบันไดสุดท้าย แม่ก็ทักทันทีเสียว่า

"ไอ่โอมมมมม มึงจะรีบวิ่งอะไรนักหนา เดี๋ยวกูสะดุดกะไดล้มล่ะมึง!" เสียงคุ้นเคยที่ได้ยินก็รู้เลยว่าเสียงแม่ ทำเอาเขาตื่นทั้งขี้ตาในทันที

"เล่นตื่นซะไก่โห่ขนาดนี้ จะไปทันบ้านทันเมืองเขาไหม แล้วนั้นไม่เอาหมั่นโถ่วไปกินสัก 2 - 3 ลูกล่ะจะได้อิ่มๆ" แม่บ่นในประโยคเดิมๆเช่นเคย ถึงปากร้ายแต่ก็ใจดี เป็นห่วงเป็นใยเด็กหนุ่มเสมอ

"ขี้บ่นอะไรนักหนา ม๊า" เขาบ่นงุบงิบแล้วคว้าเอาถุงหมั่นโถ่วที่แม่เตรียมยัดใส่กระเป๋า

พอถึงหน้าบ้านเขาก็คว้าจักรยานคันโปรดที่มีคันเดียวในบ้านปั่นไปโรงเรียนด้วยความเร่งรีบ ด้วยความที่พึ่งไปสถานที่นั้นมาเพียงสองครั้งในวันสมัครเรียนและวันมอบตัวจึงทำให้เขาไม่ค่อยจะชำนาญเส้นทางสักเท่าไร เส้นทางที่ไม่คุ้นก็พาให้เขาหลงทางจนได้

"ลุงครับลุง ทางไปโรงเรียนราชินทร์วิทยาไปทางไหนครับ ให้ผมเลี้ยวซ้ายหรือตรงไปดีครับ" เด็กหนุ่มก็ถามพร้อมกับปาดเหงื่อ

"ไอ้หนูเอ้ย เอ็งก็ปั่นจักรยานตรงไปเล๊ย สัก 2 กิโลจะเจอถนนใหญ่ ให้เอ็งปั่นไปตามป้ายบอกทางไปศาลากลาง นั้นแหละ ถึงแล้ว" ลุงหน้าตาใจดีก็บอกคำตอบเจ้าหนุ่มน้อยด้วยความเอ็นดู เด็กหนุ่มขอบคุณเป็นการใหญ่และรีบปั่นไปให้สุดกำลังขา

เกือบ 1 ชม.ผ่านไป ที่ยังปั่นจักรยานไม่ถึงโรงเรียนแต่ก็คาดว่าใกล้จะถึงแล้ว เพราะเขาเห็นป้ายบอกทางไปศาลากลางข้างหน้าอยู่ลิบๆ เขาคิดพลางว่าปั่นมานานขนาดนี้ ก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องไปโรงเรียนสายเป็นแน่ คิดไม่ตกกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ๆ และบทลงโทษที่เขามาสายวันแรกแบบนี้

.

.

.

เขากระวนกระวาย ซอยเท้าสะพายกระเป๋าด้วยความทุลักทุเลวิ่งผ่านประตูหน้าโรงเรียน จนถึงแถวหน้าเสาธง ในใจก็ร้อนรนว่าจะโดนทำโทษที่มาโรงเรียนสายหรือเปล่า

"เพื่อนใหม่ของเราเป็นเด็กนักทุน พึ่งได้รางวัลเรียงความชนะเลิศอันดับ 1 ของจังหวัด ถ้าใครเปิดวิทยุฟังก็คงจะรู้แล้วนะ วันนี้แหละจะได้เห็นเพื่อนใหม่คนเก่งของเรากัน"

เสียงประกาศออกไมค์ของครูใหญ่ดังออกแว่วๆ บางก็จำใจความได้ บางก็จำใจความไม่ได้

"นั้นๆ ใครๆ ไอ่หนุ่มคนนั้นนะ" เสียงทุ่มใหญ่เรียกกระทันหันเมื่อเห็นเด็กนักเรียนชายใส่ชุดนักเรียนตัวโคร่งวิ่งมาเข้าแถวอย่างกระหืดกระหอบ

“หน้าตาไม่คุ้นเลยแฮะ เป็นเด็กใหม่หรือเปล่า” เมื่อเขายอมหันหน้าไปตามเสียงเรียกนั้นแล้ว ครูเวรที่น่าจะมีหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยตอนที่เด็กนักเรียนเข้าแถวเตรียมเคารพธงชาติก็ถามกันแบบนั้น พร้อมมองเขาผ่านแว่นสายตาเลนส์หนาตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็กใหม่อย่างเขาแต่งตัวถูกระเบียบโรงเรียนหรือไม่

“ใช่ครับ” คนที่มีสถานะเป็นเด็กใหม่และเพิ่งได้มาเหยียบที่โรงเรียนนี้เป็นวันแรกพยักหน้ากลับไปให้เบา ๆ พร้อมระบายยิ้มแห้งให้ครูเวรไปหนึ่งที ซึ่งในระหว่างนั้นเด็กนักเรียนคนอื่นที่ยืนอยู่ในบริเวณเดียวกันก็ต่างพุ่งสายตามองมายังเขาอย่างให้ความสนใจ

โดยในนาทีนั้นโอมก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดาวเด่นในโรงเรียนใหม่อย่างไรอย่างนั้น เมื่อตอนนี้ทุกคนต่างจับจ้องมายังเขาตาไม่กะพริบ บ้างก็มองหน้าด้วยความสงสัย บ้างก็มองหน้าเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น บ้างก็จ้องมองเพราะอยากเห็นหน้าเด็กใหม่เท่านั้น แต่ยังไงซะทั้งหมดทั้งมวลก็ล้วนแต่มองมายังเขาเป็นสายตาเดียวอยู่ดี

“เอาล่ะ งั้นก็รีบไปเข้าแถวได้แล้ว” ครูเวรที่ใช้สายตาตรวจดูการแต่งกายของเขาอย่างถี่ถ้วน และไม่พบว่าเด็กใหม่อย่างเขาจะแต่งตัวผิดกฎระเบียบของทางโรงเรียนแต่อย่างใดพูดกับเขาอีกหน พร้อมเดินผ่านหน้าเขาไปจับผิดนักเรียนคนอื่นที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบมาตั้งแต่ไกลแทน

“ขอบคุณครับ” และหลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น โอมที่รอคอยคำนี้มานานก็ไม่พูดพร่ำอะไรทั้งนั้น เขารีบสาวเท้าเดินตามหลังนักเรียนคนอื่นไปข้างหน้าท่าเดียว ก่อนที่สุดท้ายเขาจะมาต่อแถวอยู่ตรงเด็กชั้นม.หนึ่งที่มีป้ายติดเอาไว้ว่าให้มาเข้าแถวรวมตัวกันตรงนี้

ซึ่งในนาทีที่โอมหยุดเดินและเข้าแถวต่อหลังจากคนที่เดินมาถึงก่อนเขาแล้ว เด็กหนุ่มที่กำลังเผชิญกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ และกำลังอยู่ในสถานที่ใหม่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวประหลาดของคนในโรงเรียนนี้อย่างบอกไม่ถูก เมื่อเด็กนักเรียนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันต่างมองมายังเขาด้วยสายตาแปลก ๆ คล้ายกับต้องการถามว่าเขาเดินมาเข้าแถวผิดที่หรือไม่

“นาย ๆ”

“…”

“นี่นายเข้าผิดแถวหรือเปล่า?” ในที่สุดคนที่ยืนเข้าแถวอยู่ข้าง ๆ กันก็รวบรวมความกล้าแล้วสะกิดแขนถามเขาแบบนั้น นั่นจึงทำให้โอมต้องหันไปมองอีกฝ่าย เพื่อที่จะได้พบว่าอีกฝ่ายมีหน้าตาจิ้มลิ้ม แถมยังมีลักยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าและมันจะปรากฏออกมาทุกครั้งเวลาที่เจ้าตัวพูดอีกต่างหาก

“เราเข้าแถวถูกแล้ว” โอมที่ตั้งสติได้แล้วยืนยันกลับไป ซึ่งคำพูดของเขาก็ทำให้เด็กชายที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และอีกฝ่ายก็น่าจะหวังดีอยากจะพาเขาเดินไปส่งให้ถูกที่ถูกทางถึงกับต้องเอียงคอมองกันด้วยความสงสัย นั่นจึงทำให้สุดท้ายเขาจึงต้องขยายความเพิ่มเติม เพื่อให้อีกฝ่ายหายข้องใจเสียที

“พอดีเราเป็นเด็กใหม่” เขาเอ่ยเพียงสั้น ๆ ทว่าถ้อยคำเหล่านั้น มันกลับทำให้คนที่มีอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดในคราวแรกหายข้องใจโดยพลัน

“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเด็กใหม่นี่เอง ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ” อีกฝ่ายถามกันเหมือนต้องการผูกมิตรกับเขา

“โอม แล้วนายล่ะชื่ออะไร” โอมถามกลับไป โดยเขาก็ไม่ได้ถามกลับไปตามมารยาทแต่อย่างใด แต่เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าเพื่อนใหม่คนแรกที่เขาได้จากโรงเรียนนี้ชื่ออะไร

“เราชื่อนนน” อีกฝ่ายตอบชื่อของตัวเองกลับมาอย่างไม่อ้อมค้อม ช่วงเวลาเดียวกันเสียงของครูใหญ่ที่เป็นคนพูดนำพานักเรียนยืนเคารพธงชาติก็ดังขึ้นเสียก่อน นั่นจึงทำให้ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากกว่านั้น และพวกเขาก็รู้จักแค่ชื่อของกันและกันเอาไว้เท่านั้น

“เอาล่ะ ตามที่ครูใหญ่ประกาศผ่านวิทยุไป… วันนี้โรงเรียนของเรามีนักเรียนใหม่เข้ามา เพื่อนใหม่คนนี้จะมาเป็นส่วนหนึ่งของห้องเราด้วย เพราะงั้นครูฝากทุกคนดูแลเพื่อนใหม่คนนี้ด้วยนะ” เวลาต่อมาหลังจากที่การเข้าแถวผ่านพ้นไปแล้ว และตอนนี้โอมก็ได้เข้ามาในห้องเรียนใหม่ของตัวเอง เขาที่ยังไม่ได้แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการก็ถูกครูประจำชั้นเรียกให้ออกไปยืนหน้าห้องและพูดเปิดให้เขาแบบนั้น

“เราช่วยแนะนำตัวเองให้เพื่อนในห้องได้รู้จักหน่อยสิ” คราวนี้ครูประจำชั้นหันมาพูดกับเขาบ้าง

“ครับ” โอมขานรับคำพูดของเธอเพียงสั้น ๆ จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อลดอาการประหม่าของตัวเอง ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดแนะนำตัวเองว่าชื่ออะไรและย้ายมาจากที่ไหน

“สวัสดีทุกคน เราชื่อโอมนะ เราย้ายมาจากโรงเรียนเล็ก ๆ จากอำเภอข้าง ๆ กันนี่แหละ ยังไงเราก็ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ” โอมกล่าวแนะนำตัวเองเพียงสั้น ๆ หลังเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องพูดอะไรเหมือนกัน

“อ้าว… พูดจบแล้วเหรอจ๊ะ นี่โอมไม่มีอะไรจะพูดอีกหรือไง” ครูประจำชั้นที่เห็นว่าโอมไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรเพิ่มเติมถามกันแบบนั้น

“ครับ ผมพูดจบแล้วครับ” โอมบอกกลับไปด้วยน้ำเสียงขลาดอาย ซึ่งหลังจากที่ครูประจำชั้นได้ยินแบบนั้น อีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่พยักหน้ากลับมาให้กันเท่านั้น คล้ายกับเธอเข้าใจดีว่าเด็กใหม่อย่างเขาคงประหม่ามากเพียงใด จากนั้นเธอก็กวาดสายตามองไปทั่วห้อง ก่อนที่สุดท้ายเธอจะชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่ว่าง

“เดี๋ยวโอมไปนั่งตรงนั้นนะ ตรงโต๊ะติดขอบหน้าต่าง ตรงนั้นจะเป็นที่นั่งที่ประจำของโอม” ครูประจำชั้นบอกกันเพียงสั้น ๆ และพอเขาถูกสั่งแบบนั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่โอมเลือกที่จะรีบแบกกระเป๋าเป้ใบยักษ์ของตัวเองเดินไปทิ้งตัวตรงโต๊ะที่ติดอยู่ขอบหน้าต่างตามคำบอกของครูประจำชั้นแต่โดยดี

ซึ่งหลังจากที่โอมทิ้งตัวนั่งแล้ว ครูประจำชั้นก็พูดกับนักเรียนที่อยู่ในความดูแลของตัวเองต่อ

“เดี๋ยวครูคณิตจะเข้ามาสอนแล้ว ยังไงระหว่างนี้ทุกคนก็อยู่ในความสงบก็แล้วกัน ห้ามพากันเสียงดังเด็ดขาด” เธอพูดแค่นั้นแล้วเดินหิ้วกระเป๋ากลับออกไปโดยพลัน ในช่วงเวลาเดียวกันโอมที่ยังคงมีอาการประหม่าไม่หายก็เปิดกระเป๋าเป้ออก เพื่อหยิบเอาอุปกรณ์การเรียนที่เขาพกมาด้วยออกมากางเอาไว้ เตรียมตัวจะเรียนวิชาคณิตศาสตร์ตามคำบอกของเธอ

“โอม!” และในระหว่างที่โอมกำลังอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ค่อยได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวนัก ทันใดนั้นนนนที่เพิ่งทำความรู้จักกันไปตอนที่ทั้งสองยืนเคารพธงชาติอยู่ข้าง ๆ กัน และตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังนั่งอยู่ด้านหน้าสุดก็หันกลับมาเรียกชื่อเขาแบบนั้น เหมือนเจ้าตัวต้องการทักทายกันอยู่ในที โดยอีกฝ่ายก็ดูจะดีใจอยู่พอสมควรที่พวกเขาได้เป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกันแบบนี้

“ว่าไง” โอมที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องพูดอะไรเอ่ยกลับไปแบบนั้น และมีอาการชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อรอยยิ้มที่นนนส่งมาให้กันเพื่อผูกมิตรกับเขาในฐานะเพื่อน มันช่างสดใสเสียจนหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ

“สงสัยอะไรหรือเปล่า โอม?” นนนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใส ๆ ที่ทำให้โอมรู้สึกอบอุ่นในใจ

“อ๋อ เปล่าๆ แค่เตรียมหนังสือเอาไว้เรียนน่ะ” โอมตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มแหย ๆ เมื่อเห็นนนนหันมามองเขาอย่างตั้งใจ

“ดีจัง! เดี๋ยวคาบคณิตครูคงสอนเรื่องใหม่ ๆ น่ะ ถ้านายมีอะไรไม่เข้าใจก็ถามได้นะ” นนนพูดพร้อมกับยิ้มให้เขา ทำให้โอมรู้สึกว่าเขามีเพื่อนที่ดีอยู่ข้าง ๆ

“ขอบคุณนะ” โอมพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ เขารู้สึกประทับใจในความมีน้ำใจของนนน

เวลาไม่นานนัก ครูคณิตก็เดินเข้ามาในห้องเรียนและเริ่มการสอน โอมพยายามตั้งใจเรียน แต่บางครั้งสายตาของเขาก็เลื่อนมองไปที่นนนที่นั่งอยู่ด้านหน้า เธอสวมชุดนักเรียนที่เรียบร้อย หน้าตาจิ้มลิ้มและมีลักยิ้มที่ทำให้โอมอดยิ้มตามไม่ได้

หลังจากการเรียนคณิตศาสตร์ผ่านไป โอมรู้สึกเหนื่อยแต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง พอถึงเวลาพัก เขาก็รีบออกไปข้างนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ นนนตามออกมาด้วย

“โอม นั่งตรงนี้ไหม?” นนนชี้ไปที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มเงา

“ได้สิ!” โอมตอบและเดินไปนั่งข้าง ๆ นนน

“วันนี้วันแรกแล้วเป็นไงบ้าง?” นนนถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย

“ก็ตื่นเต้นดีครับ มีเพื่อนใหม่อย่างนายก็ดีแล้ว” โอมตอบพร้อมยิ้มให้

“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน ถ้าคิดไม่ออกเกี่ยวกับการบ้านก็ถามได้เลยนะ” นนนพูดอีกครั้ง ทำให้โอมรู้สึกอบอุ่นใจมากขึ้น

“แน่นอน!” โอมตอบด้วยความมั่นใจ

ทั้งสองคนใช้เวลาพักอยู่ใต้ต้นไม้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน และในช่วงเวลาเหล่านั้น แสงแดดที่ลอดผ่านใบไม้ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนักเรียนเริ่มสดใสขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากนั้น วันแรกของการเรียนจบลง โอมและนนนเดินออกจากโรงเรียนพร้อมกัน เสียงหัวเราะและการพูดคุยของพวกเขาทำให้วันนั้นเป็นวันที่พิเศษ

“พรุ่งนี้เจอกันนะ” นนนบอกพร้อมยิ้มให้เขา

“เจอกันครับ” โอมตอบและมองเธอเดินจากไป เขารู้สึกว่าวันแรกที่โรงเรียนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำดี ๆ มากมาย

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เธอในความทรงจำ   ฉันเขียนชื่อเธอไว้ที่ยางลบ

    “ไปเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่โอมปั่นจักรยานกลับมาถึงบ้านแล้ว ม้าของเขาที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอยู่ในห้องครัว แถมอาหารที่เธอกำลังทำก็ยังส่งกลิ่นหอมลอยคลุ้งไปทั่วบ้านก็เอ่ยปากถามกันโดยพลัน นั่นจึงทำให้โอมที่ตั้งท่าจะวิ่งขึ้นห้องของตัวเองในคราวแรกต้องชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย เพื่อตอบคำถามของแม่“ก็ดีครับ” เด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องตอบอะไรบอกกลับไปแบบนั้น“ดี ๆ แล้วตอนนี้โอมได้เพื่อนใหม่หรือยัง” แม่ถามเพิ่มเติม ซึ่งถ้าฟังจากคำพูดจาของแม่แล้วก็ดูเหมือนว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะอารมณ์ดีกว่าตอนเช้า เพราะเมื่อเช้านี้นอกจากแม่ของเขาจะขึ้นไอ้อีกับเขาแล้ว แม่ของเขายังใช้กูมึงอีกต่างหาก“ไอ้โอม นี่มึงได้ยินคำถามของกูไหมเนี่ย” เสียงของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง และเสียงก้องกังวานของแม่ที่เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาแล้วก็ทำเอาเด็กหนุ่มต้องหลุดจากภวังค์โดยพลัน“ผมมีเพื่อนใหม่แล้ว” เด็กหนุ่มตอบ ช่วงเวลาเดียวกันใบหน้าของนนนก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา เมื่อนนนเป็นเพื่อนคนแรกในโรงเรียนใหม่นี้“ดี ๆ มึงมีเพื่อนแล้วก็ดี กูจะได้หายห่วงเสียที กูกลัวตั้งนานแน่ะ กลัวว่าพอย้ายมาโรงเรียนใหม่แบบนี้ ลูกตัวเองจะไม่มีเพื่อนค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • เธอในความทรงจำ   ไม่มีดอกไม้ใดสวยงามเท่ารอยยิ้มเธอ

    “ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แปลก ๆ แฮะ นี่เมื่อกี้นายเขียนอะไรเอาไว้บนยางลบเหรอ เราขอดูหน่อยสิ” นนนที่เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนผิดธรรมชาติของโอมถามกันอีกหน โดยอีกฝ่ายก็ไม่ทำแค่พูดเพียงอย่างเดียว แต่เจ้าตัวยังมีการหรี่สายตาจ้องมองกันอย่างนึกจับผิดอีกด้วย “ไม่มีอะไรหรอก นายอย่ามาใส่ใจเรื่องไร้สาระเลย” โอมตอบกลับไปเสียงแผ่ว ช่วงเวลาเดียวกันเด็กหนุ่มที่กลัวว่าตัวเองจะถูกเพื่อนใหม่ป้ายแดงไล่ต้อนกันให้จนมุมก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอไปหนึ่งที“อะไรกัน แล้วทำไมต้อง…” จังหวะที่นนนอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา มันก็เหมือนมีสวรรค์มาโปรด เพราะยังไม่ทันที่นนนจะได้อ้าปากซักไซ้อะไรกันมากกว่านี้ เสียงขององุ่นที่อีกฝ่ายเองก็จดงานเสร็จแล้วเช่นกันก็ดังขึ้นเสียก่อน เมื่อเธอเองได้เดินมายืนคุยกับพวกเขาที่โต๊ะเรียนของโอม “สองคนนี้กำลังคุยอะไรกันอยู่ ไม่ไปพักเที่ยงหรือไง” “อ้าว ครูเขาปล่อยแล้วเหรอ” นนนที่ได้ยินแบบนั้นหันกลับไปถามองุ่นโดยพลัน “ก็ปล่อยแล้วสิ เพราะเมื่อกี้ตอนที่ครูเขาสั่งงาน เขาก็บอกแลวไงว่าถ้าใครจดงานเสร็จ ถ้าวางงานไว้ที่โต๊ะแล้วก็ให้ไปกินข้าวได้เลย” องุ่นพูดเพิ่มเติม ซึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • เธอในความทรงจำ   ปฐมลิขิต

    กลางถนนในฤดูร้อนที่แสนอบอ้าวในปี พ.ศ.2566 บนเส้นทางที่ยาวไกลมียานพาหะสัญจรกันไปมาเพื่อกลับสู่ชีวิตการทำงานที่แสนเร่งรีบเช่นเดิม เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ และเขาก็เช่นกันที่เดินทางมาพักผ่อนต่างจังหวัดและต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ เหมือนกับทุกๆคนบนถนนเส้นนี้ ชายสูงวัยรุ่นราวคราวเกษียณ มีลักยิ้มที่มุมปาก และหน้าตาผิวพรรณดีถึงแม้จะผ่านโลกมายาวนานก็ตาม เขาขับรถยนต์สีเขียวขี้ม้าไซส์มินิสัญชาติญี่ปุ่นขับแล่นไปตามถนนเส้นเก่าเส้นเดิมที่คุ้นเคย เส้นทางที่ชวนให้คิดถึงวันวาน เลี้ยวซ้ายข้างหน้านั้นคือถนนแม้นรำลึก เข้าไปในซอยแล้วจะเจอร้านขนม เขาจำได้ดี มีขนมรังผึ้งที่เขาชอบและเค้กบัตเตอร์ราดซอสคาราเมลที่คนๆหนึ่งที่เขาคิดถึงในอดีตนั้นโปรดปราณ เสียงลมพัดเอื่อยๆ พัดพาเอากลิ่นบัตเตอร์เข้าจมูกชวนให้เขาหยุดรถเพื่อจอดเข้าตึกแถวข้างร้านนั้น เขาลงไปซื้อของที่เขาชอบพลางแง้มๆดูหน้าตาของมันแล้ววางที่เบาะข้างๆ ฉันยังจำเสมอ ที่เธอเคยบอกกับฉันคิดแล้วยังตื้นตันเกินอธิบายนึกถึงคำคำนั้น ทุกวันที่ห่างกันไปเหมือนมันเป็นโยงใย ที่ส่งถึงกันเขาเปิดเพลงจากซีดีเพลงเก่าจากอัลบั้มรวมเพลงยอดฮิต พศ.2544

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22

บทล่าสุด

  • เธอในความทรงจำ   ไม่มีดอกไม้ใดสวยงามเท่ารอยยิ้มเธอ

    “ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แปลก ๆ แฮะ นี่เมื่อกี้นายเขียนอะไรเอาไว้บนยางลบเหรอ เราขอดูหน่อยสิ” นนนที่เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนผิดธรรมชาติของโอมถามกันอีกหน โดยอีกฝ่ายก็ไม่ทำแค่พูดเพียงอย่างเดียว แต่เจ้าตัวยังมีการหรี่สายตาจ้องมองกันอย่างนึกจับผิดอีกด้วย “ไม่มีอะไรหรอก นายอย่ามาใส่ใจเรื่องไร้สาระเลย” โอมตอบกลับไปเสียงแผ่ว ช่วงเวลาเดียวกันเด็กหนุ่มที่กลัวว่าตัวเองจะถูกเพื่อนใหม่ป้ายแดงไล่ต้อนกันให้จนมุมก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอไปหนึ่งที“อะไรกัน แล้วทำไมต้อง…” จังหวะที่นนนอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา มันก็เหมือนมีสวรรค์มาโปรด เพราะยังไม่ทันที่นนนจะได้อ้าปากซักไซ้อะไรกันมากกว่านี้ เสียงขององุ่นที่อีกฝ่ายเองก็จดงานเสร็จแล้วเช่นกันก็ดังขึ้นเสียก่อน เมื่อเธอเองได้เดินมายืนคุยกับพวกเขาที่โต๊ะเรียนของโอม “สองคนนี้กำลังคุยอะไรกันอยู่ ไม่ไปพักเที่ยงหรือไง” “อ้าว ครูเขาปล่อยแล้วเหรอ” นนนที่ได้ยินแบบนั้นหันกลับไปถามองุ่นโดยพลัน “ก็ปล่อยแล้วสิ เพราะเมื่อกี้ตอนที่ครูเขาสั่งงาน เขาก็บอกแลวไงว่าถ้าใครจดงานเสร็จ ถ้าวางงานไว้ที่โต๊ะแล้วก็ให้ไปกินข้าวได้เลย” องุ่นพูดเพิ่มเติม ซึ

  • เธอในความทรงจำ   ฉันเขียนชื่อเธอไว้ที่ยางลบ

    “ไปเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่โอมปั่นจักรยานกลับมาถึงบ้านแล้ว ม้าของเขาที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอยู่ในห้องครัว แถมอาหารที่เธอกำลังทำก็ยังส่งกลิ่นหอมลอยคลุ้งไปทั่วบ้านก็เอ่ยปากถามกันโดยพลัน นั่นจึงทำให้โอมที่ตั้งท่าจะวิ่งขึ้นห้องของตัวเองในคราวแรกต้องชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย เพื่อตอบคำถามของแม่“ก็ดีครับ” เด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องตอบอะไรบอกกลับไปแบบนั้น“ดี ๆ แล้วตอนนี้โอมได้เพื่อนใหม่หรือยัง” แม่ถามเพิ่มเติม ซึ่งถ้าฟังจากคำพูดจาของแม่แล้วก็ดูเหมือนว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะอารมณ์ดีกว่าตอนเช้า เพราะเมื่อเช้านี้นอกจากแม่ของเขาจะขึ้นไอ้อีกับเขาแล้ว แม่ของเขายังใช้กูมึงอีกต่างหาก“ไอ้โอม นี่มึงได้ยินคำถามของกูไหมเนี่ย” เสียงของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง และเสียงก้องกังวานของแม่ที่เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาแล้วก็ทำเอาเด็กหนุ่มต้องหลุดจากภวังค์โดยพลัน“ผมมีเพื่อนใหม่แล้ว” เด็กหนุ่มตอบ ช่วงเวลาเดียวกันใบหน้าของนนนก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา เมื่อนนนเป็นเพื่อนคนแรกในโรงเรียนใหม่นี้“ดี ๆ มึงมีเพื่อนแล้วก็ดี กูจะได้หายห่วงเสียที กูกลัวตั้งนานแน่ะ กลัวว่าพอย้ายมาโรงเรียนใหม่แบบนี้ ลูกตัวเองจะไม่มีเพื่อนค

  • เธอในความทรงจำ   สายลม แสงแดดและการพบหน้าเธอ

    16 พฤษภาคม พศ.2516 วันเปิดเทอมวันแรกกับการตื่นนอนแต่เช้าตรู่ เด็กหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นรีบแต่งตัวสะพายกระเป๋าเป้ใบเก่า เขารีบวิ่งลงบันไดบ้าน เขาวิ่งลงบันไดบันได้ไม่ทันสุดขั้นบันไดสุดท้าย แม่ก็ทักทันทีเสียว่า"ไอ่โอมมมมม มึงจะรีบวิ่งอะไรนักหนา เดี๋ยวกูสะดุดกะไดล้มล่ะมึง!" เสียงคุ้นเคยที่ได้ยินก็รู้เลยว่าเสียงแม่ ทำเอาเขาตื่นทั้งขี้ตาในทันที "เล่นตื่นซะไก่โห่ขนาดนี้ จะไปทันบ้านทันเมืองเขาไหม แล้วนั้นไม่เอาหมั่นโถ่วไปกินสัก 2 - 3 ลูกล่ะจะได้อิ่มๆ" แม่บ่นในประโยคเดิมๆเช่นเคย ถึงปากร้ายแต่ก็ใจดี เป็นห่วงเป็นใยเด็กหนุ่มเสมอ"ขี้บ่นอะไรนักหนา ม๊า" เขาบ่นงุบงิบแล้วคว้าเอาถุงหมั่นโถ่วที่แม่เตรียมยัดใส่กระเป๋าพอถึงหน้าบ้านเขาก็คว้าจักรยานคันโปรดที่มีคันเดียวในบ้านปั่นไปโรงเรียนด้วยความเร่งรีบ ด้วยความที่พึ่งไปสถานที่นั้นมาเพียงสองครั้งในวันสมัครเรียนและวันมอบตัวจึงทำให้เขาไม่ค่อยจะชำนาญเส้นทางสักเท่าไร เส้นทางที่ไม่คุ้นก็พาให้เขาหลงทางจนได้ "ลุงครับลุง ทางไปโรงเรียนราชินทร์วิทยาไปทางไหนครับ ให้ผมเลี้ยวซ้ายหรือตรงไปดีครับ" เด็กหนุ่มก็ถามพร้อมกับปาดเหงื่อ"ไอ้หนูเอ้ย เอ็งก็ปั่นจักรยานตรงไปเล๊ย

  • เธอในความทรงจำ   ปฐมลิขิต

    กลางถนนในฤดูร้อนที่แสนอบอ้าวในปี พ.ศ.2566 บนเส้นทางที่ยาวไกลมียานพาหะสัญจรกันไปมาเพื่อกลับสู่ชีวิตการทำงานที่แสนเร่งรีบเช่นเดิม เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ และเขาก็เช่นกันที่เดินทางมาพักผ่อนต่างจังหวัดและต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ เหมือนกับทุกๆคนบนถนนเส้นนี้ ชายสูงวัยรุ่นราวคราวเกษียณ มีลักยิ้มที่มุมปาก และหน้าตาผิวพรรณดีถึงแม้จะผ่านโลกมายาวนานก็ตาม เขาขับรถยนต์สีเขียวขี้ม้าไซส์มินิสัญชาติญี่ปุ่นขับแล่นไปตามถนนเส้นเก่าเส้นเดิมที่คุ้นเคย เส้นทางที่ชวนให้คิดถึงวันวาน เลี้ยวซ้ายข้างหน้านั้นคือถนนแม้นรำลึก เข้าไปในซอยแล้วจะเจอร้านขนม เขาจำได้ดี มีขนมรังผึ้งที่เขาชอบและเค้กบัตเตอร์ราดซอสคาราเมลที่คนๆหนึ่งที่เขาคิดถึงในอดีตนั้นโปรดปราณ เสียงลมพัดเอื่อยๆ พัดพาเอากลิ่นบัตเตอร์เข้าจมูกชวนให้เขาหยุดรถเพื่อจอดเข้าตึกแถวข้างร้านนั้น เขาลงไปซื้อของที่เขาชอบพลางแง้มๆดูหน้าตาของมันแล้ววางที่เบาะข้างๆ ฉันยังจำเสมอ ที่เธอเคยบอกกับฉันคิดแล้วยังตื้นตันเกินอธิบายนึกถึงคำคำนั้น ทุกวันที่ห่างกันไปเหมือนมันเป็นโยงใย ที่ส่งถึงกันเขาเปิดเพลงจากซีดีเพลงเก่าจากอัลบั้มรวมเพลงยอดฮิต พศ.2544

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status