หน้าหลัก / วัยรุ่น / เธอในความทรงจำ / ฉันเขียนชื่อเธอไว้ที่ยางลบ

แชร์

ฉันเขียนชื่อเธอไว้ที่ยางลบ

ผู้เขียน: Sonan.lin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-22 11:33:59

“ไปเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่โอมปั่นจักรยานกลับมาถึงบ้านแล้ว ม้าของเขาที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอยู่ในห้องครัว แถมอาหารที่เธอกำลังทำก็ยังส่งกลิ่นหอมลอยคลุ้งไปทั่วบ้านก็เอ่ยปากถามกันโดยพลัน นั่นจึงทำให้โอมที่ตั้งท่าจะวิ่งขึ้นห้องของตัวเองในคราวแรกต้องชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย เพื่อตอบคำถามของแม่

“ก็ดีครับ” เด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องตอบอะไรบอกกลับไปแบบนั้น

“ดี ๆ แล้วตอนนี้โอมได้เพื่อนใหม่หรือยัง” แม่ถามเพิ่มเติม ซึ่งถ้าฟังจากคำพูดจาของแม่แล้วก็ดูเหมือนว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะอารมณ์ดีกว่าตอนเช้า เพราะเมื่อเช้านี้นอกจากแม่ของเขาจะขึ้นไอ้อีกับเขาแล้ว แม่ของเขายังใช้กูมึงอีกต่างหาก

“ไอ้โอม นี่มึงได้ยินคำถามของกูไหมเนี่ย” เสียงของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง และเสียงก้องกังวานของแม่ที่เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาแล้วก็ทำเอาเด็กหนุ่มต้องหลุดจากภวังค์โดยพลัน

“ผมมีเพื่อนใหม่แล้ว” เด็กหนุ่มตอบ ช่วงเวลาเดียวกันใบหน้าของนนนก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา เมื่อนนนเป็นเพื่อนคนแรกในโรงเรียนใหม่นี้

“ดี ๆ มึงมีเพื่อนแล้วก็ดี กูจะได้หายห่วงเสียที กูกลัวตั้งนานแน่ะ กลัวว่าพอย้ายมาโรงเรียนใหม่แบบนี้ ลูกตัวเองจะไม่มีเพื่อนคบ” แม่ที่ได้รับคำตอบที่เธออยากได้ยินแล้วบอกกลับมา จากนั้นอีกฝ่ายก็หันไปผัดของในกระทะต่อ ช่วงเวลาเดียวกันโอมเองก็รีบเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ตั้งใจจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับลงมากินข้าวเย็นฝีมือแม่ตัวเอง

เช้าวันต่อมาในวันที่เด็กหนุ่มยังต้องเดินทางไปโรงเรียนอยู่ ในวันนี้โอมก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนอย่างวันแรกนัก เรียกได้ว่าอาการประหม่าที่เด็กหนุ่มเคยมีเมื่อวาน ตอนนี้มันได้หายไปเป็นปลิดทิ้งแล้ว หลังเขารู้แล้วว่าพอตัวเองมาต่อแถวเคารพธงชาติเช่นนี้ เขาจะต้องเจอกับใครบ้าง

“โอม ทางนี้!” เมื่อเขาเดินมาถึงแถวของห้องตัวเอง ยังไม่ทันที่โอมจะได้กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวให้ดีด้วยซ้ำ เสียงทักทายที่คุ้นหูก็ดังขึ้นเสียก่อน นั่นจึงทำให้เขาต้องหันตาไปมองตามเสียงนั้นโดยพลัน เพื่อที่เขาจะได้พบว่านนนที่มาถึงก่อนแล้วกำลังกวักมือเรียกกันเสียยกใหญ่

“มาถึงเร็วจัง” พอเขาเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายแล้ว โอมก็เป็นฝ่ายชวนนนนสนทนาก่อน

“พอดีเราเป็นคนตื่นเช้า เราก็เลยมาถึงที่นี่เร็วน่ะ” นนนตอบกลับมา ดวงตากลมโตของอีกฝ่ายยังคงฉายความสดใสเหมือนอย่างทุกที

จากนั้นทั้งสองเพื่อนใหม่ที่ยังคงมีอาการเกร็งต่อกันอยู่บ้างก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมายนัก พวกเขากล่าวทักทายกันเพียงนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น ก่อนที่สุดท้ายทั้งคู่จะมาจบลงที่การยืนต่อแถวอยู่ข้าง ๆ กัน

โดยทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนอย่างเมื่อวานนี้ไม่มีผิดเพี้ยน กระทั่งโอมเดินเข้ามาในห้องเรียนและเห็นว่านนนกับกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัวกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันระหว่างที่รอให้ครูเข้าสอนนี่แหละ นาทีนั้นเด็กหนุ่มที่รู้จักแค่นนนเท่านั้นก็ย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อโอมเห็นว่านนนกวักมือเรียกกันอีกแล้ว

“โอมเดินมานี่หน่อยสิ” เพราะอีกฝ่ายเห็นโอมทำหน้างง เจ้าตัวจึงยกมือขึ้นป้องปากแล้วตะโกนเรียกกันแบบนั้น นั่นจึงทำให้โอมที่ตั้งใจจะเดินไปทิ้งตัวนั่งตรงที่ประจำของตัวเองในคราวแรกต้องเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนของนนนแบบงง ๆ

“พอดีเพื่อนเราอยากทำความรู้จักกับนายน่ะ” นนนที่เห็นว่าตอนนี้บนใบหน้าของโอมกำลังมีเครื่องหมายคำถามติดอยู่เต็มไปหมดไขข้อข้องใจให้เขาฟัง

ซึ่งในนาทีนั้นคนที่ต้องเดินมาหาอีกฝ่ายแบบงง ๆ ก็ได้แต่ส่งเสียงขานรับเบา ๆ ในลำคอพลางเลื่อนสายตามองไปยังเหล่าเพื่อนของนนนที่ประกอบไปด้วยชายหนึ่ง หญิงสาม โดยทุกคนในตอนนี้ก็กำลังมองมาที่เขาอย่างให้ความสนใจเช่นกัน

“ส—สวัสดี เราชื่อแก้วนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” หนึ่งในสี่เป็นฝ่ายกล่าวทักทายโอมก่อน โดยอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำแค่พูดเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังมีการยกมือขึ้นมาทักทายเขาเบา ๆ ด้วย

“อ้อ หวัดดี เราชื่อโอมนะ” โอมที่ถูกแนะนำตัวก่อนแบบนั้นรีบบอกชื่อของตัวเองกลับไป ซึ่งพอเขาบอกชื่อของตัวเองเสร็จ นาทีถัดมาเพื่อนคนอื่น ๆ ของนนนก็เริ่มเรียงตัวกันมาแนะนำชื่อของตัวเองต่อ ราวกับทั้งหมดต้องการเป็นเพื่อนกับเขาเช่นกัน ทำเอาโอมที่เห็นความกระตือรือร้นเหล่านั้นรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“ส่วนเราชื่อแก้วนะ บ้านเปิดร้านขายของชำ”

“เราชื่อชมพู ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ้า”

“เราชื่อกล้า” คราวนี้ผู้ชายคนสุดท้ายในกลุ่มเป็นคนพูดแนะนำตัวเองบ้าง และหลังจากที่ทั้งหมดแนะนำชื่อของตัวเองครบหมดแล้ว นาทีนั้นโอมก็เงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเขากำลังพยายามจดจำชื่อเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จักเมื่อกี้อยู่

“เงียบไปแบบนี้ นี่นายพยายามจำชื่อเพื่อนอยู่เหรอ” นนนที่เห็นว่าโอมไม่พูดอะไร แถมยังเอาแต่เงียบท่าเดียวเอ่ยถามกันอย่างให้ความสนใจ

“ใช่” โอมยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งพอชมพูได้ยินแบบนั้น เธอที่กลัวว่าเขาจะเครียดก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันควัน

“โอมค่อย ๆ จำก็ได้นะ ไม่ต้องเครียดไป เพราะยังไงเสีย… นายก็มีเวลาทั้งวันอยู่แล้ว” เธอบอกกันด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ช่วงเวลาเดียวกันคุณครูที่ต้องเข้าสอนพวกเขาเป็นวิชาแรกก็เดินเข้ามาในห้องพอดี นั่นจึงทำให้บทสนทนาทั้งหมดต้องหยุดไว้แค่เท่านั้น

โดยหลังจากที่โอมทิ้งตัวนั่งตรงโต๊ะติดหน้าต่างที่เป็นที่ประจำของเขาแล้ว โอมก็หันสายตามองไปยังนนนที่นั่งเป็นเด็กหน้าห้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหยิบเอาหนังสือและสมุดออกมาเปิดตามคำสั่งของครู ซึ่งวิชาแรกที่เขาจะได้เรียนในวันนี้มันก็คือวิชาภาษาไทย

“เอาล่ะ เดี๋ยวนักเรียนทุกคนเปิดไปที่หน้าสิบสองแล้วอ่านพร้อมกันนะ” ครูภาษาไทยสั่งกัน ในระหว่างนั้นสายตาของโอมก็ยังคงมองไปยังหน้าห้อง เขามองดูแผ่นหลังของนนนอยู่แบบนั้น ทว่าในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาเด็กหนุ่มก็ต้องรีบหลุบสายตามองตัวหนังสือตรงหน้าตัวเองโดยพลัน เมื่อจู่ ๆ ครูภาษาไทยที่น่าจะเป็นคนเข้มงวดพอตัวก็จ้องมองเขาตาเขม็ง หลังเธอเห็นว่าโอมไม่ได้สนใจหนังสือเรียนตรงหน้าตัวเองเหมือนอย่างนักเรียนคนอื่น

ตึกตัก ๆ ~ นั่นคือเสียงหัวใจของโอมในนาทีที่เขารู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกครูประจำวิชาจ้องมองกันอย่างเจาะจง เขาทำทีให้ความสนใจหนังสือเรียนตรงหน้าและขยับริมฝีปากอ่านตามเพื่อนในห้องอยู่พักใหญ่ ซึ่งพอเขาเห็นว่าตอนนี้ครูภาษาไทยไม่ได้ให้ความสนใจเขาอีกต่อไป นาทีนั้นโอมถึงค่อยลอบพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และสถานการณ์ก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

หลังจากที่วิชาภาษาไทยจบลงแล้ว เวลาต่อมาคราวนี้มันก็เป็นวิชาสังคมบ้าง และเพราะครูวิชานี้ไม่ได้เข้มงวดเหมือนอย่างวิชาก่อนหน้า นั่นจึงทำให้โอมไม่ได้มีอาการเกร็งเหมือนอย่างตอนแรก

เขาที่จดงานใส่สมุดตามคำสั่งของครูเสร็จก่อนใครและมีเวลาว่างเกือบครึ่งชั่วโมง กลับมาทิ้งตัวนั่งตรงที่ของตัวเองแล้วหันมองนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยอย่างเบื่อหน่าย ก่อนที่สุดท้ายสายตาของเขาจะมาหยุดที่แผ่นหลังของเพื่อนหน้าห้องอีกครั้ง เมื่อมันช่างดึงดูดสายตาของโอมเหลือเกิน

นนนมีนิสัยเป็นยังไง อีกฝ่ายอัธยาศัยดี น่ารักและเป็นมิตรกับทุกคนหรือไม่? นั่นคือความสงสัยเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวของโอม ในช่วงเวลาเดียวกันเขาก็เอื้อมมือไปหยิบเอายางลบก้อนใหม่ที่เขาเพิ่งเปิดใช้งานเมื่อวานนี้หมาด ๆ มาวางไว้ตรงหน้าตัวเอง แล้วบรรจงเขียนชื่อเพื่อนคนแรกของตัวเองลงใส่ยางลบก้อนใหญ่อย่างช้า ๆ

โดยการเขียนชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ชื่อของตัวเองใส่บนยางลบแบบนี้ เท่าที่โอมเคยอ่านผ่านตามาจากในหนังสือการ์ตูนวัยเด็กของเขา ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น ผู้คนมีความเชื่อว่าหากเราเขียนชื่อคนที่ชอบไว้บนยางลบ แล้วใช้จนหมดโดยไม่ให้คนอื่นได้สัมผัส มันจะทำให้เราได้สมหวังกับคน ๆ นั้น

“กำลังทำอะไรอยู่น่ะ” จังหวะที่โอมเขียนพยัญชนะตัวสุดท้ายเสร็จ ทันใดนั้นเด็กหนุ่มที่มีอาการใจลอยในตอนแรกก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อจู่ ๆ นนนที่ควรจะนั่งจดงานอยู่ที่หน้าห้องก็เดินมาทิ้งตัวนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างข้างเขาเสียอย่างนั้น ทำเอาโอมต้องรีบซ่อนยางลบที่ถูกเขียนชื่อของอีกฝ่ายเอาไว้เป็นพัลวัน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เธอในความทรงจำ   ไม่มีดอกไม้ใดสวยงามเท่ารอยยิ้มเธอ

    “ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แปลก ๆ แฮะ นี่เมื่อกี้นายเขียนอะไรเอาไว้บนยางลบเหรอ เราขอดูหน่อยสิ” นนนที่เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนผิดธรรมชาติของโอมถามกันอีกหน โดยอีกฝ่ายก็ไม่ทำแค่พูดเพียงอย่างเดียว แต่เจ้าตัวยังมีการหรี่สายตาจ้องมองกันอย่างนึกจับผิดอีกด้วย “ไม่มีอะไรหรอก นายอย่ามาใส่ใจเรื่องไร้สาระเลย” โอมตอบกลับไปเสียงแผ่ว ช่วงเวลาเดียวกันเด็กหนุ่มที่กลัวว่าตัวเองจะถูกเพื่อนใหม่ป้ายแดงไล่ต้อนกันให้จนมุมก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอไปหนึ่งที“อะไรกัน แล้วทำไมต้อง…” จังหวะที่นนนอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา มันก็เหมือนมีสวรรค์มาโปรด เพราะยังไม่ทันที่นนนจะได้อ้าปากซักไซ้อะไรกันมากกว่านี้ เสียงขององุ่นที่อีกฝ่ายเองก็จดงานเสร็จแล้วเช่นกันก็ดังขึ้นเสียก่อน เมื่อเธอเองได้เดินมายืนคุยกับพวกเขาที่โต๊ะเรียนของโอม “สองคนนี้กำลังคุยอะไรกันอยู่ ไม่ไปพักเที่ยงหรือไง” “อ้าว ครูเขาปล่อยแล้วเหรอ” นนนที่ได้ยินแบบนั้นหันกลับไปถามองุ่นโดยพลัน “ก็ปล่อยแล้วสิ เพราะเมื่อกี้ตอนที่ครูเขาสั่งงาน เขาก็บอกแลวไงว่าถ้าใครจดงานเสร็จ ถ้าวางงานไว้ที่โต๊ะแล้วก็ให้ไปกินข้าวได้เลย” องุ่นพูดเพิ่มเติม ซึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • เธอในความทรงจำ   ปฐมลิขิต

    กลางถนนในฤดูร้อนที่แสนอบอ้าวในปี พ.ศ.2566 บนเส้นทางที่ยาวไกลมียานพาหะสัญจรกันไปมาเพื่อกลับสู่ชีวิตการทำงานที่แสนเร่งรีบเช่นเดิม เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ และเขาก็เช่นกันที่เดินทางมาพักผ่อนต่างจังหวัดและต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ เหมือนกับทุกๆคนบนถนนเส้นนี้ ชายสูงวัยรุ่นราวคราวเกษียณ มีลักยิ้มที่มุมปาก และหน้าตาผิวพรรณดีถึงแม้จะผ่านโลกมายาวนานก็ตาม เขาขับรถยนต์สีเขียวขี้ม้าไซส์มินิสัญชาติญี่ปุ่นขับแล่นไปตามถนนเส้นเก่าเส้นเดิมที่คุ้นเคย เส้นทางที่ชวนให้คิดถึงวันวาน เลี้ยวซ้ายข้างหน้านั้นคือถนนแม้นรำลึก เข้าไปในซอยแล้วจะเจอร้านขนม เขาจำได้ดี มีขนมรังผึ้งที่เขาชอบและเค้กบัตเตอร์ราดซอสคาราเมลที่คนๆหนึ่งที่เขาคิดถึงในอดีตนั้นโปรดปราณ เสียงลมพัดเอื่อยๆ พัดพาเอากลิ่นบัตเตอร์เข้าจมูกชวนให้เขาหยุดรถเพื่อจอดเข้าตึกแถวข้างร้านนั้น เขาลงไปซื้อของที่เขาชอบพลางแง้มๆดูหน้าตาของมันแล้ววางที่เบาะข้างๆ ฉันยังจำเสมอ ที่เธอเคยบอกกับฉันคิดแล้วยังตื้นตันเกินอธิบายนึกถึงคำคำนั้น ทุกวันที่ห่างกันไปเหมือนมันเป็นโยงใย ที่ส่งถึงกันเขาเปิดเพลงจากซีดีเพลงเก่าจากอัลบั้มรวมเพลงยอดฮิต พศ.2544

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • เธอในความทรงจำ   สายลม แสงแดดและการพบหน้าเธอ

    16 พฤษภาคม พศ.2516 วันเปิดเทอมวันแรกกับการตื่นนอนแต่เช้าตรู่ เด็กหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นรีบแต่งตัวสะพายกระเป๋าเป้ใบเก่า เขารีบวิ่งลงบันไดบ้าน เขาวิ่งลงบันไดบันได้ไม่ทันสุดขั้นบันไดสุดท้าย แม่ก็ทักทันทีเสียว่า"ไอ่โอมมมมม มึงจะรีบวิ่งอะไรนักหนา เดี๋ยวกูสะดุดกะไดล้มล่ะมึง!" เสียงคุ้นเคยที่ได้ยินก็รู้เลยว่าเสียงแม่ ทำเอาเขาตื่นทั้งขี้ตาในทันที "เล่นตื่นซะไก่โห่ขนาดนี้ จะไปทันบ้านทันเมืองเขาไหม แล้วนั้นไม่เอาหมั่นโถ่วไปกินสัก 2 - 3 ลูกล่ะจะได้อิ่มๆ" แม่บ่นในประโยคเดิมๆเช่นเคย ถึงปากร้ายแต่ก็ใจดี เป็นห่วงเป็นใยเด็กหนุ่มเสมอ"ขี้บ่นอะไรนักหนา ม๊า" เขาบ่นงุบงิบแล้วคว้าเอาถุงหมั่นโถ่วที่แม่เตรียมยัดใส่กระเป๋าพอถึงหน้าบ้านเขาก็คว้าจักรยานคันโปรดที่มีคันเดียวในบ้านปั่นไปโรงเรียนด้วยความเร่งรีบ ด้วยความที่พึ่งไปสถานที่นั้นมาเพียงสองครั้งในวันสมัครเรียนและวันมอบตัวจึงทำให้เขาไม่ค่อยจะชำนาญเส้นทางสักเท่าไร เส้นทางที่ไม่คุ้นก็พาให้เขาหลงทางจนได้ "ลุงครับลุง ทางไปโรงเรียนราชินทร์วิทยาไปทางไหนครับ ให้ผมเลี้ยวซ้ายหรือตรงไปดีครับ" เด็กหนุ่มก็ถามพร้อมกับปาดเหงื่อ"ไอ้หนูเอ้ย เอ็งก็ปั่นจักรยานตรงไปเล๊ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22

บทล่าสุด

  • เธอในความทรงจำ   ไม่มีดอกไม้ใดสวยงามเท่ารอยยิ้มเธอ

    “ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แปลก ๆ แฮะ นี่เมื่อกี้นายเขียนอะไรเอาไว้บนยางลบเหรอ เราขอดูหน่อยสิ” นนนที่เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนผิดธรรมชาติของโอมถามกันอีกหน โดยอีกฝ่ายก็ไม่ทำแค่พูดเพียงอย่างเดียว แต่เจ้าตัวยังมีการหรี่สายตาจ้องมองกันอย่างนึกจับผิดอีกด้วย “ไม่มีอะไรหรอก นายอย่ามาใส่ใจเรื่องไร้สาระเลย” โอมตอบกลับไปเสียงแผ่ว ช่วงเวลาเดียวกันเด็กหนุ่มที่กลัวว่าตัวเองจะถูกเพื่อนใหม่ป้ายแดงไล่ต้อนกันให้จนมุมก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอไปหนึ่งที“อะไรกัน แล้วทำไมต้อง…” จังหวะที่นนนอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา มันก็เหมือนมีสวรรค์มาโปรด เพราะยังไม่ทันที่นนนจะได้อ้าปากซักไซ้อะไรกันมากกว่านี้ เสียงขององุ่นที่อีกฝ่ายเองก็จดงานเสร็จแล้วเช่นกันก็ดังขึ้นเสียก่อน เมื่อเธอเองได้เดินมายืนคุยกับพวกเขาที่โต๊ะเรียนของโอม “สองคนนี้กำลังคุยอะไรกันอยู่ ไม่ไปพักเที่ยงหรือไง” “อ้าว ครูเขาปล่อยแล้วเหรอ” นนนที่ได้ยินแบบนั้นหันกลับไปถามองุ่นโดยพลัน “ก็ปล่อยแล้วสิ เพราะเมื่อกี้ตอนที่ครูเขาสั่งงาน เขาก็บอกแลวไงว่าถ้าใครจดงานเสร็จ ถ้าวางงานไว้ที่โต๊ะแล้วก็ให้ไปกินข้าวได้เลย” องุ่นพูดเพิ่มเติม ซึ

  • เธอในความทรงจำ   ฉันเขียนชื่อเธอไว้ที่ยางลบ

    “ไปเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่โอมปั่นจักรยานกลับมาถึงบ้านแล้ว ม้าของเขาที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอยู่ในห้องครัว แถมอาหารที่เธอกำลังทำก็ยังส่งกลิ่นหอมลอยคลุ้งไปทั่วบ้านก็เอ่ยปากถามกันโดยพลัน นั่นจึงทำให้โอมที่ตั้งท่าจะวิ่งขึ้นห้องของตัวเองในคราวแรกต้องชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย เพื่อตอบคำถามของแม่“ก็ดีครับ” เด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องตอบอะไรบอกกลับไปแบบนั้น“ดี ๆ แล้วตอนนี้โอมได้เพื่อนใหม่หรือยัง” แม่ถามเพิ่มเติม ซึ่งถ้าฟังจากคำพูดจาของแม่แล้วก็ดูเหมือนว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะอารมณ์ดีกว่าตอนเช้า เพราะเมื่อเช้านี้นอกจากแม่ของเขาจะขึ้นไอ้อีกับเขาแล้ว แม่ของเขายังใช้กูมึงอีกต่างหาก“ไอ้โอม นี่มึงได้ยินคำถามของกูไหมเนี่ย” เสียงของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง และเสียงก้องกังวานของแม่ที่เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาแล้วก็ทำเอาเด็กหนุ่มต้องหลุดจากภวังค์โดยพลัน“ผมมีเพื่อนใหม่แล้ว” เด็กหนุ่มตอบ ช่วงเวลาเดียวกันใบหน้าของนนนก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา เมื่อนนนเป็นเพื่อนคนแรกในโรงเรียนใหม่นี้“ดี ๆ มึงมีเพื่อนแล้วก็ดี กูจะได้หายห่วงเสียที กูกลัวตั้งนานแน่ะ กลัวว่าพอย้ายมาโรงเรียนใหม่แบบนี้ ลูกตัวเองจะไม่มีเพื่อนค

  • เธอในความทรงจำ   สายลม แสงแดดและการพบหน้าเธอ

    16 พฤษภาคม พศ.2516 วันเปิดเทอมวันแรกกับการตื่นนอนแต่เช้าตรู่ เด็กหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นรีบแต่งตัวสะพายกระเป๋าเป้ใบเก่า เขารีบวิ่งลงบันไดบ้าน เขาวิ่งลงบันไดบันได้ไม่ทันสุดขั้นบันไดสุดท้าย แม่ก็ทักทันทีเสียว่า"ไอ่โอมมมมม มึงจะรีบวิ่งอะไรนักหนา เดี๋ยวกูสะดุดกะไดล้มล่ะมึง!" เสียงคุ้นเคยที่ได้ยินก็รู้เลยว่าเสียงแม่ ทำเอาเขาตื่นทั้งขี้ตาในทันที "เล่นตื่นซะไก่โห่ขนาดนี้ จะไปทันบ้านทันเมืองเขาไหม แล้วนั้นไม่เอาหมั่นโถ่วไปกินสัก 2 - 3 ลูกล่ะจะได้อิ่มๆ" แม่บ่นในประโยคเดิมๆเช่นเคย ถึงปากร้ายแต่ก็ใจดี เป็นห่วงเป็นใยเด็กหนุ่มเสมอ"ขี้บ่นอะไรนักหนา ม๊า" เขาบ่นงุบงิบแล้วคว้าเอาถุงหมั่นโถ่วที่แม่เตรียมยัดใส่กระเป๋าพอถึงหน้าบ้านเขาก็คว้าจักรยานคันโปรดที่มีคันเดียวในบ้านปั่นไปโรงเรียนด้วยความเร่งรีบ ด้วยความที่พึ่งไปสถานที่นั้นมาเพียงสองครั้งในวันสมัครเรียนและวันมอบตัวจึงทำให้เขาไม่ค่อยจะชำนาญเส้นทางสักเท่าไร เส้นทางที่ไม่คุ้นก็พาให้เขาหลงทางจนได้ "ลุงครับลุง ทางไปโรงเรียนราชินทร์วิทยาไปทางไหนครับ ให้ผมเลี้ยวซ้ายหรือตรงไปดีครับ" เด็กหนุ่มก็ถามพร้อมกับปาดเหงื่อ"ไอ้หนูเอ้ย เอ็งก็ปั่นจักรยานตรงไปเล๊ย

  • เธอในความทรงจำ   ปฐมลิขิต

    กลางถนนในฤดูร้อนที่แสนอบอ้าวในปี พ.ศ.2566 บนเส้นทางที่ยาวไกลมียานพาหะสัญจรกันไปมาเพื่อกลับสู่ชีวิตการทำงานที่แสนเร่งรีบเช่นเดิม เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ และเขาก็เช่นกันที่เดินทางมาพักผ่อนต่างจังหวัดและต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ เหมือนกับทุกๆคนบนถนนเส้นนี้ ชายสูงวัยรุ่นราวคราวเกษียณ มีลักยิ้มที่มุมปาก และหน้าตาผิวพรรณดีถึงแม้จะผ่านโลกมายาวนานก็ตาม เขาขับรถยนต์สีเขียวขี้ม้าไซส์มินิสัญชาติญี่ปุ่นขับแล่นไปตามถนนเส้นเก่าเส้นเดิมที่คุ้นเคย เส้นทางที่ชวนให้คิดถึงวันวาน เลี้ยวซ้ายข้างหน้านั้นคือถนนแม้นรำลึก เข้าไปในซอยแล้วจะเจอร้านขนม เขาจำได้ดี มีขนมรังผึ้งที่เขาชอบและเค้กบัตเตอร์ราดซอสคาราเมลที่คนๆหนึ่งที่เขาคิดถึงในอดีตนั้นโปรดปราณ เสียงลมพัดเอื่อยๆ พัดพาเอากลิ่นบัตเตอร์เข้าจมูกชวนให้เขาหยุดรถเพื่อจอดเข้าตึกแถวข้างร้านนั้น เขาลงไปซื้อของที่เขาชอบพลางแง้มๆดูหน้าตาของมันแล้ววางที่เบาะข้างๆ ฉันยังจำเสมอ ที่เธอเคยบอกกับฉันคิดแล้วยังตื้นตันเกินอธิบายนึกถึงคำคำนั้น ทุกวันที่ห่างกันไปเหมือนมันเป็นโยงใย ที่ส่งถึงกันเขาเปิดเพลงจากซีดีเพลงเก่าจากอัลบั้มรวมเพลงยอดฮิต พศ.2544

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status