“หากว่าลูกคิดดีแล้ว..ก็เริ่มเลยเจ๋อเชี่ยน”
อดีตจอมมารพยักหน้าเพื่อบอกกล่าวกับลูกชาย เผ่ามารที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวซึ่งเป็นพลังของเจ๋อเชี่ยนพวกนี้กำลังจะจางหายไป แต่ต้องแลกมาด้วยพลังในร่างกายของเจ๋อเชี่ยนที่จะต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกัน หลี่เจ๋อเชี่ยนวาดมือไปในอากาศ เขาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในชั้นของผิวหนัง เพราะไอขุ่นมัวเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา และการกำจัดพวกมันก็ไม่แตกต่างจากการเอามีดมาเฉือนเนื้อหนังของตัวเอง แต่เขาทนได้..จะนานแค่ไหนหรือทรมานแทบขาดใจเขาก็ทนได้ทั้งนั้น เพื่อหมิงหลันเขาจะอดทน .......... “วางใจเถิดหมิงหลัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ” หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น นางคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ๋อฮั่น “ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเจ๋อเชี่ยนจะนอกใจหรือกลับไปหาเทพีเสวียนม่านหรอกเจ๋อฮั่น ที่ข้ามากับเจ้าเพราะว่าข้าต้องการไปย้ำเตือนสตรีผู้นั้นว่าท่านจอมมารเป็นของข้าต่างหาก” หลี่เจ๋อฮั่นตบมือเสียงดัง “นี่สิ! ถึงจะสมกับเป็นภรรยาของท่านพี่และเป็นพี่สะใภ้ของข้า ไปจัดการให้นางรู้ว่าเจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริง” หมิงหลันหัวเราะเสียงใสกังวานราวกับเสียงของระฆัง หลี่เจ๋อฮั่นมองรอยยิ้มนั้นด้วยแววตาที่พร่ามัวไปหมด นางงดงาม ล้ำเลิซขนาดที่ว่าหาสตรีใดมาเปรียบเทียบมิได้ แต่ทว่าในยามนี้หัวใจของเขามันกลับไม่ได้เต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้หมิงหลันอีกแล้ว อาจจะเพราะเขาล่วงรู้ถึงความมั่นคงในความรักของนาง เขาถึงได้ยินยอมถอยออกมาอย่างง่ายดายไร้ความอาลัยอาวรณ์ หมิงหลันคือสหายที่ดี และเป็นพี่สะใภ้ที่เหมาะสมกับพี่ชายของเขามากเหลือเกิน เขาปฏิเสธตำแหน่งจอมมารไปแล้ว เพราะว่าไม่ต้องการทำงานวุ่นวายพวกนั้น อีกทั้งตำแหน่งจอมมารผู้ยิ่งใหญ่อะไรนั่น เขาไม่เอาด้วยหรอก.. เขายังสนุกกับการเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ ดื่มสุราเคล้านารีในแดนมนุษย์ และปลอมตัวขึ้นไปหยอกเย้าเทพีบนสวรรค์บ้างนานๆ ครั้ง “เจ๋อฮั่น เจ้าเองก็จะต้องได้พบเจออย่างแน่นอน สตรีที่ทำให้เจ้าละสายตาจากนางไม่ได้น่ะ” “อ่า..อย่ากล่าวเช่นนั้น ยามนี้ข้ามีความสุขดีแล้ว ข้าไม่ขอทุกข์ระทมกับสิ่งที่เรียกว่าความรักอะไรแบบนั้นหรอก ไม่ขอเอาด้วย” หมิงหลันวาดมือไปในอากาศ ปรากฏเป็นดอกมู่ตานสีหวานขึ้นมาในมือของนาง เรากำลังเดินผ่านป่าไผ่ที่ทอดยาวก่อนจะถึงในตลาดที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน นางส่งมอบดอกมู่ตานในมือให้กับหลี่เจ๋อฮั่น “หานางให้เจอนะเจ๋อฮั่น..” เขารับดอกมู่ตานที่หมิงหลันส่งให้ก่อนจะเก็บเอาไว้ในแขนเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ “ข้าหาไม่เก่ง แต่หากเป็นเรื่องการหลบซ่อนข้าถนัดมากทีเดียว” ในความฝันบอกอนาคตของหมิงหลัน นางมองเห็นเจ๋อฮั่นนั่งร้องไห้อยู่ข้างต้นดอกมู่ตาน เขาร่ำไห้ปานจะขาดใจเหมือนกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาจะแปรเปลี่ยนเป็นสายเลือด เจ๋อฮั่นจะพบเจอกับความรักที่ตราตรึงหัวใจของเขาเอาไว้ เพียงแต่..เขาอาจจะรักษาความรักที่ว่านั่นเอาไว้ไม่ได้รึเปล่านะ เขาถึงได้ร่ำไห้ถึงเพียงนั้น แต่ถึงในอนาคตจะเป็นอย่างไรหากเป็นเรื่องความรัก นางจะอยู่ตรงนี้และคอยให้คำปรึกษากับเจ๋อฮั่นเอง “หากเป็นเรื่องความรัก เจ้าสามารถมาหาข้าได้ตลอด” หลี่เจ๋อฮั่นขมวดคิ้ว “ข้าไปหาเจ้าแน่แต่ไปเพราะเจ้าหมักสุราเก่งต่างหาก พอเถอะหมิงหลันข้าไม่มีทางรักใครได้หรอก ข้ายังไม่อยากจะมีครอบครัวและยังไม่พร้อมจะอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องใคร” เราเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าร้านน้ำชาที่พึ่งเปิดใหม่ หมิงหลันมองหน้าเจ๋อฮั่นก่อนที่นางจะเดินเข้าไปด้านใน กลิ่นหอมของขนมดอกกุ้ยฮวาที่พึ่งทำเสร็จใหม่ๆ ทำให้หมิงหลันรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในร้านแห่งนี้ไม่เลวเลย “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะคุณหนู...” เมื่อเถ้าแก่เนี้ยเดินมาต้อนรับ ทั้งหมิงหลันและหลี่เจ๋อฮั่นกลับพูดไม่ออก เพราะสตรีเบื้องหน้านี่คือเทพีเสวียนม่านไม่ผิดแน่ แต่ทว่ารอบๆ ตัวนางกลับไม่มีปราณเซียนหลงเหลืออยู่เลย หมายความว่านี่คือเสวียนม่านร่างมนุษย์อย่างนั้นหรือ “ข้าอยากได้น้ำชา และขนมสองสามอย่าง” เพราะเจ๋ออั่นไม่เห็นหมิงหลันกล่าวคำใด เขาถึงได้ต้องสั่งขนมเพื่อที่เราจะได้ขึ้นไปด้านบนและลอบมองท่าทีของเทพีเสวียนม่านให้ชัดเจนมากกว่านี้ “ได้เลยเจ้าค่ะคุณชายรูปงาม เชิญขึ้นไปรอที่ด้านบนได้เลย” หลี่เจ๋อฮั่นเดินนำหมิงหลันขึ้นไปยังชั้นบน เขาเลือกที่นั่งที่สามารถมองเห็นบรรยากาศในร้านได้อย่างถนัด “ข้าสัมผัสไม่ได้ถึงปราณเซียนของนางเลย แถมนางยังไม่มีท่าทีตกใจใดๆ เมื่อเห็นเราสองคน” เจ๋อฮั่นกล่าวออกมาโดยที่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังเถ้าแก่เนี้ยที่กำลังจัดขนมใส่จาน “นางคือมนุษย์..แต่ถึงนางจะเป็นมนุษย์นางก็ยังคงปักใจกับท่านเจ๋อเชี่ยน” ความรู้สึกของเสวียนม่านช่างลึกล้ำยิ่งนัก เพียงแต่มันบังเอิญมากเกินไปหน่อย “หากว่าข้าเดาไม่ผิด องค์รัชทายาทจงจิ้งโหวจะต้องอยู่ที่นี่เป็นแน่” หลี่เจ๋อฮั่นพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของหมิงหลัน “เจ้าอย่าแสดงท่าทีอะไรที่เป็นพิรุจออกมาก็แล้วกัน ในเมื่อเราได้เห็นในสิ่งที่อยากเห็นแล้ว เมื่อดื่มน้ำชากาหมดแล้วเราก็ออกไปจากที่นี่กันเถิด” หมิงหลันเองก็คิดเช่นนั้น ในเวลาไม่นานเถ้าแก่เนี้ยก็ยกกาน้ำชาและขนมหวานมาวางเบื้องหน้าของหมิงหลัน “ตามสบายได้เลยนะเจ้าคะ” หมิงหลันพยักหน้า นางมิได้กล่าวคำใดออกมา และเมื่อหมิงหลันกำลังจะหยิบขนมพวกนั้นใส่ปากก็มีเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินตรงมาหานาง “ท่านผู้มีพระคุณ..” เมื่อหมิงหลันหันกลับไปมองเธอพบเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่สวมอาภรณ์ราคาแพงระยับ นางเลิกคิ้วมองหน้าเขาและเมื่อมองสำรวจดีๆ ก็พบว่าเขาคุ้นหน้าอยู่พอสมควร “อย่าบอกนะขอรับว่าท่านจำข้ามิได้ ในวันนั้นที่ท่านจ่ายค่าหมั่นโถวให้ข้ายังไงเล่า วันนี้ให้โอกาสข้าได้ตอบแทนท่านผู้มีพระคุณด้วยนะขอรับ” เมื่อได้ลองทบทวนดีๆ ก็พบว่าเขาคือชายหนุ่มที่แสนมอมแมมในวันนั้นจริงๆ ด้วย หลี่เจ๋อฮั่นลอบมองใบหน้าของหมิงหลัน เขามองเห็นแววตาที่หวาดระแวงของนางและนั่นทำให้เจ๋อฮั่นเลื่อนมือไปจับไว้บนปลายดาบที่เหน็บอยู่บนเอว เขากำลังรอคำสั่งของหมิงหลันเพื่อโจมตีชายเบื้องหน้า “อ่า..พี่ชายท่านนั้นนี่เอง ท่านดู..แปลกตาจนข้าจำไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” เขาส่งยิ้มที่แสนดีใจให้หมิงหลัน “วันนั้นข้าเดินทางมาเข้ารับราชการที่เมืองนี้ แต่ระหว่างทางข้ากลับถูกปล้นของมีค่าไปจนหมด ทำให้มีสภาพเช่นนั้น ต้องขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่ยื่นมือมาช่วยเหลือข้าเอาไว้” หมิงหลันส่งยิ้มให้กับชายเบื้องหน้า แต่มันคือรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาคู่งามนั่น ไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นหรอก หากว่านางเดาไม่ผิด..ชายผู้นี้คือองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวอย่างแน่นอน“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
“หน้าที่ของเจ้าคือต้องตั้งครรภ์ลูกของจอมมาร! อย่าเสียใจไปเลยไป๋เฉียน นี่คือหน้าที่ของเจ้า ที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำตาม”ฝ่ามือเรียวยาวยกมือมาเช็ดหยาดน้ำตาที่สุกใสราวกับไข่มุกซึ่งกำลังไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวยของเทพบุปผานามว่าไป๋เฉียน ในใจเจ็บปวดราวเข็มนับพันพุ่งแทงเข้ามาในร่าง บนสรวงสวรรค์มีเทพและเทพีมากมายเหตุใดต้องเป็นนางที่มีคนรักอยู่แล้ว“ท่านเทพม่อเกวียน ข้ามิได้อยากฝ่าฝืนบัญชาเพียงแต่ข้าอยากจะร้องขอ ทั่วทั้งแดนสวรรค์นี้ต่างก็รับรู้ว่าข้าและเทพสงครามอันฉีรักกัน แล้วเหตุใดถึงยังมีคำสั่งเช่นนี้ออกมาอีก ท่านจะให้ข้าทำใจรับเรื่องนี้ได้อย่างไร..”ไป๋เฉียนคุกเข่าลงเพื่อวิงวอนต่อท่านเทพม่อเกวียน จะอย่างไรนางก็มิอาจไปที่ดินแดนเผ่ามารได้ หากมิได้ครองคู่รักกับท่านเทพสงครามอันฉี นางยอมกระโดดลงแท่นประหารเซียนแล้วตายตกไปเสียยังจะดีกว่า“ข้าจะไปแทนพี่ใหญ่เอง!”หากจะเปรียบความงามของไป๋เฉียนว่างดงามล่มบ้านล่มเมือง ก็คงจะต้องเปรียบเปรยความงดงามของไป๋หมิงหลันว่างดงามเจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวัน ดอกโบตั๋นที่ชูคออวดโฉมอยู่ในสระว่างามล้ำเลิศและวิจิตรแล้ว ยังมิสามารถเทียบเคียงใบหน้าของไป๋หมิงหลันได้เลย
ท่านเทพม่อเกวียนพาหมิงหลันมาที่หน้าเผ่ามารเผ่ามารและเผ่ามนุษย์อยู่ไม่ไกลจากดินแดนสวรรค์มากนัก และเมื่อมองเห็นประตูที่จะข้ามเขตแดนไปยังเผ่ามาร ใบหน้าที่แสนจะงดงามของหมิงหลันพลันยกยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจนางจะได้ไปเที่ยวเล่นที่เมืองมนุษย์บ่อยๆ เวลาที่อยู่เผ่ามาร เพราะในครั้งที่อยู่บนแดนสวรรค์ท่านพี่ไป๋เฉียนมิยอมให้หมิงหลันออกมานอกดินแดนบุปผาเลย ที่ได้ลงมาเที่ยวยังเมืองมนุษย์ก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากเทพม่อเกวียนและท่านพี่เทียนจุนที่ช่วยนางให้หลบหนีมาท่านเทพม่อเกวียนเกือบจะได้ขึ้นเป็นสัจจะเทพแล้ว ใบหน้าของท่านเทพนั้นหล่อเหลาจนบรรดาเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ชอบมาหาหมิงหลัน เพื่อให้นางเป็นแม่สื่อให้“ข้ามาพบท่านจอมมาร…”“เผ่ามารของเราไม่ยินดีต้อนรับเทพเช่นพวกท่านหรอก มีเพียงเทพบุปผาเท่านั้นที่เข้าไปได้..เพียงผู้เดียว!”“บังอาจนักเจ้ามารชั้นต่ำ!!”หมิงหลันรีบยกมือขึ้นมาห้ามปรามท่านเทพม่อเกวียนเอาไว้ นางไม่อยากจะให้ท่านจอมมารมองว่าตัวเองเป็นคนสร้างปัญหาตั้งแต่เริ่มแรก“ท่านเทพม่อเกวียน ข้าเข้าไปเองได้เจ้าค่ะ ขอท่านเทพโปรดวางใจ”หมิงหลันส่งยิ้มให้ท่านเทพม่อเกวียนอีกครั้ง“ฝากท่านเทพม่อเกวียนดูแลท่านพ
ไป๋หมิงหลันยกมือขึ้นมาเท้าคาง นางนั่งอยู่ริมสระบัว ในสระน้ำมีดอกบัวสีหวานกำลังบานสะพรั่ง ถึงแม้ว่าในเผ่ามารจะมิได้งดงามเทียบเท่าเมืองสวรรค์ แต่ทว่าทิวทัศน์ภูเขาและในน้ำก็ล้วนน่ามองแพรขนตางอนงามกะพริบถี่ๆ ทอดสายตามองไปยังสระบัวเบื้องหน้า ดวงหน้างามงอง้ำ หลังจากที่หมิงหลันกล่าวไปเช่นนั้นทั้งท่านจอมมารหลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านหลี่เจ๋อฮั่นก็ตกใจกันไปตามๆ กันสุดท้ายท่านจอมมารก็เดินจากไปโดยที่ไม่มองใบหน้าของนางแม้แต่หางตาหรือว่าข้าจะทำผิดพลาดสิ่งใดไป ทว่าในตำราปกขาวได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าการเอ่ยปากขอร่วมหออย่างตรงไปตรงมาถือว่าเป็นการแสดงความจริงใจที่ดีที่สุดหากเป็นเรื่องความจริงใจและความตรงไปตรงมา นางก็แสดงออกไปอย่างชัดเจนแล้ว เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนั้นหมิงหลันถอนหายใจก่อนจะล้มตัวนอนลงบนพื้น เรือนผมดำเงางามสยายลงไปกับพื้นหญ้า พระจันทร์ดวงน้อยลอยเด่นอยู่บนท้องนภา ส่องแสงอ่อนๆไปทั่วทั้งบริเวณหมิงหลันคิดว่าค่ำคืนแรกในเผ่ามาร จะได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ถวิลหามาตลอดหลายร้อยปี แต่ดูจากสายตาที่เขามองมาที่นางแล้ว เห็นทีจะยากเย็นหมิงหลันยกไหสุรานารีแดงขึ้นมาดื่ม บรรยากาศที่เผ่ามารนั้นเงีย
หมิงหลันปรายตามองหน้าของหลี่เจ๋อฮั่นเมื่อเขากล่าวจบที่ท่านเจ๋อฮั่นกล่าวมา นั่นก็ไม่เกินความจริง เพราะว่าใบหน้าของท่านเจ๋อฮั่นเหมือนท่านจอมมารอยู่หลายส่วน“ท่านเจ๋อฮั่นเก็บใบหน้าอันล้ำค่าของท่าน เอาไว้ให้สตรีที่ท่านรักสัมผัสเถอะเจ้าค่ะ ข้ามิควรจะแตะต้องใบหน้าที่หล่อเหลาของท่าน”“ในเมื่อรู้ว่าหล่อเหลาแล้วเหตุใดถึงไม่หวั่นไหว ข้าดีไม่พองั้นหรือ?”หมิงหลันยกยิ้ม นางยกมือขึ้นมาวาดในอากาศฝนดอกไม้พลันตกโปรยปรายลงมาเบาๆ หมิงหลันเก็บดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงมาไปประดับในแจกันอย่างปราณีต“ในหัวใจของข้ามิอาจปันไปให้ผู้ใดได้อีกแล้ว กว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมาข้าหลงรักท่านเจ๋อเชี่ยนจนเต็มหัวใจ วันนี้ได้มีวาสนาเข้ามาอยู่ใกล้เขาถึงเพียงนี้ ก็ถือว่าข้ามีความสุขมากแล้ว..”เป็นครั้งแรกที่เจ๋อฮั่นรู้สึกอิจฉาท่านพี่ หมิงหลันสารภาพรักท่านพี่ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ยามที่นางกล่าวคำว่าจอมมารออกมาจากริมฝีปากบางนั้น ใบหน้าของนางจะมีความสุขที่นางบอกว่าหลงรักท่านพี่…เห็นทีจะเป็นเรื่องจริงแต่คนเช่นเขาหาใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เวลาที่เก็บลูกท้อ เขาจะเก็บแต่ลูกที่อยู่บนสุดเท่านั้น เพราะการได้มากอย่างยากลำบาก มัน
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ
“หากว่าลูกคิดดีแล้ว..ก็เริ่มเลยเจ๋อเชี่ยน”อดีตจอมมารพยักหน้าเพื่อบอกกล่าวกับลูกชาย เผ่ามารที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวซึ่งเป็นพลังของเจ๋อเชี่ยนพวกนี้กำลังจะจางหายไป แต่ต้องแลกมาด้วยพลังในร่างกายของเจ๋อเชี่ยนที่จะต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกันหลี่เจ๋อเชี่ยนวาดมือไปในอากาศ เขาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในชั้นของผิวหนัง เพราะไอขุ่นมัวเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา และการกำจัดพวกมันก็ไม่แตกต่างจากการเอามีดมาเฉือนเนื้อหนังของตัวเองแต่เขาทนได้..จะนานแค่ไหนหรือทรมานแทบขาดใจเขาก็ทนได้ทั้งนั้นเพื่อหมิงหลันเขาจะอดทน..........“วางใจเถิดหมิงหลัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น นางคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ๋อฮั่น“ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเจ๋อเชี่ยนจะนอกใจหรือกลับไปหาเทพีเสวียนม่านหรอกเจ๋อฮั่น ที่ข้ามากับเจ้าเพราะว่าข้าต้องการไปย้ำเตือนสตรีผู้นั้นว่าท่านจอมมารเป็นของข้าต่างหาก”หลี่เจ๋อฮั่นตบมือเสียงดัง“นี่สิ! ถึงจะสมกับเป็นภรรยาของท่านพี่และเป็นพี่สะใภ้ของข้า ไปจัดการให้นางรู้ว่าเจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริง”หมิ
หมิงหลันยื่นมือไปจับมือของท่านเทพซื่อมิ่งเอาไว้ นางไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของหลี่เจ๋อฮั่นมาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าที่เผ่ามารไม่มีใครกล่าวถึงมันเลย แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องอย่างละเอียด หมิงหลันคิดว่าท่านเทพซื่อมิ่งคงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไม่ง่ายดายเลย“มาพักทานขนมกันก่อนเถอะท่านแม่..”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับท่านเจ๋อเชี่ยนเมื่อเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องขนมที่ห่อมาอย่างดี นางลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับห่อขนมนั้นมา“ท่านพี่ไปซื้อขนมมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ..”“เอาไปใส่จานเถิด ช่วงนี้ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบการทานขนมหวานมากทีเดียว”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มที่แสนจะเจิดจรัสให้แก่สามีก่อนจะรับห่อขนมนั้นมาแล้วเดินเข้าไปในครัว หมิงหลันบรรจงแกะผ้าที่ห่อขนมเอาไว้ออกมา“....”สิ่งที่ร่วงลงมาพร้อมๆ กับปมผ้าที่ถูกแกะคือปิ่นดอกไม้อันหนึ่ง รอยยิ้มของหมิงหลันค่อยๆหุบลงเมื่อนางหยิบปิ่นนั้นขึ้นมาดูก็พบว่ามันถูกสลักชื่อเอาไว้ว่า เสวียนม่าน..นางปรายตามองหน้าสามีที่กำลังนั่งพูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่มีความผิดปกติเลยสักนิดหนามแห่งความปวดร้าวทิ่มแทงลงมาในใจไม่หยุดหย่อนจนหมิงหลันคิดว่าตัว
รุ่งเช้าท่านเทพซื่อมิ่งเดินทางมาหาหมิงหลันและลูกชายของนาง หมิงหลันและท่านเทพซื่อมิ่งมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องพูดคุยกับทำให้หลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านพ่อต้องปลีกตัวออกมาด้านนอก“ข้า..มีเรื่องมากมายที่อยากได้คำแนะนำจากท่านพ่อ”อดีตจอมมารหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูลูกชาย“เจ๋อเชี่ยน เจ้าจะต้องทำมันได้ดีอย่างแน่นอนหากเจ้าจะถามพ่อเรื่องการเป็นพ่อคนน่ะนะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนส่งยิ้มให้กับท่านพ่อของเขา“ข้าจะทำให้ไอขุ่นมัวที่เผ่ามารลดน้อยลงเองขอรับ ท่านพ่อมิต้องพาท่านแม่เดินทางออกไปในทุกๆ ปีแล้วนะ”ใบหน้าของอดีตจอมมารนั้นฉายแววตกใจ เขาตบบ่าของลูกชายเบาๆ“ไอขุ่นมัวพวกนั้นคือพลังของเจ้านะเจ๋อเชี่ยน หากไม่มีไอขุ่นมัวพลังที่เจ้าถือครองเอาไว้จะถดถอยลง หากเกิดอะไรขึ้นมา..”เขาชั่งใจอยู่นานกับเรื่องนี้ คิดมานานแสนนานมากๆ ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจมาตามง้อหมิงหลันแล้ว หากเขาพานางออกมานอกเผ่ามารเราจะเป็นอันตรายเพราะคนของจงจิ้งโหวจะใช้ลูกไม้เดิมๆ ในการเล่นงานเขาหมิงหลันและลูกของเขาจะปลอดภัยหากว่าพวกนางอยู่ที่เผ่ามาร เพราะอย่างนั้นนี่คือความคิดที่ดีที่สุดแล้วในยามนี้เขาไม่อาจสูญเสียหมิงหลันไปอย่างที่เสียเสวียนม่านอี
ปลายนิ้วเรียวยื่นไปสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนกลีบดอกเบญจมาศที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้าน ใบหน้างามมิได้แย้มยิ้มเมื่อดอกเบญจมาศที่พึ่งจะออกช่อ แย้มบานทันทีที่ปลายนิ้วของนางแตะลงไปบนนั้นหมิงหลันปรายตามองป่าไผ่รอบๆ นางกำลังรอคอยท่านเจ๋อเชี่ยนที่ยังมิเดินทางกลับมาหลังจากที่ท่านเทพม่อเกวียนเดินทางกลับไปความเงียบก็เข้ามากอบกุมหัวใจของนางเอาไว้ อนาคตที่หมิงหลันเห็นผ่านความฝันมันคือสงครามที่ไร้หนทางหลีกเลี่ยง และทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงหากว่าจงจิ้งโหวตาย..และผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้กลับมีเพียงแค่นางเท่านั้น เขาจะมาหานางอย่างแน่นอน เพราะชายผู้นั้นต้องการทำลายสามีของนาง“หมิงหลัน..”เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้หมิงหลันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆ กับระบายยิ้มหวาน นางวิ่งเข้าไปหาสามีพร้อมๆ กับโอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความคิดถึง“ข้าผิดเองที่มัวแต่แวะที่ตลาดเพื่อหาซื้อของมาให้เจ้า..แล้วก็อย่าวิ่งเช่นนี้อีก”ฝ่ามือหนาของหลี่เจ๋อเชี่ยนลูบลงไปบนแผ่นหลังของหมิงหลันเบาๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน“ไปนั่งสิ ข้าจะไปทำอาหารเอง”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ราวกับเรื่องราวที่เลวร้ายเมื่อครู่ได้จ
ป้าจางส่งยิ้มให้กับหมิงหลัน หากว่านางไม่ยินยอมรับเงินนี้เอาไว้ มีหวังได้ยืนเถียงกันอีกนานเป็นแน่หญิงวัยกลางคนจึงยื่นมือไปรับเหรียญเงินที่หมิงหลันส่งให้“ที่ข้ารับเงินนี่เอาไว้เพราะว่าข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าหรอกนะอาหลัน”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้า เขากัดกินหมั่นโถวร้อนๆ ในมืออย่างเอร็ดอร่อย นางเดินจากมาโดยมิได้สนใจชายหนุ่มผู้นั้นอีก หมิงหลันคิดว่าวันนี้นางควรจะซื้อเนื้อไปตุ๋นเอาไว้สักหน่อย เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ช่วงนี้จึงมิได้หมักสุราเอาไว้เลย แต่ท่านเจ๋อเชี่ยนมิได้ชื่นชอบการร่ำสุราสักเท่าไหร่ อีกทั้งเขายังคออ่อนมากทีเดียว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจากเผ่ามารจะคออ่อนทุกคนเลยสินะ หลี่เจ๋อฮั่นก็อีกคน“อา..เดี๋ยวก่อนขอรับ”ชายหนุ่มที่พึ่งจะกัดกินหมั่นโถวผู้นั้นวิ่งตามหมิงหลันมาติดๆ ก่อนที่เขาจะส่งมอบถุงหอมให้กับนาง หมิงหลันรีบปฏิเสธในทันทีเพราะว่านางไม่คิดรับถุงหอมจากใครทั้งนั้น“ในตัวข้ามีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ดูจะมีราคามากกว่าสิ่งอื่น เจ้ารับไปสิคิดซะว่าข้าตอบแทนเรื่องหมั่นโถว”“....”หมิงหลันมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนที่นางจะส