ผมมองหน้าไอ้เฟยอย่างเอาเรื่องที่มันวุ่นวายกับผมมากจนเกินไป ความจริงมันก็แค่อยากพิสูจน์ว่าผมไม่มีอารมณ์กับผู้หญิงคนอื่นจริงหรือเปล่า ไม่ได้อยากจะช่วยอย่างที่อ้าง“ถ้ากูอยากเอากูเรียกเองได้มึงไม่ต้องเสือก”“หรือเพราะว่ามึงเหี้ยเกินไป เบื้องบนก็เลยลงโทษทำให้นกเขา ไม่ขัน”“ไอ้เหี้ยเฟย!! มึงหุบปาก” ผมตวาดบอกถ้ามันยังพูดได้มีเรื่องจริง ๆ แน่“ไอ้เฟยมึงก็รู้ว่าไอ้ลีวายมันหัวเสียอยู่ เลิกกวนประสาทมันได้แล้ว” เพราะไอ้คัลเลนห้ามมันเลยยอมเงียบ“ถ้าพวกมึงชวนกูมาเพราะอยากพิสูจน์เรื่องแบบนี้ กูจะกลับ!!”“เออ ๆ ไอ้ลีวายกูแค่ล้อเล่นนั่งก่อนงอนเป็นเด็กไปได้ สัส”“พวกมึงกวนประสาทกูฉิบหาย!!”“ไอ้เฟยมันก็แค่แปลกใจ มันทำไปเพราะเป็นห่วงมึง”“ไม่ต้องมาห่วงกู”ผมยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มทั้งที่อารมณ์ยังร้อนระอุ ทั้งหงุดหงิดเพื่อนและหงุดหงิดเรื่องที่มิลินเธอสั่งให้ลูกน้องมาบอก ตอนนี้อารมณ์มันร้อนจนแทบจะระเบิดออกมา—End ลีวาย—Talk มิลินวันต่อมาผู้ชายคนนั้นที่เคยตามติดชีวิตฉันได้หายไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกว่ามีคนตามแบบก่อนหน้าเลย และเขาก็คงเอาเรื่องที่ฉันฝากไปบอกกับพี่ลีวายแล้ว“อยากรู้จังว่าพี่ลีวายจะเป็
คำขู่ของพี่ลีวายทำให้ฉันร้อนใจจนแทบไม่มีสมาธิทำอะไรเลยทั้งวัน พยายามทำให้ตัวเองหยุดฟุ้งซ่านอยู่หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังกังวลพี่ลีวายก็แค่ฟังคุณท่านแต่เขาไม่ได้กลัวเลย เพราะยังเอาคลิปนั้นมาขู่ฉันมันใกล้ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไทยแล้วด้วย คุณท่านบอกว่าสั่งให้พี่ลีวายไปฮ่องกงเพื่อเขาจะได้ไม่มารังแกฉันอีก แต่คนอย่างพี่ลีวายน่ะเหรอจะยอมปล่อยให้ฉันอยู่อย่างสงบสุข เขาต้องทำทุกวิธีทางให้ยอมจำนนแน่ ๆ“คิดอะไรอยู่เหรอครับ ผมเห็นพี่มิลินเหม่อนานแล้ว” แทนสะกิดแขนฉันให้ได้สติ ตอนนี้เราสองคนมาดื่มด้วยกันที่บาร์เดิม“มีเรื่องกวนใจนิดหน่อยน่ะ”แทนขมวดคิ้วหลังจากได้ฟังคำตอบของฉัน ก่อนจะถามต่อ “คงไม่ใช่เรื่องผมใช่ไหมครับ”“พี่ไม่อยากให้แทนต้องมาเจ็บตัว อย่าเข้าใกล้พี่มากเกินไปได้ไหม”“เป็นห่วงผมเหรอครับ ^_^” เขาไม่กลัวเลยสักนิดแถมยังยิ้มสดใสใส่ฉันอีกต่างหาก“มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะแทน”“แค่พี่มิลินเป็นห่วงผมขนาดนี้ก็ไม่กลัวอะไรแล้วครับ”“ช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม พี่จริงจังอยู่นะ”“ครับผม”แทนยังคงยิ้มก่อนที่เขาจะหยิบแก้วมาชนแก้วของฉัน แล้วดื่มโดยที่สายตายังคงมองใบหน้าฉันอยู่อย่างนั้นฉันถอนหายใจออกมาเบ
เวลาผ่านมาจนถึงวันที่ฉันต้องกลับไทย ฉันเก็บกระเป๋าพร้อมหันมองห้องนอนของตัวเองอย่างเศร้าใจ เพราะยังอยากอยู่ที่นี่ “เตรียมตัวเสร็จหรือยัง เดี๋ยวจะตกเครื่องเอานะ”คุณท่านบอก จริง ๆ ท่านจะไปส่งที่สนามบินแต่ฉันขอเอาไว้ว่าไม่ต้อง กลัวจะลำบาก อีกอย่างแทนอาสาจะมารับที่บ้านเพราะเขากลับไทยพร้อมฉัน“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“เรื่องคอนโดที่เคยบอกไว้ ถ้าอยากไปอยู่ฉันจะให้ลูกน้องจัดการให้”ฉันคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคุณท่านบอกแบบนั้น เพราะตอนแรกขออยู่คอนโดแต่ท่านเป็นห่วงอยากให้อยู่บ้านมากกว่า แต่มาวันนี้ท่านอนุญาตแล้ว ที่จะย้ายไปอยู่คอนโดก็เพื่อหลีกเลี่ยงการประจันหน้ากับพี่ลีวาย ฉันว่าต่างคนต่างอยู่มันดีที่สุดแล้ว“ขอบคุณคุณท่านมากนะคะ^_^”“เด็กคนนั้นมารอนานแล้วรีบไปเถอะ”“คุณท่านดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”คุณท่านยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันอย่างอบอุ่นเหมือนที่เคยทำตลอด ทำให้เกือบจะร้องไห้เพราะเป็นห่วงและอยากให้คุณท่านกลับไปด้วยกัน#บนเครื่องบินฉันคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีมาก ๆ เพราะได้นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ทั้งขาไปและขากลับโดยไม่ต้องจ่ายเงินเลยสักบาทแทนมองชุดที่ฉันใส่แล้วก็ก้มหน้าหลบสายตา เขาเป็นแบบนี้พั
ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปภายในตัวบ้านโดยมีป้านาเดินตามมาติด ๆ“พี่ลีวายอยู่ที่ไหนเหรอคะ”“คงจะอยู่ตรงสระน้ำ ป้าเห็นกำลังเตรียมของอยู่”“เตรียมของเหรอคะ”“ไปดูสิ เดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวไว้ก่อนคืนนี้แขกคงจะมาเยอะ” ฉันขมวดคิ้วแปลกใจว่าแขกที่ไหนจะมาเยอะในเมื่อฉันไม่มีเพื่อนไม่รู้จักใครด้วยความสงสัยฉันจึงตัดสินใจเดินมาที่สระน้ำเพื่อดูว่าพี่ลีวายกำลังทำอะไร เห็นเขากำลังนั่งจิบไวน์ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ปาร์ตี้ที่ป้านาว่าก็ไม่เห็นจะมีอะไรสักอย่างสายตาคมของพี่ลีวายจ้องมายังฉันที่กำลังยืนมองอยู่ ก่อนที่เขาจะยกไวน์กระดกจนหมดแก้วแล้วลุกขึ้นเดินตรงมาทางนี้ ส่วนฉันก็ยืนนิ่ง ๆ ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา“ไม่ยักรู้นะคะว่าพี่ลีวายจะดีใจที่มิลินกลับมาไทยจนต้องจัดปาร์ตี้ต้อนรับขนาดนี้” ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน“ใช่ ฉันดีใจมาก” เขาตอบเสียงเย็นเหมือนอยากให้ฉันกลัว แต่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้วพี่ลีวายใช้สายตามองชุดที่ฉันใส่แล้วจู่ ๆ เขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะบอก “ชุดสวยดี”“ขอบคุณที่ชมนะคะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่พี่ลีวายชมมิลิน ขนลุกเลยค่ะดูสิ” ฉันยื่นแขนไปให้พี่ลีวายดู แต่เขากล
ขณะที่พี่ลีวายกำลังจูบ ฉันไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ เพราะถูกฝ่ามือหนารั้งศีรษะเอาไว้“อื้อ~” พยายามใช้มือทุบแผงอกแกร่งแต่ก็ไม่เป็นผล พี่ลีวายควานลิ้นสากมาตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของฉันจนสำเร็จ จากนั้นก็จับปลายคางให้ฉันเงยหน้าขึ้นมาตอบรับจูบของเขา“อื้ออออ~” เสียงประท้วงของฉันดังออกมาจากลำคอเบา ๆ ก่อนที่พี่ลีวายจะถอนริมฝีปากออก เขาใช้ลิ้นตวัดเลียริมฝีปากของตัวเองแล้วจ้องหน้าฉันพร้อมกับพูด “ปากหวานดีหนิ”ฉันกำมือแน่นอยากจะตบหน้าเขาสักที แต่ถ้าทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้พี่ลีวายโกรธ เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็อาจจะเกิดขึ้น“อย่ารุนแรงกับมิลินสิคะ”“เมื่อกี้ยังขัดขืน?” พี่ลีวายขมวดคิ้วถามเพราะเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดเสียงหวานกับเขาและไม่มีท่าว่าจะยอม“พี่ลีวายก็รู้ว่ามิลินคิดยังไง… สุดท้ายก็ต้องยอมอยู่ดีแล้วจะขัดขืนให้เหนื่อยทำไมล่ะคะ” ฉันบอกเสียงหวาน“เธอคิดแผนอะไรอยู่ในหัว?” เหมือนครั้งนี้พี่ลีวายจะขี้ระแวงมากขึ้น เขายังคงขมวดคิ้วถามอย่างไม่เชื่อ“เปล่าค่ะ มิลินไม่ได้คิดแผนอะไรเลย”พี่ลีวายโน้มลงมาใกล้ ๆ สายตาคู่นั้นยังคงมองฉันแบบจับผิด ก่อนจะก้มมาซุกไซ้ที่ซอกคออย่างอดใจไม่ไหวที่พี่คัลเลนบอกว่าพ
ฉันถอนหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกมาจากบ้านและตรงไปยังรถของพี่ลีวายอย่างไม่เต็มใจ“ขึ้นรถสิ หรืออยากให้ฉันเปิดประตูให้?”“ไม่ต้องค่ะ มิลินเปิดเองได้” ฉันบอกเสียงห้วนแล้วเปิดประตูรถพร้อมกับหย่อนก้นเข้าไปนั่งข้าง ๆ กับเบาะคนขับ“เสื้อคลุมอยู่ด้านหลัง”“ทำไมคะ” ฉันถามอย่างงุนงง เสื้อคลุมอยู่ตรงไหนแล้วจะมาบอกทำไม“จะไปมหาวิทยาลัยหรืออยากให้ฉันพาไปที่อื่น?” สายตาคู่นั้นของพี่ลีวายกำลังมองเรียวขาอ่อนของฉันมันทำให้ต้องรีบเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมที่เบาะหลังเอามาปิดขาไว้“รีบ ๆ ไปสิคะเดี๋ยวสาย”บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสะงัดฉันเลือกที่จะหันหน้าออกไปมองด้านนอกกระจก เพราะไม่อยากพูดอะไรมากมายพอถึงมหาวิทยาลัยฉันก็เอาเสื้อคลุมไว้ที่เบาะหลังเหมือนเดิม แต่พี่ลีวายกลับไม่ยอมปลดล็อกประตูรถให้“ปลดล็อกรถให้มิลินเดี๋ยวนี้นะคะ”“เอาเสื้อคลุมไปด้วย”ฉันขมวดคิ้วงุนงงกับคำสั่งนั้นของเขา จะให้เอาเสื้อคลุมไปด้วยทำไมกัน พอไม่ยอมเอื้อมไปหยิบสักทีพี่ลีวายก็จ้องอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายเอื้อมไปที่เบาะหลังแล้วเอาเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่มาวางไว้บนท่อนขาของฉัน“ใส่เสื้อของฉันเอาไว้ ห้ามถอดออก” คำสั่งนั้นช
“คำพูดของมิลินมันแทงใจดำมากถึงขนาดพูดไม่ออกเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่ลีวายที่เอาแต่ยืนนิ่งเหมือนอึ้งกับคำตอบที่ได้ยิน คงคาดไม่ถึงว่าฉันจะพูดแบบนั้นพี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานโดยไม่ได้ตอบโต้อะไร เขานิ่งจนฉันอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติแล้วต้องได้ยินคำพูดร้าย ๆ ตอบกลับ“จะกลับเมื่อไรคะ”“ทำงานเสร็จ”“แล้วทำไมต้องให้มิลินมานั่งรอ”พี่ลีวายก้มหน้าทำงานเหมือนไม่ได้ยินคำถามของฉัน ทั้งที่ในห้องมีแค่เราสองคนแล้วเมื่อกี้เขายังตอบอยู่เลย“มิลินขอตัวกลับก่อนนะคะ ไม่อยากมานั่งรอให้เสียเวลา”ฉันลุกขึ้นจากโซฟาโดยที่พี่ลีวายก็ไม่ได้ห้ามอะไรเขายังก้มหน้าทำงาน จึงเดินไปหยุดตรงหน้าประตูแต่พอจะเปิดมันออกถึงได้รู้ว่าประตูล็อกอยู่“ช่วยปลดล็อกประตูให้ด้วยค่ะ”พี่ลีวายเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเรียบ “ไม่เห็นหรือไงว่าฉันทำงานอยู่”“เห็นค่ะ แต่แค่ปลดล็อกประตูคงไม่ทำให้เสียเวลามากขนาดนั้น”“สำหรับฉันมันเสียเวลา”น้ำเสียงที่เรียบนิ่งของพี่ลีวายยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิด แต่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกลับมานั่งรออยู่ตรงโซฟาที่เดิม ก่อนจะสังเกตเห็นรอยยิ้มมุมปากของคนที่กำลังก้มหน้าทำงานอย
อุตส่าห์มาไม่บอกแต่เขากลับส่งภาพฉันให้พี่ลีวายดู ไม่นานหลังจากนั้น แชตก็เด้งเข้ามาในโทรศัพท์ของฉันรัว ๆ รวมถึงมีสายโทรเข้าด้วย แต่ฉันเมินข้อความและสายโทรเข้ามาของพี่ลีวาย“อยากไปดื่มกับฉันที่ชั้นสองไหม?”“ไม่ดีกว่าค่ะ” ฉันปฏิเสธแต่เขากลับยิ้มชอบใจ“ดูเหมือนเธอกับไอ้ลีวายจะมีปัญหากัน อยากให้ฉันช่วยอะไรหรือเปล่า?”“ไม่อยากค่ะ”ฉันปฏิเสธอีกครั้งเพราะรู้ว่าเขาไม่ได้หวังดีแน่ ๆ คงหวังจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือแต่มันคงไม่ง่ายแบบนั้น ถึงจะมีปัญหากับพี่ลีวายจริง ๆฉันก็ไม่คิดจะเอาตัวเองไปอยู่ในความเสี่ยง“หึ!! บังเอิญว่าฉันชอบพวกผู้หญิงเล่นตัวซะด้วยสิ”หมับ!! จู่ ๆ เขาก็คว้ามือมาดึงแขนของฉัน ก่อนจะออกแรงดึงให้เดินตาม“จะพาหนูไปไหน ปล่อยนะ”“เหยื่อมาหาถึงที่ ฉันจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยัง”น้ำเสียงนั้นช่างน่ากลัว ทั้งที่คนในคลับมีมากมายแต่ไม่มีใครช่วยเลยสักคน พวกเขาก็แค่มองราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติผู้ชายที่ไม่รู้จัก พาฉันขึ้นมาบนชั้นสองของคลับ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปยังห้อง ๆ หนึ่ง แล้วผลักตัวฉันเข้าไปด้านใน“จะทำอะไรคะ”“เธอก็น่าจะรู้ดี… เรื่องนี้ไอ้ลีวายคงสอนมาก่อนแล้ว”“…” หัวใจดวงน้อย ๆ มันเต