ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปภายในตัวบ้านโดยมีป้านาเดินตามมาติด ๆ“พี่ลีวายอยู่ที่ไหนเหรอคะ”“คงจะอยู่ตรงสระน้ำ ป้าเห็นกำลังเตรียมของอยู่”“เตรียมของเหรอคะ”“ไปดูสิ เดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวไว้ก่อนคืนนี้แขกคงจะมาเยอะ” ฉันขมวดคิ้วแปลกใจว่าแขกที่ไหนจะมาเยอะในเมื่อฉันไม่มีเพื่อนไม่รู้จักใครด้วยความสงสัยฉันจึงตัดสินใจเดินมาที่สระน้ำเพื่อดูว่าพี่ลีวายกำลังทำอะไร เห็นเขากำลังนั่งจิบไวน์ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ปาร์ตี้ที่ป้านาว่าก็ไม่เห็นจะมีอะไรสักอย่างสายตาคมของพี่ลีวายจ้องมายังฉันที่กำลังยืนมองอยู่ ก่อนที่เขาจะยกไวน์กระดกจนหมดแก้วแล้วลุกขึ้นเดินตรงมาทางนี้ ส่วนฉันก็ยืนนิ่ง ๆ ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา“ไม่ยักรู้นะคะว่าพี่ลีวายจะดีใจที่มิลินกลับมาไทยจนต้องจัดปาร์ตี้ต้อนรับขนาดนี้” ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน“ใช่ ฉันดีใจมาก” เขาตอบเสียงเย็นเหมือนอยากให้ฉันกลัว แต่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้วพี่ลีวายใช้สายตามองชุดที่ฉันใส่แล้วจู่ ๆ เขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะบอก “ชุดสวยดี”“ขอบคุณที่ชมนะคะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่พี่ลีวายชมมิลิน ขนลุกเลยค่ะดูสิ” ฉันยื่นแขนไปให้พี่ลีวายดู แต่เขากล
ขณะที่พี่ลีวายกำลังจูบ ฉันไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ เพราะถูกฝ่ามือหนารั้งศีรษะเอาไว้“อื้อ~” พยายามใช้มือทุบแผงอกแกร่งแต่ก็ไม่เป็นผล พี่ลีวายควานลิ้นสากมาตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของฉันจนสำเร็จ จากนั้นก็จับปลายคางให้ฉันเงยหน้าขึ้นมาตอบรับจูบของเขา“อื้ออออ~” เสียงประท้วงของฉันดังออกมาจากลำคอเบา ๆ ก่อนที่พี่ลีวายจะถอนริมฝีปากออก เขาใช้ลิ้นตวัดเลียริมฝีปากของตัวเองแล้วจ้องหน้าฉันพร้อมกับพูด “ปากหวานดีหนิ”ฉันกำมือแน่นอยากจะตบหน้าเขาสักที แต่ถ้าทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้พี่ลีวายโกรธ เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็อาจจะเกิดขึ้น“อย่ารุนแรงกับมิลินสิคะ”“เมื่อกี้ยังขัดขืน?” พี่ลีวายขมวดคิ้วถามเพราะเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดเสียงหวานกับเขาและไม่มีท่าว่าจะยอม“พี่ลีวายก็รู้ว่ามิลินคิดยังไง… สุดท้ายก็ต้องยอมอยู่ดีแล้วจะขัดขืนให้เหนื่อยทำไมล่ะคะ” ฉันบอกเสียงหวาน“เธอคิดแผนอะไรอยู่ในหัว?” เหมือนครั้งนี้พี่ลีวายจะขี้ระแวงมากขึ้น เขายังคงขมวดคิ้วถามอย่างไม่เชื่อ“เปล่าค่ะ มิลินไม่ได้คิดแผนอะไรเลย”พี่ลีวายโน้มลงมาใกล้ ๆ สายตาคู่นั้นยังคงมองฉันแบบจับผิด ก่อนจะก้มมาซุกไซ้ที่ซอกคออย่างอดใจไม่ไหวที่พี่คัลเลนบอกว่าพ
ฉันถอนหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกมาจากบ้านและตรงไปยังรถของพี่ลีวายอย่างไม่เต็มใจ“ขึ้นรถสิ หรืออยากให้ฉันเปิดประตูให้?”“ไม่ต้องค่ะ มิลินเปิดเองได้” ฉันบอกเสียงห้วนแล้วเปิดประตูรถพร้อมกับหย่อนก้นเข้าไปนั่งข้าง ๆ กับเบาะคนขับ“เสื้อคลุมอยู่ด้านหลัง”“ทำไมคะ” ฉันถามอย่างงุนงง เสื้อคลุมอยู่ตรงไหนแล้วจะมาบอกทำไม“จะไปมหาวิทยาลัยหรืออยากให้ฉันพาไปที่อื่น?” สายตาคู่นั้นของพี่ลีวายกำลังมองเรียวขาอ่อนของฉันมันทำให้ต้องรีบเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมที่เบาะหลังเอามาปิดขาไว้“รีบ ๆ ไปสิคะเดี๋ยวสาย”บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสะงัดฉันเลือกที่จะหันหน้าออกไปมองด้านนอกกระจก เพราะไม่อยากพูดอะไรมากมายพอถึงมหาวิทยาลัยฉันก็เอาเสื้อคลุมไว้ที่เบาะหลังเหมือนเดิม แต่พี่ลีวายกลับไม่ยอมปลดล็อกประตูรถให้“ปลดล็อกรถให้มิลินเดี๋ยวนี้นะคะ”“เอาเสื้อคลุมไปด้วย”ฉันขมวดคิ้วงุนงงกับคำสั่งนั้นของเขา จะให้เอาเสื้อคลุมไปด้วยทำไมกัน พอไม่ยอมเอื้อมไปหยิบสักทีพี่ลีวายก็จ้องอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายเอื้อมไปที่เบาะหลังแล้วเอาเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่มาวางไว้บนท่อนขาของฉัน“ใส่เสื้อของฉันเอาไว้ ห้ามถอดออก” คำสั่งนั้นช
“คำพูดของมิลินมันแทงใจดำมากถึงขนาดพูดไม่ออกเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่ลีวายที่เอาแต่ยืนนิ่งเหมือนอึ้งกับคำตอบที่ได้ยิน คงคาดไม่ถึงว่าฉันจะพูดแบบนั้นพี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานโดยไม่ได้ตอบโต้อะไร เขานิ่งจนฉันอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติแล้วต้องได้ยินคำพูดร้าย ๆ ตอบกลับ“จะกลับเมื่อไรคะ”“ทำงานเสร็จ”“แล้วทำไมต้องให้มิลินมานั่งรอ”พี่ลีวายก้มหน้าทำงานเหมือนไม่ได้ยินคำถามของฉัน ทั้งที่ในห้องมีแค่เราสองคนแล้วเมื่อกี้เขายังตอบอยู่เลย“มิลินขอตัวกลับก่อนนะคะ ไม่อยากมานั่งรอให้เสียเวลา”ฉันลุกขึ้นจากโซฟาโดยที่พี่ลีวายก็ไม่ได้ห้ามอะไรเขายังก้มหน้าทำงาน จึงเดินไปหยุดตรงหน้าประตูแต่พอจะเปิดมันออกถึงได้รู้ว่าประตูล็อกอยู่“ช่วยปลดล็อกประตูให้ด้วยค่ะ”พี่ลีวายเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเรียบ “ไม่เห็นหรือไงว่าฉันทำงานอยู่”“เห็นค่ะ แต่แค่ปลดล็อกประตูคงไม่ทำให้เสียเวลามากขนาดนั้น”“สำหรับฉันมันเสียเวลา”น้ำเสียงที่เรียบนิ่งของพี่ลีวายยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิด แต่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกลับมานั่งรออยู่ตรงโซฟาที่เดิม ก่อนจะสังเกตเห็นรอยยิ้มมุมปากของคนที่กำลังก้มหน้าทำงานอย
อุตส่าห์มาไม่บอกแต่เขากลับส่งภาพฉันให้พี่ลีวายดู ไม่นานหลังจากนั้น แชตก็เด้งเข้ามาในโทรศัพท์ของฉันรัว ๆ รวมถึงมีสายโทรเข้าด้วย แต่ฉันเมินข้อความและสายโทรเข้ามาของพี่ลีวาย“อยากไปดื่มกับฉันที่ชั้นสองไหม?”“ไม่ดีกว่าค่ะ” ฉันปฏิเสธแต่เขากลับยิ้มชอบใจ“ดูเหมือนเธอกับไอ้ลีวายจะมีปัญหากัน อยากให้ฉันช่วยอะไรหรือเปล่า?”“ไม่อยากค่ะ”ฉันปฏิเสธอีกครั้งเพราะรู้ว่าเขาไม่ได้หวังดีแน่ ๆ คงหวังจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือแต่มันคงไม่ง่ายแบบนั้น ถึงจะมีปัญหากับพี่ลีวายจริง ๆฉันก็ไม่คิดจะเอาตัวเองไปอยู่ในความเสี่ยง“หึ!! บังเอิญว่าฉันชอบพวกผู้หญิงเล่นตัวซะด้วยสิ”หมับ!! จู่ ๆ เขาก็คว้ามือมาดึงแขนของฉัน ก่อนจะออกแรงดึงให้เดินตาม“จะพาหนูไปไหน ปล่อยนะ”“เหยื่อมาหาถึงที่ ฉันจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยัง”น้ำเสียงนั้นช่างน่ากลัว ทั้งที่คนในคลับมีมากมายแต่ไม่มีใครช่วยเลยสักคน พวกเขาก็แค่มองราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติผู้ชายที่ไม่รู้จัก พาฉันขึ้นมาบนชั้นสองของคลับ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปยังห้อง ๆ หนึ่ง แล้วผลักตัวฉันเข้าไปด้านใน“จะทำอะไรคะ”“เธอก็น่าจะรู้ดี… เรื่องนี้ไอ้ลีวายคงสอนมาก่อนแล้ว”“…” หัวใจดวงน้อย ๆ มันเต
Talk มิลินฉันลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกแปลก พยายามคิดว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก่อนจะจำได้คร่าว ๆ ว่าพูดคุยกับผู้ชายที่ชื่อเรย์และเขาก็บอกว่าเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่ในเหล้าที่ฉันสั่ง แล้วหลังจากนั้นก็… เกิดอะไรขึ้นฉันรีบสำรวจมองรอบห้องจึงได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเอง จากนั้นก็หันมองข้าง ๆ ตัวทันที หัวใจดวงน้อยเต้นรัว ๆ เมื่อข้างกายมีผู้ชายนอนหลับในท่าคว่ำหน้าอยู่“พี่ลีวาย” ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ต้องเห็นหน้าก็จำได้ว่าเป็นเขา รอยสักที่แขนมันบ่งบอกชัดเจนคงเป็นคนอื่นไปไม่ได้ฉันก้มมองตัวเองที่ตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนตัวเลยสักชิ้น มันชัดเจนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น“เป็นเขาได้ยังไง” ฉันเกลียดที่ตัวเองทำในสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นและโกรธที่ไม่สามารถจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้เลยฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้า ๆ แล้วรีบหยิบเอาผ้าขนหนูมาพันตัวจากนั้นก็มองหาเสื้อผ้าของตัวเองที่มันกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้น“ทำไมห้องถึงได้เละเทะขนาดนี้เนี่ย” ฉันก้มหน้าพูดพึมพำเบา ๆ คนเดียวแต่จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มตอบกลับ “ฝีมือของเธอทั้งนั้น จำไม่ได้หรือไง”เฮือก!! หัวใจดว
ฉันคิดดีแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องย้ายไปอยู่คอนโดสักที หากอยู่ที่บ้านและเรายังเจอหน้ากัน มันก็จะเกิดเรื่องนั้นวนลูปไปมาไม่จบไม่สิ้นไม่ได้คิดว่าการย้ายไปคอนโดจะทำให้ตัวเองหลุดพ้น ไม่คาดหวังว่าพี่ลีวายจะหาฉันไม่เจอ ก็แค่อยากเอาตัวเองออกมาจากจุดที่ทำให้รู้สึกไร้ค่าเวลาเก็บของมีไม่มากเท่าไร เพราะฉันระแวงกลัวว่าพี่ลีวาย จะมาเจอตอนเก็บเสื้อผ้าอยู่จึงเอาไปแค่ของชิ้นสำคัญ ส่วนของที่เหลือค่อยแอบมาเก็บคราวหน้าก็ได้พี่ลีวายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษแหกคุก ต้องคอยระแวงย่องออกจากบ้านเพราะกลัวมีใครเห็น“ขอยืมไปก่อนสักคันนะคะ” ฉันหยิบกุญแจรถยนต์ที่แขวนอยู่พร้อมเอ่ยบอกกับสายลม ทำตัวไม่ต่างจากหัวขโมยเลยแต่มันจำเป็น จะให้ทำยังไงได้พอได้กุญแจรถมาแล้วก็รีบเอาของมาไว้หลังรถจากนั้นก็รีบ ขับออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็วเพราะกลัวคนที่ไม่อยากเจอหน้ามาเห็นซะก่อน#คอนโดฉันเดินเข้ามาในห้องพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย รู้ดีว่าไม่สามารถหนีไปตลอดได้ สักวันพี่ลีวายก็จะรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน แค่ตอนนี้ฉันเอาตัวเองออกมาจากคนใจร้ายได้ก็เพียงพอแล้วเพราะความเหนื่อยล้าหลังจากจัดของเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว
ฉันเดินกลับมาหยิบชามข้าวอย่างไม่เต็มใจ แล้วนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ กับพี่ลีวายที่นอนอยู่“ทำหน้าให้มันดี ๆ แค่ป้อนข้าวฉันคงไม่ทำให้เธอขาดใจตายหรอก”“ป่วยแต่ปากร้ายไม่แผ่วเลยนะคะ” ฉันตักข้าวต้มแล้วเอามาจ่อที่ปากของพี่ลีวายพร้อมออกคำสั่ง “อ้าปากด้วยค่ะ”พี่ลีวายทำเมินก่อนที่เขาจะวางมือลงบนขาของฉันอย่างถือวิสาสะ แล้วพูด “เธอบอกกับฉันว่าต่างคนต่างอยู่”ดูก็รู้ว่าตอนนี้พี่ลีวายกำลังหลงตัวเองคิดว่าฉันเป็นห่วงเขาจนต้องมาป้อนข้าวป้อนน้ำถึงบนห้อง“บอกไปแล้วนี่คะว่าคุณท่านขอให้มา”“พ่อฉันขอแต่ถ้าเธอจะไม่มาใครก็บังคับไม่ได้ จริงไหม?”ฉันถอนหายใจออกมากหนัก ๆ เมื่อพี่ลีวายพูดไม่รู้เรื่อง ก่อนจะถามเสียงห้วน “จะกินไหมคะข้าว?”“ถ้าพ่อไม่ขอเธอคงไม่โผล่หน้ามาสินะ”“คงงั้นค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นแปลว่าครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายเข้ามาวุ่นวายกับฉันเอง”“สรุปจะกินข้าวไหมคะ ถ้าไม่กินก็ช่วยปลดล็อกประตูให้มิลินด้วย” ฉันบอกอย่างหงุดหงิดและแสดงสีหน้าไม่พอใจที่เขาเอาแต่พูด แถมยังจะยัดเหยียดว่าฉันเป็นฝ่ายที่อยากจะเข้าหาตัวเองอีกพอฉันจะดึงมือที่ถือช้อนออกพี่ลีวายก็คว้ามือมาจับก่อนจะยกศีรษะขึ้นมาใช้ปากงับข้าวที่อยู่ในช้อนกิน ย
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ