ทันทีที่มู่หรงยิ่นได้ยินว่าเฉินจื่อหลิงมีอาจารย์ฝึกยุทธ์ระดับเก้าคอยบัญชาการ ก็ตกตะลึงเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนไปทันที“ทำยังไงดี? คุณมีความมั่นใจว่าจะจัดการกับอาจารย์ระดับเก้าได้ไหม?”มู่หรงยิ่นที่ยืนอยู่ข้างกายของหลินหยางกล่าวถาม“ต้องลองดูครับ”หลินหยางกล่าวด้วยสีหน้าสบาย ๆเฉินจื่อหลิงกล่าวกับผู้อาวุโสคนหนึ่งที่นั่งจิบน้ำชาอยู่มุมด้านในมาตลอด “ท่านเซิ่น ดูท่าคงต้องลำบากท่านลงมือจัดการเจ้าหมอนี่แล้ว”ผู้อาวุโสดื่มชาในถ้วยพรวดเดียว ค่อย ๆ วางถ้วยชาแล้วลุกขึ้น ดวงตามองไปยังหลินหยาง“อายุยังน้อย แต่มีความสามารถระดับนี้ ไม่เลว! อาจารย์ของนายเป็นใคร?”“แกยังไม่มีสิทธิ์รู้ว่าอาจารย์ของฉันคือใคร”หลินหยางกล่าว“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ฉันคงต้องสังหารนายด้วยมือของตัวเองแล้ว”ผู้อาวุโสตั้งท่า ปล่อยพลังหมัด ส่งเสียงดังกึกก้อง“หมัดทงเป้ยของท่านเซิ่นสมบูรณ์แบบแล้ว คนแซ่หลิน แกตายแน่”เฉินจื่อหลิงกล่าวด้วยใบหน้าอาฆาตฝีเท้าของผู้อาวุโสว่องไวมาก ท่าการโจมตีปราดเปรียวเช่นกันอาจารย์ย์ฝึกยุทธ์ระดับเก้า พลังรุนแรง หนึ่งกำปั้นหนึ่งฝ่ามือมีพลังรุนแรง แต่หลินหยางรับมือได้อย่างสุขุมผู้อาวุโสโจ
“ฉันพอใจ นายยุ่งอะไรด้วย?”มู่หรงยิ่นเดินไปที่ข้างกายของหลินหยาง โอบแขนของเขาเฉินจื่อหลิงยิ้มด้วยความโมโห ยกนิ้วโป้งให้มู่หรงยิ่น“ได้! การประลองฝีมือในวันนี้ ฉันเป็นฝ่ายแพ้แล้ว พวกนายไปได้แล้ว” หลินหยางแค่นหัวเราะ เดินเข้าไปหาเฉินจื่อหลิง“แกคิดจะทำอะไร? ฉันขอเตือนแก พ่อของฉันเฉินเทียนหาวหัวหน้าสมาคมการค้าหงซิ่ง เบื้องหลังของสมาคมการค้าหงซิ่งของพวกฉันคือพรรคพยัคฆ์ดำ แกกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายเล็บ พ่อของฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่”เฉินจื่อหลิงสีหน้าตื่นตระหนก ถอยหลังกรูหลินหยางไม่สนใจคำข่มขู่ของเขา ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้“มัวอึ้งอะไรกันอยู่วะ? คุ้มกันฉันสิ!”ลูกน้องของเฉินจื่อหลิงยังมีชายกำยำอยู่อีกเจ็ดแปดคน ในเวลานี้พยายามพุ่งตัวเข้ามาหลินหยางลงมืออย่างเด็ดขาด ใช้เทคนิคมือจับคว้าใหญ่และเล็กสลับกัน ลูกน้องพวกนี้ของเฉินจื่อหลิง ร้องอย่าโศกเศร้าเวทนาทันที ไม่แขนหักก็กระดูกซี่โครงหัก“ระวัง!”จู่ ๆ มู่หรงยิ่นร้องออกมาด้วยความตกใจ!ปัง!เสียงปืนดังสนั่น!เฉินจื่อหลิงฉวยโอกาสตอนสถานการณ์วุ่นวายควักปืนกระบอกหนึ่งออกมา คิดจะลอบโจมตีหลินหยางหลินหยางที่มีการป้องกันเอาไว้อยู่แล้
“ที่คุณพูดไม่ผิด ฉันจงใจกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านจริง เพื่อให้เว่ยต้าจงพ่อบ้านเปิดเผยที่อยู่ของฉัน ฉันยินยอมถูกคนของเฉินจื่อหลิงจับตัวไป แล้วก็อยากจะพิสูจน์การคาดเดาของฉัน ว่าฉันไม่ได้ปรักปรำเขา”“ถึงอย่างไรเว่ยต้าจงก็ติดตามพ่อของฉันมาหลายสิบปี เป็นคนเก่าแก่ของตระกูลพวกเรา ต่อให้วันนี้คุณไม่อยู่ ฉันก็อยากที่จะไปลองเสี่ยงดูอยู่ดี”“ฉันเขียนข้อความไว้ฉบับหนึ่งล่วงหน้าแล้ว ถ้าหากหนีไม่ได้ ฉันจะส่งข้อความหาพี่ชายของฉัน เขาจะคิดหาหนทางมาช่วยฉัน”มู่หรงยิ่นพูดไป ก็ควักโทรศัพท์มือถืออกมาโชว์ให้หลินหยางดูด้านบนสุดของข้อความมีจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วฉบับหนึ่งอยู่จริง แต่เป็นข้อความขอความช่วยเหลือที่ยังไม่ได้กดส่งออกไป“ฉันใช้โอกาสหลอกใช้การกินเหล้ากับคุณจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้คิด ที่จะหลอกใช้คุณเพื่อจัดการกับเฉินจื่อหลิง แล้วก็คิดไม่ถึงด้วยว่าเฉินจื่อหลิงยังซุกอาจารย์ระดับเก้าเอาไว้โจมตีอีก”เมื่อฟังมู่หรงยิ่นอธิบายจบ ในใจของหลินหยางก็รู้สึกดีขึ้นมาก“แต่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ ถ้าหากคืนนี้ไม่มีคุณ ฉันอาจจะตกอยู่ในอันตรายมากจริง ๆ แม้ว่าพี่ฉันจะพาคนมา ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถช่วยฉันจากอา
“ไม่เป็นไรครับ น้าหลิ่ว ผมเข้าใจเป็นอย่างดี”หลินหยางเองก็คร้านจะอธิบาย“น้าอวี๋ของเธอตอนนี้โมโหมาก เรื่องที่ฉันอยากจะเธอเข้ามาทำงานในบริษัท เธอคัดอย่างสุดแรงเกิด ตอนนี้ไม่มีทาง น้าเตรียมเงินให้เธอก้อนหนึ่ง เธอรีบหนีไปคืนนี้เลย ออกจากเมืองลั่วหลีกเลี่ยง ไม่อย่างนั้นน้าอวี๋ก็จะส่งคนไปจับตัวเธอ แล้วส่งตัวไปรับโทษที่ตระกูลเหลียง”หลินหยางรู้ว่าหลิ่วเฉิงจื้อกลัวภรรยามาตลอด ในเวลานี้ ยังสามารถโทรบอกให้เขาหลบหนีได้ ก็นับว่าปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจแล้ว“เขา ผมเป็นคนทำร้ายเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ เหลียงควนจะแก้แค้น ให้เขามาหาผม น้าไม่ต้องเป็นห่วงผม”หลินหยางกล่าว“เด็กแบบเธอ ทำไมถึงไม่ฟังคำเตือน! น้ารู้ว่าเธอเรียนศิลปะการต่อสู้มาบ้าง แต่เธอจะเอาชนะตระกูลเหลียงได้งั้นเหรอ? เชื่อน้า รีบออกจากเมืองลั่ว”“ครับ น้าหลิ่ว ผมทราบแล้ว”หลินหยางเองก็ไม่ได้ดื้อรั้นกับหลิ่วเฉิงจื้อต่อแค่ตระกูลเหลียงเล็ก ๆ เขาจะใส่ใจไปทำไมในโรงพยาบาล อวี๋ผิงเดินออกมาจากในห้องผู้ป่วย กล่าวถาม “คุณถามให้แน่ชัดหรือยัง? ไอ้เดรัจฉานนั่นอยู่ที่ไหน? ก่อนที่เสี่ยวเหลียงจะฟื้นขึ้นมา จะต้องจับตัวไอ้เดรัจฉานนั่นมาให้ได้
ต้วนเทียนเต๋อกระโจนตัวเข้าใส่ฉินโม่หนงฉินโม่หนงหลบหนีอย่างหวาดกลัว ตกใจจนหน้าซีดต้วนเทียนเต๋อเองก็ไม่รีบร้อน เล่นเกมแมวไล่จับหนูกับฉินโม่หนง ส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ“ประธานฉิน คุณหนีไม่พ้นหรอก ยอมผมแต่โดยดีเถอะ”ต้วนเทียนเต๋อกระโจนตัวเข้าไปอีกครั้ง ฉินโม่หนงถูกบังคับให้หลบเข้าไปในมุมของสวนดอกไม้ หมดหนทางหนีแล้ว“ไม่มีที่ให้หนีแล้วใช่ไหมล่ะ? เดิมทีผมอยากจะฆ่าไอ้หมอนั่น แล้วค่อยมาสนุกกับคุณ แต่ไอ้หมอนั่นก็ขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้ามา ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ พวกเรามามีความสุขด้วยกันดีกว่าต้วนเทียนเต๋อถูมือของเขาด้วยสีหน้าหื่นกาม น้ำลายไหลย้อยฉินโม่หนงเห็นดังนั้น รู้สึกถึงความสะอิดสะเอียนอยากอาเจียนเธอในเวลานี้เสียใจมาก มีความสัมพันธ์กับหลินหยาง อย่างน้อยก็ไม่มีทางรู้สึกขยะแขยง อีกทั้งยังมีความสุขมากอีกด้วยแต่คนตรงหน้า ฉินโม่หนงยอมตายก็ไม่ยอมถูกเขาแตะต้องแม้แต่ครั้งเดียว“หวังฮุ่ยหรงสมควรตาย แกหาคนแบบไหนมาให้ฉัน!”ฉินโม่หนงได้หมดหนทางถอยแล้ว เธอตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องเอาหัวกระแทกให้ตายตรงนี้ ก็ไม่ยอมรับความอัปยศอดสูเมื่อเห็นต้วนเทียนเต๋อค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ฉินโม่หนงก็ใ
“ไม่อยากให้ผมไปเหรอ?” หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“เปล่า! รีบไสหัวไป!”ฉินโม่หนงกล่าวอย่างเย่อหยิ่งอันที่จริงในใจเธออยากให้หลินหยางอยู่ต่ออยู่หน่อย ๆ มีหลินหยางอยู่ข้างกาย เธอถึงจะรู้สึกอุ่นใจ ไม่ฝันร้ายโดยเฉพาะคืนวันนี้ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกด้วย ต้วนเทียนเต๋อตายอยู่ในสวน ถึงแม้ว่าฉินโม่หนงจะเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่ในใจยังคงหวาดกลัวแต่เธอไม่อยากจะเผยไต๋ต่อหน้าหลินหยาง ไม่อยากลดศักดิ์ศรีลง“ถ้าหากคุณขอร้องให้ผมอยู่ต่อ ผมก็อยู่ต่อได้” หลินหยางกล่าว“เธอฝันไปเถอะ! รีบไสหัวไป แค่ฉันเห็นเธอก็รู้สึกรำคาญแล้ว”ฉินโม่หนงกล่าวอย่างปากแข็ง“ได้ งั้นผมไปแล้วนะ?”หลินหยางเดินไปที่ประตูห้อง ฉินโม่หนงขยับริมฝีปาก แต่ยังไม่ทันส่งเสียงรั้งให้อยู่ต่อ“ใช่แล้ว ต้วนเทียนเต๋อตายอยู่ที่สวนดอกไม้ของคุณ เขาตายอย่างไม่เต็มใจมาก ๆ เลยนะ ระวังตอนดึก ๆ จะกลายเป็นผีมาทวงชีวิตคุณ”หลินหยางกล่าวหลังจากเปิดประตู“หลินหยาง!!”เดิมทีฉินโม่หนงก็หวาดกลัวอยู่แล้ว พอหลินหยางพูดแบบนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ภายในหัวสมองมีภาพน่าหวาดกลัวต่าง ๆ นานาปรากฏขึ้น“เธอกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ ห้ามไป!”สุดท้ายฉิ
คนผู้นี้สวมเสื้อผ้าสีแดง ท่อนบนเป็นเสื้อกล้ามออกกำลังกายเอวลอย ท่อนล่างเป็นกางเกงออกกำลังกายรัดรูป เน้นเรียวขายาวคู่งามเธอย้อมผมสีเบอร์กันดี มัดผมหางม้าดูสะอาดเรียบร้อย เครื่องหน้างดงาม ใบหน้าแสดงถึงความกล้าหาญและสง่างามผมสีแบบนี้ คนทั่วไปถ้าดูไม่เข้า ก็จะดูเหมือนเป็นคนรสนิยมต่ำแต่บนตัวของผู้หญิงคนนี้ กลับไม่มีความไม่เข้ากันใด ๆ ในทางกลับกันยังขับให้เด่นอีกด้วยเธอนั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับกองเพลิงกองหนึ่ง เต็มไปด้วยพลังและความกล้าหาญหลินหยางไม่ได้สังเกตเห็นคนคนนี้ มุ่งมั่นตั้งใจดูดซับปราณสีม่วง ฝึกฝนเนตรคู่เวลาลางอันเป็นมงคลมาทางทิศตะวันออกมาไม่นาน หลังจากที่พระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณโผล่ขึ้นมา ปราณสีม่วงก็จะมลายหายไป“เป็นผู้มีเนตรคู่จริงด้วย คิดไม่ถึงเลยว่า สถานที่อย่างเมืองลั่ว จะกำเนิดผู้มีเนตรคู่ที่หาได้ยากมาก ๆ คนหนึ่ง”ผู้หญิงเสื้อสีแดงจ้องมองหลินหยาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความชื่นชมถ้าหากหลินหยางรู้ว่าผู้หญิงคนนี้พบความลับเรื่องที่เขาเป็นผู้มีเนตรคู่ จะต้องตกใจจนหน้าถอดสีแน่ ๆ ปรมาจารย์เย่าเซิ่งเคยกล่าวว่า ผู้มีเนตรคู่หายากในรอบพันปี เป็นพรสวรรค์ คนทั่วไปมองไม่ออกเลยแม้แต่น
“บังเอิญจริง ๆ เพื่อนเก่าทั้งสอง”หลินหยางยิ้มพร้อมทักทายโต้วจวิ้นทำสีหน้าเหยียดหยาม กลับไม่ได้สนใจหลินหยาง“ขอเบอร์ไว้หน่อยสิ ตอนมีงานเลี้ยงรุ่นครั้งหน้า นายก็มาด้วยสิ”หลินหยี่โม่กล่าว“คนแบบนี้ จะขอเบอร์ไว้ทำไม มันไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นของพวกเราหรอก เธอคิดว่าเขายังเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลหลินอยู่งั้นเหรอ?”โต้วจวิ้นกล่าวดูหมิ่นอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย“โต้วจวิ้น นายพูดอะไร? ยังไงทุกคนก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน” หลินหยี่โม่กล่าวด้วยสีหน้าอึดอัด“ฉันเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา แกคงไม่ถือสาหรอกใช่ไหม?”โต้วจวิ้นเลิกคิ้วกล่าวเยาะหยัน“ฉันถือสา”อีกฝ่ายเหยียดหยามอย่างไม่ให้เกียรติกันขนาดนี้แล้ว หลินหยางจึงคร้านที่จะไว้หน้าเขาโต้วจวิ้นตกตะลึงไป จากนั้นกล่าวอย่างดูถูก “แกถือสากับผีอะไร! ตอนนี้ แกเก่งมาจากไหน? หลินหยี่โม่เห็นว่าแกน่าสงสาร เลยทักทายแก แกประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า? คนอื่นไม่รู้ความจริง แต่ฉันรู้อย่างชัดเจน”“พอแล้ว โต้วจวิ้น พูดให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ”หลินหยี่โม่เพียงแสดงความเกรงใจตามมารยาท ถึงอย่างไรก็เคยเป็นหัวหน้าชั้นเรียน การวางตัวค่อนข้างมีไห