“ไม่อยากให้ผมไปเหรอ?” หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“เปล่า! รีบไสหัวไป!”ฉินโม่หนงกล่าวอย่างเย่อหยิ่งอันที่จริงในใจเธออยากให้หลินหยางอยู่ต่ออยู่หน่อย ๆ มีหลินหยางอยู่ข้างกาย เธอถึงจะรู้สึกอุ่นใจ ไม่ฝันร้ายโดยเฉพาะคืนวันนี้ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกด้วย ต้วนเทียนเต๋อตายอยู่ในสวน ถึงแม้ว่าฉินโม่หนงจะเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่ในใจยังคงหวาดกลัวแต่เธอไม่อยากจะเผยไต๋ต่อหน้าหลินหยาง ไม่อยากลดศักดิ์ศรีลง“ถ้าหากคุณขอร้องให้ผมอยู่ต่อ ผมก็อยู่ต่อได้” หลินหยางกล่าว“เธอฝันไปเถอะ! รีบไสหัวไป แค่ฉันเห็นเธอก็รู้สึกรำคาญแล้ว”ฉินโม่หนงกล่าวอย่างปากแข็ง“ได้ งั้นผมไปแล้วนะ?”หลินหยางเดินไปที่ประตูห้อง ฉินโม่หนงขยับริมฝีปาก แต่ยังไม่ทันส่งเสียงรั้งให้อยู่ต่อ“ใช่แล้ว ต้วนเทียนเต๋อตายอยู่ที่สวนดอกไม้ของคุณ เขาตายอย่างไม่เต็มใจมาก ๆ เลยนะ ระวังตอนดึก ๆ จะกลายเป็นผีมาทวงชีวิตคุณ”หลินหยางกล่าวหลังจากเปิดประตู“หลินหยาง!!”เดิมทีฉินโม่หนงก็หวาดกลัวอยู่แล้ว พอหลินหยางพูดแบบนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ภายในหัวสมองมีภาพน่าหวาดกลัวต่าง ๆ นานาปรากฏขึ้น“เธอกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ ห้ามไป!”สุดท้ายฉิ
คนผู้นี้สวมเสื้อผ้าสีแดง ท่อนบนเป็นเสื้อกล้ามออกกำลังกายเอวลอย ท่อนล่างเป็นกางเกงออกกำลังกายรัดรูป เน้นเรียวขายาวคู่งามเธอย้อมผมสีเบอร์กันดี มัดผมหางม้าดูสะอาดเรียบร้อย เครื่องหน้างดงาม ใบหน้าแสดงถึงความกล้าหาญและสง่างามผมสีแบบนี้ คนทั่วไปถ้าดูไม่เข้า ก็จะดูเหมือนเป็นคนรสนิยมต่ำแต่บนตัวของผู้หญิงคนนี้ กลับไม่มีความไม่เข้ากันใด ๆ ในทางกลับกันยังขับให้เด่นอีกด้วยเธอนั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับกองเพลิงกองหนึ่ง เต็มไปด้วยพลังและความกล้าหาญหลินหยางไม่ได้สังเกตเห็นคนคนนี้ มุ่งมั่นตั้งใจดูดซับปราณสีม่วง ฝึกฝนเนตรคู่เวลาลางอันเป็นมงคลมาทางทิศตะวันออกมาไม่นาน หลังจากที่พระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณโผล่ขึ้นมา ปราณสีม่วงก็จะมลายหายไป“เป็นผู้มีเนตรคู่จริงด้วย คิดไม่ถึงเลยว่า สถานที่อย่างเมืองลั่ว จะกำเนิดผู้มีเนตรคู่ที่หาได้ยากมาก ๆ คนหนึ่ง”ผู้หญิงเสื้อสีแดงจ้องมองหลินหยาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความชื่นชมถ้าหากหลินหยางรู้ว่าผู้หญิงคนนี้พบความลับเรื่องที่เขาเป็นผู้มีเนตรคู่ จะต้องตกใจจนหน้าถอดสีแน่ ๆ ปรมาจารย์เย่าเซิ่งเคยกล่าวว่า ผู้มีเนตรคู่หายากในรอบพันปี เป็นพรสวรรค์ คนทั่วไปมองไม่ออกเลยแม้แต่น
“บังเอิญจริง ๆ เพื่อนเก่าทั้งสอง”หลินหยางยิ้มพร้อมทักทายโต้วจวิ้นทำสีหน้าเหยียดหยาม กลับไม่ได้สนใจหลินหยาง“ขอเบอร์ไว้หน่อยสิ ตอนมีงานเลี้ยงรุ่นครั้งหน้า นายก็มาด้วยสิ”หลินหยี่โม่กล่าว“คนแบบนี้ จะขอเบอร์ไว้ทำไม มันไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นของพวกเราหรอก เธอคิดว่าเขายังเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลหลินอยู่งั้นเหรอ?”โต้วจวิ้นกล่าวดูหมิ่นอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย“โต้วจวิ้น นายพูดอะไร? ยังไงทุกคนก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน” หลินหยี่โม่กล่าวด้วยสีหน้าอึดอัด“ฉันเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา แกคงไม่ถือสาหรอกใช่ไหม?”โต้วจวิ้นเลิกคิ้วกล่าวเยาะหยัน“ฉันถือสา”อีกฝ่ายเหยียดหยามอย่างไม่ให้เกียรติกันขนาดนี้แล้ว หลินหยางจึงคร้านที่จะไว้หน้าเขาโต้วจวิ้นตกตะลึงไป จากนั้นกล่าวอย่างดูถูก “แกถือสากับผีอะไร! ตอนนี้ แกเก่งมาจากไหน? หลินหยี่โม่เห็นว่าแกน่าสงสาร เลยทักทายแก แกประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า? คนอื่นไม่รู้ความจริง แต่ฉันรู้อย่างชัดเจน”“พอแล้ว โต้วจวิ้น พูดให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ”หลินหยี่โม่เพียงแสดงความเกรงใจตามมารยาท ถึงอย่างไรก็เคยเป็นหัวหน้าชั้นเรียน การวางตัวค่อนข้างมีไห
หลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นรีบวิ่งเข้ามา ประคองหลินเต๋อไห่ขึ้นจากพื้นหลินเต๋อไห่ไม่เพียงหัวแตก เท้าข้างขวาก็แพลงด้วย บวมมาก เอาแต่ร้องเจ็บ ๆ!โต้วจวิ้นที่ตามจีบหลินหยี่โม่มาตลอด บิดาและคุณปู่ของเธอสนับสนุนมาก แต่หลินหยี่โม่ไม่ได้ตอบตกลงวันนี้ โต้วจวิ้นจงใจพาหลินหยี่โม่กับหลินเต๋อไห่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขาจื่อเสียเมื่อถึงจุดชมวิวหมายเลขสอง หลินเต๋อไห่พูดว่าเดินไม่ไหวแล้ว จึงไม่ได้ปีนเขาต่อหลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว หลินเต๋อไห่ให้หลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นปีนเขากันต่อ เดินเล่น ก็เพราะอยากให้โอกาสคนหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันลำพังสักประเดี๋ยว“ทำไมคุณถึงทำร้ายคุณปู่ของฉัน?”หลินหยี่โม่กล่าวด้วยความโมโห“ไอ้แก่นี่รนหาที่ตายเอง ฉันทำร้ายมันแล้วจะทำไม?” ฉีเทียนหย่งกล่าวอย่างอวดดี“แกนี่มันอวดดีเป็นบ้าเลยนะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”โต้วจวิ้นรู้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้โอ้อวด จึงก้าวออกมาทันที“ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร! แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”ฉีเทียนหย่งกล่าวทั้งสองคนคิดว่าตัวเองเจ๋ง จึงมีปากเสียงกัน ต่างก็มั่นใจในสถานะของตนเองมาก ต้องดูว่าใครอวดดีกว่ากันแล้ว“คุณปู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?
เห็นได้ชัดว่า เธอรู้จักคนผู้นี้ แตะต้องไม่ได้โต้วจวิ้นรู้สึกแสบร้อนที่หน้า ในใจเวลานี้พร่ำร้องด้วยความทุกข์ใจเดิมทีอยากจะโอ้อวดต่อหน้าของหลินหยี่โม่ คิดไม่ถึงว่าจะยั่วโมโหฉีเทียนหย่งเสียแล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาเห็นหลินหยางลงมาจากภูเขาในเวลานี้เช่นกัน เรียกได้ว่าน่าขายหน้าเหลือเกิน!โต้วจวิ้นแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี“แกหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรหาโต้วเทา แกบอกเขาว่า ฉันให้แกโทร ดูว่าเขาพูดยังไง”ฉีเทียนหย่งสีหน้าอันธพาล กล่าวอย่างอวดดีโต้วจวิ้นกล้าโทรเสียที่ไหน ต่อให้พ่อของเขารู้ ก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลแน่ อาจจะยังพูดอีกว่า ประธานฉินสั่งสอนได้ดี!ฉีเทียนหย่งเห็นโต้วจวิ้นชักช้า จึงตบหน้าเขาอีกฉาด ถูกตบจนทิ้งรอยนิ้วมือสีแดงเอาไว้ทั้งสองข้างของใบหน้า“ฉันให้แกโทร แกหูหนวกหรือไง?”โต้วจวิ้นเลือดไหลมาจากมุมปาก เพลิงโทสะในใจลุกโหม แต่กลับไม่กล้าแสดงอาการโมโห ทำได้แค่เพียงก้มหน้า ไม่กล้าหืออือหลินหยี่โม่อยู่ด้านหลังเขา ใบหน้างามอดไม่ได้ที่จะกระตุกสองครั้ง ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกหลินเต๋อไห่เห็นโต้วจวิ้นถูกตบหน้า ไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียง ก็รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าแตะต้องไม่ได
“หลินหยาง?”หลินหยี่โม่คิดไม่ถึงว่า ในเวลาแบบนี้หลินหยางจะก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แกเป็นใครอีกวะ? รนหาที่ตายใช่ไหม?”ฉีเทียนหย่งสบถด่า“แกชอบตบหน้าคนอื่นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้แกได้ลองลิ้มรสชาติของการถูกตบหน้าดู”หลินหยางพูดจบ ก็ตบหน้าของฉีเทียนหย่งฉาดใหญ่การตบหน้าฉาดนี้ของหลินหยาง ตบจนฉีเทียนหย่งลอยกระเด็นออกไปทันที ล้มลงบนพื้น รู้สึกมึนงง มีเสียงดังวิ้ง ๆขึ้นในแก้วหู เลือกออกจมูก“โอ้โห!”คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เห็นดังนั้น ก็ตกตะลึงไปทันที! “เจ้าเด็กนี่เป็นใคร? คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตบฉีเทียนหย่ง?”“เป็นวีรบุรุษไร้สมองที่อยากช่วยสาวงามอีกคนแล้วเหรอ”หลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นอ้าปากค้างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลินหยางจะกล้าลงมือตบฉีเทียนหย่งแต่ว่าโต้วจวิ้นกลับแอบสะใจ คิดในใจ ‘หลินหยาง แกอยากจะแสร้งทำตัวเป็นฮีโร่ต่อหน้าหลินหยี่โม่ใช่ไหม? แกตายแน่!’“หลินหยาง...นาย...นายตบเขาทำไม?”ถึงแม้ว่าหลินหยี่โม่จะหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ยอมคุกเข่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่หวาดกลัวฉีเทียนหย่ง“อยากตบก็เลยตบน่ะ”หลินหยางกล่าวด้วยสีหน้าสบาย ๆ“นายรู้ไหมว่าเขาเป็
“ฉัน...”หลินหยี่โม่แสดงสีหน้าลำบากใจ แล้วก็จิตใจสับสนหากไปโดยไม่สนใจ ก็ขัดต่อหลักการเป็นคนดีของเธอ แต่คำพูดของโต้วจวิ้นกับคุณปู่ ก็ทำให้เธอรู้ถึงความรุนแรงของเรื่อง“เชื่อปู่ของเธอ รีบไปเถอะ ฉันไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรหรอก”หลินหยางเป็นฝ่ายกล่าวหลินหยี่โม่กัดริมฝีปากแน่น จ้องมองหลินหยางด้วยสายตารู้สึกผิดและเสียใจ“หลินหยาง ขอโทษนะ”หลินหยางเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นประคองหลินเต๋อไห่แล้วก็ลงเขาไป หลินหยางกล่าว “คุณปู่ของเธอข้อเท้าเพลงแล้ว ลงเขาลำบากเล็กน้อย ฉันช่วยรักเขาก่อนแล้วค่อยไปเถอะ”“ไม่จำเป็น ฉันเดินได้”หลินเต๋อไห่ไม่อยากจะอยู่ที่ภูเขาจื่อเสียต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว กลัวว่าจะถูกฉีเทียนหย่งพาคนมาดักเอาไว้“คุณปู่หลิน ผมแบกคุณปู่ลงเขาเองครับ”โต้วจวิ้นแบกหลินเต๋อไห่ขึ้นมา หลินหยี่โม่ก็คอยประคองอยู่ข้าง ๆ หลินหยางเดินทอดอารมณ์ลงเขาเช่นกันโต้วจวิ้นท่าทางเป็นลูกคนรวย ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แบกหลินเต๋อไห่เดินไปได้ไม่ไกลนัก ขาทั้งสองข้างก็สั่นระริก ราวกับร่อนแกลบ“พวกคุณเดินลงเขาแบบนี้ ยังเดินเร็วไม่สู้ผม ไม่แน่ว่าอาจจะถูกฉีเทียนหย่งพาคนมา
หลินหยางเดินลงเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในเวลานี้ก็ได้รับสายของฉีอีซิน“คุณหลิน ผมหาหญ้าน้ำลายมังกรได้สองต้น จะส่งมาจากตัวมณฑลในคืนนี้เลย”“ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากคุณมาส่งให้ผมด้วยตัวเองหน่อยแล้วกันครับ ผมอยู่ที่หมู่บ้านตี้เหาอาคารสิบแปด”ประจวบเหมาะฉีเทียนหย่งเป็นหลานชายแท้ ๆ ของฉีอีซิน ให้ตาเฒ่านี่มาสะสางธุระที่บ้านด้วยตัวเอง“คุณหลินเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ลำบาก ผมจะไปเดี๋ยวนี้”ในใจของฉีอีซินรู้สึกภาคภูมิใจ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ จัดการธุระให้หลินหยางมากกว่านี้หลินหยี่โม่พาหลินเต๋อไห่ลงเขา มาที่ด้านนอกบ้านของโต้วจวิ้น“คุณปู่หลิน คุณปู่มาได้ยังไงครับ? เมื่อครู่นี้ผมปวดท้องมากเกินไปจริง ๆ ทนไม่ไหว แต่ไม่ได้จงใจทิ้งพวกคุณเอาไว้นะครับ”โต้วจวิ้นกล่าว“คุณปู่เข้ามาก่อนครับ ผมจะทำแผลให้คุณปู่”“ดี”หลินเต๋อไห่รู้ว่าโต้วจวิ้นรักตัวกลัวตาย ตนเองจึงหนีไป แต่เขาไม่ได้ตำหนิ ใครใช้ให้ตระกูลโต้วมีเงินล่ะ“ไม่ต้องหรอก คุณปู่คะ หนูจะส่งคุณปู่ไปโรงพยาบาล”หลินหยี่โม่เปิดประตูรถ ให้หลินเต๋อไห่เข้าไปนั่งด้านใน“หยี่โม่ เธออย่าเข้าใจผิด”โต้วจวิ้นเดินเข้ามาหา จับมือของหลินหยี่โม่เ