“หลินหยาง?”หลินหยี่โม่คิดไม่ถึงว่า ในเวลาแบบนี้หลินหยางจะก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แกเป็นใครอีกวะ? รนหาที่ตายใช่ไหม?”ฉีเทียนหย่งสบถด่า“แกชอบตบหน้าคนอื่นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้แกได้ลองลิ้มรสชาติของการถูกตบหน้าดู”หลินหยางพูดจบ ก็ตบหน้าของฉีเทียนหย่งฉาดใหญ่การตบหน้าฉาดนี้ของหลินหยาง ตบจนฉีเทียนหย่งลอยกระเด็นออกไปทันที ล้มลงบนพื้น รู้สึกมึนงง มีเสียงดังวิ้ง ๆขึ้นในแก้วหู เลือกออกจมูก“โอ้โห!”คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เห็นดังนั้น ก็ตกตะลึงไปทันที! “เจ้าเด็กนี่เป็นใคร? คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตบฉีเทียนหย่ง?”“เป็นวีรบุรุษไร้สมองที่อยากช่วยสาวงามอีกคนแล้วเหรอ”หลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นอ้าปากค้างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลินหยางจะกล้าลงมือตบฉีเทียนหย่งแต่ว่าโต้วจวิ้นกลับแอบสะใจ คิดในใจ ‘หลินหยาง แกอยากจะแสร้งทำตัวเป็นฮีโร่ต่อหน้าหลินหยี่โม่ใช่ไหม? แกตายแน่!’“หลินหยาง...นาย...นายตบเขาทำไม?”ถึงแม้ว่าหลินหยี่โม่จะหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ยอมคุกเข่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่หวาดกลัวฉีเทียนหย่ง“อยากตบก็เลยตบน่ะ”หลินหยางกล่าวด้วยสีหน้าสบาย ๆ“นายรู้ไหมว่าเขาเป็
“ฉัน...”หลินหยี่โม่แสดงสีหน้าลำบากใจ แล้วก็จิตใจสับสนหากไปโดยไม่สนใจ ก็ขัดต่อหลักการเป็นคนดีของเธอ แต่คำพูดของโต้วจวิ้นกับคุณปู่ ก็ทำให้เธอรู้ถึงความรุนแรงของเรื่อง“เชื่อปู่ของเธอ รีบไปเถอะ ฉันไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรหรอก”หลินหยางเป็นฝ่ายกล่าวหลินหยี่โม่กัดริมฝีปากแน่น จ้องมองหลินหยางด้วยสายตารู้สึกผิดและเสียใจ“หลินหยาง ขอโทษนะ”หลินหยางเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นประคองหลินเต๋อไห่แล้วก็ลงเขาไป หลินหยางกล่าว “คุณปู่ของเธอข้อเท้าเพลงแล้ว ลงเขาลำบากเล็กน้อย ฉันช่วยรักเขาก่อนแล้วค่อยไปเถอะ”“ไม่จำเป็น ฉันเดินได้”หลินเต๋อไห่ไม่อยากจะอยู่ที่ภูเขาจื่อเสียต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว กลัวว่าจะถูกฉีเทียนหย่งพาคนมาดักเอาไว้“คุณปู่หลิน ผมแบกคุณปู่ลงเขาเองครับ”โต้วจวิ้นแบกหลินเต๋อไห่ขึ้นมา หลินหยี่โม่ก็คอยประคองอยู่ข้าง ๆ หลินหยางเดินทอดอารมณ์ลงเขาเช่นกันโต้วจวิ้นท่าทางเป็นลูกคนรวย ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แบกหลินเต๋อไห่เดินไปได้ไม่ไกลนัก ขาทั้งสองข้างก็สั่นระริก ราวกับร่อนแกลบ“พวกคุณเดินลงเขาแบบนี้ ยังเดินเร็วไม่สู้ผม ไม่แน่ว่าอาจจะถูกฉีเทียนหย่งพาคนมา
หลินหยางเดินลงเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในเวลานี้ก็ได้รับสายของฉีอีซิน“คุณหลิน ผมหาหญ้าน้ำลายมังกรได้สองต้น จะส่งมาจากตัวมณฑลในคืนนี้เลย”“ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากคุณมาส่งให้ผมด้วยตัวเองหน่อยแล้วกันครับ ผมอยู่ที่หมู่บ้านตี้เหาอาคารสิบแปด”ประจวบเหมาะฉีเทียนหย่งเป็นหลานชายแท้ ๆ ของฉีอีซิน ให้ตาเฒ่านี่มาสะสางธุระที่บ้านด้วยตัวเอง“คุณหลินเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ลำบาก ผมจะไปเดี๋ยวนี้”ในใจของฉีอีซินรู้สึกภาคภูมิใจ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ จัดการธุระให้หลินหยางมากกว่านี้หลินหยี่โม่พาหลินเต๋อไห่ลงเขา มาที่ด้านนอกบ้านของโต้วจวิ้น“คุณปู่หลิน คุณปู่มาได้ยังไงครับ? เมื่อครู่นี้ผมปวดท้องมากเกินไปจริง ๆ ทนไม่ไหว แต่ไม่ได้จงใจทิ้งพวกคุณเอาไว้นะครับ”โต้วจวิ้นกล่าว“คุณปู่เข้ามาก่อนครับ ผมจะทำแผลให้คุณปู่”“ดี”หลินเต๋อไห่รู้ว่าโต้วจวิ้นรักตัวกลัวตาย ตนเองจึงหนีไป แต่เขาไม่ได้ตำหนิ ใครใช้ให้ตระกูลโต้วมีเงินล่ะ“ไม่ต้องหรอก คุณปู่คะ หนูจะส่งคุณปู่ไปโรงพยาบาล”หลินหยี่โม่เปิดประตูรถ ให้หลินเต๋อไห่เข้าไปนั่งด้านใน“หยี่โม่ เธออย่าเข้าใจผิด”โต้วจวิ้นเดินเข้ามาหา จับมือของหลินหยี่โม่เ
เว่ยต้ากังกล่าว“คือว่า...ฉัน...”หลินหยี่โม่สีหน้าลำบากใจ เว่ยต้ากังอยากให้เธอไปเป็นเลขาส่วนตัว แต่ความเป็นจริง ก็ไม่ต่างอะไรกับชู้รัก“เสี่ยวหลิน สถานการณ์ของครอบครัวเธอ เธอคงจะรู้ดี ตอนนี้พ่อของเธอติดหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยสูงหลายสิบล้าน ไม่มีปัญญาคืน กำหนดการคืนเงินใกล้จะถึงแล้ว คนที่ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงพวกนั้น มีวิธีการยังไง คงไม่ต้องให้ฉันพูดหรอกใช่ไหม?”เว่ยต้ากังกดดันหลินหยี่โม่อย่างต่อเนื่อง“ถ้าหากวันนี้เธอรับปากฉัน ฉันไม่เพียงจะจัดการเรื่องในวันนี้ให้เรียบร้อย เรื่องที่พ่อเธอติดหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยงสูง ฉันก็จะจัดการให้เรียบร้อยด้วยเช่นกัน ให้เขาคืนแค่เงินต้นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องโดนดอกทบต้นอีกต่อไป อีกอย่าง ฉันยังสามารถให้เขากลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง“สรุปแล้ว สำหรับเธอ มีข้อดีมากมาย”หลินหยี่โม่กัดฟันกรอด หลับตา น้ำตาทั้งสองข้างไหลออกมา“ค่ะ! ขอเพียงแค่คุณพูดคำไหนคำนั้น ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ”หลินหยี่โม่ เคยมีจิตวิญญาณอันสูงส่ง สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ เตรียมที่ตัวที่จะแสดงความสามารถครั้งใหญ่ ทำบริษัทของตระกูลให้ใหญ่โตและแข็งแกร่งแต่ความเป็นจริงโจม
“ไม่รีบ ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวเขาก็จะมาที่นี่เอง คุณนั่งลงก่อน ดื่มน้ำ รอสักประเดี๋ยว”หลินหยางทำมือ เป็นการส่งสัญญาณให้ฉีอีซินนั่งลงฉีอีซินเป็นคนฉลาด ทันทีที่ได้ยิน ก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง ทำให้รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที รู้สึกนั่งไม่ติดในมือของหลินหยางถือหนังสือเล่มหนึ่ง ค่อย ๆ เดินมาที่ตรงหน้าของฉีอีซิน กล่าวถาม “หนังสือแพทย์เล่มนี้ คุณรู้จักไหม”ทันทีที่ฉีอีซินเงยหน้าเห็นปกหนังสือ ด้านบนเขียนด้วยตัวหนังสือโบราณ ‘คัมภีร์หลิงจิ้ว’“คัมภีร์หลิงจิ้ว?!”ฉีอีซินลุกขึ้นทันที ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ราวกับได้เห็นของล้ำค่าหายากคัมภีร์หลิงจิ้วเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ลับแห่งจักรพรรดิเหลือง ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งฉีอีซินเองก็เคยได้ยินแค่ชื่อเท่านั้น ไม่เคยเห็นกับตามาก่อน สำหรับคนที่เรียนแพทย์แล้ว นี่คือของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้หลินหยางพยักหน้าเล็กน้อย นั่งลงไขว่ห้างแล้วกล่าว “เดิมทีผมอยากจะให้คุณยืมคัมภีร์หลิงจิ้วเล่มนี้ ให้คุณลอกไว้หนึ่งฉบับ แต่มีคนไม่พอใจ”ทันทีที่ฉีอีซินได้ยิน ก็ตื่นเต้นจนเกือบจะกระโดดขึ้นมาถ้าได้รับคัมภีร์หลิงจิ้ว ไม่เพียงทำให้ฝีมือทางการรักษาโรคของเ
“เจ้าปล่อยให้มือสังหารเข้ามาหรือ?” ฟ้ามืดแล้ว สายลมยามค่ำคืนพัดมากระทบใบหน้าพาให้สดชื่นมาก แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ เหลียนเฉียวกลับรู้สึกหนาวสะท้าน นางไม่ได้เห็นหน้าเสิ่นอวี้ ก็รู้สึกได้ว่านางเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนนางมักจะเป็นเหมือนคนโง่ที่วิ่งมาหาหลิ่วอี๋เหนียงและซ่งหว่านฉิงที่เรือนเสาหวา จากนั้นก็จะมาพูดจ้อกแจ้กจอแจบอกทุกอย่างกับหลิ่วอี๋เหนียงและซ่งหว่านฉิง ซ้ำยังดีต่อนางมากกว่าซงลู่ที่เป็นสาวใช้พวกนั้น พูดจาสุภาพอ่อนโยน แต่พูดอยู่นานก็ไม่สามารถพูดให้ตรงประเด็นได้ ซึ่งนี่ทำให้นางรำคาญมาก ครั้งนี้นางไม่น่ารำคาญแล้ว นางพูดอย่างกระชับและรัดกุม ง่ายต่อการเข้าใจ เพียงแต่ นิสัยของนางเปลี่ยนไปแล้ว น้ำเสียงพูดคำสั้นๆไม่กี่คำ เมื่อได้ฟังกลับทำให้คนมีความรู้สึกกดดันอย่างน่าหดหู่ มีความสง่างามน่าเกรงขามแบบที่นายท่านมี ถึงขนาดที่ว่าน่ากลัวกว่านายท่านด้วย จู่ๆ หัวใจของเหลียนเฉียวก็ทรุดลง นางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองนาง ริมฝีปากขยับครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ในยามค่ำคืน สาวน้อยที่เพิ่งปักปิ่นยืนอยู่ตรงหน้านาง เห็นได้ชัดว่ายังมีไขมันหน้าเด็กบนใบหน้า แต่กลับซ่อนไว้ด้วยควา
หลังพวกฉีอีซินจากไป หลินหยางก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปกินข้าวเช้าเช่นกันในเวลานี้ หลินหยี่โม่ขับรถมาแล้ว“หลินหยาง นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรหรอก เธอมาทำอะไรหรือ?” หลินหยางถาม“ฉันเป็นห่วงนาย หลังส่งคุณปู่ไปที่โรงพยาบาลเสร็จก็รีบมาดูเลย ฉีเทียนหย่งคงไม่ได้มาหาเรื่องนายใช่ไหม? ”หลินหยี่โม่ถาม"มาแล้วล่ะ"หลินหยี่โม่ตกใจจนสะดุ้ง ถามว่า “มาแล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นนายเป็นอะไรหรือเปล่า?”“ฉันก็ยังสบายดีอยู่ไม่ใช่หรือไง เขาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก เธอไม่ต้องกังวล” หลินหยางยิ้มบางๆหลินหยี่โม่ถอนใจอย่างโล่งอกทีหนึ่ง แอบคิดว่าน่าจะเป็นเว่ยต้ากังที่ไปจัดการเรื่องนี้จนเรียบร้อยเห็นหลินหยางโอ้อวดว่าฉีเทียนหย่งไม่กล้าทำอะไรเขา หลินหยี่โม่ก็ไม่ได้เปิดโปง ยิ่งไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอขอให้เว่ยต้ากังช่วยออกหน้า“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะ” หลังจากนั้น หลินหยี่โม่กับหลินหยางก็แลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อกันก่อนที่หลินหยี่โม่จะจากไป หลินหยางพูดว่า “หัวหน้าห้อง วันหลังถ้าเจอปัญหาอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ เธอก็โทรหาฉันได้ ฉันช่วยเธอได้นะ” หลินหยี่โม่ฝืนยิ้มจาง ๆ ออกมา ไม่ได้เอาคำพ
หลินหยางพึ่งฝึกวิชาเสร็จมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ลมปราณแท้ในจุดตันเถียนก็หนาแน่นขึ้นไม่น้อย ทว่าผลข้างเคียงของการแช่ยาสมุนไพรก็เด่นชัดอย่างมากเช่นกันพลังหยางที่ปลดปล่อยไปจนหมดบนตัวของฉินโม่หนงเมื่อคืนนี้ กลับมามากเกินไปอีกแล้วหลินหยางก็ไม่มีวิธีการอื่น จึงได้แต่ใช่วิธีการดั้งเดิม ทำตัวเป็นช่างฝีมือจัดการตัวเองทว่า หลินหยางพบว่าการใช้มือไม่มีประโยชน์ แม้จะสามารถปลดปล่อยพลังหยางออกมาได้เล็กน้อย แต่ก็น้อยอย่างมาก ไม่อาจแก้ปัญหาจากต้นตอได้“ดูท่าคงต้องใช้การปรับสมดุลหยินหยางจริงๆ ผสานความแข็งแกร่งกับความนุ่มนวล ถึงจะรักษาสมดุลของพลังหยางที่เกินมาได้ งานฝีมือแบบดั้งเดิมใช่ไม่ได้ผล” พอดีกับที่มู่หรงยิ่นโทรมาพอดี หลินหยางจึงสะกดพลังหยางภายในร่างไว้ชั่วคราว แล้วก็ออกจากบ้านไปในตอนที่หลินหยางมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลมู่หรง มู่หรงยิ่นและมู่หรงหว่านเอ๋อร์ก็มาต้อนรับที่หน้าประตูด้วยตนเองเมื่อเห็นสาวงามสองคนอยู่ต่อหน้า เพลิงร้ายในใจของหลินหยางก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ตัวเขาในตอนนี้ ราวกับกินไวอากร้าลงไป ขอแค่เห็นผู้หญิง ก็ยากจะควบคุมเพลิงปรารถนาที่ชั่วร้ายไว้ได้“มีเรื
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต
หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปหยอกหลูอ้าวตงอีกสักที?ไม่มีอะไรทำก็ไปยั่วโมโหหลูอ้าวตงสักหน่อย ได้กลายเป็นความเคยชินของหลินหยางไปแล้วแต่ทว่าทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลับมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาเบอร์โทรศัพท์นั่นคือ...ฉินเจิ้งคุน?หลินหยางมีความประหลาดใจเล็กน้อย จะว่าไป ฉินเจิ้งคุนควรจะส่งคนมาไล่ฆ่าตนถึงจะถูกอย่างไรเสียสิ่งของที่ไม่ได้มาครอบครองก็ต้องทำลายทิ้ง ถึงจะเหมาะสมกับสไตล์ของตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาผลปรากฏว่าการตามล่าของตระกูลฉินที่รอคอยมาไม่ถึงสักที...เขารับสายแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วเสียอีกนะ...”“ไอ้บ้า!”ทันทีที่ฉินเจิ้งคุนต่อสายติดก็ได้ยินประโยคนี้ โมโหจนสะอึกทันที “คนที่ใกล้ตายอย่างแกยังจะกล้าพูดจาเหลวไหล! ตอนนี้แกได้ถูกหลูอ้าวตงตามฆ่าเหมือนกับหนูท่อที่น่ารังเกียจแล้วละมั้ง!”“ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว...”หลินหยางเหลือบตามองลูกน้องที่เพิ่งรับเอาไว้เมื่อสักครู่นี้แวบหนึ่ง หลูอ้าวตงทั้งส่งสมุนไพรทั้งส่งผู้หญิงมาให้ โดนตนจัดการจนรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาอยู่หน่อย ๆ เสียแล้วแต่ทว่าฉินเจิ้งคุนกลับไม่เชื่อ กล่าวเสียงเย้ยหยัน “เลิกพูดจาไร้สาระ ต
เขาหยิบยาพิษสี่เม็ดออกมาจากในกระเป๋าเฉียนคุน โยนให้พวกเขา“ยาพิษนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่ถอนได้ ถ้าหากพวกแกกล้าทรยศ จะต้องตายอย่างน่าเวทนามากแน่อย่างแน่นอน”ปรมาจารย์ทั้งสี่เข้าใจว่าหลินหยางไม่เชื่อใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ยาพิษนี้ไม่กินก็ต้องกิน จากนั้นก็กลืนยาพิษลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเมื่อทั้งสี่คนกลืนยาพิษลงไปแล้ว หลินหยางถึงได้ไปช่วยรักษาม๋อจื่อภายใต้การจับตามองอย่างประหม่าของหลี่หรูเยว่หลินหยางใช้เข็มวาสนาฝืนลิขิต ม๋อจื่อค่อนข้างไม่ธรรมดา รากฐานกระดูกแข็งแรงมากมาตั้งแต่กำเนิด มุมมองของหลินหยาง เหมาะที่จะเดินเส้นทางเทพวรยุทธ์มากแต่น่าเสียดายที่ถังฮ่าวหรานความคิดตื้นเขิน ใช้วิชาแปลงอสูรสวรรค์ฝึกฝนเขาจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ม๋อจื่อก็ฟื้นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ท่าทางดุร้าย“ม๋อเอ๋อร์ฟื้นแล้ว!”หลี่หรูเยว่ดีใจเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาทันที หันหน้าไปมองหลินหยางพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณนายท่าน!”ก่อนหน้านี้ม๋อจื่อดูเหมือนคนกำลังใกล้ตาย เวลาแค่เพียงครู่เดียวหลินหยางก็รักษาเขาจนหายดีแล้วนับว่าเธอนับถือฝีมือการรักษาของหลินหยางอย่างถ