หลังพวกฉีอีซินจากไป หลินหยางก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปกินข้าวเช้าเช่นกันในเวลานี้ หลินหยี่โม่ขับรถมาแล้ว“หลินหยาง นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรหรอก เธอมาทำอะไรหรือ?” หลินหยางถาม“ฉันเป็นห่วงนาย หลังส่งคุณปู่ไปที่โรงพยาบาลเสร็จก็รีบมาดูเลย ฉีเทียนหย่งคงไม่ได้มาหาเรื่องนายใช่ไหม? ”หลินหยี่โม่ถาม"มาแล้วล่ะ"หลินหยี่โม่ตกใจจนสะดุ้ง ถามว่า “มาแล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นนายเป็นอะไรหรือเปล่า?”“ฉันก็ยังสบายดีอยู่ไม่ใช่หรือไง เขาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก เธอไม่ต้องกังวล” หลินหยางยิ้มบางๆหลินหยี่โม่ถอนใจอย่างโล่งอกทีหนึ่ง แอบคิดว่าน่าจะเป็นเว่ยต้ากังที่ไปจัดการเรื่องนี้จนเรียบร้อยเห็นหลินหยางโอ้อวดว่าฉีเทียนหย่งไม่กล้าทำอะไรเขา หลินหยี่โม่ก็ไม่ได้เปิดโปง ยิ่งไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอขอให้เว่ยต้ากังช่วยออกหน้า“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะ” หลังจากนั้น หลินหยี่โม่กับหลินหยางก็แลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อกันก่อนที่หลินหยี่โม่จะจากไป หลินหยางพูดว่า “หัวหน้าห้อง วันหลังถ้าเจอปัญหาอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ เธอก็โทรหาฉันได้ ฉันช่วยเธอได้นะ” หลินหยี่โม่ฝืนยิ้มจาง ๆ ออกมา ไม่ได้เอาคำพ
หลินหยางพึ่งฝึกวิชาเสร็จมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ลมปราณแท้ในจุดตันเถียนก็หนาแน่นขึ้นไม่น้อย ทว่าผลข้างเคียงของการแช่ยาสมุนไพรก็เด่นชัดอย่างมากเช่นกันพลังหยางที่ปลดปล่อยไปจนหมดบนตัวของฉินโม่หนงเมื่อคืนนี้ กลับมามากเกินไปอีกแล้วหลินหยางก็ไม่มีวิธีการอื่น จึงได้แต่ใช่วิธีการดั้งเดิม ทำตัวเป็นช่างฝีมือจัดการตัวเองทว่า หลินหยางพบว่าการใช้มือไม่มีประโยชน์ แม้จะสามารถปลดปล่อยพลังหยางออกมาได้เล็กน้อย แต่ก็น้อยอย่างมาก ไม่อาจแก้ปัญหาจากต้นตอได้“ดูท่าคงต้องใช้การปรับสมดุลหยินหยางจริงๆ ผสานความแข็งแกร่งกับความนุ่มนวล ถึงจะรักษาสมดุลของพลังหยางที่เกินมาได้ งานฝีมือแบบดั้งเดิมใช่ไม่ได้ผล” พอดีกับที่มู่หรงยิ่นโทรมาพอดี หลินหยางจึงสะกดพลังหยางภายในร่างไว้ชั่วคราว แล้วก็ออกจากบ้านไปในตอนที่หลินหยางมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลมู่หรง มู่หรงยิ่นและมู่หรงหว่านเอ๋อร์ก็มาต้อนรับที่หน้าประตูด้วยตนเองเมื่อเห็นสาวงามสองคนอยู่ต่อหน้า เพลิงร้ายในใจของหลินหยางก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ตัวเขาในตอนนี้ ราวกับกินไวอากร้าลงไป ขอแค่เห็นผู้หญิง ก็ยากจะควบคุมเพลิงปรารถนาที่ชั่วร้ายไว้ได้“มีเรื
“พูดแบบนี้ คุณเป็นปรมาจารย์ระดับสองหรือครับ?”หลินหยางถามโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง“โค่วหยวนซันจัดเสื้อผ้ารอบหนึ่ง ยืดอกเชิดหน้าตอบว่า “แน่นอน!”“เจ้าหนู นายอย่าคิดว่าอายุยังน้อยก็สามารถเข้าสู่ระดับเซียนเทียนได้แล้วจะยอดเยี่ยมเหลือเกิน คนที่มีพรสวรรค์ในการฝึกพลังยุทธ์ ฉันเห็นมามากแล้ว นายไม่นับเป็นอะไร ฉันเห็นอัจฉริยะมากมายที่ล้มเหลวกลางคัน พวกเขาเก่งกว่านายมากนัก นายไม่มีอะไรให้ลำพองหรือเย่อหยิ่งได้เลย!หลินหยางอดหัวเราะไม่ได้ว่า “ผมลำพองเย่อหยิ่งแล้วหรือ? คุณดูจากตรงไหนกันล่ะ?”หลินหยางขำอยู่ในใจ เจอหน้ากันยังไม่ถึงสองนาที ตนเองยังประสานหมัดทักทายอย่างมีมารยาทอีก ตาเฒ่านี่วางมาดเอง แล้วยังมาหาว่าเขาเย่อหยิ่งลำพองอีกหลินหยางแอบคิดอยู่ในใจ แค่ปรมาจารย์ระดับสองเท่านั้น นายมีความสามารถอะไรมาวางมาดกัน?“เจ้าหนู ฉันกำลังชี้แนะนายอยู่นะ นายไม่ยินยอมหรือ?”คิ้วของโค่วเหยียนซันขมวดคิ้วเข้าหากัน ทันใดนั้นก็ปล่อยพลังกดดันออกมา“ปรมาจารย์โค่ว โปรดระงับโทสะด้วยเถิดครับ” มู่หรงจางรีบพูดไกล่เกลี่ยสถานการณ์โค่วหยวนซันแค่นเสียงเย็นว่า “เมื่อถึงระดับเซียนเทียน การเลื่อนระดับในแต่ละขั้นล้วนยา
“เบื้องหลังของเฉินเทียนหาวมีพรรคพยัคฆ์ดำหนุนหลัง รับมือด้วยไม่ง่าย ทางตระกูลก็ไม่สนับสนุนให้พวกเราแตกหักแล้วสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง ดังนั้น ฉันเลยนัดเฉินเทียนหาวมาเจรจาค่ะ” มู่หรงยิ่นกล่าว“เจรจา? เกรงว่าเฉินเทียนหาวคงไม่ใช่คนที่คุยง่ายแบบนั้นมั้งครับ?”ชื่อเสียงของเฉินเทียนหาวแห่งสมาคมการค้าหงซิ่ง หลินหยางเคยได้ยินมานานแล้ว เขาเป็นคนที่เหี้ยมโหดคนหนึ่งมู่หรงยิ่นพยักหน้ากล่าวว่า “ดังนั้น การเจรจาในคืนนี้ ผู้ว่าเมืองลั่วและผู้อำนวยการเฉาล้วนจะออกหน้าเป็นคนกลางในการเจรจา ถ้าพวกเราสองตระกูลทำสงครามกันเต็มรูปแบบ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองลั่ว ด้วยความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อำนวยการเฉา ผู้อำนวยการเฉาจะต้องเข้าข้างพวกเราอย่างแน่นอน ดังนั้น การเจรจายังค่อนข้างที่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราค่ะ” “จะได้ถือโอกาสไปพบเฉินเทียนหาวผู้โด่งดังพอดี” หลินหยางพูดในโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของเมือง เฉินจื่อหลิงเพิ่งผ่าตัดเสร็จ มือทั้งสองข้างของเขาถูกหลินหยางบดขยี้จนหักทั้งหมด หลังผ่าตัดไปสิบกว่าชั่วโมง แม้จะไม่ถูกตัดทิ้ง แต่หลังจากหายดีแล้ว มือสองข้างนี้ก็ไม่อาจออกแรงมากได้อีก“พ่อ แก้เค้นให้ผม ผมต้องกา
“อีกฝ่ายยังมียอดฝีมืออยู่ ปรมาจารย์โค่ว ต้องขอดูฝีมือคุณแล้วครับ” หลินหยางเห็นแล้วว่า มีสองคนลงมาจากรถออฟโรด [1] ที่ชนรถของเจียงจั่วเฟิง เป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์อย่างมาก เขาย้อมผมสีขาวโพลนทั้งหัว คิ้วสั้นดวงตาเล็กลึกบุ๋ม มุมตาตกทำให้ดูเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย จมูกทั้งใหญ่และแบน ปีกจมูกแบะออก ยังมีฟันซี่ใหญ่เหยินออกมาด้วยเมื่อนำอวัยวะพวกนี้มารวมกัน ก็อัปลักษณ์อย่างยิ่ง จนถึงขนาดที่ทำให้เด็กหวาดกลัวจนร้องไห้ได้ทีเดียวส่วนฝ่ายหญิงกลับมีหน้าตาที่สวยงามอย่างมาก ผมของเธอเป็นสีม่วง โดยรวมแม้จะสวยไม่เท่าฉินโม่หนงกับมู่หรงยิ่นที่เป็นสาวงามชั้นยอด แต่คนผู้นี้มีเสน่ห์โดยกำเนิด จะต้องเป็นสาวงามที่เหลือบมองเพียงครั้งเดียว ก็สามารถสยบผู้ชายลงได้อย่างแน่นอนทั้งสองตนเดินมาทางนี้อย่างช้าๆ ในเวลานั้น ก็มีคนขับรถที่ถูกชนท้ายคันหนึ่งเปิดประตูออกมาด่าว่า “มารดามันเถอะ พวกแกขับรถเป็นหรือเปล่าฮะ?”ชายอัปลักษณ์กระโดดเพียงครั้งเดียวก็เข้าไปบีบคอคนขับรถ จากนั้นก็หักคอของเขาทีเดียวดังเป๊าะจนตายทันที ฆ่าคนกลางถนนเช่นนื้ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างยิ่งบนรถยังมีผู้หญิง
โค่วหยวนซันแค่นเสียงตำหนิ จากนั้นพูดต่อไปว่า “เบิกตาของนายดูให้ดี ว่าอะไรคือพลังที่แท้จริงของปรมาจารย์” โค่วหยวนซันทะยานร่างขึ้นกลางอากาศ เขากระโดดออกไปทันที“นังหญิงเสียสติ ไสหัวมารับความตายเดี๋ยวนี้!” โค่วหยวนซันตะโกนเสียงดังหญิงสาวผมม่วงมองโค่วหยวนซันครั้งหนึ่ง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเย้ายวนออกมา ตบกระต่ายขาวน้อยบนหน้าอกที่ใหญ่กว่าฉินโม่หนงเล็กน้อยของตน“ตาเฒ่า นายจะตะโกนทำไมกัน ทำเอาคนเขาตกใจหมด!”หญิงผมม่วงโยนหัวใจของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเมืองทิ้ง มือขวายังคงมีเลือดหยดอยู่ ถามว่า “นายก็คือหลินหยาง? ทำไมเป็นตาเฒ่าคนหนึ่งล่ะ? ไม่ใช่บอกว่าเป็นหนุ่มหล่อที่อายุยังน้อยหรือ? ฉันยังคิดจะเล่นให้สนุกอยู่เลย”“พุ่งเป้ามาที่ฉันจริงๆ” หลินหยางกล่าวเมื่อได้ยินเช่นนั้น“คุณหลินคะ ยังคงให้ปรมาจารย์โค่วเป็นคนรับมือเถอะค่ะ ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมเกินไป อันตรายมาก” มู่หรงยิ่นอาเจียนไปครู่หนึ่ง สีหน้าซีดขาว ยังคงรู้สึกว่าในท้องปั่นป่วนอยู่“นังหญิงเสียสติ แกจงฟังให้ดี ฉันคือปรมาจารย์โค่วหยวนซัน วันนี้ จะช่วยมวลชนกำจัดภัย สังหารสุนัขบ้าอย่างพวกแกสองคนทิ้งซะ” โค่วหยวนซันพูดจบ ร่างกายก
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรครับ? หากไม่หนี พวกเราทั้งหมดก็ต้องตายอยู่ที่นี่ ต่อให้ผมต้องแลกด้วยชีวิตนี้ ก็จะต้องปกป้องคุณหนูรองไว้ให้ได้”เจียงจั่วเฟิงก็รู้ว่าความสามารถของตนใช้ไม่ได้เช่นกัน ทว่าเขายังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญไว้“นายพาเธอไป ฉันจะไปรับมือคนร้ายสองคนนั้นเอง” หลินหยางกล่าว“ไม่ได้ค่ะ แม้แต่ปรมาจารย์โค่วก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขา คุณจะตายได้นะคะ” มู่หรงยิ่นพูด“โค่วหยวนซันใช้ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าผมใช้ไม่ได้ ลองดูเถอะครับ” หลินหยางเห็นชายผมขาวพุ่งเข้าไปหาโค่วหยวนซันแล้ว ก็รีบลงมือ ปะทะหมัดกับชายผมขาวไปหมัดหนึ่งชายผมขาวถอยหลัง ตึง ตึง ตึง ไปหลายก้าว ส่วนหลินหยางกลับถอยไปเพียงครึ่งก้าวเท่านั้นหลินหยางหิ้วโค่วหยวนซันขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว กล่าวว่า “พามู่หรงยิ่นไปก่อน” โค่วหยวนซันเห็นหลินหยางไม่เพียงรับหนึ่งหมัดของชายผมขาวได้ ยังกระแทกจนอีกฝ่ายถอยหลังไปด้วย จึงตระหนักถึงความสามารถของหลินหยางขึ้นมาทันที ว่าอย่างน้อยเขาจะต้องเป็นปรมาจารย์ขั้นสาม“นาย…คุณก็เป็นปรมาจารย์ขั้นสามเหมือนกัน?!”“ไม่ใช่ครับ” หลินหยางพูดเบาๆเขาไม่ใช่ระดับสามจริงๆ ระดับสี่ต่างหากล่ะ
“เธอคิดว่าฉันสู้เธอไม่ได้จริงๆ หรือ?”หลินหยางไม่ได้ปิดบังความสามารถของตนแม้แต่น้อยเช่นกัน“น่าสนใจจริงๆ! หน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ พลังยุทธ์ยังแข็งแกร่งกว่าฉันอีก พี่ชายตัวน้อย ฉันยิ่งชอบนายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”โฉวเยี่ยจื่อส่งสายตาหว่านเสน่ห์ไปให้หลินหยางโฉวเตียวไป๋เหินกายมายืนอยู่ข้างกายโฉวเยี่ยจื่อสองพี่น้องล้วนเป็นปรมาจารย์ขั้นสาม ระหว่างพี่น้องประสานมือกันได้อย่างรู้ใจ มีวิชาโจมตีต่อเนื่องที่ร้ายกาจมากชุดหนึ่ง ทั้งสองยังเคยร่วมมือกันสังหารปรมาจารย์ระดับสี่ครั้งหนึ่งด้วย“ปรมาจารย์ระดับสี่แล้วยังไง? ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยฆ่าปรมาจารย์ระดับสี่สักหน่อย! มาเจอเข้ากับพวกเราสองพี่น้อง วันนี้นายต้องตายแน่”บนใบหน้าของโฉวเตียวไป๋ปรากฏรอยยิ้มน่ารังเกียจออกมา“พี่ชาย อย่าทำเขาตายเสียล่ะ เขาตายได้แต่บนเตียงของฉันเท่านั้น” โฉวเยี่ยจื่อหัวเราะอย่างยั่วยวนพูดจบ สองพี่น้องก็ลงมือพร้อมกัน โจมตีด้านข้างของหลินหยางจากทางซ้ายและขวาการร่วมมือของพี่น้องคู่นี้เข้าขากันอย่างมาก แม้หลินหยางจะมีพลังของปรมาจารย์ระดับสี่ แต่ประสบการณ์การต่อสู้ยังห่างไกลจากสองพี่น้องคู่นี้อีกมาก เพียงครู่เดียวก็ตกเป็นร
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต
หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปหยอกหลูอ้าวตงอีกสักที?ไม่มีอะไรทำก็ไปยั่วโมโหหลูอ้าวตงสักหน่อย ได้กลายเป็นความเคยชินของหลินหยางไปแล้วแต่ทว่าทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลับมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาเบอร์โทรศัพท์นั่นคือ...ฉินเจิ้งคุน?หลินหยางมีความประหลาดใจเล็กน้อย จะว่าไป ฉินเจิ้งคุนควรจะส่งคนมาไล่ฆ่าตนถึงจะถูกอย่างไรเสียสิ่งของที่ไม่ได้มาครอบครองก็ต้องทำลายทิ้ง ถึงจะเหมาะสมกับสไตล์ของตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาผลปรากฏว่าการตามล่าของตระกูลฉินที่รอคอยมาไม่ถึงสักที...เขารับสายแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วเสียอีกนะ...”“ไอ้บ้า!”ทันทีที่ฉินเจิ้งคุนต่อสายติดก็ได้ยินประโยคนี้ โมโหจนสะอึกทันที “คนที่ใกล้ตายอย่างแกยังจะกล้าพูดจาเหลวไหล! ตอนนี้แกได้ถูกหลูอ้าวตงตามฆ่าเหมือนกับหนูท่อที่น่ารังเกียจแล้วละมั้ง!”“ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว...”หลินหยางเหลือบตามองลูกน้องที่เพิ่งรับเอาไว้เมื่อสักครู่นี้แวบหนึ่ง หลูอ้าวตงทั้งส่งสมุนไพรทั้งส่งผู้หญิงมาให้ โดนตนจัดการจนรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาอยู่หน่อย ๆ เสียแล้วแต่ทว่าฉินเจิ้งคุนกลับไม่เชื่อ กล่าวเสียงเย้ยหยัน “เลิกพูดจาไร้สาระ ต
เขาหยิบยาพิษสี่เม็ดออกมาจากในกระเป๋าเฉียนคุน โยนให้พวกเขา“ยาพิษนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่ถอนได้ ถ้าหากพวกแกกล้าทรยศ จะต้องตายอย่างน่าเวทนามากแน่อย่างแน่นอน”ปรมาจารย์ทั้งสี่เข้าใจว่าหลินหยางไม่เชื่อใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ยาพิษนี้ไม่กินก็ต้องกิน จากนั้นก็กลืนยาพิษลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเมื่อทั้งสี่คนกลืนยาพิษลงไปแล้ว หลินหยางถึงได้ไปช่วยรักษาม๋อจื่อภายใต้การจับตามองอย่างประหม่าของหลี่หรูเยว่หลินหยางใช้เข็มวาสนาฝืนลิขิต ม๋อจื่อค่อนข้างไม่ธรรมดา รากฐานกระดูกแข็งแรงมากมาตั้งแต่กำเนิด มุมมองของหลินหยาง เหมาะที่จะเดินเส้นทางเทพวรยุทธ์มากแต่น่าเสียดายที่ถังฮ่าวหรานความคิดตื้นเขิน ใช้วิชาแปลงอสูรสวรรค์ฝึกฝนเขาจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ม๋อจื่อก็ฟื้นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ท่าทางดุร้าย“ม๋อเอ๋อร์ฟื้นแล้ว!”หลี่หรูเยว่ดีใจเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาทันที หันหน้าไปมองหลินหยางพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณนายท่าน!”ก่อนหน้านี้ม๋อจื่อดูเหมือนคนกำลังใกล้ตาย เวลาแค่เพียงครู่เดียวหลินหยางก็รักษาเขาจนหายดีแล้วนับว่าเธอนับถือฝีมือการรักษาของหลินหยางอย่างถ