หญิงสาวยิ้มกว้างอวดฟันขาวเยบเป็นระเบียบขณะอีกฝ่ายชะโงกหน้าดูของที่เธอกุมไว้ในมือ
“ข่าวดีอะไรกันที่ทำให้บุษมีความสุขได้ขนาดนี้”
ปกรณ์ หนุ่มหล่อวัยยี่สิบแปดซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงเชฟระดับมิชลินของ เคป พาราไดส์ โรงแรมระดับห้าดาวริมหาดพัทยาออกอาการใคร่รู้เมื่อ บุษราคัม สาวสวยพนักงานต้อนรับบอกเขาเช่นนั้น
“พี่อิงส่งจดหมายมาค่ะ แถมมีตั๋วเครื่องบินให้บุษไปหาเขาด้วย”
“อะไรนะ! พี่อิงของบุษน่ะหรือ ส่งตั๋วเครื่องบินมาให้”
เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มย่นคิ้วเมื่ออีกฝ่ายบอกข่าวดีของเธอ หากช่างเป็นเรื่องน่าแปลกประหลาดสำหรับเขายิ่งนัก ปกรณ์รู้จักบุษราคัม สาววัยยี่สิบสี่ปีรูปร่างบอบบางและมีใบหน้าสวยหวานตั้งแต่เธอมาทำงานในตำแหน่งพนักงานประชาสัมพันธ์ของเคป พาราไดส์
เขาไม่เพียงรู้จักหญิงสาวแค่ผิวเผิน แต่รู้ว่าเธอเป็นลูกของนายดาบตำรวจที่ประสบอุบัติเหตุสูญเสียขาไปข้างหนึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่และมีพี่สาวแสนสวยเป็นนางแบบระดับอินเตอร์ทว่าไม่เคยเหลียวแลหรือให้ความช่วยเหลือครอบครัวที่มีเพียงบิดาและน้องสาวที่เมืองไทย อัญมณี เดินทางไปทำงานอยู่ต่างประเทศเป็นเวลาเกือบสองปีซึ่งการส่งข่าวมาในคราวนี้จะไม่ทำให้เขาแปลกใจอย่างไรไหว
“ปกรณ์ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ ไม่เชื่อหรือว่าพี่อิงส่งข่าวมาจริง ๆ “
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แค่เห็นว่าพี่อิงของบุษไม่ติดต่อกลับมานานแล้ว”
“พี่อิงคงคิดถึงบุษแต่ไม่มีเวลาปลีกตัวเพราะงานยุ่ง แค่ส่งจดหมายมาบุษก็ดีใจมากแล้ว นี่ส่งตั๋วเครื่องบินมาให้บุษด้วย ถ้าพ่อรู้คงดีใจมาก”
“ตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาหรือ?”
ปกรณ์ถามทว่าหญิงสาวกลับยื่นเอกสารในมือให้
“หืม...ไหนว่าพี่สาวบุษไปเป็นนางแบบอยู่ที่นิวยอร์คล่ะ นี่มันตั๋วไปบาฮามาสนี่”
“ใช่ค่ะ ตั๋วเครื่องบินไปบาฮามาส พี่อิงบอกว่าช่วงนี้รับงานอยู่ที่นั่น บุษตื่นเต้นจังเลยเพราะเคยได้ยินมาว่าบาฮามาสเป็นหมู่เกาะที่สวยมาก”
“บุษจะไปหาพี่สาวจริง ๆ หรือนี่”
ชายหนุ่มพินิจใบหน้ารูปไข่ที่ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มอมยิ้มเอาไว้ช่วยขับเลือดฝาดบนแกมใสและปลายจมูกโด่งสีชมพูเรื่อ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกายงดงามใต้คิ้วโก่งรับกับหน้าผากมนเกลี้ยงเกลา บุษราคัมไม่ได้มีเพียงความสวยแต่เธอเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกภาพดึงดูดหัวใจด้วยท่าทีอันสดใสของสาววัยสะพรั่ง
“วันนี้บุษจะรีบกลับบ้านค่ะ ปกรณ์ บุษจะบอกข่าวดีกับคุณพ่อ ท่านคงมีความสุขมาก ๆ เลย”
ปกรณ์ก้มลงมองตั๋วเครื่องบินอีกครั้งซึ่งวันเดินทางตรงกับมะรืนนับจากวันนี้
“บุษจะไปนานไหม?”
“คงสักอาทิตย์กระมังคะ...บุษจะลางานนาน ๆ ไม่ได้ ปกรณ์ก็รู้”
บุษราคัมดึงตั๋วเครื่องบินจากมืออีกฝ่ายที่มองเธอด้วยแววตาอันลึกซึ้ง ปกรณ์เพียงยิ้มให้ทั้งที่ในใจอยากบอกอะไรหลายอย่าง
“เดินทางโดยสวัสดิภาพนะบุษ ไปถึงที่นั่นแล้วโทรมาหาผมบ้าง”
“ค่ะ ปกรณ์...บุษไปแค่สัปดาห์เดียวเองนะคะ ไม่ได้ไปเป็นเดือน แต่ เอ...ไม่แน่นะคะ บุษอาจจะติดใจอยู่ที่นั่นนาน ๆ ก็ได้”
หญิงสาวกระเซ้าต่อีกฝ่ายหน้าเจื่อนขณะมองเธอเก็บของกระจุกกระจิกใส่กระเป๋าก่อนร่างบางจะพลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลากลับบ้าน
“บุษ...เอ้อ...”
“คะ...ปกรณ์มีอะไรหรือเปล่า?” บุษราคัมเอียงหน้ามองชายหนุ่มที่อ้ำอึ้งก่อนพูด
“อย่าลืมซื้อของมาฝากผมด้วยล่ะ”
“ค่ะ...เชฟ...บุษไปนะคะ”
ร่างบอบบางขยับลุกขึ้นและสะพายกระเป๋าเดินออกไปจากล็อบบี้โดยไม่ได้หันกลับมามองปกรณ์ที่ถอนหายใจกับความขัดเขินเพราะไม่กล้าเผยความนัยว่ารู้สึกอย่างไรกับประชาสัมพันธ์สาวแสนสวย
อาคมชะโงกหน้าเข้าไปในห้องที่ประตูเปิดอ้าไว้ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นบุตรสาวคนเล็กกำลังจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางอย่างขะมักเขม้น ชายวัยห้าสิบหกพาร่างที่ค้ำด้วยขาปลอมข้างหนึ่งเข้าไปและทรุดกายลงนั่งข้างบุษราคัมบนเก้าอี้ตัวยาว
“บุษ...จะเดินทางพรุ่งนี้แล้วสินะลูก ท่าทางตื่นเต้นเชียว”
นายดาบตำรวจวัยใกล้เกษียณยกมือหนาใหญ่ขึ้นลูบเรือนผมยาวสลวยสีน้ำตาลประกายของบุตรสาวที่หันมายิ้มอย่างมีความสุข
“ค่ะ พ่อ...บุษตื่นเต้นที่จะได้พบพี่อิง ถ้าไปถึงบาฮามาสบุษจะบอกพี่อิงว่าคุณพ่อคิดถึงนะคะ”
บุษราคัมกล่าวสีหน้าเปื้อนยิ้มทว่าบิดากลับถอนใจยาว
“เขาจะคิดถึงพ่อหรือเปล่าก็ไม่รู้ อิงไปอยู่เมืองนอกเกือบสองปีแล้วแต่ไม่เคยติดต่อกลับมาเลย”
“พี่อิงคงยุ่ง ๆ ค่ะคุณพ่อ อย่าคิดมากเลยนะคะ ถ้าเป็นไปได้บุษจะชวนพี่อิงกลับมาเยี่ยมคุณพ่อค่ะ”
หญิงสาวปลอบประโลมบุพการีที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ทั้งที่รู้นิสัยดื้อรั้นและเย่อหยิ่งจนเกือบจะเรียกได้ว่าลืมตัวของอัญมณีแต่เธอก็ไม่อยากซ้ำเติมความรู้สึกให้บิดาต้องเจ็บช้ำ
“บุษ”
“อะไรคะ คุณพ่อ” บุษราคัมก้มลงมองอะไรบางอย่างที่อาคมวางมันไว้บนฝ่ามือบาง”
“แหวนทองเหลือง...สลักชื่อของพ่อไว้ข้างใน ลูกสวมมันไว้นะ เวลาเดินทางไกลจะได้รู้สึกเหมือนมีพ่ออยู่ข้าง ๆ “
บุษราคัมจ้องมองสิ่งที่บิดาให้ มันเป็นแหวนเกลี้ยงส่องประกายสีเหลืองด้าน ๆ ก่อนหยิบสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายได้พอดี อากัปกิริยาของหญิงสาวทำเอาคนเป็นพ่อยิ้มกริ่ม
“อะไรกันบุษ สวมนิ้วนี้เดี๋ยวก็มีคนคิดว่าลูกถูกตีตราจองเสียแล้ว”
“บุษก็ตั้งใจให้เป็นอย่างที่คุณพ่อคิดนั่นล่ะค่ะ บางทีมีผู้ชายอ้างตัวว่าเป็นเสี่ยจะขอเลี้ยงดูลูกสาวคุณพ่อ หนูจะได้บอกเขาอย่างไรล่ะคะว่าหนูมีคู่หมายแล้ว”
“คิดอะไรแปลก ๆ นะเด็กคนนี้ เดี๋ยวพอไม่มีหนุ่ม ๆ มาวอแวแล้วจะเสียใจ”
“ช่างปะไรคะคุณพ่อ...คุณพ่อขา” บุษราคัมออดอ้อนอีกครั้งด้วยการสอดแขนกอดเอวหนาของชายวัยกลางคน
“บุษยังไม่รีบร้อนหรอกนะคะเพราะอยากอยู่ดูแลคุณพ่อไปอีกนาน ๆ “
“บุษลูกพ่อ” อาคมลูบศีรษะทุยของบุตรสาวก่อนเอียงหน้าจนขมับแนบลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย ชีวิตที่เหลืออยู่ของนายดาบวัยใกล้เกษียณก็ดูเหมือนจะเหลือเพียงบุษราคัม ลูกคนเล็กผู้มีอัธยาศัยอ่อนหวานและไม่เคยขัดใจผู้เป็นพ่อซึ่งต่างกันลิบลับกับพี่สาวที่ทั้งเอาแต่ใจ ทะเยอทะยานไม่เคยคิดถึงใครอย่างอัญมณี“บุษอย่าปิดกั้นตัวเองเรื่องความรักนะลูก พ่อแน่ใจว่าอาจมีใครสักคนที่จริงจังและอยากดูแลสาวน้อยของพ่อ...ปกรณ์ล่ะ เขาไม่พูดอะไรกับลูกบ้างเลยหรือ?”“ไม่ค่ะ”“ท่าทางเขาชอบลูกนะ พ่อว่าเขาก็ไม่เลวนักหรอก...ลูกว่าอย่างไร?”“ไม่มีความเห็นค่ะ”“อืม...”“หนูรักพ่อนะคะ”อาคมไม่กล่าวอะไรต่อนอกจากกอดตอบลูกสาว บุษราคัมอาจไม่เคยขัดความประสงค์บิดา ทว่าเขาเท่านั้นที่รู้ดีว่าภายใต้ท่าทีหวานอ่อนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าอัคนีที่ไม่หลอมละลายไฟ000000000เพียงก้าวแรกที่ย่างเหยียบลงจากเครื่องบินที่บรรทุกผู้โดยสารมาเต็มลำเรือเพื่อมุ่งหน้าสู่ดินแดนในฝันท่ามกลางทะเลแคริบเบียนในเขตมหาสมุทรแอตแลนติก บุษราคัมก็แทบสกัดความตื่นเต้นที่อัดอั้นเอาไว้ไม่ไหวเมื่อมาถึงสนามแนสซอของกรุงแนสซอ (Nassau) เมืองหลวงซึ่งตั้งอยู่บนเกาะนิว โพรวิเดนซ์ หนึ่งในหม
บุษราคัมร้องถามซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า“มันเป็นถ้ำใต้น้ำนอกชายฝั่งครับ เราเรียกว่าหลุมสีน้ำเงินใต้สมุทร มันเป็นพื้นที่ส่วนขยายของทะเลที่ได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำขึ้นน้ำลงรุนแรง ตอนน้ำทะเลหนุนสูงมันจะดูดน้ำหลายล้านลิตรลงไปอย่างกับท่อน้ำทิ้งในอ่างยักษ์เลยล่ะครับ...สวยงามและอันตรายสุด ๆ “เรียวปากจิ้มลิ้มบนหน้าหวานอ้าค้าง ในที่อันสวยงามแท้จริงแอบซ่อนความน่าสะพรึงไว้เช่นนี้เอง ก่อนจะได้คิดเรื่องอะไรต่อไปก็รู้สึกว่าเครื่องบินเล็กที่เธอโดยสารมากำลังร่อนลงสู่เบื้องล่างและได้ยินเสียงชายผู้นั้นหลังจากที่เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว“เชิญครับ...คุณบุษราคัม เรามาถึงเกาะนี้แล้ว ไดโอนีที่แสนสวย”บุษราคัมก้าวลงจากเครื่องบินเล็กและจรดปลายเท้าในรองเท้าส้นแบนลงบนผืนทรายขาวเนียน ณ ที่แห่งนั้น...เกาะไดโอนีอันสงบเงียบ ยินเพียงเสียงลมทะเลหอบคลื่นเล่นล้อชายฝั่งและลมชายหาดพัดเข้ามาปะทะใบหน้าสวยหวานสีระเรื่อยามแดดอาบไล้ สถานที่ซึ่งหญิงสาวเคยใฝ่ฝันถึงทอดตัวอยู่ใต้เงาของเธอในตอนนี้แล้ว“พี่อิงล่ะคะ...พี่อิงอยู่ที่ไหน?”เจ้าของร่างแน่งน้อยเอ่ยถามขณะเกลี่ยปอยผมที่โดนลมพัดมาปรกผิวแก้ม ทว่าชายในชุดสูทไม่ตอบ เขาเ
เสียงการสนทนาพาทีหลากหลายภาษาทั้งเยอรมัน สเปน อังกฤษ ฝรั่งเศสและอิตาลี ดังไปทั่วบริเวณห้องที่ถูกจัดขึ้นเป็นสถานที่แถลงข่าวภายในสำนักงานสีขาวอันโอ่โถงของศูนย์ปฏิบัติการอวกาศยุโรป เมืองดาร์มตัดช์ ประเทศเยอรมนี ท่ามกลางบุคคลมากมายทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักศึกษาและเหล่านักข่าวไม่มีใครแม้สักคนสังเกตเห็นเจ้าของร่างสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตรในชุดสูทสีดำสนิท ทว่าเรือนผมสีน้ำตาลเข้มประกายทองแดงถูกตัดจนสั้นเกรียนหากก็มิอาจบดบังรัศมีความหล่อเหลาเข้มคมที่ก้าวเข้ามาและหยุดพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชั่วครู่ก่อนบ่ายหน้าไปยังอีกด้านหนึ่งของตึกสำนักงานที่อยู่ห่างออกไปจากสถานที่แออัดไปด้วยผู้คนไม่ไกล เจ้าของร่างสีแทนจัดทั้งสูงใหญ่และบึกบึนไม่รั้งรอจะเปิดประตูห้องเข้าไปด้านในเพื่อพบหญิงวัยสี่สิบปลาย ๆ กำลังนั่งพลิกเอกสารบนเก้าอี้รับแขกอยู่เพียงลำพัง“แม็กซ์!” เจ้าของเรือนร่างระหงในชุดสูทสีเข้มตัดเย็บด้วยฝีมือคมเฉียบทุกกระเบียดอุทานเมื่อเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าใครเข้ามาในห้อง เธอรีบวางเอกสารในมือและลุกขึ้นอ้าแขนรับเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาถึงก็กอดใว้แน่นราวไม่ได้พบกันมาเนิ่นนาน”แม่ค
“แม็กซ์...แม่คงห้ามลูกไม่ได้แล้วซีนะ” คลอเดียยิ้มแห้งแล้ง แต่แล้วก็ทำหน้าราวกับนึกอะไรได้“แล้วนี่...ลูกจะอยู่กับแม่ที่เยอรมันสักพักใช่ไหมจ๊ะ”“ผมคงต้องรีบกลับวันนี้ครับ เพราะให้คนเตรียมเครื่องบินไว้แล้ว”“ลูกจะกลับไปอยู่กับพ่อที่อเมริกา...อย่างนั้นหรือ?”ฮอฟมันน์ส่ายหน้าน้อย ๆ โดยที่มารดาไม่ทันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างฉายวาบขึ้นมาบนดวงตาคู่นั้น“ผมจะกลับไปอยู่ที่บาฮามาสสักพัก ที่เกาะไดโอนีของผมไงครับแม่”“โอ!” คลอเดียขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้ความคิดบุตรชาย “แม่ไม่ชอบไดโอนีของลูกเลย ที่เกาะนั่นอันตรายจะตายไป”เธอกำลังบ่นถึงเกาะเล็ก ๆ ซึ่งอยู่เลยหมู่เกาะบาฮามาสเข้าไปในเขตทะเลลึกของมหาสมุทรแอตแลนติก ฮอฟมันน์ซื้อเกาะที่อยู่ห่างไกลผู้คนเอาไว้และเรียกมันว่า ไดโอนี ตามชื่อดาวเคราะห์ซึ่งเป็นหนึ่งในดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์ เธอไม่เคยย่างกรายเข้าไปเพราะรอบ ๆ อาณาบริเวณเกาะมีน้ำวนในหลุมสีน้ำเงินใต้สมุทร (Ocean Blue Hole) ซุกซ่อนอยู่ในที่ใดสักแห่งหนึ่ง ทว่าสถานที่ยิ่งมีภยันตรายมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าบุตรชายหัวขบถของเธอจะยิ่งโปรดปราณมันมากเท่านั้น“แม่ไม่เคยได้ยินหรือครับว่า ที่ยิ่งอันตรายก็ยิ่งปลอดภัย