คำบัญชา
หนึ่งเดือนต่อมา...
“เอิงไม่ไป ฮือๆ อาวิณอยู่ไหน เอิงจะหาอาวิณ ฮือๆ”
“อาวิณไปเที่ยวเมืองนอกกับมะลิ” สุชาติบอก เมื่ออรองค์บุกมาถึงบ้านใหญ่ หลังจากมีคำสั่งให้อรองค์ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ โดยมอบหมายให้พี่สะใภ้เป็นคนดูแล ซึ่งอินทุอรแต่งงานใช้ชีวิตกับภากรณ์ ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของภูวิณ
ใช้ชีวิตครอบครัวอยู่กรุงเทพฯ มีลูกสาวหนึ่งคน อายุเท่ากับอรองค์ และทั้งสองก็เข้ากันได้ดี เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว
“เอิง หยุดร้องไห้ได้แล้ว ยังไงก็ต้องไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน เพราะป้าเองก็ขัดคำสั่งของอาวิณไม่ได้เหมือนกัน” อินทุอรบอกเหตุผล พลางโอบกอดเด็กสาวเพื่อปลอบโยน
“อาวิณบอกจะยกโทษให้ แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว เขาลงโทษเอิงต่างหากฮือๆ”
“ยังไงเรื่องการไปเรียนต่อกรุงเทพฯ มันก็อยู่ในความคิดของ
อาวิณตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันแค่เร็วขึ้นเท่านั้นเอง” ตอนแรกภูวิณจะส่งอรองค์ไปเรียนต่อในตอนเข้ามหาวิทยาลัย แต่เพราะอรองค์ทำเรื่องปวดหัวไม่เว้นวัน ภูวิณเลยหมดความอดทน เลยต้องส่งอรองค์ไปเรียนต่อมัธยมปลายกรุงเทพฯ เร็วกว่ากำหนดหลายปี“อาวิณเกลียดเอิงแล้ว ฮือๆ” เด็กสาวยังร้องไห้คร่ำครวญ
“เอิงผิดไปแล้ว เอิงจะไม่แกล้งผู้หญิงพวกนั้นอีก ฮือๆ ป้าอินช่วยพูดกับอาวิณให้เอิงหน่อยได้ไหมคะ เอิงค่อยไปเรียนต่อตอนเรียนมหา’ ลัยก็ได้”
“ไม่เอาน่าเอิง อาวิณตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนใจเขาได้หรอก”
พออินทุอรบอกแบบนั้น อรองค์ก็ยิ่งร้องไห้เสียงดัง จนคนที่นั่งเงียบๆ อยู่มุมห้องนั่งเล่นตั้งนานทนไม่ไหว
“ยัยเอิง หยุดร้องเดี๋ยวนี้เลย แกร้องไปก็เปล่าประโยชน์
อาวิณเขาไม่ใช่เด็กๆ ที่จะมาเปลี่ยนใจไปมาง่ายๆ ไปเก็บของเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับแก!”คนที่ตวาดเสียงดังลั่นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คืออารียา ลูกสาวคนเดียวของอินทุอร ที่เป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เยาว์วัยของอรองค์นั่นเอง
“อิ้งก็ใจร้ายเหมือนอาวิณ!” อรองค์แว้ดใส่อารียาทันที
“เออ ฉันใจร้าย แล้วไง แกน่ะใจปลาซิ่ว แค่ไปเรียนในกรุงเทพฯ แค่นี้จะตายหรือไง!”
“ก็ฉันไม่อยากไปจากไร่ ฉันอยากอยู่กับอาวิณ”
“แต่อาวิณไม่อยากให้แกอยู่ เมื่อไหร่จะฉลาดเสียทีว่าแกอยู่กับอาวิณไปตลอดชีวิตไม่ได้ สักวันเขาก็จะแต่งงานมีครอบครัว แกจะอยู่ขวางหูขวางตาเมียเขาทำไม”
“อาวิณจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น นอกจากฉัน ฮือๆ”
“เออ ใช่ เขาอาจไม่แต่งงาน เพราะโสดมาจนอายุสามสิบแล้ว แต่ยังไงเขาก็คงไม่แต่งงานกับเด็กกะโปโลอย่างแกหรอก!”
“สักวันหนึ่งฉันก็ต้องโตนะ!”
“แต่เขาไม่ได้รักเอิงแบบชู้สาว เขารักแกเหมือนเด็กในปกครองคนหนึ่ง เหมือนที่เขารักฉันนี่แหละ” ท้ายประโยคของเด็กสาวเริ่มอ่อนลง เมื่อเห็นอีกคนสะอื้นฮักๆ เหมือนใจสลายเมื่อได้ยินคำพูดทิ่มแทงใจ
“ไม่รู้ละ อาวิณจะรักยังไงก็เรื่องของเขา แต่คุณย่าพิศบอกว่าฉันจะได้เป็นเจ้าสาวของวิณ”
“โอ๊ย คุณย่านะคุณย่า ไม่น่าให้ความหวังยัยนี้เล้ย ปวดหัวแล้วโว้ย!” เพราะไม่ว่าจะคุยกันด้วยเหตุผลอะไร อรองค์มักชอบเอาคำพูดของย่าพิสมัยมาอ้างทุกที ทำให้เถียงต่อไม่ได้
“พอแล้วๆ หยุดพูดแล้วยัยอิ้ง” คนเป็นแม่ปราม ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มกับเด็กสาวที่ยังสะอื้นไห้
“ถ้าเอิงรักอาวิณก็อย่าดื้อสิ ทำตัวให้เขาเห็นว่าเราเชื่อฟัง เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน เรียนจบแล้วก็กลับมาหาอาวิณได้”
“แต่อาวิณกำชับไว้ว่า...”
“หยุดเดี๋ยวนี้ยัยอิ้ง” อินทุอรปรามลูกสาว เพราะกลัวอรองค์จะยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ถึงขนาดนี้แล้ว ก็พูดมาเถอะอิ้ง ฉันอยากรู้ว่าเขากำชับไว้ว่ายังไง”
“แน่ใจนะว่าบอกแล้วจะไม่กรีดร้องเป็นผีบ้า บอกตรงๆ ฉันหนวกหูนะ แค่ฟังแกร้องไห้ ฉันก็จะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย!”
“บอกมาเถอะ ฉันสัญญาจะไม่เป็นผีบ้า”
“แน่นะ”
“อือ”
“อาวิณบอกว่า ห้ามเธอกลับมาที่ไร่ จนกว่าจะเรียนจบมหา’ลัย” พูดจบก็เกิดความเงียบขึ้นฉับพลัน แม้แต่เสียงสะอื้นก็เงียบกริบ ได้ยินแค่เสียงหายใจที่ทอดถอน ดวงหน้าเปื้อนน้ำตาเรียบนิ่ง แต่ดวงตายังแดงก่ำ
ทว่าอรองค์ไม่กรีดร้องเป็นผีบ้าอย่างที่อารียากลัว แต่ท่าทีของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าใจสลาย เพราะจู่ๆ น้ำตาก็ไหลอาบแก้ม แต่ไร้เสียงสะอื้น
มันดูเจ็บปวดกว่าตอนที่อรองค์กรีดร้องเป็นผีบ้าเสียอีก!
ทุกคนในบ้านหลับกันไปหมดแล้ว ในตอนที่อรองค์เปิดประตูห้องพระเข้ามา เจ้าตัวนั่งพับเพียบแล้วก้มลงกราบพระพุทธรูป สวดมนต์ แต่ไม่อาจนั่งสมาธิได้ เพราะจิตใจทั้งเจ็บปวดและหวาดหวั่นกับสิ่งที่ต้องเผชิญในวันข้างหน้า ที่ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้อีกต่อไป
ชีวิตที่ไม่ได้อยู่กับอาวิณ ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจ
โดดเดี่ยว เหมือนตอนที่สูญเสียพ่อในวันนั้น
แต่ความรักและอ้อมกอดของคุณย่าพิศมัยและอาวิณก็เยียวยาความรู้สึกโดดเดี่ยวนั้นได้
แต่ตอนนี้คนที่ทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยว กลับเป็นอาวิณเสียเอง แล้วใครจะทำให้เธอหายจากความรู้สึกนั้นได้
ป้าอินกับอิ้งเหรอ
อรองค์ไม่แน่ใจ แม้จะรู้จักทั้งสองมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็สนิทกับอารียา เพราะติดต่อกันตลอด แต่ก็ไม่เคยใช้ชีวิตด้วยกันอย่างใกล้ชิดมาก่อน เพราะปีหนึ่งทั้งสองจะมาที่ไร่แค่สองสามครั้งเท่านั้น
แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของอาวิณ เธอก็คงทำอะไรไม่ได้
ถ้าคุณย่าพิศมัยยังอยู่ เธอคงไม่ต้องจากที่นี่ไป คิดแล้ว
อรองค์ก็ร้องไห้ จนเผลอหลับไปกระทั่งรุ่งเช้าศรีนวลมาปลุก พอเข้ามาในห้องก็เห็นคำแพง สาวใช้ประจำบ้าน ที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่อยู่ที่นี่ กำลังจัดเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวให้เธอ
“น้องเอิงรีบไปอาบน้ำเถอะ พี่เก็บของให้แล้ว” คำแพงบอก สีหน้าอีกฝ่ายบ่งบอกว่าใจหาย ที่จู่ๆ เด็กหญิงที่ดูแลมาตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ กำลังไปอยู่ที่อื่น
“ค่ะ” อรองค์เดินเข้าห้องน้ำด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ศรีนวลเช็ดข้าวของส่วนตัว รวมทั้งเอกสารส่วนตัวและการเรียนต่อระดับมัธยมปลายของอรองค์ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ให้คำแพงกับวสุขนไปยังรถของอินทุอรที่จอดอยู่หน้าตึก
ศรีนวลรอกระทั่งอรองค์แต่งตัวเรียบร้อย หยิบกระเป๋าสะพายที่ใส่โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์คล้องไหล่ให้ เดินออกมาจากห้องนอน ก็หยุดอยู่หน้าโถง ตรงหน้าชั้นโชว์ เพื่อจะยกมือไหว้กรอบรูปคุณย่าพิสมัย
เมื่อลงจากเรือนมายังรอที่จอดรอ ภาพของบรรดาคนงานและบรรดาลูกสมุนของเธอ รวมทั้งคนรับใช้ในบ้าน รวมๆ กันแล้วนับสามสิบชีวิต ต่างมายืนเรียงเป็นระเบียบรอส่งเธอขึ้นรถ
อรองค์ยกมือไหว้ทุกคนที่สูงวัยกว่า ถึงแม้เธอจะถูกเลี้ยงมาในบ้านอย่างคุณหนู แต่เธอไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งก็เป็นเพียงลูกสาวของผู้ช่วยนายใหญ่เท่านั้น
โบกมือให้บรรดาลูกสมุนโดยมีวสุนำทีมยืนอยู่เบื้องหน้า และบรรดาสมุนตัวเล็กที่อายุไล่เลี่ยกับเธอนับสิบคนได้ เป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เยาว์วัย ที่ยอมให้เธอเป็นหัวหน้าแก๊งผีเสื้อแห่งไร่ภูวิณ
“แล้วเจอกันนะหัวหน้า” วสุร้องขึ้นเสียงเครือ ทำให้บรรดาสมุนตัวเล็กร้องไห้
“หัวหน้ารีบกลับมาไวๆ นะ”
“มาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ นะหัวหน้า”
อรองค์พยักหน้ารับ แล้วโผกอดศรีนวลกับคำแพง โบกมือให้วสุ ก่อนจะขึ้นรถ
เมื่อรถเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าบ้าน อรองค์ก็หันไปมองทุกคนที่ยังยืนมองรถ เธอได้แต่โบกมือให้ และน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง
เพราะรู้ดีว่าอีกนานกว่าจะได้กลับมาที่นี่อีก หรือบางทีอาจไม่ได้กลับมาอีกเลย
หากว่าอาวิณไม่อนุญาต เธอก็ไม่มีสิทธิ์ได้กลับมาที่นี่อีก
ในตอนที่สุชาติเดินหงอยๆ กลับเรือนใหญ่ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้านายของเขานั่นเอง
ภูวิณพามะลิไปเที่ยวปลอบใจที่ญี่ปุ่น หลังจากโดนผีปลอมหลอกจนตกบันไดข้อเท้าแพลงไปเป็นเดือน
[เรียบร้อยไหมวะชาติ]
“เรียบร้อยครับนาย รถคุณอินเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี่เอง”
[แล้วเอิงงอแงไหม]
“ไม่เลยครับ นิ่งมาก จนไม่อยากเชื่อว่าจะนิ่งได้ขนาดนั้น”
[คงรู้ตัวว่างอแงไปก็เท่านั้น]
“แต่นิ่งเกินไปครับนาย เหมือนทำใจแล้วว่าอาจไม่ได้กลับมาที่นี่อีก”
[เฮ้ย จะบ้าเหรอ ที่นี่บ้านของเอิง ยังไงก็ต้องกลับมาอยู่ดี แต่ต้องเรียนให้จบก่อนเท่านั้น]
“จบมหาลัย มันนานนะนาย และเอิงเพิ่งจะเข้ามอปลาย กว่าจะเรียนเรียนมันหกเจ็ดปีเลยนะนาย”
[ทำไม มึงคิดถึงเด็กที่มึงเรียกว่าตัวแสบหรือไง]
“แล้วนายจะไม่คิดถึงหรือไง เห็นมาตั้งแต่เกิด และเลี้ยงมาตั้งแต่เจ็ดขวบเลยนะครับ”
[เฮ้ย คิดถึงบ้าบอไร้สาระ แค่นี้นะจะพามะลิไปชอปปิ้ง]
“ไม่ต้องซื้อของฝากมาให้น้องเอิงล่ะครับนาย” สุชาติพูดจบ นายของเขาก็ตัดสายทันที
สุชาติยอมรับว่าใจหาย ที่เห็นรถของอินทุอรเคลื่อนออกไปจากบริเวณไร่ กระทั่งลับหายจากสายตา
เด็กๆ หลายคนร้องไห้ระงม บ่นว่ากลัวจะไม่ได้เจอหัวหน้าอีก คนสูงวัยก็บ่นอาลัยอาวรณ์ เพราะต่อไปนี้คงไม่เห็นอรองค์ทำตัวเป็นหัวหน้าแก๊งผีเสื้อ พาลูกน้องวิ่งซุกซนไปทั่วไร่ แต่ถึงกระนั้นเด็กๆ ก็ช่วยกันทำงานเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะอรองค์ ตัวแค่นั้น แต่สนใจงานในไร่ โดยเฉพาะการปลูกผัก ชอบเป็นพิเศษ
เวลาปลูกอะไรแล้ว ก็เฝ้ามองทุกวันว่าผักที่ตัวเองว่านเมล็ดลงไปจะงอกขึ้นหรือเปล่า พอเห็นว่างอกมาแล้วก็กระโดดโลดเต้น และเฝ้ามองการเติบโต เหมือนแม่ที่เฝ้ามองลูกๆ พอจะผักโตมาก พอจะเก็บขายหรือเก็บไปทำอาหาร ก็ทำหน้าละห้อย จนนึกขำ
‘เอิงจะปลูกผักเหมือนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวไม่ได้นะ’
นั่นคือคำพูดของภูวิณที่เคยบอกเด็กหญิงอรองค์ในวันนั้น
ในวันนี้ภูวิณกำลังมีความสุขกับผู้หญิงที่เขาหลงใหล พะเน้าพะนอเอาใจ ถึงขั้นขับไสอรองค์ออกจากไร่ เพราะไปแกล้งผีหลอกสาวเจ้า
แต่สุชาติมองว่ามะลิสวยก็จริง แต่อีกฝ่ายไม่เหมาะจะเป็นนายหญิงของไร่ภูวิณ ยกเว้นแต่ภูวิณต้องการนายหญิงที่วันๆ ไม่ต้องทำอะไร นอกจากแต่งตัวสวย เดินกรีดกรายโชว์ความสวย และชอปปิ้งไปวันๆ เท่านั้น
แต่สุชาติคิดว่าภูวิณก็ไม่ได้โง่ เขาแค่อยากสนุกกับชีวิตโสดให้คุ้มค่าเท่านั้น แต่การผลักไสอรองค์ไปในวัยเพียงสิบห้าปีเท่านั้น
ก็ดูจะใจร้ายอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า ต้องเรียนจบมหาวิทยาลัยก่อนถึงจะกลับไร่ได้ มันเป็นเวลาที่นานเกินไปหรือเปล่า
พอถึงวันนั้นจริงๆ ก็หวังว่าอรองค์จะยังอยากกลับมาอยู่ที่นี่อีก
""""""""""""""""""
มีแต่ความคิดถึง “ชอบห้องนี้ไหมเอิง” อารียาถามขึ้นเมื่อเธอถูกพามายังห้องพักส่วนตัว ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามห้องอารียานั้นเอง เป็นโซนห้องพักที่จัดรับรองสำหรับเครือญาติ“ชอบสิ ห้องสวยขนาดนี้” อรองค์มองรอบห้อง แต่เพราะการมาอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย แถมจิตใจก็ยังอาวรณ์กับที่ที่จากมา เจ้าตัวก็เลยไม่มีแก่ใจยินดีกับอะไรทั้งนั้น“ดีแล้วที่ชอบ จริงๆ เพราะห้องข้างๆ ห้องนี้คือห้องของอาวิณ”“เขาคงไม่มามาที่นี่อีกแล้วมั้ง” อรองค์พูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ“ว่าไปนั่น บ้านนี้เป็นบ้านของอาวิณเหมือนกันนะ ยังไงเขาก็ต้องกลับมาสิ”บิดาของเธอเป็นเพียงอาจารย์ในมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ตอนนี้ก็เสียไปแล้ว ไม่ได้มีเงินมากมายจะซื้อบ้านหลังใหญ่ ภูวิณกับคุณย่าพิศมัยจึงเข้ามาดูแลเธอกับมารดา รวมทั้งซื้อบ้านหลังนี้ให้อยู่ด้วย โดยเฉพาะย่าพิสมัยก่อนที่ท่านจะเสียนั้นได้เดินทางมาหามารดาของเธอ เพื่อจะให้ดูแลอรองค์เสมือนผู้ปกครองคนหนึ่ง แถมยังให้เงินมารดาเธอไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งมากพอสมควร สำหรับค่ากินอยู่ขณะที่อรองค์อยู่ที่บ้านส่วนค่าเล่าเรียนนั้นภูวิณจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่าง เพราะมรดกที่อรองค์จะได้รับนั้นต้องรออายุยี่สิบเสียก่อนถึงจะได้สิทธิ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูนั่นเองที่ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียง ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน“เอิง ตื่นหรือยัง นี่ใกล้เที่ยงแล้วนะ ลงไปกินข้าวกันเถอะ” เสียงของอารียาดังอยู่หน้าห้องนอน“เออ ตื่นแล้ว ขอเข้าห้องน้ำก่อน แล้วจะลงไป” เธอตะโกนตอบ แล้วเดินเอื่อยๆ เข้าห้องน้ำใช้เวลาจัดการธุระส่วนตัวอยู่เพียงสิบห้านาทีเท่านั้นอรองค์ก็ออกจากห้อง ลงไปชั้นล่างเจอสาวชื่อวิไลกำลังเก็บกวาดห้องโถงอยู่พอดี“คุณอินกับคุณอิ้งอยู่ในห้องกินข้าวค่ะ”“ค่ะ” อรองค์รับคำ แล้วเดินตรงไปยังห้องกินข้าว ซึ่งอยู่ในโซนใกล้ครัว“อ้าว มาๆ กินข้าวกัน”เมื่อโผล่หน้าเข้าไปอินทุอรก็กวักมือให้มานั่งข้างๆ“ขอโทษด้วยค่ะ เอิงตื่นสายมาก”“ไม่ต้องขอโทษหรอก ป้าเข้าใจ แปลกที่แปลกทาง คงนอนไม่หลับสิท่า”“ค่ะ กว่าจะหลับก็...อือ เกือบเช้า”“ไม่เป็นไรหรอก นานๆ ไปเดี๋ยวก็ชินไปเอง แต่เราต้องเข้มแข็งนะ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”“ค่ะ เอิงจะเข้มแข็ง และปรับตัวให้ได้ค่ะ”“งั้นก็กินเถอะ จะได้ไปช้อปกัน” อารียาพูดแล้ว ตักอาหารใส่จานตัวเอง“ช้อปที่ไหน”“แม่จะพาเราสองคนไปเดินห้าง เธอน่ะต้องซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม และเปลี่ยนแนวการแต่งตัวดีไหม”เพราะอรองค์ชอบแ
หลาน (นอกไส้) อาวิณเป็นเด็กดี [อะไรนะครับ เอิงรังแกเพื่อนร่วมชั้น ไม่มีทางหรอก เอิงไม่ใช่คนที่จะไปรังแกใคร ตรงกันข้ามชอบช่วยเหลือคนที่ถูกรังแกมากกว่า ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ เอิงเป็นเด็กดี ไม่รังแกใครก่อนแน่นอน]ภูวิณที่เพิ่งรับสายจากอินทุอรว่าครูฝ่ายปกครองแจ้งมาว่า อรองค์รังแกเพื่อนจนคางแตก และทางโรงเรียนจะไล่อรองค์ออก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้“ใช่แล้ว เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ยืนยันว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายเอิงก่อน เอิงแค่ป้องกันตัว แต่ทางครูฝ่ายปกครองก็ยังยืนยันว่าเอิงผิด เด็กที่ถูกชกก็โกหกหาว่าเอิงทำก่อน”[ก็ในเมื่อมีคนในเหตุการณ์ยืนยัน ทำไมครูยังดึงดันว่าเอิงทำก่อน] ภูวิณเริ่มมีโมโห เพราะอรองค์นั้นเขารู้จักมาตั้งแต่วันลืมตาดูโลก รู้จักนิสัยใจคอดีว่า ไม่มีทางรังแกคนอื่นก่อนแน่นอน เอาหัว ภูวิณเป็นประกันได้“ตอนแรกพี่ก็สงสัยว่าครูทำไมไม่ฟังคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยัยอิ้งกระซิบบอก เพราะเด็กที่เอิงมีเรื่อง พ่อแม่บริจาคให้โรงเรียนมากที่สุดในบรรดาผู้ปกครอง เขาเลยเอาใจเด็ก”[อ๋อ แบบนี้นี่เอง งั้นผมจะบริจาคให้มากกว่านั้น]“วิณ เอาจริงเหรอ”[เอาจริงครับ พี่อินช่วยส่งเบอร์โทร. ของโรงเรียน
คนที่เพิ่งลงจากรถถึงกับยิ้มออกมา เพราะจดจำเสียงหัวเราะของเด็กทั้งสองได้ ที่อีกคนเป็นหลานสาวในไส้ อีกคนเป็นหลานนอกไส้ก็ดูมีความสุขดีนี่“คุณวิณจะไปไหนคะ” เสียงทักจากคนที่เพิ่งลงจากรถมา ทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวไปตามเสียงหัวเราะชะงัก แล้วหันไปส่งยิ้มให้หญิงสาว“เปล่าครับ” แล้วเขาก็เปิดกระโปรงรถ เพื่อหยิบกระเป๋าใบใหญ่ของมะลิออกมา รวมทั้งกระเป๋าใบเล็ก สำหรับใส่ของใช้ส่วนตัวของเขาด้วย เพราะเสื้อผ้านั้นมีอยู่ที่นี่แล้วกำลังจะเดินเข้าบ้านเด็กรับใช้ก็เดินมาจะช่วยหิ้วกระเป๋า แต่ภูวิณบอกว่าจะถือเอง เพราะเด็กรับใช้เป็นผู้หญิง แถมกระเป๋ามะลิก็ใบใหญ่มากเขาพามะลิมาเที่ยวแค่สองสามวัน บอกอินทุอรแล้ว แต่ไม่ให้บอกอรองค์ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายใจจดจ่อที่จะเจอเขา จริงๆ แล้วเขาก็ยังไม่พร้อมเจออรองค์ด้วยซ้ำ แต่ทนเสียงคะยั้นคะยอของมะลิไม่ได้ เพราะถ้าไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากขัดใจเธอเดินรับใช้ในบ้านเมื่อเห็นเขาก็ต่างเข้ามาทักทาย โดยเฉพาะป้าชื่น คุณแม่บ้าน ซึ่งทำงานที่บ้านมานานหลายปีเขาจึงแนะนำมะลิให้ทุกคนรู้จัก ในฐานะ ‘แฟน’“คุณอินบอกป้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ห้องของคุณวิณ ป้าให้เด็กจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว
โลกใบเดิมเลือนหาย อรองค์ทั้งตื่นเต้นดีใจจนยิ้มไม่หุบ เด็กสาวรีบอาบน้ำ และเลือกชุดอย่างพิถีพิถัน และหยิบชุดที่อารียาเลือกให้ตอนไปชอปปิ้งด้วยกัน เป็นเสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์ แต่สีอ่อนเป็นลายการ์ตูนน่ารัก กับกางเกงขาสั้นสีขาว แถมยังทาแป้งพัพบางๆ เติมริมฝีปากด้วยลิปสติกสีชมพู สีใกล้เคียงกับสีริมฝีปากของตนเองผมสั้นที่เริ่มยาวก็หวีและเซ็ทเป็นทรงอรองค์หมุนตัวไปมาเพื่อสำรวจความเรียบร้อย ก่อนจะออกจากห้องเดินลงไปยังชั้นล่าง ตรงไปยังห้องกินข้าว ซึ่งดูเหมือนว่าทุกคนจะลงมากันหมดแล้ว เพราะได้ยินเสียงพูดคุยแต่เอ...อยู่กันสามคน ทำไมเสียงพูดมันเหมือนจะมีคนมากกว่านั้นเมื่อโผล่หน้าเข้าไปในห้องกินข้าว รอยยิ้มที่แต้มหน้าตลอดการเดินมาถึงนั้นหุบฉับพลัน เมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่เคียงข้างภูวิณ“น้องเอิง ไม่ได้เจอกันนานเลย คิดถึงนะคะ” มะลิลุกจากเก้าอี้มาจับมืออรองค์ราวกับสนิทสนมกันมานาน ซึ่งจริงๆ แทบไม่รู้จักกันเลยก็ว่าได้มะลิพาอรองค์ที่เหมือนยังช็อก มานั่งเก้าอี้ตัวที่ยังว่าง ซึ่งก็คือข้างภูวิณอีกฟากรอยยิ้มก่อนหน้านั้นหายไปแล้ว“ไม่เจอกันแค่ไม่นาน น้องเอิงดูสดใสขึ้นนะคะ แต่งตัวก็น่ารักขึ้นด้วย” มะลิยังเอ่
เพราะต้องการพามะลิมาเที่ยวมาชอปปิ้งเท่านั้น เธอก็ยิ่งทนไม่ได้กับคำเยาะเย้ยถากถางของอีกฝ่าย“ไม่ออกจ้า ที่นี่ฉันมีสิทธิ์จะอยู่ตรงไหนก็ได้ มันเป็นบ้านของคุณวิณเช่นกัน และอีกไม่นานฉันจะแต่งงานกับเขา และจะเป็นอาสะใภ้ของเธอ หรือเอ อาจไม่ได้เป็นนะ เพราะฉันจะให้คุณวิณเฉดหัวเธอออกจากทะเบียนบ้าน”“ไม่มีทางคนอย่างเธอ ไม่มีวันได้แต่งงานกับอาวิณ!”“ก็ดูกันต่อไปสิ แต่อย่าหวังนะยัยเด็กกะโปโล ผอมแห้งกรังอย่างเธอไม่มีวันได้เป็นเจ้าสาวของคุณภูเช่นกัน!”“เธอก็ไม่มีวันได้เป็นยัยบวมฉ่ำ!”กรี๊ดดดดดดดด“นี่แกว่าฉันบวมเหรอ! ฉันไม่ได้บวมนะ ฉันแค่อวบอิ่ม ฉันไม่ได้บวม ฉันตัวเล็กนิดเดียว!”“ฉันก็ไม่ได้ผอมแห้งกรังเหมือนกันยะ ฉันแค่เฟิร์ม เพราะชอบออกกำลังกาย และฉันสวยด้วยย่ะ!”ทั้งสองแว้ดใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนเสียงดังลั่นออกไปนอกห้อง ทำให้คนที่เพิ่งเดินมาจะเข้าห้องตัวเองได้ยิน ต้องเดินมายังห้องเกิดเหตุ โดยที่ไม่ได้เคาะประตู จึงเห็นสองสาวต่างวัยและต่างไซซ์กำลังจ้องหน้า เหมือนเตรียมจะวางมวย“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงห้าวดุดังขึ้น ทำให้สองสาวต่างวัยหันขวับไปมอง“คุณวิณขา น้องเอิงน่ะ อยู่ๆ มาบูลลี่มะลิค่ะ ว่าตัวบวมฉ
วันเวลา ก็สามปีแล้วนะ มันนานเกินกว่าที่จะเก็บเอามาคิด แต่อรองค์ก็อดคิดไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วภูวิณก็ไม่เคยมาที่บ้านอีกเลย นับตั้งแต่วันนั้น เธอเองก็ยังถูกสั่งห้ามกลับไร่ จนกว่าจะเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งเธอกับอารียาเพิ่งสอบเข้ามหาวิยาลัยเดียวกัน แต่เลือกคนละคณะ อารียาเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ ฝันอยากทำงานเบื้องหลังวงการโทรทัศน์หรือเกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง ส่วนอรองค์เรียนคณะบริหารธุรกิจ กับความคิดที่จะใช้ความรู้กลับไปช่วยงานภูริณที่ไร่อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก รวมทั้งรีสอร์ตที่เพิ่งสร้างเสร็จ และเปิดบริการเรียบร้อยแม้ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะได้กลับไปที่ไร่ภูวิณอีกครั้งหรือเปล่า เพราะหากภูวิณเลือกที่จะใช้ชีวิตคู่กับมะลิ เธอคงหมดโอกาสจะกลับไป เพราะนอกจากจะทนเห็นทั้งสองรักกัน มะลิก็คงไม่ให้เธออยู่อย่างสุขสงบเช่นกัน แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นั่น ถ้าอยู่อย่างสงบไม่ได้ “มัวแต่นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ ไม้กับมิ้นท์และมะเหมี่ยวรออยู่ที่ร้านแล้วนะ” อารียาเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นอรองค์นั่งเหม่ออยู่ในห้องนั่งเล่น ขณะที่เธอพร้อมจะออกจากบ้านแล
ขณะที่อารียา หน้าตาออกแนวน่ารัก น่าเอ็นดู บวกกับรูปร่างเล็ก สดใส ส่วนมัทนาเป็นคนสวยเรียบๆ ถ้ามองผ่านก็ไม่มีอะไรสะดุดตา แต่มองนานๆ แล้วก็เห็นความสวยคมคายมีเสน่ห์เยือกเย็น ส่วนเธอเองนั้น มะเหมี่ยวคิดว่าตัวเองหน้าตาสวยน้อยที่สุดในกลุ่มเพื่อน แต่เธอสดใส น่ารัก และตัวเล็กนิดเดียวพอๆ กับอารียา ซึ่งจะหาว่าโม้ ในกลุ่มเพื่อนสนิท เธอคือคนที่มีผู้ชายจีบมากที่สุดด้วยซ้ำ ก็แหงสิ เธอเฟรนลี่ที่สุดในกลุ่มนี่ “ถามจริง แกเรียนกฎหมายเพื่อจะเป็นทนายเหรอไม้” มะเหมี่ยวถามต่อ “เปล่า” “แล้วอยากเป็นอะไร” “อือ วันหนึ่งก็คงรู้เองแหละ”“ฉันเดานะ อย่างไม้ ไม่ชอบพูดเยอะ คงไม่เหมาะกับทนายที่ต้องมีลูกล่อลูกชน ฉันว่าไม้เหมาะจะเป็นอัยการมากกว่า” “หรือไม่ก็ผู้พิพากษา” มัทนาว่า มัชกรไม่ตอบอะไร แต่ยิ้มน้อยๆ ให้กับการเดาของเพื่อนๆ “คงไม่อยากเป็นตำรวจหรอกนะ” อรองค์เดาบ้าง คำพูดนั้นทำให้มัชกรส่งยิ้มให้อีกฝ่าย พอทุกคนกินอิ่ม อารียากับมะเหมี่ยวก็พากันไปชอปปิ้ง ส่วนอรองค์ มัทนา และมัชกรนั้นก็เข้าร้านกาแฟ
พอลูกสาวหลับไปแล้ว ภูวิณก็เก็บหนังสือนิทานไว้บนโต๊ะ ห่มผ้านวมให้ หอมแก้มเบาๆ ไม่ลืมที่จะปิดโคมไฟหัวเตียง เหลือเพียงโคมไฟหน้าห้องน้ำ จากนั้นก็กลับห้องนอนของเขากับภรรยาที่อยู่ห้องถัดไป คั่นกลางด้วยห้องแต่งตัวที่ประตูทั้งสองห้องเชื่อมต่อกันได้ภูวิณยิ้มกริ่มเมื่อเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาก็เห็นภรรยากำลังสวมชุดนอนสีดำสายเดี่ยว ยิ่งขับผิวขาวนวลลออตา ชุดสั้นเหนือเข่ามาเกือบคืบ โชว์เรียวขาสวยที่เขามองไม่เคยเบื่อ ผมยาวดำขลับทิ้งสยายเต็มกลางหลังใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มกลับเห็นผิวขาวใสไร้รอยด่างดำ แม้จะออกไปช่วยงานในไร่บ่อยครั้ง สลับกลับไปทำงานในรีสอร์ต แต่อรองค์ก็ดูแลตัวเองอย่างดีอรองค์ในวัยสามสิบต้นๆ เหมือนเจ้าตัวเพิ่งเป็นสาวเต็มตัว มีเสน่ห์มากยิ่งกว่าเด็กสาวในวันวานทั้งรูปร่างที่ผอมเพรียว แต่ก็เฟิร์มไปทั้งเนื้อตัว ช่วงอกอวบอิ่มขึ้น ดวงตากว้างเป็นประกายรู้ทันเมื่อเห็นสายตาโลมเลียของเขา“เซ็กซี่จัง” ภูวิณเดินมาโอบกอดภรรยาจากด้านหลัง ซุกจมูกที่ลำคอระหง ก่อนย้ายไปยังซอกหู มือใหญ่นั้นเริ่มไล้เบาๆ ตั้งแต่โค้งสะโพก ผ่านชุดนอนเนื้อบางเบา ทำให้อรองค์วูบไหวจนร่างสะท้าน พร้อมครางเสียงแผ่วริมฝีปากอุ่น
ตอนพิเศษ “คุณแม่ขาหนูอยากปั่นจักรยานเล่นที่ไร่ค่ะ” เด็กหญิงอิงจันทร์ วัยสี่ขวบเอ่ยขึ้นในเวลาบ่ายวันหยุด กำลังกินของว่างกับแม่ในสวนข้างบ้านเด็กหญิงอิงจันทร์มีหน้าตาคล้ายแม่ค่อนข้างมาก ทั้งใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาโตกว้างเป็นประกายสดใส ริมฝีปากจิ้มลิ้มได้รูป ผมสั้นเคลียหูและมีหน้าม้า ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นเหมือนตุ๊กตาเดินได้“งั้นกินนมให้หมดก่อนค่ะ เดี๋ยวแม่พาไป” เมื่อได้ยินแบบนั้นเด็กหญิงก็ยกแก้วนมที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วดื่มจนหมด“หมดแล้วค่ะ”“งั้นเราไปเปลี่ยนรองเท้าและใส่หมวกกันค่ะ” อรองค์ที่ตอนนี้อยู่ในวัยสามสิบต้นๆ บอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลูกสาวตัวน้อยก็รีบลงจากเก้าอี้ แล้วเดินลิ่วเข้าไปในบ้านทันทีไม่กี่นาทีต่อมาสองแม่ลูกก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อมสำหรับการปั่นจักรยาน รองเท้าผ้าใบและหมวกกันน็อค“น้องเอิงคะ ป้าศรีถาม ค่ำนี้กินอะไรดี”“อ๋อ เอิงลืมบอก ตอนค่ำเอิงจะพาน้องอิงไปกินข้าวที่ รีสอร์ตกับพ่อเขาน่ะ”อรองค์หันมาบอกคำแพง ที่ตอนนี้รับหน้าที่หลักเป็นพี่เลี้ยงเด็กหญิงอิงจันทร์ ช่วยงานบ้านอื่นๆ ยามว่างเว้นจากการดูแลเด็กหญิง เช่นวันหยุดที่อรองค์ไม่ได้ทำงาน เธอก็จะดูแลลูกสาวเอง
บทส่งท้าย หกปีต่อมาที่ไร่ภูวิณในเวลาเช้าตรู่ อรอรงค์กำลังแต่งหน้าทำผมเสร็จ สวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีครีม ส่งผลให้รูปร่างสูงเพรียวนั้นยิ่งหน้ามองเครื่องประดับน้อยชิ้น แต่ใบหน้าสวยที่แต่งแบบเรียบๆ กลับยิ่งโดดเด่นนัยน์ตาเรียวกว้างและคมหวานเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากยิ้มแย้มอิ่มเต็มและเย้ายวนอยู่ในที“แกสวยมาก” มะเหมี่ยวเอ่ยปากชม“เหมือนนางฟ้าเลยแก” มัทนาชมบ้าง“ฉันเห็นเอิงใส่ชุดแต่งงานครั้งที่สองแล้วนะ ครั้งแรกแต่งแทนคนอื่น ตอนนั้นเอิงยังเด็กอยู่ก็สวยน่ารัก ตอนนี้ดูเป็นสาวเต็มตัว เฉิดฉายมากเลย ออร่าแบบพุ่งสุดๆ” อารียาเอ่ยชมด้วยสีหน้าสุดปลื้มปริ่มกับเพื่อนรัก ที่ตอนนี้เพิ่มสถานะอาสะใภ้เข้าไปด้วย“ครั้งนี้ต้องพิเศษสิ เพราะงานแต่งของฉันจริงๆ ไม่ได้แต่งแทนคนอื่น” อรองค์เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มกว้าง ปลื้มกับคำชมของเพื่อนๆ จนจะลอยได้อยู่แล้ว“สรุป แกเป็นเจ้าสาวสองครั้งในชีวิตของอาวิณ”“ฉันถือครั้งนี้ คืองานแต่งของฉันจริงๆ”“เด็กๆ ไปข้างล่างกันเถอะ ได้กฤกษ์ทำพิธีแล้ว” อินทุอรโผล่หน้ามาบอกทุกคนในห้องแต่งตัวเมื่อลงมาถึงชั้นล่างที่สวนข้างบ้าน ก็เห็นเจ้าบ่าวยืนอยู่กับมัชกร และกลุ่มเพื่อนๆ เพื่อรอเ
“เราชอบอิ้งตั้งแต่ตอนมอต้น แต่เราไม่กล้าแม้จะคุยกับอิ้ง กลัวยัยน้อยหน่าแกล้งอิ้ง”“เราก็คิดว่าไม้ชอบเอิงเสียอีก”“ใครจะกล้าชอบ อิ้งบอกย้ำเราตลอดว่าเอิงจะเป็นเจ้าสาวของอาวิณของอิ้ง”“แฮะๆ ขอโทษนะ ตอนนั้นเรากลัวไม้ชอบเอิงน่ะ เลยบอกย้ำ” เธอสารภาพน้ำเสียงเขินๆ“ก็ตอนนั้นเราชอบอิ้งแล้ว จะชอบใครได้อีก”“แล้วทำไมไม่บอก ถ้าบอกตั้งแต่ตอนนั้นเราคงคบกันได้หลายปีแล้ว แล้วตอนนั้นไม้เหมือนสนใจเอิงด้วยนะ”“ก็สนใจ เพราะเอิงดูสู้คนไง”“เลยให้เอิงไปสู้กับยัยน้อยหน่าว่างั้นเถอะ”“อือ คิดว่าเอิงจัดการได้”“แต่เสียดาย น่าจะบอกกันบ้าง”“ถึงเราจะชอบอิ้ง แต่ก็ยังเด็ก และไม่แน่ใจว่าจะชอบต่อไปได้นานแค่ไหน”“งั้นตอนนี้ก็ยังชอบนะ”“ก็ชอบอยู่”“งั้นเรามาเป็นแฟนกันไหม” เพราะอย่างไรก็คบในฐานะเพื่อนมานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักกันอะไรกันเพิ่มเติม“ได้ แต่อย่าเพิ่งบอกคนอื่นๆ ได้ไหม”“ทำไม อายเหรอที่จะเป็นแฟนกับเรา” น้ำเสียงมีแววน้อยเนื้อต่ำใจ“ถ้าอิ้งไม่กลัวพวกเขาแซวก็ตามใจอิ้งนะ”“งั้นปิดไว้ก่อนเหอะ แอบๆ คบกันก็น่าสนุกดีนะ” น้ำเสียงเธอร่าเริงขึ้นมาทันที“แต่อิ้งควรบอกผู้ใหญ่ของอิ้งก่อนนะ”“หมายถึงคุณแม่กับอาวิ
“จะไปไหน แต่งตัวซะสวยเชียว” อรองค์ถามขึ้นเมื่อนั่งอ่านหนังสืออยู่ในโถงชั้นล่างพร้อมกินของว่างไปด้วย ก็เห็น อารียาใส่เดรสสีครีมดูอ่อนหวานนุ่มนวล แถมยังแต่งหน้าอ่อนๆ ให้ดูหวานละมุนเข้ากับชุดที่สวมใส่“ไปดูหนังกับไม้”“แกไปล่อลวงไม้ให้ไปดูหนังได้ด้วยเหรอ”“บ้า ล่อลวงอะไร ปกติไม้ก็ไปดูหนังกับฉันกับยัยเหมี่ยวบ่อยๆ” ส่วนอรองค์กับมัทนาไม่ชอบเข้าโรงหนัง รวมทั้งมัชกรด้วย แต่ทุกครั้งที่ชวนเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ“ก็ไม้ไปเป็นเพื่อนแกกับยัยเหมี่ยวไง แต่ครั้งนี้เหมี่ยวไปด้วยหรือเปล่า”“ก็ชวนแล้ว แต่มันไม่ว่าง และฉันก็อยากดูหนังเรื่องนี้มาก” เจ้าตัวก็บอกชื่อภาพยนตร์ที่จะไปดู“มีแผนไรหรือเปล่าเนี่ย ชวนไม้ไปดูหนังผี แล้วตัวเองแต่งตัวเป็นนางฟ้า”“อุ๊ย ฉันสวยมากใช่ไหมแก” น้ำเสียงของอารียาร่าเริงขึ้นมาทันที“ไปถามป้าอินที่ร้านดูก่อนไหม”“บ้าสิ ขืนไปถาม แม่ก็ซักไซ้ว่าฉันแอบกิ๊กผู้ชายไม่บอกเขาน่ะสิ”“คิดว่าป้าอินจะไม่รู้เหรอ แกมองไม้ที โหหวานซึ้งตรึงใจไปถึงสามโลก”“เว่อร์น่า”“ไม่เชื่อก็ไปถามไอ้ไม้ดู”“แกว่าฉันควรถามตรงๆ เหรอ”“เออ จะอมพะนำไปทำไม ค้างๆ คาๆ”“งั้นฉันจะลองทำใจกล้าถามเขาดู”“แต่ก็ต้องเผื่อใจด้วยน
ชอบมาตั้งนาน อรองค์กับแก๊งเพื่อนสนิทนั่งอ่านข่าวเด่นข่าวดังด้วยความชื่นมื่นในร้านชาบู ซึ่งจองห้องวีไอพีเฉพาะพวกเขาเท่านั้นข่าวลูกชายนักการเมืองจัดปาร์ตี้ยาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมค่อนข้างมาก ในคืนนั้นใครตรวจเจอฉี่ม่วงก็โดนกันไป เรียกว่าไม่มีใครรอดสักคน แต่คนที่หนักสุดคือดรีม เพราะเป็นถึงลูกชายนักการเมืองที่เป็นถึงระดับผู้ช่วยรัฐมนตรี แถมตำรวจเจอคลิปลับในโทรศัพท์ของอีกฝ่ายอีกหลายสิบคลิปในโซเซียลฯ ก็ถูกประจานสันดานเลวๆ ของดรีม ส่วนใหญ่ผู้หญิงออกมาพูดว่าดรีมชอบเอาคลิปลับมาขู่ให้ยอมมีเซ็กซ์ในครั้งต่อๆ ไป บางคนก็ถูกล่อลวง แอบถ่ายต่างๆ นานา เรียกว่างานนี้เรียกโจทย์ทั้งเก่าและใหม่มาทัวร์ลงเท่านั้นยังไม่พอทำพ่อเสียชื่อไปด้วย ได้ยินข่าวมาว่า ประกันตัวออกมาแล้ว ดรีมถูกพ่อส่งไปเมืองนอก เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามประสาคนรวย พอมีเรื่องก็อยู่เมืองไทยไม่ได้ เพราะกระแสจากสังคมตอนนี้แรงมากทางมหาวิทยาลัยก็สั่งพักการเรียนทุกคนในงานที่ตรวจเจอฉี่ม่วง รวมทั้งน้ำผึ้งด้วย ที่คืนนั้นแม้จะออกมาก่อนตำรวจจะมาถึง แต่อีกฝ่ายก็เป็นเจ้าของงานวันเกิด ถึงแม้คนที่เป็นเจ้าของปาร์ตี้ตัวจริงจะคือดร
ขณะที่อรองค์ถูกน้ำผึ้งกับเพื่อนสนิทของดรีม ชื่อทิว พยุงเข้าไปในห้องนอนนั้น แม้อรองค์จะมั่นใจว่าจัดการได้ตามแผน แต่ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ รวมทั้งความกระหายบางอย่าง“เธอเก่งมากน้ำผึ้ง เสร็จงาน ฉันจะให้รางวัลเธออีก” ดรีมเอ่ยด้วยสีหน้าพึงพอใจ“ขอบใจ” น้ำผึ้งตอบรับเสียงแผ่ว“ออกไปได้”“มึงก็เบาหน่อยนะ เดี๋ยวคนข้างนอกได้ยิน” ทิวเอ่ยสีหน้ายิ้มกริ่ม“ห้องนี้เก็บเสียงโว้ย พวกมึงก็เปิดเพลงให้ดังหน่อยก็ได้” อีกฝ่ายบอกน้ำเสียงอ้อแอ้เล็กน้อย เพราะดื่มและใช้ยาไปพอสมควร“งั้นตามสบายมึง อย่าลืมเอาคลิปมาให้กูดูด้วย” ทิวพูดสายตาเป็นประกาย ขณะที่น้ำผึ้งแววตาวูบแสง ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปก่อน ทิวจึงเดินตามออกมาดรีมหันไปมองโทรศัพท์ที่ตั้งไว้ในมุมห้อง ที่สามารถถ่ายคลิปบนเตียงได้อย่างชัดเจนทุกมุมปกติเขาจะถ่ายคลิปในมุมที่เห็นหน้าตารูปร่างผู้หญิงอย่างชัดเจน แต่เห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่คลิปนี้พิเศษ เพราะอรองค์เป็นผู้หญิงที่เขาอยากได้มาก และมันยากมากที่จะทำให้อีกฝ่ายมานอนอยู่บนเตียงได้แบบนี้เขาจะเก็บคลิปลับนี้ไว้ดูคนเดียว ไม่เผื่อแผ่ใครทั้งนั้นดรีมถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นก็ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ทรงเดฟ เพราะดื่มไ
“น้องเอิง ว่างไหม พี่ขอคุยด้วย” หลังเลิกคลาส อรองค์กำลังจะไปซ้อมเชียร์ ‘พี่ผึ้ง’ รุ่นพี่ในคณะที่เธอค่อนข้างสนิท เพราะเป็นพี่รหัสก็เดินมาหา“คุยได้ค่ะพี่ผึ้ง” อรองค์ตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้างกว่าปกติ“คือเย็นวันเสาร์พี่เลี้ยงวันเกิดน่ะ อยากชวนเอิงไปด้วย”“อ๋อได้ค่ะ พี่บอกเวลาและส่งโลให้เอิงทางไลน์ได้เลยนะคะ” จริงๆ แล้วอรองค์ไม่ชอบไปงานปาร์ตี้ใคร นอกจากกลุ่มเพื่อนสนิทเท่านั้น แต่งานนี้กรณีพิเศษ“โอเคค่ะ แต่งตัวสวยๆ ด้วยนะ”“ได้เลยค่ะ”“อืม อยากเห็นเอิงแต่งตัวเซ็กซี่ๆ จัง”“ได้เลยค่ะ เอิงจะจัดเต็มเลย” อรองค์พูดด้วยสีหน้ามั่นใจ แต่แอบยิ้มพรายที่มุมปาก“โอเคค่ะ พี่จะรอดูเอิงในลุคเซ็กซี่”“รับรองพี่ไม่ผิดหวังแน่นอน แต่เอิงพาเพื่อนไปด้วยคนหนึ่งนะคะ เพราะที่บ้านไม่อนุญาตให้ออกไปปาร์ตี้คนเดียว”“เพื่อนหรือแฟน”“เพื่อนค่ะ ไม้ไง พี่ผึ้งก็รู้จัก”“โอ๊ยได้เลยค่ะ” พูดด้วยท่าทียินดี จนอรองค์ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะเจ้าตัวสนใจมัชกรเป็นทุนเดิม แต่มัชกรก็ยังเป็นมัชกร ไม่สนใจสาวคนไหนทั้งนั้นนอกจากสาวๆ จากแก๊งเพื่อนสนิท “ไม่มีอะไรแล้ว งั้นเอิงไปซ้อมเชียร์นะคะ”“ตามสบายเลยเอิง เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำก่อน แล้วจะตาม
ขจัดคนเลว อรองค์หลับไปแล้ว ขณะที่ภูวิณพลิกดูข้อมูลของดรีม หรือดนุชัย ลูกชายคนเล็กของดนุวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ หลังจากค้นหาประวัติดู เกเรเข้าขั้น สร้างปัญหาให้พ่อแก้มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ทั้งชกต่อย ยาเสพติดและล่อลวงผู้หญิง แต่ก็รอดมาได้ด้วยบารมีพ่อก็ถ้าสร้างปัญหาอีกครั้ง ก็ดูสิพ่อจะช่วยได้ไหม! วันนี้เขาเห็นว่ามีคนเดินตามอรองค์ห่างๆ ตอนที่เดินมาลานจอดรถ มองปราดเดียวก็รู้ว่าคือคนที่กำลังสร้างความรำคาญให้อรองค์นั่นเองขนาดเขามาเปิดตัวขนาดนี้แล้ว ไอ้เด็กคนนี้ก็ดูจะไม่ยอมถอยง่ายๆภูวิณภาวนาแค่ว่า ให้อีกฝ่ายอยู่ห่างๆ อรองค์ เพราะเขาก็ไม่ได้อยากมีศัตรู แต่ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ก็พร้อมเช่นกันหลังโรงยิม เพราะไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้นักศึกษาบางกลุ่มแอบมาสูบบุหรี่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งหญิงและชายพ่นควันกันตลบอบอวล พลอดรัก นัดเคลียร์กับคู่กรณี หรือแม้แต่เรื่องชกต่อย เช่นตอนนี้ มีนักศึกษาคนหนึ่งกำลังโดนซ้อม สองคนจับ ล็อกไว้ ให้อีกคนปล่อยหมัดอย่างเมามันใส่อีกคน โดยไม่มีใครหน้าไหนมาช่วยอาจเพราะคนปล่อยหมัดคือดรีม ที่ใครๆ ก็ไม่กล้าจะเข้าไปยุ่งด้วย ส่วนที่เหลือคือลูกน้องของมัน ไม่เ