ฉู่เฉินตกตะลึง ไม่คิดว่าจู่ๆโหวเหลยจะพูดถึงตัวเอง"ปรมาจารย์ฉู่?"มีเพียงหวังซวี่เท่านั้นที่สีหน้าเปลี่ยนไปและอุทาน "หรือว่าจะเป็นปรมาจารย์ฉู่ที่มีข่าวลือเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าชกปรมาจารย์จนตายและสามารถควบคุมสายฟ้าได้"พ่อของเขาเป็นเจ้าของโรงแรมเทียนเซิงและมักจะต้อนรับคนใหญ่คนโตในหนานเจียงหลายคน ดังนั้นเขาจึงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับปรมาจารย์ฉู่"ไม่เลว"โหวเหลยยิ้มอย่างเหยียดหยามและพูด "ครั้งนี้อาจารย์ของฉันมาจัดการกับปรมาจารย์ฉู่ของตระกูลฉิน"“พี่ใหญ่โหว ผมได้ยินมาว่าปรมาจารย์ฉู่คนนี้สามารถควบคุมสายฟ้าได้นะ ปรมาจารย์หม่าเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เหรอฦ" หวังซวี่พูดบางอย่างที่ไม่เชื่อ"ควบคุมสายฟ้า?"โหวเหลยเหยียนดหยาม "นั่นเป็นเพียงข่าวลือเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น มนุษย์ธรรมดาจะมีพลังในการควบคุมสายฟ้าได้ยังไง""ผมก็คิดแบบนั้น" หวังซวี่พยักหน้าเห็นด้วยมากและชื่นชม "พี่ใหญ่โหว อีกสักพวกเราจะได้เห็นความกล้าหาญของปรมาจารย์หม่าแล้ว""ได้ การที่พวกนายได้เห็นฝีมือของอาจารย์ฉัน จะเป็นโชคดีของพวกนายไปตลอดชีวิต จําไว้ว่าเบิกตากว้างมองดูให้ดีๆ ล่ะ" โหวเหลยยิ่งภูมิใจมากขึ้นเขาพูดอย่างกระตือรือร้น ฉู่เ
ปรมาจารย์หม่าค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พูดเบา ๆ ว่า "ท่านผู้นำตระกูลจ้าวมั่นใจได้ ถ้าหม่าลงมือ ไม่มีอุบัติเหตุ""งั้นก็ได้ เชิญเถอะ" จ้าวเหยียนหยุดความตื่นเต้นไม่ได้เมื่อทุกคนคิดว่าปรมาจารย์หม่าจะขึ้นเวทีด้วยทักษะที่น่าเหลือเชื่อพวกเขาเห็นเขาเดินขึ้นไปบนเวทีทีละก้าวโดยเอามือข้างหนึ่งไพล่ไว้ด้านหลัง โดยปราศจากทักษะเทคนิคใดๆ เลยผู้ชมอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผิดหวัง แม้แต่หวังซวี่กับพวกก็ไม่มีข้อยกเว้นโหวเหลยมองเห็นสถานการณ์นี้ จึงแกตัวด้วยความเขินอาย “แค่กๆ อาจารย์ของข้าเป็นคนค่อนข้างเรียบง่าย”"เข้าใจแล้ว ปรมาจารย์หม่าก็เป็นบุคคลระดับสูง บุคคลระดับสูงมักจะเรียบง่ายและไม่โอ้อวด” หวังซวี่รับพยักหน้าอย่างรวดเร็ว"ไม่เลว ยิ่งเป็นแบบนี้ พวกเรายิ่งรู้สึกว่าปรมาจารย์หม่านั้นคาดเดาไม่ได้ ห่างไกลจากสิ่งที่นักพรตเต๋าบนเวทีจะเปรียบเทียบได้"กัวรุ่ยและเฉินย่าก็เห็นด้วยในใจโหวเหลยรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยเขาอดไม่ได้ที่จะมองฉู่เฉินอย่างเย็นชา เขาพูดว่า "ไอ้หนู อีกเดี๋ยวแกเบิกตาของแกให้กว้างและมองให้ดี ๆ ดูว่าอาจารย์ของฉันมีพลังมากแค่ไหน""ฉันกำลังดูอยู่" ฉู่เฉินแสดงสีหน้าตลกขบขันโหวเหลยหัวเราะ
หมัดนี้ ตรงเข้าที่ฟันหน้าของปรมาจารย์หม่าหัก จนอาเจียนออกมาพร้อมด้วยเลือดกับฟันเป็นจังหวะเดียวกับที่อู่ฉางชุนง้างหมัดที่สามของเขานั้นปรมาจารย์หม่ากระโดดลงมากราบกับพื้นทันทีว่า ”โอ้ย อย่าตีเลย อย่าตีเลย ผมยอมแพ้แล้วในทันที สถานการณ์ที่มีเสียงโหวกเหวกแต่เดิมก็เงียบกริบลงไปทุกคนมองภาพนั้นบนสังเวียนด้วยสีหน้าว่างเปล่าโหวเหลยและหวังซวี่กับพวกยิ่งเหมือนกลายเป็นหินนี่ยังเป็นปรมาจารย์หม่าที่มีชื่อเสียงอยู่เหรอ? ทําไมเขาถึงได้อ่อนแอแบบนี้?อู่ฉางชุนเอื้อมมือไปจับข้อมือเขา แล้วตะโกนว่า "แกจะไม่เป็นกังฟูเลยสักนิด เสียดายจริงๆที่ก่อนหน้านี้สนใจคนอย่างแก""ใช่ ฉันไม่รู้กังฟูเลยจริง ๆ" ปรมาจารย์หม่าเสแสร้งต่อไปไม่ได้แล้ว พูดตามความจริง "ฉัน... เหตุผลที่ฉันมีชื่อเสียงในตอนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะฉันหาคนมาสมรู้ร่วมคิดและแสดงละคร..."เมื่อสิ้นเสียงของเขา ด้านล่างเวทีก็กลายเป็นโกลาหล ทุกคนคิดว่าพวกเขาหูฝาดไปแล้วปรากฎว่าปรมาจารย์ที่พวกเขาเฝ้าดูเป็นเพียงนักแสดงจอมปลอมใช่ไหม?ในขณะนั้น หวังซวี่ก็อ้าปากกว้าง กัวรุ่ยก็อ้าปากกว้าง เฉินย่าก็อ้าปากกว้างนี่คือปรมาจารย์หม่าที่โหวเหลยยกย่องช
อาจารย์อาวุสโสเฟิง?เมื่อเห็นการพฤติกรรมของสมาชิกทุกคนในตระกูลจ้าวแล้ว ณะนั้น ทุกคนก็หันกลับมาและมองไปยังทางเข้าโรงยิมไม่รู้ว่าตอนไหน ที่ชายวัยกลางคนสวมชุดสีดําและเท้าเหยียบส้นรองเท้าผ้าก็ปรากฏตัวขึ้นชายคนนั้นดูเหมือนต้นไม้โบราณอายุพันปี ทั้งร่างไม่มีร่องรอยการรั่วไหลของพลังชีวิต และเขาก็ดูเป็นแค่คนธรรมดาแต่ ปรมาจารย์วรยุทธหลายคนในตอนนี้ต่างก็มองหน้ากัน ส่วนลูกศิษย์ของพวกเขาหดตัวเล็กลงเพราะแม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนนั้น มาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใดต้องรู้ว่าในฐานะนักสู้ พวกเขามีความไวต่อพลังชีอย่างมาก และแม้แต่ต้นไม้ก็ไม่สามารถซ่อนพลังชีได้เหมือนว่าชายวัยกลางคนจะโผล่ออกมาจากอากาศ ซึ่งทำให้พวกเขานั้นตกใจแข็งแกร่ง!คนๆ นี้จะต้องเป็นปรมาจารย์แน่!"ห้ะ?"แม้แต่สายตาของฉู่เฉินก็จับจ้องหยุดอยู่ที่ชายวัยกลางคน ดวงตาระยิบระยับด้วยความประหลาดใจนับตั้งแต่ที่เขาลงมาจากภูเขาจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็ได้พบกับปรมาจารย์สักทีในสายตาของทุกคนนั้น เห็นชายวัยกลางคนแบกมือข้างเดียว เพียงนึ่งก้าวก็ขยับไปข้างหน้าทันทีห้าเมตรเมื่อปลายเท้าของเขาสัมผัสพื้น ก็เกิดระเบิดขึ้นที่พื้น และเกิด
บรรพบุรุษของตระกูลจ้าว?ท่าทางของฉินเหวินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมากเขาคับคล้ายคับคาว่าตระกูลจ้าวมีบรรพบุรุษ แต่จากไปเพื่อฝึกฝนวิชาเมื่อหลายปีก่อน และมีข่าวลือน้อยมากผู้คนต่างคิดว่าอีกฝ่ายบวชเป็นพระไปแล้วคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะฝึกสอนลูกศิษย์ที่มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้!ดวงตาของเฟิงซิ่วเหมือนกับสายฟ้า และออร่าเบียดทับฉินเหวินเทียน: "ได้ยินมาว่าตระกูลฉินของแกมีปรมาจารย์ฉู่คนหนึ่ง ด้วยแรงสนับสนุนของเขา ทำให้พวกแกกดขี่ครอบครัวจ้าวและยังฆ่าศิษย์น้องลู่ของฉันด้วยซ้ำ""ท่านครับ ตระกูลฉินของผมไม่เคยคิดจะข่มเหงตระกูลจ้าวเลย ส่วนเรื่องที่ทำให้ศิษย์น้องตาย..." หางตาของฉินเหวินเทียนกระตุกอย่างแรง เมื่อต้องอธิบาย“เหอะๆ”เฟิงซิ่วหัวเราะออกมา และขัดจังหวะเขา: "ฉันไม่สนใจสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างพวกแก ฉันจะให้โอกาสตระกูลฉิน ตราบใดที่แกส่งตัวปรมาจารย์ฉู่มา และประกาศยอมแพ้ต่อตระกูลจ้าวนับแต่วันนี้ ฉันจะไว้ชีวิตพวกแกเอง!”"ไม่อย่างงั้น ฉันจะทำให้ตระกูลฉินของแกตายอย่างศพไม่สวย!"เมื่อพูดถึงประโยคนี้ เขาก็กําหมัดไว้แน่น ทำให้หน้าจอโฆษณา LED ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขาระเบิด และชิ้นส่วนนับไม่ถ้
เมื่อเห็นการกระทําของฉู่เฉิน โหวเหลยตกใจและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ไอ้หนุ่ม แกทำอะไรน่ะ? เขาเรียกหาปรมาจารย์ฉู่ของตระกูลฉิน ไม่ใช่แก!""ฉันคือปรมาจารย์ฉู่" ฉู่เฉินยิ้มบางๆ ก่อนก้าวเท้าขึ้นไปบนเวที"นายน้อยหวัง ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นบ้าใช่ไหม ถึงได้คิดว่าตัวเองก็คือปรมาจารย์ฉู่?" เฉินย่าและกัวรุ่ยเบิกตากว้างแล้วพูดหวังซวี่ก็ตกใจเหมือนกัน จากนั้นก็ยิ้มเย็นชาไอ้หนุ่มคนนี้โดนตบจนสมองกลับเหรอ? กล้าดียังไงมาแกล้งเป็นปรมาจารย์ฉู่!ปรมาจารย์ฉู่เป็นใครกัน ถึงสามารถทำให้ตระกูลฉินยอมก้มหัว และทำให้ตระกูลจ้าวหวาดกลัวมีข่าวลือว่าเขาไม่เพียงแต่มีทักษะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมสายฟ้าได้ด้วย ซึ่งทำให้ไม่ต่างจากเทพเจ้าสำหรับเจ้าเด็กหนุ่ม ฉู่เฉิน แม้ว่าจะเริ่มฝึกฝนตั้งแต่อยู่ในท้องของแม่ ก็ยังห่างไกลจากขั้นนี้มากเสี่ยวเสว่คว้ามุมเสื้อผ้าของฉู่เฉิน แล้วพูดด้วยหน้าซีดเซียว: "คุณฉู่ อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นค่ะ"เธอคิดว่าฉู่เฉินเป็นคนดี ดังนั้นจึงไม่อยากเห็นอะไรเกิดขึ้นกับเขา“ฉันไม่ได้หุนหันพลันแล่น อย่ากังวลไปเลย”ฉู่เฉินยิ้มและลูบหัวของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนมุ่งหน้าไปตามทางเดินตรงกลาง
"ส่วนคุณตาแกฝึกหนักมาทั้งชีวิต ถึงแค่ระดับชกทั้งตัวเท่านั้น แล้วจะช่วยเขาได้อย่างไร?"เหลียงหยวนเหวยถอนหายใจออมาเบา ๆซวี่อันนาอดไม่ได้ที่จะดูหมดหวังหากฉู่เฉินเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด ไม่เพียงแต่เธอจะไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้หนิงชิงเสว่ได้แล้ว เธอยังจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตอีกด้วยในที่นั่งแถวหนึ่งไม่ไกลจากสังเวียน ชายวัยกลางคนในชุดสูทชี้ไปยังฉู่เฉิน และอุทานว่า:“พี่ใหญ่ ดูคนนั้นสิ เขาคือฉู่เฉินไม่ใช่เหรอ?”คนสองคนที่อยู่ข้างๆเขา ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าไม่เชื่อ“เป็นไอ้คนนั้นจริงๆ เขาบ้าเหรอ?”“ฉันได้ยินมาว่า ช่วงนี้ชิงเสว่มีความขัดแย้งกับไอ้หนุ่มคนนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่คิดหาทางออกเรื่องนี้ไม่ได้ จึงอยากจะตาย?”ทั้งสามคนเป็นลุงคนโตของหนิงชิงเสว่ หนิงเหรินชงและสมาชิกอาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลหนิงสมาชิกตระกูลจ้าว จ้าวเหยียนก็จ้องมองฉู่เฉินด้วยความอาฆาตแค้นหรือว่าไอ้เด็กนี่คือปรมาจารย์ฉู่?คนของตระกูลจ้าวที่เคยเห็นฉู่เฉินมาก่อนเตือนว่า "ท่านผู้นำ เด็กคนนั้นเคยมีความขัดแย้งกับปรมาจารย์หมิงฮุยมาก่อนไม่ใช่หรือ?""คุณแน่ใจเหรอ?" จ้าวเหยียนหน้าบึ้ง“ใช่ เป็นเขาแน่นอน”"ง
“ไอ้เด็กคนนั้นคือปรมาจารย์ฉู่ มันจะเป็นไปได้ยังไง?”ด้านคนในตระกูลจ้าน ทันใดนั้นจ้าวเหยียนก็ลุกขึ้นและจ้องไปที่เฉินข้างหลังเขา สมาชิกตระกูลจ้าวที่บางคนเคยพบกับฉู่เฉินมาก่อนก็ตกตะลึงเช่นกันฉู่เฉินและจ้าวหมิงฮุยเคยมีความขัดแย้งกันมาก่อน พวกเขาจึงตรวจสอบฉู่เฉิน และได้พบว่าเขาเป็นคนบ้านนอกที่เพิ่งมาถึงหนานเจียงดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยใส่ใจกับฉู่เฉิน แม้ว่าจ้าวหมิงฮุยจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม พวกเขาก็ไม่เคยสงสัยอะไรฉู่เฉินเลยแต่ความจริงในตอนนี้ได้บอกพวกเขาว่า คนบ้านนอกที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้น ที่พวกเขาไม่เคยสนใจมาก่อน แท้จริงแล้วคือปรมาจารย์ฉู่จะให้พวกเขาจะยอมรับได้อย่างไร“ฉู่เฉิน ปรมาจารย์ฉู่!!!”ดวงตาของจ้าวเหยีนนเป็นสีแดงเข้ม และคำรามด้วยเสียงทุ่มต่ำ และแสดงท่าทางที่ดุร้าย: "ทั้งสองคนนั้นแซ่ฉู่เหมือนกันและทั้งคู่ก็สนิทกับตระกูลฉินมาก ฉันควรจะคิดเรื่องนี้มาก่อน ฉันควรจะคิดเรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ !"“ไอ้คนแช่ฉู่ แกไม่ควรลุกขึ้นยืน”“คราวนี้ ฉันไม่สนใจว่าแกจะะเป็นปรมาจารย์ฉู่หรือเศษซากของสถานรับเลี้ยงเด็กชิงซาน แกจะต้องตายเท่านั้น!”“ ฉันจะเอาหัวแกไปเซ่นหมิงฮุ่ยและวิญญาณของศิษย์