“พลั๊ก……”รอจนควันกระจายตัวไป ทุกคนก็เห็นว่าร่างของเฟิงซิ่วลอยไปข้างหลังมากกว่าสิบก้าวเมื่อมองย้อนกลับไปที่ฉู่เฉิน ก็พบว่าเขายังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ร่างของเขาไม่ขยับเขยือน“เฟิงซิ่วเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้วเหรอ?”“มันจะเป็นไปได้อย่างไร……”ในขณะนี้ นักสู้ทุกคนก็ลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ และมีสีหน้าตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาต้องรู้ว่าเฟิงซิ่วเป็นระดับชกจิตวิญญาณ ฉู่เฉินไม่เพียงแต่สามารถต่อสู้กับเขาได้เท่านั้น แต่ยังได้เปรียบอีกด้วย นี่ไม่ใช่การพิสูจน์แล้วหรือว่าความสามารถของฉู่เฉินนั้นแข็งแกร่งกว่าเฟิงซิ่ว?หลังจากเฟิงซิ่วลุกกลับมายืนอย่างมั่นคงแล้ว ใบหน้าก็มีน่าเกลียดมาก "มีแค่พลังเล็กน้อย ไม่แปลกใจเลยที่กล้าอาละวาดขนาดนี้"ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มอวดฟัน: "ตอนนี้ ฉันขอประกาศว่าการแข่งขันรอบอุ่นเครื่องนั้นสิ้นสุดลง และโชคดีคุ้มกระบาลแกไว้ก็สิ้นสุดลงแล้ว!""ช่วงต่อไป ฉันจะให้แกได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของปรมาจารย์วรยุทธเอง!"เขาคำรามอย่างรุนแรง และเมื่อพลังงานรอบตัวของเขาพุ่งสูงขึ้น ทันใดนั้นร่างกายก็ลอยขึ้นมาจากอากาศห้าฟุต และเสื้อผ้าก็ขาดว
“ต่อจากนั้น ก็ลองรับการโจมตีของผมหน่อยยังไงล่ะ!”ทันทีที่สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปในพริบตาตัวเขาในตอนนี้ ดูไม่เหมือนชายหนุ่มผู้เก็บงำตัวตนคนนั้นอีกต่อไป แต่ราวกับเป็นกษัตริย์ผู้ถือครองความเป็นความตายก็มิปราณสรรพสิ่งดูเล็กจ้อยเมื่ออยู่ภายใต้พลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ของเขา ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาราตัวเขาโดดเด่นไร้ที่เปรียบราวกับว่า เขาต่างหากที่เป็นชายคนแรกผู้หันหลังให้แก่เหล่าดวงดาราคนนั้น!แม้แต่เฟิงซิวก็ยังถูกพลังของฉู่เฉินทำเอาตะลึงงันอยู่กับที่จนอยากจะก้มหัวคุกเข่าคารวะเขาเสียตอนนี้ฉู่เฉินก้าวออกไปหนึ่งก้าวพร้อมเอ่ยเสียงพูด “ประสงค์ข้าดั่งดาบตัดเวหา!”พริบตาต่อมาก็เห็นเขาใช้นิ้วชี้เป็นดาบและฟันไปกลางอากาศ“ครืดดด …”ทันใดนั้น พลังดาบอันน่าสะพรึงก็ปะทุออกมาจากปลายนิ้วของเขา ก่อนจะพุ่งตรงไปยังเฟิงซิวด้วยความเร็วอันเหนือคาดพลังดาบยาวเพียงหนึ่งฟุตกลับผ่าแยกผืนดินออกเป็นสองฝั่ง รอยตัดเรียบเนียนไร้ที่ติราวกับมีดที่ตัดลงบนเต้าหู้“ให้ตายสิ นั่นมันอะไรกัน?”“คลื่นกระแทกเหรอ?”“……”ทุกคนในกลุ่มผู้ชมต่างนิ่งงันให้กับฉากที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ในตาของพวกเ
ในขณะนั้น โลกทั้งใบก็เงียบลงราวกับเข็มตกลงพื้นเพียงเข็มเดียวก็สามารถได้ยินในขณะนั้น สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังเงาร่างที่กำลังทำท่าทางภาคภูมิใจบนเวทีร่างนั้นเปรียบเสมือนกษัตริย์ผู้ครองโลก เพียงแค่ด้านหลังของเขาก็ยังทำให้ทุกชีวิตเงยต้องเงยหน้าขึ้นทอดสายตาความรู้สึกของทุกคนผันผวนอย่างไม่อาจหยุดยั้งก่อนหน้านี้ หลายคนรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงซิวเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็ยังเด็กเกินไปแต่ตอนนี้เฟิงซิวผู้หยิ่งผยองมอดดับไปแล้วด้วยน้ำมือของเขา แถมก่อนตายเขาก็ยังเอาแต่ร้องขอชีวิตสิ่งใดกันที่เรียกว่าแข็งแกร่ง?นี่ต่างหากที่เรียกว่าแข็งแกร่ง!ฉินปิงเยว่จ้องมองร่างนั้นด้วยความรู้สึกอันว่างเปล่า ก่อนที่ดวงตาคู่งามของเธอพร่ามัว ผู้ชายคนนี้จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!ในไม่ช้าความเงียบก็ถูกทำลายด้วยเสียงอุทาน: “ว้าว คิดไม่ถึงว่าคุณชายฉู่จะมีพลังมากขนาดนี้”เสี่ยวเสวี่ยที่อยู่ในกลุ่มผู้ชมตบมือเบา ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธออัดอั้นเสียจนแดงก่ำ และเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นแต่โหวเหลยกับหวังซวี่และคนอื่นที่อยู่ข้างเธอกลับนิ่งเงียบหลายคน
ฉู่เฉินยืนอยู่คนเดียวบนเวที สีหน้าของเขายังคงไร้แววทุกข์สุขก่อนจะพูดว่า: “คุณฉิน เคลียร์สถานที่”“ได้ครับคุณชายฉู่!”หลังจากที่ฉินเหวินเทียนรับปาก เขาก็หันกลับมาและมองดูกลุ่มผู้ชม: “นอกจากห้าตระกูลเศรษฐีเมืองหนานเจียงแล้ว ทุกคนออกไปให้หมด”ในไม่ช้า ทุกคนก็ออกไปจนหมด รวมทั้งโหวเหลย หวังซวี่และคนอื่น ๆ ก็ออกไปด้วยมีเพียงฉู่เฉินและสมาชิกห้าตระกูลเศรษฐีเมืองหนานเจียงเท่านั้นที่เหลืออยู่ในโรงยิมจ้าวเหยียนดูเหมือนจะตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็พ่นเลือดออกมาจากปาก“ตระกูลจ้าว…”ฉู่เฉินเดินลงจากเวทีและเดินไปหาทุกคนในตระกูลจ้าวทีละก้าว: “ต่อให้กำลังฝันพวกคุณก็คงไม่คิดว่าจะมีจุดจบเหมือนอย่างวันนี้สินะ”นอกจากจ้าวเหยียนแล้ว ตระกูลจ้าวที่เหลือต่างหวาดกลัวมากจนคุกเข่าลงบนพื้นและสวดภาวนากันไม่หยุดจ้าวเหยียนรู้ว่าสถานการณ์จบลงแล้ว เขาจึงพูดออกมาด้วยความอาลัยอาวรณ์: “แกไอ้สัตว์ร้าย สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุดคือตอนนั้นข้าไม่ได้จัดการเจ้าให้เรียบร้อย ไม่ได้เผาเจ้าจนตาย จนเจ้าจนำหายนะมาสู่ตระกูลจ้าวของเราวันนี้”“งั้นเหรอครับ?”ดวงตาของฉู่เฉินเปลี่ยนเป็นเย็น
แต่ตอนนี้ทั้งสามคนพยักหน้าและโค้งคำนับต่อหน้าฉู่เฉินเพื่อแสดงความเคารพฉู่เฉินตรงประเด็นและพูดว่า: “ผมมีคำขอเดียวเท่านั้นสำหรับตระกูลหนิงของคุณ และนั่นก็คือให้หนิง ชิงเสวี่ยเป็นหัวหน้าตระกูล และพวกคุณจะช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่ พวกคุณมีอะไรจะคัดค้านไหมครับ?”“ไม่คัดค้านครับ ไม่คัดค้าน” พวกเขาทั้งสามส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว เกรงว่าฉู่เฉินจะเข้าใจผิดหนิงเหรินฮ่าว พูดอย่างสั่นเทายิ่งกว่านั้น: “คุณชายฉู่ ไม่ต้องกังวล เมื่อเรากลับมา เราจะจัดการประชุมตระกูลทันทีและเลือกชิงเสว่เป็นหัวหน้าตระกูลหนิง”“ดีมาก ในอนาคตจะไม่มีใครในหนานเจียงจะกล้าแตะต้องตระกูลหนิงของคุณ” ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย และเพียงประโยคเดียวก็ทำเอาหนิงเหรินสงและคนอื่น ๆ ตื่นเต้นในเวลานี้ สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลฉินที่มีหน้าที่เฝ้าหน้าประตูก็เข้ามาและพูดด้วยความเคารพ: “คุณชายฉู่ มีคนสี่คนที่ต้องการพบคุณอยู่ข้างนอก ดูเหมือนว่าผู้นำจะมีชื่อว่าหวังซวี่ครับ”“พวกเขาเหรอ?” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดทันที “ให้พวกเขาเข้ามา”ในไม่ช้า หวังซวี่ โหวเหลย กัวรุ่ยและเฉินย่าก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางกระดากอายฉู่เฉินนั่งบนเก้าอี้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งและ
“ประธานของเรานามว่าฉู่เฉินค่ะ ตัวฉู่จากคำว่าก๊กฉู่ และตัวเฉินจากคำว่าฝุ่นละออง”หลินซวงหวู่ตกตะลึงและมองดูเธอด้วยความประหลาดใจ: “คุณอาศัยอยู่กับผู้อำนวยการฉู่ของเรามานานแล้ว เขาไม่ได้บอกคุณเหรอว่าแจฟฟรีย์กรุ๊ปมาจากบริษัทของเขา”เมื่อคำพูดของเธอสิ้นสุดลงหนิงชิงเสว่รู้สึกปวดหัวหนักมากราวกับว่าเธอโง่ และเธอยังคงพูดไม่ออกหลังจากทะเลาะกันมานานขนาดนี้ ที่แท้ฉู่เฉินก็คือผู้อำนวยการฉู่แห่งแจฟฟรีย์กรุ๊ป เสียทีที่เมื่อก่อนเธอพยายามทุกวิถีทางเพื่อพบกับผู้อำนวยการฉู่คนนั้นคนที่อนุมัติเงินทุนหนึ่งหมื่นล้านเพื่อช่วยเธอ ก็คือชายหนุ่มคนที่เธอดูถูกมานับครั้งไม่ถ้วยคนนี้ในตอนนี้เอง หนิงชิงเสว่คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วสีหน้าของเธอก็ซีดลงเพราะดูเหมือนว่าฉู่เฉินจะเคยบอกเธอมาก่อนว่าเขาเป็นประธานของแจฟฟรีย์กรุ๊ปแต่ในตอนนั้นทั้งเธอและพานอวิ๋นไม่เชื่อ พวกเธอคิดว่าเขาคุยโม้ แถมพวกเธอยังเยาะเย้ยเขาด้วยครู่หนึ่งหนิงชิงเสว่รู้สึกละอายใจมากจนเธอหวังว่าเธอจะพบรอยแตกบนพื้นและคลานเข้าไปในนั้นเมื่อหลินซวงหวู่เห็นว่าเธอกำลังเหม่อลอยก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ประธานหนิง ตอนนี้เราลงนามในข้อตกลงได้แล้วใช่
หลังจากกลับมา ตระกูลจ้าวก็ระดมคนทั้งหมดและปกป้องตระกูลจ้าวทันที เพราะกลัวว่าฉู่เฉินจะกลับมาอีกครั้งในห้องประชุมตระกูลจ้าว ผู้นำอาวุโสของตระกูลจ้าวทุกคนต่างก็มารวมตัวกันหญิงตระกูลจ้าวคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “พี่ใหญ่ คุณชายฉู่ขอให้เราไปที่สุสานเจียงจวินซานภายในสามวันเพื่อกราบไหว้ผู้ที่เสียชีวิตและกลับใจ ตอนนี้ฉัน...เราควรทำยังไงดี?”เธอเป็นลูกสาวคนโตคนที่ห้าของตระกูลจ้าวและเป็นน้องสาวคนที่ห้าของจ้าวเหยียนนามว่า จ้าวเหวินฮุ่ยสมาชิกในตระกูลจ้าวทุกคนมองจ้าวเหยียนด้วยสีหน้าหวาดกลัวจ้าวเหยียนถูกมองคาดคั้น เขาจึงพูดกับสุนัขรับใช้คนหนึ่งของเขาว่า: “ติดต่อผู้อาวุโสทันที ขอให้เขากลับประเทศด้วยตนเองเพื่อช่วยตระกูลจ้าวของเรา”“ขอแค่ผู้อาวุโสกลับมา ไอ้เจ้าเด็กร้ายนั่นจะต้องตายแน่ เมื่อถึงตอนนั้นทุกคนในตระกูลฉินก็จะตายด้วย!”เมื่อเขาพูดจบ ใบหน้าของจ้าวเหยียนก็เพิ่มความดุร้าย เขากำลังบ้าคลั่งสุดขีดเสียงอันสั่นเทาของคนคนหนึ่งดังขึ้น: “ผู้นำตระกูล จะเป็นยังไงถ้าผู้อาวุโสของเราไม่มาถึงภายในสามวัน...เราควรทำยังไงดี?”ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่นก็ใช่น่ะสิ!คุณชายฉู่ให้เวลาพวกเขาเพีย
“คุณหนูของคุณคือใคร?” ฉู่เฉินขมวดคิ้ว“ถึงตอนนั้นท่านจะรู้เองค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นตอบคำถามฉู่เฉินมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มเย็นชา: “ถ้าผมไม่ไปล่ะ?”“พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ...”จู่ ๆ เงาร่างหลายสิบร่างก็ปรากฏตัวขึ่นรอบด้าน ทุกคนสวมหน้ากาก และปืนสีดำของพวกเขาก็ชี้เข้าใส่ฉู่เฉิน“อะไรกัน นี่คุณคิดจะลักพาตัวผมด้วยเหรอ?” ฉู่เฉินพูดอย่างไม่สะทกสะท้านและเอามือไพล่หลังผู้หญิงคนนั้นเลิกคิ้วและตะโกนเสียงดัง: “กล้าดียังไงมาสร้างความวุ่ยวายต่อหน้าคุณชายฉู่ ไอ้พวกสารเลว!”“ยังไม่รีบถอยไปอีก!”ทันใดนั้น ปากของเธอก็มีพลังลมปราณออกมา ทำเอาคนเหล่านั้นกระเด็นออกไปไหลมหายุทธ์ลมปราณ!ฉู่เฉินมองดูเธอด้วยสายตาลึกล้ำดูจากอายุของเธอ เธอน่าจะอายุราวสี่สิบกว่า อีกทั้งตัวเธอที่เป็นผู้หญิงแต่กลับเป็นถึงมหายุทธ์ลมปราณชั่วครู่หนึ่ง ฉู่เฉินเริ่มสนใจคุณหนูที่เธอพูดถึง: “นำทางไปสิ”ไม่นานนัก เธอก็พาฉู่เฉินไปที่คฤหาสน์ส่วนตัวทันทีที่ฉู่เฉินก้าวเข้ามา ปืนไรเฟิลซุ่มยิงหลายกระบอกก็มุ่งเป้าไปที่เขาจากจุดที่มองไม่เห็น“มีปืนบาร์เร็ตต์อยู่จริงสินะ…” ฉู่เฉินเหลือบมองด้วยท่าทางสบาย ๆ และมุมปากของเขาก็โค้งเล็กน้อ