อาจารย์อาวุสโสเฟิง?เมื่อเห็นการพฤติกรรมของสมาชิกทุกคนในตระกูลจ้าวแล้ว ณะนั้น ทุกคนก็หันกลับมาและมองไปยังทางเข้าโรงยิมไม่รู้ว่าตอนไหน ที่ชายวัยกลางคนสวมชุดสีดําและเท้าเหยียบส้นรองเท้าผ้าก็ปรากฏตัวขึ้นชายคนนั้นดูเหมือนต้นไม้โบราณอายุพันปี ทั้งร่างไม่มีร่องรอยการรั่วไหลของพลังชีวิต และเขาก็ดูเป็นแค่คนธรรมดาแต่ ปรมาจารย์วรยุทธหลายคนในตอนนี้ต่างก็มองหน้ากัน ส่วนลูกศิษย์ของพวกเขาหดตัวเล็กลงเพราะแม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนนั้น มาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใดต้องรู้ว่าในฐานะนักสู้ พวกเขามีความไวต่อพลังชีอย่างมาก และแม้แต่ต้นไม้ก็ไม่สามารถซ่อนพลังชีได้เหมือนว่าชายวัยกลางคนจะโผล่ออกมาจากอากาศ ซึ่งทำให้พวกเขานั้นตกใจแข็งแกร่ง!คนๆ นี้จะต้องเป็นปรมาจารย์แน่!"ห้ะ?"แม้แต่สายตาของฉู่เฉินก็จับจ้องหยุดอยู่ที่ชายวัยกลางคน ดวงตาระยิบระยับด้วยความประหลาดใจนับตั้งแต่ที่เขาลงมาจากภูเขาจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็ได้พบกับปรมาจารย์สักทีในสายตาของทุกคนนั้น เห็นชายวัยกลางคนแบกมือข้างเดียว เพียงนึ่งก้าวก็ขยับไปข้างหน้าทันทีห้าเมตรเมื่อปลายเท้าของเขาสัมผัสพื้น ก็เกิดระเบิดขึ้นที่พื้น และเกิด
บรรพบุรุษของตระกูลจ้าว?ท่าทางของฉินเหวินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมากเขาคับคล้ายคับคาว่าตระกูลจ้าวมีบรรพบุรุษ แต่จากไปเพื่อฝึกฝนวิชาเมื่อหลายปีก่อน และมีข่าวลือน้อยมากผู้คนต่างคิดว่าอีกฝ่ายบวชเป็นพระไปแล้วคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะฝึกสอนลูกศิษย์ที่มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้!ดวงตาของเฟิงซิ่วเหมือนกับสายฟ้า และออร่าเบียดทับฉินเหวินเทียน: "ได้ยินมาว่าตระกูลฉินของแกมีปรมาจารย์ฉู่คนหนึ่ง ด้วยแรงสนับสนุนของเขา ทำให้พวกแกกดขี่ครอบครัวจ้าวและยังฆ่าศิษย์น้องลู่ของฉันด้วยซ้ำ""ท่านครับ ตระกูลฉินของผมไม่เคยคิดจะข่มเหงตระกูลจ้าวเลย ส่วนเรื่องที่ทำให้ศิษย์น้องตาย..." หางตาของฉินเหวินเทียนกระตุกอย่างแรง เมื่อต้องอธิบาย“เหอะๆ”เฟิงซิ่วหัวเราะออกมา และขัดจังหวะเขา: "ฉันไม่สนใจสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างพวกแก ฉันจะให้โอกาสตระกูลฉิน ตราบใดที่แกส่งตัวปรมาจารย์ฉู่มา และประกาศยอมแพ้ต่อตระกูลจ้าวนับแต่วันนี้ ฉันจะไว้ชีวิตพวกแกเอง!”"ไม่อย่างงั้น ฉันจะทำให้ตระกูลฉินของแกตายอย่างศพไม่สวย!"เมื่อพูดถึงประโยคนี้ เขาก็กําหมัดไว้แน่น ทำให้หน้าจอโฆษณา LED ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขาระเบิด และชิ้นส่วนนับไม่ถ้
เมื่อเห็นการกระทําของฉู่เฉิน โหวเหลยตกใจและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ไอ้หนุ่ม แกทำอะไรน่ะ? เขาเรียกหาปรมาจารย์ฉู่ของตระกูลฉิน ไม่ใช่แก!""ฉันคือปรมาจารย์ฉู่" ฉู่เฉินยิ้มบางๆ ก่อนก้าวเท้าขึ้นไปบนเวที"นายน้อยหวัง ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นบ้าใช่ไหม ถึงได้คิดว่าตัวเองก็คือปรมาจารย์ฉู่?" เฉินย่าและกัวรุ่ยเบิกตากว้างแล้วพูดหวังซวี่ก็ตกใจเหมือนกัน จากนั้นก็ยิ้มเย็นชาไอ้หนุ่มคนนี้โดนตบจนสมองกลับเหรอ? กล้าดียังไงมาแกล้งเป็นปรมาจารย์ฉู่!ปรมาจารย์ฉู่เป็นใครกัน ถึงสามารถทำให้ตระกูลฉินยอมก้มหัว และทำให้ตระกูลจ้าวหวาดกลัวมีข่าวลือว่าเขาไม่เพียงแต่มีทักษะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมสายฟ้าได้ด้วย ซึ่งทำให้ไม่ต่างจากเทพเจ้าสำหรับเจ้าเด็กหนุ่ม ฉู่เฉิน แม้ว่าจะเริ่มฝึกฝนตั้งแต่อยู่ในท้องของแม่ ก็ยังห่างไกลจากขั้นนี้มากเสี่ยวเสว่คว้ามุมเสื้อผ้าของฉู่เฉิน แล้วพูดด้วยหน้าซีดเซียว: "คุณฉู่ อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นค่ะ"เธอคิดว่าฉู่เฉินเป็นคนดี ดังนั้นจึงไม่อยากเห็นอะไรเกิดขึ้นกับเขา“ฉันไม่ได้หุนหันพลันแล่น อย่ากังวลไปเลย”ฉู่เฉินยิ้มและลูบหัวของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนมุ่งหน้าไปตามทางเดินตรงกลาง
"ส่วนคุณตาแกฝึกหนักมาทั้งชีวิต ถึงแค่ระดับชกทั้งตัวเท่านั้น แล้วจะช่วยเขาได้อย่างไร?"เหลียงหยวนเหวยถอนหายใจออมาเบา ๆซวี่อันนาอดไม่ได้ที่จะดูหมดหวังหากฉู่เฉินเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด ไม่เพียงแต่เธอจะไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้หนิงชิงเสว่ได้แล้ว เธอยังจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตอีกด้วยในที่นั่งแถวหนึ่งไม่ไกลจากสังเวียน ชายวัยกลางคนในชุดสูทชี้ไปยังฉู่เฉิน และอุทานว่า:“พี่ใหญ่ ดูคนนั้นสิ เขาคือฉู่เฉินไม่ใช่เหรอ?”คนสองคนที่อยู่ข้างๆเขา ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าไม่เชื่อ“เป็นไอ้คนนั้นจริงๆ เขาบ้าเหรอ?”“ฉันได้ยินมาว่า ช่วงนี้ชิงเสว่มีความขัดแย้งกับไอ้หนุ่มคนนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่คิดหาทางออกเรื่องนี้ไม่ได้ จึงอยากจะตาย?”ทั้งสามคนเป็นลุงคนโตของหนิงชิงเสว่ หนิงเหรินชงและสมาชิกอาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลหนิงสมาชิกตระกูลจ้าว จ้าวเหยียนก็จ้องมองฉู่เฉินด้วยความอาฆาตแค้นหรือว่าไอ้เด็กนี่คือปรมาจารย์ฉู่?คนของตระกูลจ้าวที่เคยเห็นฉู่เฉินมาก่อนเตือนว่า "ท่านผู้นำ เด็กคนนั้นเคยมีความขัดแย้งกับปรมาจารย์หมิงฮุยมาก่อนไม่ใช่หรือ?""คุณแน่ใจเหรอ?" จ้าวเหยียนหน้าบึ้ง“ใช่ เป็นเขาแน่นอน”"ง
“ไอ้เด็กคนนั้นคือปรมาจารย์ฉู่ มันจะเป็นไปได้ยังไง?”ด้านคนในตระกูลจ้าน ทันใดนั้นจ้าวเหยียนก็ลุกขึ้นและจ้องไปที่เฉินข้างหลังเขา สมาชิกตระกูลจ้าวที่บางคนเคยพบกับฉู่เฉินมาก่อนก็ตกตะลึงเช่นกันฉู่เฉินและจ้าวหมิงฮุยเคยมีความขัดแย้งกันมาก่อน พวกเขาจึงตรวจสอบฉู่เฉิน และได้พบว่าเขาเป็นคนบ้านนอกที่เพิ่งมาถึงหนานเจียงดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยใส่ใจกับฉู่เฉิน แม้ว่าจ้าวหมิงฮุยจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม พวกเขาก็ไม่เคยสงสัยอะไรฉู่เฉินเลยแต่ความจริงในตอนนี้ได้บอกพวกเขาว่า คนบ้านนอกที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้น ที่พวกเขาไม่เคยสนใจมาก่อน แท้จริงแล้วคือปรมาจารย์ฉู่จะให้พวกเขาจะยอมรับได้อย่างไร“ฉู่เฉิน ปรมาจารย์ฉู่!!!”ดวงตาของจ้าวเหยีนนเป็นสีแดงเข้ม และคำรามด้วยเสียงทุ่มต่ำ และแสดงท่าทางที่ดุร้าย: "ทั้งสองคนนั้นแซ่ฉู่เหมือนกันและทั้งคู่ก็สนิทกับตระกูลฉินมาก ฉันควรจะคิดเรื่องนี้มาก่อน ฉันควรจะคิดเรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ !"“ไอ้คนแช่ฉู่ แกไม่ควรลุกขึ้นยืน”“คราวนี้ ฉันไม่สนใจว่าแกจะะเป็นปรมาจารย์ฉู่หรือเศษซากของสถานรับเลี้ยงเด็กชิงซาน แกจะต้องตายเท่านั้น!”“ ฉันจะเอาหัวแกไปเซ่นหมิงฮุ่ยและวิญญาณของศิษย์
“พลั๊ก……”รอจนควันกระจายตัวไป ทุกคนก็เห็นว่าร่างของเฟิงซิ่วลอยไปข้างหลังมากกว่าสิบก้าวเมื่อมองย้อนกลับไปที่ฉู่เฉิน ก็พบว่าเขายังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ร่างของเขาไม่ขยับเขยือน“เฟิงซิ่วเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้วเหรอ?”“มันจะเป็นไปได้อย่างไร……”ในขณะนี้ นักสู้ทุกคนก็ลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ และมีสีหน้าตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาต้องรู้ว่าเฟิงซิ่วเป็นระดับชกจิตวิญญาณ ฉู่เฉินไม่เพียงแต่สามารถต่อสู้กับเขาได้เท่านั้น แต่ยังได้เปรียบอีกด้วย นี่ไม่ใช่การพิสูจน์แล้วหรือว่าความสามารถของฉู่เฉินนั้นแข็งแกร่งกว่าเฟิงซิ่ว?หลังจากเฟิงซิ่วลุกกลับมายืนอย่างมั่นคงแล้ว ใบหน้าก็มีน่าเกลียดมาก "มีแค่พลังเล็กน้อย ไม่แปลกใจเลยที่กล้าอาละวาดขนาดนี้"ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มอวดฟัน: "ตอนนี้ ฉันขอประกาศว่าการแข่งขันรอบอุ่นเครื่องนั้นสิ้นสุดลง และโชคดีคุ้มกระบาลแกไว้ก็สิ้นสุดลงแล้ว!""ช่วงต่อไป ฉันจะให้แกได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของปรมาจารย์วรยุทธเอง!"เขาคำรามอย่างรุนแรง และเมื่อพลังงานรอบตัวของเขาพุ่งสูงขึ้น ทันใดนั้นร่างกายก็ลอยขึ้นมาจากอากาศห้าฟุต และเสื้อผ้าก็ขาดว
“ต่อจากนั้น ก็ลองรับการโจมตีของผมหน่อยยังไงล่ะ!”ทันทีที่สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปในพริบตาตัวเขาในตอนนี้ ดูไม่เหมือนชายหนุ่มผู้เก็บงำตัวตนคนนั้นอีกต่อไป แต่ราวกับเป็นกษัตริย์ผู้ถือครองความเป็นความตายก็มิปราณสรรพสิ่งดูเล็กจ้อยเมื่ออยู่ภายใต้พลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ของเขา ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาราตัวเขาโดดเด่นไร้ที่เปรียบราวกับว่า เขาต่างหากที่เป็นชายคนแรกผู้หันหลังให้แก่เหล่าดวงดาราคนนั้น!แม้แต่เฟิงซิวก็ยังถูกพลังของฉู่เฉินทำเอาตะลึงงันอยู่กับที่จนอยากจะก้มหัวคุกเข่าคารวะเขาเสียตอนนี้ฉู่เฉินก้าวออกไปหนึ่งก้าวพร้อมเอ่ยเสียงพูด “ประสงค์ข้าดั่งดาบตัดเวหา!”พริบตาต่อมาก็เห็นเขาใช้นิ้วชี้เป็นดาบและฟันไปกลางอากาศ“ครืดดด …”ทันใดนั้น พลังดาบอันน่าสะพรึงก็ปะทุออกมาจากปลายนิ้วของเขา ก่อนจะพุ่งตรงไปยังเฟิงซิวด้วยความเร็วอันเหนือคาดพลังดาบยาวเพียงหนึ่งฟุตกลับผ่าแยกผืนดินออกเป็นสองฝั่ง รอยตัดเรียบเนียนไร้ที่ติราวกับมีดที่ตัดลงบนเต้าหู้“ให้ตายสิ นั่นมันอะไรกัน?”“คลื่นกระแทกเหรอ?”“……”ทุกคนในกลุ่มผู้ชมต่างนิ่งงันให้กับฉากที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ในตาของพวกเ
ในขณะนั้น โลกทั้งใบก็เงียบลงราวกับเข็มตกลงพื้นเพียงเข็มเดียวก็สามารถได้ยินในขณะนั้น สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังเงาร่างที่กำลังทำท่าทางภาคภูมิใจบนเวทีร่างนั้นเปรียบเสมือนกษัตริย์ผู้ครองโลก เพียงแค่ด้านหลังของเขาก็ยังทำให้ทุกชีวิตเงยต้องเงยหน้าขึ้นทอดสายตาความรู้สึกของทุกคนผันผวนอย่างไม่อาจหยุดยั้งก่อนหน้านี้ หลายคนรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงซิวเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็ยังเด็กเกินไปแต่ตอนนี้เฟิงซิวผู้หยิ่งผยองมอดดับไปแล้วด้วยน้ำมือของเขา แถมก่อนตายเขาก็ยังเอาแต่ร้องขอชีวิตสิ่งใดกันที่เรียกว่าแข็งแกร่ง?นี่ต่างหากที่เรียกว่าแข็งแกร่ง!ฉินปิงเยว่จ้องมองร่างนั้นด้วยความรู้สึกอันว่างเปล่า ก่อนที่ดวงตาคู่งามของเธอพร่ามัว ผู้ชายคนนี้จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!ในไม่ช้าความเงียบก็ถูกทำลายด้วยเสียงอุทาน: “ว้าว คิดไม่ถึงว่าคุณชายฉู่จะมีพลังมากขนาดนี้”เสี่ยวเสวี่ยที่อยู่ในกลุ่มผู้ชมตบมือเบา ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธออัดอั้นเสียจนแดงก่ำ และเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นแต่โหวเหลยกับหวังซวี่และคนอื่นที่อยู่ข้างเธอกลับนิ่งเงียบหลายคน