ฉู่เฉินยังคงไม่ตอบ“น่าเสียดาย สายเลือดสุดท้ายของตระกูลฉู่ จะต้องตายในเงื้อมมือของฉันวันนี้”ทันใดนั้น ชายชราก็กระโจนเข้าใส่ทันที แสงสีดำพุ่งออกมาจากร่างของเขา มุ่งตรงไปที่ฉู่เฉิน"พิโรธทมิฬ นี่คือวิชาอันโด่งดังของผู้อาวุโสสาม ว่ากันว่าเมื่อผู้อาวุโสสามใช้วิชานี้ แม้แต่ผู้ที่มีวรยทุธเท่าเขาเอง ก็ต้องดิ้นรน เพื่อเอาชีวิตรอด ฉู่เฉินอยู่แค่ขั้นหกของจอมยุทธ์เท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะรอดจากกระบวนท่านี้ได้แน่นอน คราวนี้ได้ตายจริงๆ แล้ว"ซิวหลัวจื่อก็ประหลาดใจเช่นกัน เมื่อเห็นผู้อาวุโสทั้งสามใช้วิชานี้“ใช่ ฉู่เฉินดันไปหาเรื่องทำให้ซิวหลัวจื่อขุ่นเคืองเอาซะได้ ทุกคนก็รู้ว่าสถานะของนายในตำหนักอสูรนั้น ไม่มีใครทัดเทียมได้ และผู้อาวุโสก็มองว่า เขาเป็นผู้นำในอนาคตของตำหนักอสูรแล้ว”หวังซิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พูดจาประจบประแจง ซึ่งทำให้ซิวหลัวจื่อหน้าบานด้วยความพอใจลำแสงสีดำราวกับดาบคมพุ่งเข้าหาฉู่เฉินในพริบตา ขณะที่เขากำลังจะหลบหลีก จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ตอบสนองได้ชัดเจนลำแสงสีดำนี้ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ แม้ว่าตัวเองจะเร็วแค่ไหนก็ตาม มันจะติดตามไปเหมือนเงา และการถูกแทงก็เป็นสิ่งที่ ไม่อาจหลีก
ตัวตนที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโลกวรยุทธ และคนเหล่านี้มักจะกลายเป็นผู้ปกครองอาณาจักรในที่สุด!คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้า จะเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นไม่!เขาต้องตาย!ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ นายน้อยของฉันจะไม่มีโอกาสได้ผงาดขึ้นมาเลย!ชายชราทำหน้าบุญไม่รับ จิตใจก็กำลังสั่นไหวด้วยลำแสงสีดำ ซึ่งได้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ และได้ใช้พลังทั้งหมดของเขาไปแล้วพิโรธทมิฬพุ่งพล่านอีกครั้งดาบคมกริบในรูปร่างของลำแสงสีดำ เจาะทะลุชั้นของอาณาเขตนั้นอีกครั้งฮึ่ม ก็แค่อาณาเขตสามอาณาเขตเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเมื่อชายชราคิดว่า ฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะโดนดาบคมกริบแทง และตายจากไปแต่คมดาบนั้นถูกสกัดกั้นอีกครั้งนั่นคือ มหาปราชญ์ที่ฉู่เฉินได้ขัดเกลาในพระราชวังหลวงของญี่ปุ่นเมื่อเห็นดาบพิโรธทมิฬถูกสกัดอีกครั้ง ชายชราไม่สนใจสิ่งนี้อีกแล้วเพียงแต่อ้าปากค้างและชี้ไปที่ฉู่เฉิน"เป็นไปได้ยังไง! ใคร...แกเป็นใครกันแน่?""ผู้อาวุโสสาม มีอะไรผิดปกติ?" ซิวหลัวจื่อถามด้วยความประหลาดใจ โดยไม่รู้แน่นชัดว่า เกิดอะไรขึ้น"เขา...!" ชายชราซึ่งตอนนี
หนิงชิงเสว่ก้าวออกมา และเดินเข้าไปหาฉู่เฉิน พร้อมพูด: "”เสี่ยวซือโถว ปล่อยให้ฉันจัดการเอง!”เดิมที ก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว สำหรับฉู่เฉินที่จะป้องกันตัวเอง เมื่อต้องเผชิญกับอีกฝ่ายเพียงตัวคนเดียว ตอนนี้ จอมยุทธขั้นเก้าระดับสูงอีกคนได้ก้าวออกมาลงมือแล้ว และทั้งสองก็ร่วมมือกันฉู่เฉินไม่ใช่คนโง่ ตัวเองไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน เมื่อเห็นว่าพี่เจ็ดเลือกที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธขั้นเก้าสองคนนี้ตามลำพังฉู่เฉินก็อดกังวลไม่ได้“พี่เจ็ด พวกเขามีกันสองคน คุณ”ฉู่เฉินต้องการจะสื่ออะไรนั้น หนิงชิงเสว่เข้าใจทันที“ไม่ต้องกังวล แม้ว่าฉันอาจไม่สามารถเอาชนะชายชราทั้งสองคนนี้ได้ แต่ฉันเองก็ไม่ได้อ่อนแอ่”เมื่อหนิงชิงเสว่พูดจบ แมลงสีทองแวววาวก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือมันคือหนอนไหมทองคำกู่นับตั้งแต่หนิงชิงเสว่ ไปถึงขั้นเก้าของอาณาจักรจอมยุทธ หนอนไหมทองคำกู่ไม่เพียงแต่มีขนาดที่โตขึ้นอย่างมากเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของมันยังก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย และได้เริ่มต้นการวิวัฒนาการตัวเองในขณะนี้ หนอนไหมทองคำกู่ไม่ดูเหมือนแมลงอีกต่อไป มันมีปากที่หัว ฟันที่แหลมคม และปีกสองคู่ที่หลังหลังจากป
“คนสวย คุณได้ยินแล้วใช่ไหมว่า เฉียวหานอวี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับฉู่เฉิน ไม่เช่นนั้น เธอคงไม่พยายามปกป้องเขาขนาดนี้หรอก คนสวย คุณถูกฉู่เฉินหลอกหรือเปล่า? ไม่ต้องห่วงนะ ตราบใดที่คุณถอยออกไปตอนนี้ พวกเราจะให้โอกาสคุณแก้แค้นอย่างแน่นอน!”หวังซิงพยายามทำให้หนิงชิงเสว่เปลี่ยนใจบ่อยครั้งที่หลังจากบรรลุถึงวรยุทธระดับนี้แล้ว แต่ผู้หญิงก็ไม่เคยเต็มใจที่จะแบ่งปันผู้ชายของตัวเองร่วมกับผู้อื่นหวังซิงคิดเข้าข้างตัวเองฟังคำหยาบคายพวกนี้สีหน้าของหนิงชิงเสว่ไม่เปลี่ยนไป และก็พูดอย่างเย็นชา"แค่ความจริงที่ว่า แกต้องการฆ่าฉู่เฉิน ก็เพียงพอที่พวกเราจะไม่มีทางยุติเรื่องนี้อย่างสันติ เตรียมตัวตายได้เลย!"เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงชิงเสว่ซิวหลั่วจื่อและหวังซิงก็สบตากันพวกเขาตระหนักว่าไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติได้จึงออกคำสั่งเกือบจะพร้อมกันโดยไม่ลังเลอีกต่อไป“ฆ่าพวกมันซะ!”เมื่อเห็นว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ฉู่เฉินก็เรียกเทะอิจิโรจากดินแดนเร้นลับออกมาทันที“เทะอิจิโร ถึงเวลาที่นายจะต้องมีส่วนร่วมแล้ว”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเทะอิจิโร ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองชะงักกา
“แกกล้าฆ่าฉันเหรอ" ซิวหลัวจื่อไม่อยากจะเชื่อ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉู่เฉินจะโหดเหี้ยมขนาดนี้"ทำไมจะไม่กล้า แกคิดว่ามีแต่ซิวหลัวจื่อเท่านั้นหรือ ที่ฆ่าคนอื่นได้ แต่ฉันฆ่าแกไม่ได้เหรอ?" ฉู่เฉินโต้กลับและปลดปล่อยคลื่นเจตจำนงดาบซิวหลัวจื่อรวบรวมลมปราณที่แท้จริงในร่างกายทั้งหมดทันที เพื่อรับมือแม้ว่าจะเป็นเพียงการโจมตีธรรมดาจากฉู่เฉิน แต่ก็ยังทำให้ซิวหลัวจื่อชาไปทั่วทั้งร่างกายตอนนี้เองที่ ซิวหลัวจื่อตระหนักได้ดีว่า ถึงจะมีระดับวรยุทธเท่ากัน แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นแตกต่างจากฉู่เฉินอย่างสิ้นเชิงนึกย้อนกลับไป เมื่อครั้งที่เขาเชื่อว่า สามารถปราบฉู่เฉินได้จากรัศมีของตัวเอง ตอนนี้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วว่าความคิดนั้นช่างน่าหัวเราะเพียงใดฉู่เฉินปลดปล่อยคลื่นเจตจำนงดาบอีกครั้งซิวหลัวจื่อหมุนเวียนกระแสลมปราณที่แท้จริงอีกครั้ง และแทบจะป้องกันมันไม่ได้แต่ซิวหลัวจื่อเข้าใจว่า ถ้าต้องป้องกันการโจมตีของดาบอีกครั้ง พลังแนวป้องกันของตัวเองก็จะแตกสลาย“ผู้อาวุโสสาม ช่วยฉันด้วย!”ซิวหลัวจื่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือซึ่งทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสสาม ที่อยู่ท่ามกล
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เฉินก็ตัดสินใจที่จะไม่ยั้งมือก่อนหน้านี้ ได้ใช้เจตจำนงดาบ เพื่อทดสอบซิวหลัวจื่อ เพราะกลัวว่าซิวหลัวจื่ออาจมีไพ่ตายอื่นซ่อนอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสสามวิตกกังวล ฉู่เฉินก็เข้าใจทันทีว่า สิ่งนี้ทำให้ซิวหลัวจื่อรับรู้ได้ถึงอันตราย อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤตการณ์นี้ ซิวหลัวจื่อก็ยังไม่ได้เอาไพ่ตายออกมาใช้ฉู่เฉินก็เข้าใจทันทีว่า ซิวหลัวจื่อได้เทไปหมดหน้าตักแล้วจากการก้าวเข้าไปเพียงก้าวเดียว ก็เกิดภาพลวงตาจำนวนมาก ฉู่เฉินก้าวเท้าไปในระยะทางไม่กี่เมตร และปรากฏตัวต่อหน้าซิวหลัวจื่อ“ฉู่เฉิน... แก…..กำลังทำอะไร?”ซิวหลัวจื่อก้าวถอยหลังพร้อมกับพูดหลังจากถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ก็ชนเข้ากับหวังซิงซึ่งหลบอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่แรก“คนที่แกต้องการคือเขา ใช่ไหม ฉู่เฉิน งั้นก็รีบไปหาเขาซะ เขากล้าที่จะตั้งค่าหัวนาย ไม่ต้องห่วง ฉู่เฉิน ฉันจะไม่ปกป้องเขาอีกต่อไปแล้ว”ซิวหลัวจื่อดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ และผลักหวังซิงไปด้านหลัง เพื่อปกป้องตัวเองตอนนี้หวังซิงสงบกว่าซิวหลัวจื่อมาก แม้จะเผชิญกับจิตสังหารของฉู่เฉิน ก็ยังพูดออกมาได้ชัดถ่อยชัดคำ“ฉู่เฉิน ครั้งนี้
ณ เมืองหนานเจียงในห้องทำงานของประธานกรรมการแห่งเฟยเสวี่ยกรุ๊ปหนิงชิงเสวี่ยกำลังเบิกตาโพลงมองดูชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ “นายบอกว่าอะไรนะ? นายเป็นคู่หมั้นของฉันงั้นเหรอ?”“ใช่ครับ สามปีก่อนคุณปู่ของคุณหมั้นหมายคุณให้ผม นี่ทะเบียนสมรสครับ ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณก็ลองดูเองเถอะครับ”ชายหนุ่มนามว่าฉู่เฉิน เขาหยิบเอาทะเบียนสมรสเล่มหนึ่งออกมาและยื่นส่งให้เธอหลังจากที่หนิงชิงเสวี่ยได้เห็นทะเบียนสมรสนั้นแล้ว ความคิดอยากตายก็ผุดขึ้นมาทันทีเธอมั่นใจว่าทะเบียนสมรสเล่มนี้เป็นของจริง เพราะตัวอักษรด้านบนเป็นรูปแบบตัวหนังสือของหนิงฉางเจิ้งปู่ของเธอ แถมยังประทับตราส่วนตัวของเขาเอาไว้ด้วยหนิงชิงเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งเฮือกก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายชื่อฉู่เฉินสินะ?”“ครับ”ฉู่เฉินพยักหน้ารับเล็กน้อย แต่กลับอดใจไม่ไหวที่จะมองพิจารณาเธอหน้าสวยแบบสาวงามล่มเมือง ทั้งผิวพรรณก็ขาวเปล่งปลั่งนุ่มนิ่ม แม้ตอนนี้จะกำลังทำหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผู้ชายทุกคนหัวใจเต้นรัวเธอสวมชุดทำงานทรงรัดรูป และมีรูปร่างที่ร้อนแรงแบบสุด ๆ โดยเฉพาะเอวเรียวบางดุจหนึ่งมือโอบขอ
หนิงชิงเสวี่ยจ้องมองไปที่ฉู่เฉินอย่างไม่ละสายตา พร้อมเผยใบหน้าที่หยิ่งผยองออกมาโดยที่เลขาที่อยู่ข้างกายของเธอ พานอวิ๋น ก็มองไปยังฉู่เฉินด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยามด้วยเช่นกัน คนจน ๆ แบบนี้จะคู่ควรกับท่านประธานของพวกเราได้อย่างไรกัน?“ไม่มีปัญหา”ฉู่เฉินตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “แต่ว่าคุณก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจอยู่ดี เพราะว่าสัญญาการแต่งงานครั้งนี้คุณปู่ของคุณเป็นคนจัดการ คุณสามารถรอจนกว่าผมจะรักษาอาการป่วยของเขาจนหายแล้ว ค่อยให้เขายกเลิกการแต่งงานด้วยตัวเองก็ได้ แค่ท่านยินยอม ผมก็ไม่มีทางจะตามรังควานคุณอย่างแน่นอน”“ไม่ต้อง”หนิงชิงเสวี่ยยิ่งเหยียดหยามเขาแล้ว เพราะคิดว่าเขายังไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้“งานแต่งของฉัน ฉันจะต้องเป็นคนตัดสินใจเองสิ ยิ่งไปกว่านั้น อาการป่วยของคุณปู่ฉัน ฉันจะคิดหาวิธีเอง ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาคอยเป็นกังวลหรอกนะ”เธอรีบเขียนเช็คใบหนึ่งอย่างรวดเร็ว “ นี่เป็นเช็คมูลค่าห้าล้าน บาทขอแค่นายยอมยกเลิกงานแต่งงานกับฉัน มันก็จะเป็นของนายทันที”“เงินห้าล้าน บาทสำหรับฉันแล้วมันก็แค่เศษเงินเท่านั้น แต่ว่าสำหรับคนชนชั้นล่างแบบนาย ก็พอที่จะเลี้ยงดูปากท้องได้สบาย ๆ ไปทั้งชาติ ฉันเช