ตัวตนที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโลกวรยุทธ และคนเหล่านี้มักจะกลายเป็นผู้ปกครองอาณาจักรในที่สุด!คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้า จะเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นไม่!เขาต้องตาย!ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ นายน้อยของฉันจะไม่มีโอกาสได้ผงาดขึ้นมาเลย!ชายชราทำหน้าบุญไม่รับ จิตใจก็กำลังสั่นไหวด้วยลำแสงสีดำ ซึ่งได้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ และได้ใช้พลังทั้งหมดของเขาไปแล้วพิโรธทมิฬพุ่งพล่านอีกครั้งดาบคมกริบในรูปร่างของลำแสงสีดำ เจาะทะลุชั้นของอาณาเขตนั้นอีกครั้งฮึ่ม ก็แค่อาณาเขตสามอาณาเขตเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเมื่อชายชราคิดว่า ฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะโดนดาบคมกริบแทง และตายจากไปแต่คมดาบนั้นถูกสกัดกั้นอีกครั้งนั่นคือ มหาปราชญ์ที่ฉู่เฉินได้ขัดเกลาในพระราชวังหลวงของญี่ปุ่นเมื่อเห็นดาบพิโรธทมิฬถูกสกัดอีกครั้ง ชายชราไม่สนใจสิ่งนี้อีกแล้วเพียงแต่อ้าปากค้างและชี้ไปที่ฉู่เฉิน"เป็นไปได้ยังไง! ใคร...แกเป็นใครกันแน่?""ผู้อาวุโสสาม มีอะไรผิดปกติ?" ซิวหลัวจื่อถามด้วยความประหลาดใจ โดยไม่รู้แน่นชัดว่า เกิดอะไรขึ้น"เขา...!" ชายชราซึ่งตอนนี
หนิงชิงเสว่ก้าวออกมา และเดินเข้าไปหาฉู่เฉิน พร้อมพูด: "”เสี่ยวซือโถว ปล่อยให้ฉันจัดการเอง!”เดิมที ก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว สำหรับฉู่เฉินที่จะป้องกันตัวเอง เมื่อต้องเผชิญกับอีกฝ่ายเพียงตัวคนเดียว ตอนนี้ จอมยุทธขั้นเก้าระดับสูงอีกคนได้ก้าวออกมาลงมือแล้ว และทั้งสองก็ร่วมมือกันฉู่เฉินไม่ใช่คนโง่ ตัวเองไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน เมื่อเห็นว่าพี่เจ็ดเลือกที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธขั้นเก้าสองคนนี้ตามลำพังฉู่เฉินก็อดกังวลไม่ได้“พี่เจ็ด พวกเขามีกันสองคน คุณ”ฉู่เฉินต้องการจะสื่ออะไรนั้น หนิงชิงเสว่เข้าใจทันที“ไม่ต้องกังวล แม้ว่าฉันอาจไม่สามารถเอาชนะชายชราทั้งสองคนนี้ได้ แต่ฉันเองก็ไม่ได้อ่อนแอ่”เมื่อหนิงชิงเสว่พูดจบ แมลงสีทองแวววาวก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือมันคือหนอนไหมทองคำกู่นับตั้งแต่หนิงชิงเสว่ ไปถึงขั้นเก้าของอาณาจักรจอมยุทธ หนอนไหมทองคำกู่ไม่เพียงแต่มีขนาดที่โตขึ้นอย่างมากเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของมันยังก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย และได้เริ่มต้นการวิวัฒนาการตัวเองในขณะนี้ หนอนไหมทองคำกู่ไม่ดูเหมือนแมลงอีกต่อไป มันมีปากที่หัว ฟันที่แหลมคม และปีกสองคู่ที่หลังหลังจากป
“คนสวย คุณได้ยินแล้วใช่ไหมว่า เฉียวหานอวี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับฉู่เฉิน ไม่เช่นนั้น เธอคงไม่พยายามปกป้องเขาขนาดนี้หรอก คนสวย คุณถูกฉู่เฉินหลอกหรือเปล่า? ไม่ต้องห่วงนะ ตราบใดที่คุณถอยออกไปตอนนี้ พวกเราจะให้โอกาสคุณแก้แค้นอย่างแน่นอน!”หวังซิงพยายามทำให้หนิงชิงเสว่เปลี่ยนใจบ่อยครั้งที่หลังจากบรรลุถึงวรยุทธระดับนี้แล้ว แต่ผู้หญิงก็ไม่เคยเต็มใจที่จะแบ่งปันผู้ชายของตัวเองร่วมกับผู้อื่นหวังซิงคิดเข้าข้างตัวเองฟังคำหยาบคายพวกนี้สีหน้าของหนิงชิงเสว่ไม่เปลี่ยนไป และก็พูดอย่างเย็นชา"แค่ความจริงที่ว่า แกต้องการฆ่าฉู่เฉิน ก็เพียงพอที่พวกเราจะไม่มีทางยุติเรื่องนี้อย่างสันติ เตรียมตัวตายได้เลย!"เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงชิงเสว่ซิวหลั่วจื่อและหวังซิงก็สบตากันพวกเขาตระหนักว่าไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติได้จึงออกคำสั่งเกือบจะพร้อมกันโดยไม่ลังเลอีกต่อไป“ฆ่าพวกมันซะ!”เมื่อเห็นว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ฉู่เฉินก็เรียกเทะอิจิโรจากดินแดนเร้นลับออกมาทันที“เทะอิจิโร ถึงเวลาที่นายจะต้องมีส่วนร่วมแล้ว”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเทะอิจิโร ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองชะงักกา
“แกกล้าฆ่าฉันเหรอ" ซิวหลัวจื่อไม่อยากจะเชื่อ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉู่เฉินจะโหดเหี้ยมขนาดนี้"ทำไมจะไม่กล้า แกคิดว่ามีแต่ซิวหลัวจื่อเท่านั้นหรือ ที่ฆ่าคนอื่นได้ แต่ฉันฆ่าแกไม่ได้เหรอ?" ฉู่เฉินโต้กลับและปลดปล่อยคลื่นเจตจำนงดาบซิวหลัวจื่อรวบรวมลมปราณที่แท้จริงในร่างกายทั้งหมดทันที เพื่อรับมือแม้ว่าจะเป็นเพียงการโจมตีธรรมดาจากฉู่เฉิน แต่ก็ยังทำให้ซิวหลัวจื่อชาไปทั่วทั้งร่างกายตอนนี้เองที่ ซิวหลัวจื่อตระหนักได้ดีว่า ถึงจะมีระดับวรยุทธเท่ากัน แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นแตกต่างจากฉู่เฉินอย่างสิ้นเชิงนึกย้อนกลับไป เมื่อครั้งที่เขาเชื่อว่า สามารถปราบฉู่เฉินได้จากรัศมีของตัวเอง ตอนนี้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วว่าความคิดนั้นช่างน่าหัวเราะเพียงใดฉู่เฉินปลดปล่อยคลื่นเจตจำนงดาบอีกครั้งซิวหลัวจื่อหมุนเวียนกระแสลมปราณที่แท้จริงอีกครั้ง และแทบจะป้องกันมันไม่ได้แต่ซิวหลัวจื่อเข้าใจว่า ถ้าต้องป้องกันการโจมตีของดาบอีกครั้ง พลังแนวป้องกันของตัวเองก็จะแตกสลาย“ผู้อาวุโสสาม ช่วยฉันด้วย!”ซิวหลัวจื่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือซึ่งทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสสาม ที่อยู่ท่ามกล
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เฉินก็ตัดสินใจที่จะไม่ยั้งมือก่อนหน้านี้ ได้ใช้เจตจำนงดาบ เพื่อทดสอบซิวหลัวจื่อ เพราะกลัวว่าซิวหลัวจื่ออาจมีไพ่ตายอื่นซ่อนอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสสามวิตกกังวล ฉู่เฉินก็เข้าใจทันทีว่า สิ่งนี้ทำให้ซิวหลัวจื่อรับรู้ได้ถึงอันตราย อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤตการณ์นี้ ซิวหลัวจื่อก็ยังไม่ได้เอาไพ่ตายออกมาใช้ฉู่เฉินก็เข้าใจทันทีว่า ซิวหลัวจื่อได้เทไปหมดหน้าตักแล้วจากการก้าวเข้าไปเพียงก้าวเดียว ก็เกิดภาพลวงตาจำนวนมาก ฉู่เฉินก้าวเท้าไปในระยะทางไม่กี่เมตร และปรากฏตัวต่อหน้าซิวหลัวจื่อ“ฉู่เฉิน... แก…..กำลังทำอะไร?”ซิวหลัวจื่อก้าวถอยหลังพร้อมกับพูดหลังจากถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ก็ชนเข้ากับหวังซิงซึ่งหลบอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่แรก“คนที่แกต้องการคือเขา ใช่ไหม ฉู่เฉิน งั้นก็รีบไปหาเขาซะ เขากล้าที่จะตั้งค่าหัวนาย ไม่ต้องห่วง ฉู่เฉิน ฉันจะไม่ปกป้องเขาอีกต่อไปแล้ว”ซิวหลัวจื่อดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ และผลักหวังซิงไปด้านหลัง เพื่อปกป้องตัวเองตอนนี้หวังซิงสงบกว่าซิวหลัวจื่อมาก แม้จะเผชิญกับจิตสังหารของฉู่เฉิน ก็ยังพูดออกมาได้ชัดถ่อยชัดคำ“ฉู่เฉิน ครั้งนี้
“พี่สาม คิดว่ายังไง?”ฉู่เฉินถามเฉียวหานอวี้เฉียวหานอวี้ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆแต่เตือนฉู่เฉินว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ก็ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เฉียวหานอวี้อยู่ในเมืองหลวงตลอดทั้งปี และเห็นได้ชัดว่า รู้ดีกว่าใครๆ ว่ายิ่งยืดเยื้อต่อไป ฝ่ายของพวกเราก็จะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้นฉู่เฉินก็คิดแบบนี้เหมือนกัน“ลงมือ ยับยั้งพวกเขาไว้ทั้งสอง”จากนั้นหนิงชิงเสว่ เฉียวหานอวี้ และเทะอิจิโรก็พุ่งเข้าใส่ชายชราทั้งสอง ขณะที่ฉู่เฉินพุ่งตรงไปที่หวังซิงมาดูกันว่าอะไรในตัวหวังซิงที่ดึงดูดเขา?จริงหรือไม่ที่หวังซิงก็มีเลือดมังกรที่แท้จริงเช่นกัน ดังที่ตัวเองเดาไว้เมื่อมองดูลุงหวังที่กำลังปกป้องตัวเองและถูกบังคับให้ถอยไป ดวงตาของหวังซิงก็มืดมนราวกับว่าได้ตัดสินใจแล้ว ฉู่เฉินก็รีบพุ่งไปหาเขาโดยไม่คาดคิด หวังซิงไม่ได้ซ่อนตัวหรือหลบเลี่ยง แต่กลับฉีกเสื้อผ้าของตัวเองออก และทันใดนั้น รอยสักเสือขาวที่ดูเหมือนจริงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของเขาขณะที่ฉู่เฉินรู้สึกสับสนรอยสักเสือขาว เหมือนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งเสือคำรามอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน!เสียงคำรามทำให้เกิดคลื่นเสียงที่มองเห็นได้ด
ตอนนั้นเอง อากาศตรงหน้าของหวังซิงบิดเบี้ยวและค่อยๆ กลายเป็นม่านแสงมีร่างอยู่ในม่านแสงนั่น"ซิงเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น อะไรทำให้แกโกรธขนาดนั้น"เมื่อมองไปที่เศษซากบนพื้น และเสียงที่ดังออกมาจากม่านแสงนั้น ช่างสงบเงียบอย่างเหลือเชื่อ“พ่อ ไอ้สารเลวจากตระกูลฉู่ มันกลับมาแล้ว!”หวังซิงไม่กล้าปิดบังอะไรต่อหน้าร่างนี้บุคคลนี้ไม่เพียงแต่เป็นพ่อของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำตระกูลหวังอีกด้วย พยัคฆ์ขาวในกองทหารพยัคฆ์ขาว และก้าวข้ามระดับจอมยุทธนานมาแล้วแม้แต่หวังซิงเองก็ไม่รู้ว่า พ่อของเขามีพลังมากเพียงใด“ไอ้สารเลวจากตระกูลสาบสูญไปแล้ว ทำไมต้องโกรธขนาดนั้น ก็แค่ฆ่ามันซะ แม้แต่ตอนที่ตระกูลฉู่ยังอยู่ พวกเราก็ไม่เคยเห็นมันอยู่ในสายตา ตอนนี้ก็กลายเป็นแค่หมาจรจัดไปแล้ว และด้วยพรสวรรค์ของแก แกน่าจะจัดการกับไอ้สารเลวคนนี้ได้อย่างง่ายดายนะ?”ร่างนั้นพูดอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย“พ่อ ผมพลาดท่า และ... และ...”“แล้วไง?”เมื่อได้ยินความล้มเหลวของลูกชาย ร่างในม่านแสงก็แสดงอารมณ์ออกมาในที่สุด ดูเหมือนจะไม่พอใจ“แล้วไอ้สารเลวฉู่เฉินคนนั้น มันสามารถครอบครองอาณา
อีกด้านหนึ่งของความว่างเปล่าคือ เมืองลับแลมังกรของฉู่เฉินทันทีที่ผู้อาวุโสเฉินและชิงหลงเดินเข้ามา สิ่งที่ดึงดูดสายตาของพวกเขาคือสัตว์ร้ายที่ไม่ธรรมดาและสง่างามผู้อาวุโสเฉินไม่สามารถเชื่อสายตาของตัวเอง“นะ... นี่คือ”พูดอ่าง และไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ชิงหลงไม่คุ้นเคยกับสัตว์ร้ายตรงหน้า ก็รู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กันกับขนาดใหญ่มหึมาของมันและปฏิกิริยาที่ตื่นเต้นผิดปกติของผู้อาวุโสเฉินชิงหลงสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นฉู่เฉินเดินเข้ามาผู้อาวุโสเฉินก็รีบถามฉู่เฉิน“มันคือ...?”ท่าทางระมัดระวังของผู้อาวุโสเฉิน ทำให้ฉู่เฉินตระหนักว่าผู้อาวุโสเคยเห็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหวู่มาก่อนฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย“วิเศษมาก ช่างวิเศษมาก”หลังจาก ผู้อาวุโสเฉินได้การยืนยันจากฉู่เฉินแล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ขณะนี้ เขาไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าเหตุผลที่ให้ทั้งสองคนเข้ามาในเมืองลับแล เพื่อให้พบกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหวู่แน่นอนว่าฉู่เฉินได้บอกกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหวู่ล่วงหน้าแล้วในขณะนี้ ร่างกายอันใหญ่มหึมาของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหวู่ส่องประกายและเปลี่ยนแปลงไป ปรากฏ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่