แชร์

บทที่ 60 ไว้ทุกข์ 3 ปี

ผู้เขียน: primพริมโรส
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-21 21:16:27

บทที่ 60 ไว้ทุกข์ 3 ปี

งานศพของฮูหยินผู้เฒ่าของจวนเจ้าเมืองผ่านไปหลายวันแล้ว ในห้องพักของเขาท่านเจ้าเมืองฉินเจิ้ง เขาค่อยๆ หยิบรองเท้าและของเล่นเด็กที่เขาเคยซื้อมาก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายในครอบครัวของเขา จากนั้นเขานึกถึงลูกสาวตัวน้อยของเขา เขามองของเหล่านั้นด้วยความรู้สึกอ่อนแอและเต็มไปด้วยความคิดถึง

ฉากหนึ่งในความทรงจำของเขา ย้อนกลับไปเมื่อเขาได้พบกับมังกรทองชิงหลงในช่วงที่เขาเกือบเสียชีวิต มังกรทองชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดมากมายของเขา ท่ามกลางเปลวแสงทองอันเจิดจ้า มังกรชิงหลงจ้องตรงไปยังฉินเจิ้งด้วยสายตาคมกริบ

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าความผิดพลาดของเจ้าคืออะไร?" มังกรทองเอ่ยด้วยเสียงดังก้องที่ทำให้ฉินเจิ้งรู้สึกเล็กลง

"ข้ารู้ว่าข้าเคยผิดพลาดมากมาย ข้าทำหลายสิ่งโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา" ฉินเจิ้งตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด

มังกรทองพยักหน้า "เจ้าคิดได้เช่นนั้นก็ถูกแล้ว เจ้าทำให้ลูกเมียของเจ้าต้องทนทุกข์เพราะความไม่รอบคอบของเจ้า"

คำพูดของมังกรทองเหมือนคมดาบที่แทงเข้ามาในใจของฉินเจิ้ง เขารู้ดีว่ามันคือความจริงทุกประการ

"แต่ข้ายังให้โอกาสเจ้า เพราะเจ้ามีความดีในตัว เจ้าเป็นบุตรกตัญญูที่ยังคง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 61  ข่าวลือ / ลงพนัน ep 1 

    บทที่ 61 ข่าวลือ / ลงพนัน ep 1 ท่านแม่ทัพซู่หลิงได้รับราชโองการที่ให้ตระกูลเฟิงจากเมืองอวี้ไห่เข้าพบองค์ฮ่องเต้ในเมืองหลวงเขาไม่รีรอ รีบเดินออกมาทันทีและตรงไปยังม้าทั้งสามตัวของเขา เจ้าม้านิลมังกรและเจ้าไป่หลิวและไป่อวิ่นนั้นดูทรงพลังและพร้อมเสมอสำหรับการเดินทางไกล เมื่อเขาควบม้ากลับสู่เมืองอวี้ไห่ เจ้าไป่หลิวและไป่อวิ่นที่เคยลากเกลือขนาดหนักมาก่อนคราวนี้ไม่มีของหนักให้ลาก เขาคิดว่าการเดินทางกลับรวดเร็วกว่าที่คาดไว้อย่างแน่นอนก่อนที่จะกลับถึงเมืองอวี้ไห่ ท่านแม่ทัพซู่หลิงแวะที่จวนของตนเองในเมืองหลวง ซึ่งเป็นจวนที่องค์ฮ่องเต้ประทานให้แก่เขาเมื่อครั้งที่เขาตีเอาดินแดนทางตะวันออกของแคว้นโจวที่ถูกชนเผ่านอกด้านพยายามเข้ามายึดครอง เขาใช้เวลาเพียงสามวันและแทบจะไม่เสียเลือดเนื้อของนายทหารเลยก็สามารถบุกยึดดินแดนกลับมาได้ โดยที่ชนเผ่านอกด้านนั้นโดนตีจนกระจุยกระจาย แทบจะไม่สามารถรวมตัวกันได้อีก และเขายังจับตัวหัวหน้าเผ่ากลับมาเป็นเชลยด้วย โดยบอกพวกเขาว่าหากว่ายังมารุกรานวุ่นวายดินแดนของแคว้นต้าโจวอีกเขาจำนำศีรษะของหัวหน้าเผ่ากลับไป และจะไล่ล่าพวกเขาทุกคนไม่เว้นแม้แต่ลูกเล็กเด็กแดง เขาจะฆ่าและ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 62 ข่าวลือ / ลงพนัน ep 2

    บทที่ 62 ข่าวลือ / ลงพนัน ep 2ภายในราชวังนั้นก็สนุกสนานกันเต็มที่ส่วนด้านนอกวังประชาชนที่ได้รับข่าวลือนั้นต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันสนุก มีทั้งฝ่ายที่รับสารจากข่าวลือ มาแล้วเชื่อทันทีโดยไม่มีการ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ และฝ่ายที่ทันเกมส์รู้ว่านี่เป็นเพียงแผนการหนึ่งของเสนาบดีเจียงเฉินที่จะทำให้ตัวเองดูดี และยังเป็นการล้างมลทินให้กับอดีตฮูหยินเอกเจียงซิ่วเหยาด้วยนั้นเอง"เจ้ารู้หรือไม่ ข่าวลือนี้ทำให้ข้านึกถึงตำนานรักของท่านบัณฑิตหนุ่มรูปงามกับสาวงามที่เผชิญกับอุปสรรคมากมายในชีวิต ข้ารู้สึกเสียใจที่เรื่องราวของท่านเสนาบดีจบลงเช่นนี้" ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดาย ขณะที่นั่งอยู่ในโรงน้ำชาเล็กๆ ในตลาดกลางเมืองหลวง"เสียใจอะไรกั้น!!! เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันเป็นแค่การจัดฉากเพราะอยากให้นางกลับมา ข้าได้ยินข่าวเล็ดลอดออกมาจากข้างในวังว่า เขาต้องการสูตรเกลือเกล็ดหิมะขาวของตระกูลของนางนั่นต่างหาก" อีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงขำขัน และเอ่ยออกมาอย่างผู้รู้จริง ข้อมูลวงในนั้นแน่นมากประหนึ่งไปนั่งอยู่ข้างบัลลังก์ของฮ่องเต้ อย่างไรอย่างนั้น“เล่ามาข้าออกท้องที่เลยตกข่าวไปเรื่องราวมันเป็นมาอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 63  ราชโองการ

    บทที่ 63 ราชโองการท่านแม่ทัพซู่หลิงใช้เวลาเดินทางวันกว่าๆ ก็ถึงเมืองอวี้ไห่แล้ว ขณะที่เขาขี่ม้านิลมังกรเข้าสู่ตัวเมือง เขาเห็นทัศนียภาพที่ต่างไปจากเดิมอย่างมากพอสมควร บ้านเมืองที่เคยเต็มไปด้วยฝุ่นและเศษขยะ บัดนี้กลับสะอาดสะอ้าน ชาวบ้านชาวเมืองต่างก็กระตือรือร้นทำความสะอาดลานบ้านของตัวเอง บ้างกำลังกวาดถนน บ้างกำลังซ่อมแซมรั้วที่ผุพัง ส่วนเหล่าแม่บ้านต่างก็เริ่มหาต้นไม้ ดอกไม้มาปลูกหน้าบ้านของตัวเองทุกคนต่างทำงานด้วยความตั้งใจและมีรอยยิ้มบนใบหน้า"ช่างประหลาดจริง ๆ" ท่านแม่ทัพซู่หลิงพึมพำกับตัวเอง ขณะมองดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เขารู้สึกได้ถึงความสามัคคีและความมุ่งมั่นของชาวเมืองที่อยากเห็นบ้านเมืองของพวกเขาดีขึ้นเมื่อเขาเดินลึกเข้าไปในเมือง สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้นไปอีกคือ เขาเห็นที่ด้านหน้าเรือนของทุกบ้านจะมีถังไม้เล็กสองใบวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ถังหนึ่งเขียนว่า "ขยะแห้ง" และอีกถังเขียนว่า "ขยะเปียก" ท่านแม่ทัพซู่หลิงถึงกับต้องหยุดมองด้วยความประหลาดใจ"ขยะเปียก ขยะแห้ง? นี่มันอะไรกัน?"เขาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดต่อไป ชาวบ้านผู้หนึ่งที่กำลังกวาดลานหน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 64 ปีนหน้าต่างเข้าหา!!

    บทที่ 64 ปีนหน้าต่างเข้าหา!!หลังจากท่านแม่ทัพซู่หลิงกลับมาถึงเมืองอวี้ไห่และมอบราชโองการเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถูกเชิญไปพักที่เรือนใหม่ที่คุณหนูเฟิงจัดสร้างไว้ห่างจากเรือนหลักของคฤหาสน์ตระกูลเฟิงค่อนข้างไกล เพื่อความเป็นส่วนตัวและสะดวกในการพักผ่อน แต่แท้จริงแล้ว เรือนนี้มีอีกความหมายหนึ่งเรือนของท่านแม่ทัพซู่หลิงถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตและหรูหรา พื้นไม้ถูกขัดจนมันวาว ราวกับสามารถสะท้อนเงาของผู้เดินผ่านได้ หลังคาสูงโค้งเป็นสถาปัตยกรรมแบบโบราณ มีลวดลายมังกรสลักอยู่ตามขื่อและเสา ภายในเรือนมีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์อย่างเรียบง่าย แต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความสง่างาม โต๊ะและเก้าอี้ถูกแกะสลักด้วยลวดลายดอกไม้และสัตว์มงคล บ่งบอกถึงความใส่ใจในรายละเอียดของผู้สร้าง สวนข้างเรือนถูกตกแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้หลากสีที่บานสะพรั่ง ให้บรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการพักผ่อนและคิดทบทวนสิ่งต่างๆ อย่างสงบ แม่ทัพซู่มองไปรอบๆ ด้วยความพอใจ...ก่อนจะเดินเข้าไปเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย..คืนนี้เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ จำเป็นต้องหอมและสะอาดที่สุดนั้นเอง....ค่ำคืนนั้น ป้าจวงนั่งอยู่ในห้องของตัวเอง นางเปิดหีบใบใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 65   จอมโจรชราเด็ดบุปผาแก่ NC hot hot!!

    บทที่ 65 จอมโจรชราเด็ดบุปผาแก่ NC hot hot!!แม่ทัพซู่หลิงปรายตามองคนใต้ร่างที่มีหยาดน้ำตาคลอหน่วงตางามของนาง ก่อนจะหลุบสายตาคมกริบมองที่หน้าอกอวบของนางแทน มือหนาข้างหนึ่งค่อยๆ เอื้อมมาบีบขยำหน้าอกสาวเต็มแรง แรงบีบทำให้ยอดอกสีอิงฮวาของนางสั่นระริก..ประหนึ่งว่ามันกำลังสั่นสู้มือใหญ่ของแม่ทัพซู่หลิงนั่นเองหน้าอกสาวอวบใหญ่ขาวผ่องอยู่ตรงหน้า เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะบีบขยำมันรุนแรงเพื่อเป็นการทักทาย ริมฝีปากร้อนฉ่าเลื่อนมาจูบที่ลำคอระหงอย่างรุนแรงจนนางต้องร้องเตือน“อ๊ะ ยะ อย่านะ..เจ้ากล้ามโต อย่าทำแรง เดี๋ยวเป็นรอย!!”ซู่หลิงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเขาคิดว่านางจะห้ามเสียอีก นี่เพียงบอกว่าไม่ให้ทำเป็นรอย แปลได้ว่าอนุญาตนั้นเอง เช่นนั้นแล้วละก็ลุยเลยก็แล้วกัน เพราะตอนนี้กลิ่นหอมของนางนั้นมันโอบล้อมเขาจนแข็งขึงไปหมดแล้ว ริมฝีปากร้อนฉ่ากดลงที่ซอกคอขาวเนียนละเอียดก่อนจะออกแรงดูดดึงขบเม้มมันรุนแรงจนหล่อนขนลุกเสียวสยิว“อ๊ะ.. อ่า…ซู่หลิง..”นางไม่สามารถหักห้ามใจที่เต็มไปด้วยความปรารถนาแรงกล้าที่มีต่อเขาได้เพียงแค่ถูกปลุกเร้าเล็กน้อยร่างบางกลับอ่อนระทวยพร้อมพรักให้เขาชักจูงอย่างง่ายดายเสียแล้วร่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 66 ตาบอด

    บทที่ 66 ตาบอดหลังจากท่านแม่ทัพซู่หลิงได้พักที่เรือนที่ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว เรื่องราวระหว่างท่านแม่ทัพและป้าจวงก็ได้เริ่มแพร่กระจายไปในคฤหาสน์ เฟิงซิ่วเหยาและเฟิงหย่าเสวี่ยได้ยินเรื่องนี้จากบ่าวในเรือน ทำให้พวกนางต่างตกใจและตื่นเต้นอย่างยิ่งเฟิงหย่าเสวี่ยหันมามองท่านแม่ของนางด้วยแววตาเจ้าเล่ห์“ป้าจวง...นี่ป้าจวงของเรา สามารถรวบหัวรวบหางท่านแม่ทัพซู่หลิงได้แล้วหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น"เออ...ลูกรัก..ลูกแม่ คือว่าเป็นท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพปีนหน้าต่างเข้าหาป้าจวง แล้วจะเป็นป้าจวงรวบหัวรวบหางท่านแม่ทัพได้อย่างไรกัน" เฟิงซิ่วเหยาเอ่ยแก้ไขให้ลูกสาวของนาง"ฮ่าฮ่าฮ่า!! เหมือนกันนั่นแหละเจ้าค่ะ ท่านแม่ตอนนี้ท่านแม่ทัพซูหลิงก็อยู่ในกำมือของป้าจวงของเราแล้ว ป้าจวงของเราจะกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แล้ว ท่านแม่ทัพซู่หลิงทั้งมีอำนาจและมีทรัพย์สินมากมาย ป้าจวงของเราจะกลายเป็นเหมือนมังกรจวงติดปีกเลยทีเดียว!”เฟิงซิ่วเหยาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เช่นนั้นป้าจวงคงไม่ต้องเฝ้าดูแลเราสองแม่ลูกตลอดเวลาอีกแล้ว... ข้ารู้สึกยินดีจริงๆ ที่เห็นป้าจวงได้พบคนที่คู่ควรกับนาง”ในขณะนั้นเอง หลินเหมยก็เดินเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 67  ตระกูลเฟิงเข้าเฝ้าฮ่องเต้

    บทที่ 67 ตระกูลเฟิงเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก่อนที่จะเดินทางไปเมืองหลวง ตระกูลเฟิงได้ตระเตรียมของที่จะนำไปถวายแด่องค์ฮ่องเต้ ครั้งนี้ป้าจวงแนะนำว่าให้คุณหนูเล็กสร้างแหวนมิติขึ้นมาอีกวงและใส่โสมอายุพันปี เห็ดหลินจือ และไข่มุกเข้าไป 2-3 เม็ด ซึ่งหากจะเทียบราคาของที่จะนำไปถวายนั้นมีมูลค่าถึง 15 ล้านตำลึงก็ว่าได้ หากเทียบกับการประมูลเช่นครั้งที่ผ่านมา เป็นการประกาศศักดาของตระกูลเฟิงแห่งเมืองอวี้ไห่อย่างแท้จริง การจัดเตรียมของถวายที่มีคุณค่าเหล่านี้ยังเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีและการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณขององค์ฮ่องเต้ที่มีแคว้นต้าโจว้และต่อเมืองอวี้ไห่ด้วยเช่นกันป้าจวงยืนมองการจัดเตรียมด้วยสีหน้าที่เข้มงวด นางเอ่ยกับเฟิงหย่าเสวี่ย "ของที่จะนำไปถวายนี้ต้องมีคุณค่าและแสดงถึงความจริงใจของพวกเรา ข้าคิดว่าแหวนมิตินี้เหมาะสมที่สุด คุณหนูเล็ก ท่านคิดว่าอย่างไร?"เฟิงหย่าเสวี่ยพยักหน้า "ข้าเห็นด้วยเจ้าค่ะป้าจวง ของเหล่านี้ล้วนเป็นของหายากและมีคุณค่า คงจะสร้างความประทับใจให้กับองค์ฮ่องเต้ได้แน่นอน"ป้าจวงยิ้มบางๆ ก่อนจะกล่าวต่อ "แต่ของมีค่าเหล่านี้ไม่ใช่เพียงเพื่อแสดงความร่ำรวยของพวกเราเท่านั้นนะหย่าเส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 68 ถวายแหวนมิติ

    บทที่ 68 ถวายแหวนมิติแม่ทัพซู่หลิงเมื่อเห็นว่าทุกคนเข้ามากันครบแล้ว เขาจึงรีบเดินซอยเท้าไวๆไปข้างหน้าคุกเข่าและเอ่ย ถวายพระพรเสียงดังสนั่นตามประสาแม่ทัพที่มีปอดที่แข็งแรง จากนั้นจึงได้เอ่ยต่อทันที"กระหม่อมได้นำพระราชโองการของพระองค์ไปยังตระกูลเฟิงแห่งเมืองอวี้ไห่และตอนนี้ตระกูลอวี้ไห่ได้มาเข้าเฝ้าแล้วพะยะค่ะ"พูดเสร็จก็หันมาทางเฟิงหยวนเจี๋ยที่ยืนรออยู่ด้านหลังเขา เมื่อเฟิงหยวนเจี๋ยเห็นท่าทางของท่านแม่ทัพเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และย่อกายลงเล็กๆ เหมือนกับที่ท่านแม่ทัพซู่หลิงทำและเดินย่อและซอยเท้าตามแบบท่านแม่ทัพซู่ทำ แต่เพราะว่าเขายังเด็กขาสั้นทำให้ท่าทางนั้นของเขาเป็นที่เอ็นดูและขบขันต่อเหล่าขุนนางที่มองอยู่ แม้แต่องค์ฮ่องเต้ก็ทรงพระสรวลขึ้นมาเสียงดังด้วยความชอบใจในความน่ารักของเจ้าเด็กน้อย เมื่อเฟิงหยวนเจี๋ยซอยเท้ามายื่นข้างท่านแม่ทัพซู่หลิงเขาก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเล็กๆ ของเขาว่า"กระหม่อมเฟิงหยวนเจี๋ย เจ้าตระกูลเฟิงแห่งเมืองอวี้ไห่ ขอถวายพระพรของพระองค์ทรงพระเจริญมีพระชนน์วายุหมื่นปี หมื่นๆ ปี" พูดเสร็จก็โขกศีรษะคำนับ จากนั้นเขาก็เอ่ยต่อทันทีว่า"ตระกูลเฟิงของกระหม่อมเพิ่งจะก่อตั้งขึ้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23

บทล่าสุด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 136  ปรับความเข้าใจ

    บทที่ 136 ปรับความเข้าใจในเวลาเดียวกันที่วังหย่งเฮ่า องค์หญิงเฟยเหยาเองก็ต้องเผชิญกับความจริงที่น่าผิดหวังเกี่ยวกับตระกูลของราชครูหลิ่ว ซึ่งเป็นตระกูลฝั่งมารดาของนาง ซึ่งนางเคยเคารพและเชื่อฟังเป็นอย่างมากมาตลอดหลายปี เมื่อนางได้รู้ว่าตระกูลของราชครูหลิ่วได้คิดกบฏและขายชาติ ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจถาโถมเข้ามาในจิตใจของนาง แม้ในเวลาที่ตระกูลหลิ่วกำลังจะถูกเนรเทศ ท่านยายของนางยังให้บ่าวคนสนิทมาหานางเพื่อขอความช่วยเหลือ“องค์หญิงเพคะ ท่านยายฝากให้หม่อมฉันนำจดหมายนี้มาให้องค์หญิง…” บ่าวคนสนิทคุกเข่าต่อหน้าองค์หญิงพร้อมยื่นจดหมาย นางลังเลเล็กน้อยก่อนจะเปิดอ่าน เมื่ออ่านข้อความจบลง นางถอนหายใจยาว“บอกท่านยายเถิด ข้าไม่อาจช่วยอะไรได้ คดีของพวกเขาหนักหนานัก แม้แต่ข้าก็ไม่อาจฝืนกฎหมายของบ้านเมือง…” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ก่อนจะเรียกนางกำนัลคนสนิทเข้ามา“เจ้าจงนำตั๋วเงินสามพันตำลึงไปมอบให้ท่านยาย บอกนางว่าเก็บไว้ให้ดี อย่าได้แสดงออกมาให้ใครเห็นในระหว่างเดินทาง เข้าใจหรือไม่?” องค์หญิงเฟยเหยาสั่งอย่างเด็ดขาด แม้จะรู้สึกสะเทือนใจ แต่สิ่งเดียวที่นางทำได้คือช่วยให้พวกเขามีทุนในการดำรงชีวิตร

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 135  ปลอบใจข้าหน่อยข้าขวัญหายเพราะพี่สาวของเจ้า..NC

    บทที่ 135 ปลอบใจข้าหน่อยข้าขวัญหายเพราะพี่สาวของเจ้า..ในค่ำคืนที่บรรยากาศเงียบสงบ รอบนอกจวนแม่ทัพซู่หลิงมีเพียงเสียงแมลงกลางคืนและสายลมบาง ๆ พัดโชย แสงจันทร์ขับให้น้ำค้างบนใบไม้ทอประกายวิบวับ ดูเหมาะแก่การพักผ่อนยิ่งนักแม่ทัพซู่หลิง ที่สวมเสื้อคลุมหลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จกลับนั่งอย่างกระสับกระส่ายอยู่ตรงห้องนอน สีหน้าเขาฉายแววเหมือนคนเพิ่งผ่านศึกสำคัญมา แต่ไม่ใช่ศึกกลางสนามรบ หากเป็น “ศึก” ที่มี พี่สาวภรรยา เป็นตัวการ"อวี้เออร์… ค่ำมืดแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังไม่มาปลอบข้าอีก” มีเขาผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถเรียกจวงหลิวอวี้ว่าอวี้เออร์เขาพึมพำแผ่วเบาด้วยความเฝ้ารอ พลางยกชาอุ่นขึ้นจิบครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่ารสชาติของชาในปากกลับจืดชืด ไม่อาจบรรเทาจิตใจให้สงบลงได้ หลังจากที่โดน จวงหลิวเฟิง พี่สาวของภรรยาระเบิดรูปปั้นสิงโตใส่ไปสองตัว ด้วยโทสะเมื่อช่วงกลางวัน ความหวาดกลัวปนความอายก็เล่นงานแม่ทัพหนุ่มไม่เลิก และเขาก็คิดว่านี่คือความผิดของภรรยาของเขานางจะต้องมาปลอบใจปลอบขวัญเขาเพราะว่าพี่สาวของนางทำให้เขาขวัญกระเจิงหมด..ใช่แล้วความผิดของหญิงชราของเขา นางต้องรับผิดชอบบบ!!! ความคิดของแม่ทัพซู่หล

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 134 ประหาร / เนรเทศ

    บทที่ 134 ประหาร / เนรเทศในขณะที่ ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลง กำลังทรงงานหนักในการแจกข้าวสารอาหารแห้งให้แก่ประชาชนในแคว้นต้าหมิง เพื่อบรรเทาความอดอยากที่โหมกระหน่ำทั่วแผ่นดินนั้น—อีกฟากหนึ่งของยุทธภพ ณ เมืองหลวงของ แคว้นต้าโจว กลับเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกี่ยวข้องกับคนที่สองพี่น้องตระกูลเฟิงรู้จักดีเฟิงหย่าเสวี่ย และ เฟิงหยวนเจี๋ย เดินทางกลับมาถึง เมืองหลวงแคว้นต้าโจว หลังผ่านการผจญภัยทั้งร้อนและหนาว พวกเขาคิดว่าจะได้พักผ่อนสักระยะ ทว่าเมื่อก้าวเข้าประตูเมืองได้เพียงไม่นาน สองพี่น้องกลับพบเห็นภาพขบวนเชลยที่กำลังถูกคุมตัวไปยัง ลานประหาร โดยมีฝูงชนเบียดเสียดมุงดูอยู่รายรอบ ใบหน้าของผู้คนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและสาปแช่งเสียงแหลม สายตาของสองพี่น้องกวาดไปยังเหล่านักโทษในชุดผ้าขาดรุ่ยสกปรก มีทั้งขุนนางเก่าและบ่าวไพร่ที่ทรยศแผ่นดิน ทั้งหมดถูกตีตรวนตรึงมือไพล่หลังไว้แน่นเสียงโซ่ตรวนดังกรุ๋งกริ๋งบนถนนหลวง เมื่อขบวนนักโทษทรยศถูกนำตัวมุ่งหน้าสู่ลานประหาร แดดยามสายแผดเผาไร้ความปรานี เหงื่อไหลอาบใบหน้าของเหล่านักโทษแผ่นดินที่เดินตามกันไปสู่ลานประหารทว่ามีร่างหนึ่งที่ทั้งเฟิงหยวนเจี๋ยและเฟิงหย่าเ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 133  ใต้ร่มพระบารมีของฮ่องเต้ผู้ทรงเมตตา

    บทที่ 133 ใต้ร่มพระบารมีของฮ่องเต้ผู้ทรงเมตตาตรงลานกว้างตอนนี้ถูกจัดให้เป็นที่ตั้งโต๊ะสำหรับวางอาหารถึงห้าร้อยโต๊ะเรียงรายจนสุดลูกหูลูกตา เสียงแม่ครัวและนายทหารขะมักเขม้นตระเตรียมหม้อโจ๊กขนาดใหญ่ กลิ่นของข้าวตุ๋นที่เดือดปุด ๆ ส่งไอร้อนฉุยขึ้นสู่ยอดผ้าใบกันแดด จนใครที่เดินผ่านก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ ขณะเดียวกัน กลิ่นร้อนกรุ่นของซาลาเปาหอม ๆ ก็ลอยอบอวลกระตุ้นความหิวโหยในหัวใจผู้คนหลายพันชีวิตที่รอต่อคิวอยู่ ทั้งเด็กตัวน้อยที่มีตาโหลลึก และคนเฒ่าคนแก่ที่นั่งพิงไม้เท้า ต่างพากันขยี้ตาเพราะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป ซาลาเปาเป็นพันเป็นหมื่นลูกจะมีจริง ๆ หรือ!เหนือศีรษะ หลักไม้ถูกตั้งเรียงเป็นแนวค้ำผ้าใบขนาดใหญ่เพื่อกันแดด แต่ก็ทำได้เพียงบรรเทาความร้อนแผดเผาลงมาเล็กน้อย บางคนมีเหงื่อไหลอาบจนเสื้อผ้าติดเนื้อ บ้างหน้ามืดแสบตาเพราะไม่ได้กินข้าวมาหลายมื้อ แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดทนต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อหวังจะได้รับเสบียงอาหารอันล้ำค่านี้องค์ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลง ประทับยืนอยู่ด้านหน้าสุด ตรงโต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่ทีมงานใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการแจกจ่ายเสบียง พระองค์ฉลองพระองค์อย่างเรียบง่ายในโทนสีอ่อน แฝงไว้ด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 132 พระราชามาแจกอาหาร

    บทที่ 132 พระราชามาแจกอาหารยามอรุณรุ่ง แสงสีทองบางเบาแตะแต้มผืนฟ้าเหนือค่ายพักแรม เหล่าทหารและขุนนางของแคว้นต้าหมิงเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ สายลมอ่อนโยนพัดผ่านพุ่มไม้และผืนหญ้า ส่งกลิ่นดินชื้นหลังการต่อสู้มาเหนื่อยหนักหลายคืน เมื่อยามราตรีถูกแทนที่ด้วยแสงของอรุณ วันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น โดยมีร่องรอยของอดีตเป็นเครื่องเตือนว่าการฟื้นฟูแคว้นนี้ยังอีกยาวไกลท่ามกลางลานกว้างในค่ายพักแรม ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงยืนอยู่เบื้องหน้า สายพระเนตรจับจ้องไปยังสองพี่น้องตระกูลเฟิงที่ยืนสงบนิ่งเบื้องพระพักตร์ พวกเขาเป็นแขกผู้มาเยือนจากแคว้นต้าโจว แต่กลับต้องต่อสู้ร่วมกันเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ จากอำนาจอันโหดร้ายของอดีตฮองเฮาเหวินลี่หรงและเหล่าบริวารที่กดขี่ราษฎรมานานแสนนาน หลังจากที่สองพี่น้องตระกูลเฟิงได้ช่วยเหลือฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงจัดการกับเหวินเทียนหลงและจัดการระเบิดถ้ำแห่งนั้นแล้วทั้งสองก็จะกลับมาแคว้นต้าโจวก่อนจากกันเฟิงหย่าเสวี่ยและเฟิงหยวนเจี๋ยยืนอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้เจิ้งอี้หลง ท่ามกลางสายลมยามเช้าที่พัดโชยเฟิงหยวนเจี๋ยและเฟิงหย่าเสวี่ยสวมเสื้อผ้าเดินทางอย่างเรียบง่าย ทว่าท่วงท่าของทั้งคู่เต็ม

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 131  ผู้ถือครองพู่กันมังกรดำคนใหม่ / ป้ายทองเว้นโทษตาย

    บทที่ 131 ผู้ถือครองพู่กันมังกรดำคนใหม่ / ป้ายทองเว้นโทษตายพู่กันมังกรดำส่องประกายวูบวาบ ก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและมุ่งหน้าตรงไปที่แคว้นต้าโจวมันพุ่งอย่างเร็วและแรงเลยผ่านหลายเมืองของแคว้นต้าโจวไม่ว่าจะเป็นดินแดนทางเหนือเลยผ่านเมืองหลวง และมุ่งหน้าลงใต้และในที่สุดมันก็สิ้นสุดลงที่่เมืองอวี้ไห่จากนั้นก็ค่อยๆ ลอยไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลเฟิงที่ตอนนี้มีผู้ที่อยู่ที่นั่นมีเพียงแค่หลินเหมยและเฟิงซินซินลูกสาวตัวน้อยของนางนั้นเองในห้องที่อบอุ่นของคฤหาสน์ตระกูลเฟิง เฟิงซินซินน้อยเพิ่งดื่มนมมารดาเสร็จ ดวงตากลมโตเริ่มหรี่ลงด้วยความง่วง ริมฝีปากน้อยๆ ยังเปื้อนรอยนม หลินเหมยได้อุ้มลูกน้อยไปนอนในเปลและเมื่อเห็นว่าลูกน้อยหลับนางจึงได้ออกจากห้องไปแต่แล้วลมเย็นก็พัดผ่านเข้ามาในห้อง พู่กันมังกรดำลอยเข้ามาอย่างเงียบเชียบ มันวนเวียนอยู่เหนือเปลเด็ก ปลายพู่กันแตะเบาๆ ที่ปลายจมูกเล็กๆ ของเฟิงซินซินเด็กน้อยขยับตัว มือป้อมๆ ยกขึ้นปัดราวกับกำลังขับไล่แมลงหรือสิ่งก่อกวนที่ไม่พึงปรารถนาแต่แค่มือเล็กนุ่มนิ่มของนางปัดเบาๆ ของเด็กน้อยคราวนี้กลับสัมผัสเข้ากับด้ามพู่กันที่เย็นเยียบเป็นพู่กันมังกรดำโบราณท

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 130 การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของมังกรทอง

    บทที่ 130 การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของมังกรทองเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นหินดังสะท้อนก้องภายในถ้ำมืดมิดราวกับโถงใต้พิภพที่ไร้จุดสิ้นสุด บรรยากาศชวนให้หัวใจเต้นระส่ำราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบรัดอยู่รอบคอ ทุกคนค่อยๆ ก้าวลึกเข้าไปทีละน้อยอย่างระแวดระวัง เสียงสวดที่ดังก้องอยู่รอบข้างฟังดูเหมือนเสียงครวญครางของวิญญาณซึ่งโหยหาการปลดปล่อย เสียงหอบหายใจของเหล่าทหารและคนในคณะเดินทางประสานเข้ากับเสียงน้ำหยด ท่ามกลางความมืดที่สลัว แสงจากคบเพลิงสาดส่องให้เห็นภาพวาดโบราณบนผนังถ้ำ เป็นภาพของมังกรดำกำลังกลืนกินดวงจันทร์อย่างดุร้าย สะท้อนให้เห็นร่องรอยความน่าสะพรึงในอดีตที่เคยถูกผนึกไว้ในถ้ำแห่งนี้กลางโถงถ้ำกว้าง เหวินเทียนหลงผู้ถูกครอบงำด้วยพลังมืดแห่งพู่กันมังกรดำกำลังตกอยู่ในสภาพอันชวนขนลุก ร่างกายของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร่างครึ่งมังกร เกล็ดสีดำทะมึนขึ้นปกคลุมเนื้อหนัง ลามไปถึงใบหน้าจนเห็นเค้าโครงแทบไม่เหลือเค้าคนเดิม ดวงตาสีแดงฉานเบิกกว้างดุจสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด เสียงหัวเราะของเขาแหลมสูงสะท้อนก้องราวกับภูตผีที่อาละวาดในคืนเดือนมืด"หยุดเดี๋ยวนี้!" ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงตรัส "เจ้ากำลังทำลายชีวิตผู้บ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 129  ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหวิน

    บทที่ 129 ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหวิน"เป็นแค่งู จะสู้มังกรได้อย่างไร? ชิงหลง!!"เฟิงหย่าเสวี่ยตะโกนขึ้นมายกพู่กันขึ้นตวัดวาดอักขระด้วยจังหวะที่สงบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยพลังที่ซ่อนอยู่ แสงสีเงินเริ่มเปล่งประกายจากพู่กัน และทันใดนั้น เสียงคำรามแผ่วลึกก็ดังก้องไปทั่วป่า มังกรที่นางวาดคราวนี้ไม่ใช้มังกรทองแต่ทว่าเป็นมังกรเหล็กขนาดมหึมาปรากฏขึ้นจากแสงอักขระ ร่างของมันแวววาวด้วยเกล็ดโลหะคมกริบ ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องไปยังงูยักษ์มังกรเหล็กพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือด กรงเล็บและหางของมันกวาดผ่านนางพญางูยักษ์ เกล็ดแข็งของงูไม่อาจต้านทานพลังอันมหาศาลนี้ได้ เสียงคำรามของงูดังสะท้อนป่า ขณะที่มังกรเหล็กใช้กรงเล็บจับงูไว้แน่น ก่อนที่มันจะอ้าปากพ่นไฟสีเงินบริสุทธิ์ที่ในเปลวไฟนั้นเป็นพิษที่เหมือนกับตะกั่วใส่ร่างของนางพญางูยักษ์ภายในพริบตา นางพญางูยักษ์ก็ถูกพิษตะกั่วลามไปทั่วทั้งร่างไม่สามารถขยับตัวได้ จากนั้นมังกรเหล็กก็ใช้หางฟาดอย่างแรงไปที่ร่างของมันทำให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับกระจกแตกและในที่สุดก็สลายเป็นเถ้าถ่านกระจายไปในอากาศทันที เฟิงหยวนเจี๋ยลดพู่กันลง มังกรเหล็กยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้าจากนั้นก็ค่อยลด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 128 ป่าพิษกับนางพญางูยักษ์

    บทที่ 128 ป่าพิษกับนางพญางูยักษ์คณะของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เดินทางมาเรื่อยๆ ระหว่างทาง เฟิงหย่าเสวี่ยสังเกตเห็นเมฆดำก่อตัวเหนือยอดเขาที่เป็นจุดหมายปลายทาง นางรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง... บางสิ่งที่ชั่วร้ายกำลังรอคอยพวกเขาอยู่...คณะเดินทางมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ปรากฏในแผนที่ เมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำ เฟิงหยวนเจี๋ยสังเกตเห็นสัญลักษณ์แปลกๆ สลักอยู่บนก้อนหินริมทาง"หยุดก่อน!" เขาร้องเตือน "ตรงนี้มีค่ายกลซ่อนอยู่"แม่ทัพเว่ยสิง เดินเข้าไปตรวจสอบสัญลักษณ์อย่างละเอียด “มันคล้ายกับค่ายกล” เขาเอ่ยขึ้นมา"เป็นค่ายกลนำทาง" เฟิงหย่าเสวี่ยกล่าว นางจ้องมองสัญลักษณ์บนก้อนหิน "ถ้าเราเดินผ่านไปโดยไม่ทำตามที่มันบอก จะเจอกับดัก"เฟิงหยวนเจี๋ยพยักหน้า "และดูเหมือนว่าจะมีคนผ่านมาที่นี่ไม่นานมานี้" เขาชี้ไปที่รอยเท้าบนพื้น "รอยเท้าเหล่านี้ยังใหม่มาก""เหวินเทียนหลงและพรรคพวก" ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกล่าว ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่รอยเท้า "พวกเขาต้องมุ่งหน้าไปที่ถ้ำแน่นอน""ทูลฝ่าบาท" ทหารนายหนึ่งชี้ไปที่เส้นทางข้างหน้า "มีควันลอยขึ้นมาจากทางนั้น"ทุกคนมองไปตามทิศทางที่ทหารชี้ เห็นควันบางๆ ลอยขึ้นมาจากป่าทึบ กลิ่น

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status