บทที่7
จูล่งสะกดรอยตามสตรีผู้นั้นท่ามการแสงสว่างจากแสงจันทร์ ยิ่งเห็นใบหน้าของนางกระจ่างชัดเท่าใดในหัวใจยิ่งสลักเสลานางไว้ชัดเจนเท่านั้น ทุกการเคลื่อนไหวของนางถูกเขาจดจำเอาไว้หมด
จนเห็นนางเดินหายเข้าไปในจวนหลังหนึ่ง ดูจากเนื้อผ้าและการแต่งการขอนางนั้นเดาได้ไม่ยากว่าเป็นคุณหนูตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ที่เหลือตัวเขานั้นจะตามหาคำตอบเองเขาจึงสั่งให้องครักษ์ที่สกุลเจียวส่งมาให้ดูแลเขาสืบเรื่องราวทั้งหมด เพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามเรื่องราวชีวิตของนางทั้งหมดก้เรียงรายอยู่ตรงหน้าเขา แม้จะรู้แน่ชัดว่านางเป็นใครและรู้สึกเช่นไรกับนาง ก็ไม่อาจเดินเข้าไปทำความรู้จักเกี้ยวพานางเฉกเช่นบุรุอื่นได้ ด้วยภาระหน้าที่ที่แบกไว้บนบ่ายามนี้ช่างหนักหนาเสียเหลือเกิน จึงทำได้เพียง ให้คนดูแลนางอยู่ห่างๆ ทุกครั้งที่เดินทางมายังฝู่โจวก็ทำได้เป็นเพียงแค่เงาแอบดูนางเท่านั้น เขาแล้วมันต่างอะไรกับหลิวเสวี่ยอวี้กัน
เดิมเคยคิดว่าสตรีที่ตรงใจของตนเองนั้นจะต้องสง่างาม จริตกริยาอ่อนช้อยเฉกเช่นเดียวกับน้องห้า แต่เขากลับมาตกหลุมรักคุณหนูจื่อรั่วตอนที่เห็นนางคายเศษผิงกัวออกจากปากในเวลาเป็นตายเท่ากัน คิดแล้วก็ได้แต่เพียงอมยิ้มออกมา ไม่ว่านางจะทำเช่นไรก็นางน่าเอ็นดูเหลือเกิน
เขาเคยปรามาสสหายว่าไม่ได้หลงรักน้องสาวของเขาด้วยใจจริง หลิวเสวี่ยอวี้เพียงแค่ยังไม่มีคนรักและจูไป๋เสวี่ยช่วยชีวิตของสหายเอาไว้หลิวเสวี่ยอวี้จึงผูกใจของตนไว้ที่จูไป๋เสวี่ย จนวันนี้เองที่ได้กระจ่างชัดด้วยตนเอง ว่ารักแรกพบแม้เพียงได้สบตาเป็นเช่นไร ดูสิขนาดนางไม่ได้ช่วยชีวิตเขา ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคุยกันสักคำ แต่ไม่ว่ายามหลับยามตื่นก็ยังมีเพียงใบหน้าของนาง หากนางช่วยชีวิตเขาแบบ ที่น้องห้าช่วยหลิวเสวี่ย ไม่อยากจะนึกเลยว่าเขาจะมีสภาพเมารักขนาดไหน
“พี่เขย ท่านไม่ตามนางกลับไปเมืองหลวงหรืออย่างไร มานั่งร่ำสุราเยี่ยงนี้จะดีหรอ”
หลังจากคุยแผนการลับเสร็จสิ้น แม่ทัพหลิวจะเดินทางกลับชายแดน แต่ก็รู้สึกเป็นห่วยสหายยิ่งนัก หากเขารู้ว่าจูไป๋เสวี่ยจะแต่งงานตัวเขาเองก็ทุกข์ระทมไม่แพ้บุรุษ ที่กำลังยกไหสุราอยู่บนยอดไม้นั้นเช่นกัน
“ข้าจะตามไปได้อย่างไร ข้าขอลากลับบ้านเกิด จุดหมายของข้าคือเมืองหยิ่งตู่ หากทำการใดให้ฮองเต้หลงสงสัยย่อมไม่ดีต่อแผนการของพวกเรา” จูล่งยกไหสุราขึ้นดื่มดวงตาแดงกล่ำ แม้จะอยากตามนางไปเพื่อถามให้แน่ชัดว่านางจะแต่งงานนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ตัวเขานั้นต้องเดิมทางกลับบ้านเกิดตามแผนการ เผื่อไม่ให้ฮองเต้ละแคะระคายสงสัย
“ข้ากำลังจะได้ไปยืนหายใจรดต้นคอฮองเต้เจ้าหลงแล้ว จะให้ความรู้สึกส่วนตัวทำเสียการใหญ่ไม่ได้ อีกทั้งข้ากับนางก็ไม่ได้เป็นคนรักกัน จะไปห้ามนางได้อย่างไร” จูล่งยกสุราขึ้นดื่มอักๆ อยากให้น้ำเมาดับความร้อนรุ่มในใจ
“เท่าที่คนของข้าและคนของท่านสืบเรื่องนาง นางไม่มีคนรัก นางไม่มีคู่หมาย ที่ผ่านมานางเดินออกประตูหน้าจวนนางคือคุณหนูจื่อรั่วผู้งดงามและเพียบพร้อม แต่หากวันใดนางปีนรั่วออกมานางกลายเป็นเพียงสตรีชาวบ้าน” และแก่นแก้วเกินสตรีทั่วไป ประโยคนี้แม่ทัพหลิวเพียงเอ่ยในใจ เพราะสหายหันควับมาพอดี
“ใช่ๆ นางไม่มีคนรัก แสดงว่านางถูกบังคับให้แต่ง”
จูล่งรีบโยนไหสุราทิ้ง ดวงตาเป็นประกายระยิบ เต้มปริ่มไปด้วยความหวัง หากนางยังไม่มีชายในดวงใจ หากวันนั้นข้าปลดภาระบนบ่าลงได้ เขาจะทำให้นางหันมามองเขาเอง
"จูฮูหยิน ชื่อเรียกนี้ช่างเพราะเหมาะกับนางมากกว่าเป็นไหนๆ เจ้าว่าไหม นางไม่เหมาะที่จะแต่งงานกับชายอื่นหรอก"
แม่ทัพหลิวส่ายหัว เดิมที่เขาแค่จะมาเตือนให้สหายออกเดินทางไปเมืองหยิ่งตู่ได้แล้ว เพราะหากช้าจะเป็นที่ผิดสังเกตได้ ดันมาพบว่าสหายนั่งร่ำสุรา ไม่คิดว่าแค่ประโยคเดียวก็จุดประกายไฟรักให้กลับมาลุกโชกช่วงได้เช่นนี้ เอาเถอะว่ามากไม่ได้ เขาเองต่างจากจูล่งซะเมื่อไรล่ะ
บทที่8ร่างบางยืนอยู่หน้าประตูจวนสกุลจื่อ ‘ข้ากลับมาแล้ว’ ริมฝีปากอิ่มไหวระริกยกยิ้มด้วยความยินดี ในที่สุดก็ได้กลับมา“คุณหนู นายท่านรอที่เรือนรับรองแล้วเจ้าค่ะ” แม่บ้านหม่า ออกมายืนรอต้อนรับคุณหนูใหญ่ตามคำสั่งของฮูหยิน ข่าวลือว่าจื่อฮูหยินรังเกียจคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากฮูหยินรอง จนถึงขั้นส่งไปอยู่ต่างเมืองและไม่ยินยอมให้กลับมาอยู่อาศัยร่วมจวน กระทบภาพลักษณ์อ่อนโยนเพียบพร้อมไปด้วยจารีตประเพณีของฮูหยินไม่น้อย แม้จะกลบข่าวลือด้วยการบอกใครๆว่าคุณหนูใหญ่นั้นร่างกายอ่อนแอ เลือกที่จะรักษาด้วยอยู่บ้านเกิดมารดา จนในที่สุดวันเวลาก็กลืนข่าวพวกนั้นจนหมดสิ้น แทบไม่เคยมีใครพูดหรือถามถึงคุณหนูจื่อรั่วอีกเลย การเดินทางกลับมาของคุณหนูในครั้งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของจื่อฮูหยินแปดเปื้อนอีกครั้งไม่ได้ จึงต้องออกมายืนต้อนรับขับสู้อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงให้ผู้คนภายในและภายนอกได้เห็นว่าตระกูลจื่อนั้นยินดีที่คุณหนูจื่อรั่วกลับมามากมายเพียงใดจื่อรั่วลงรถม้ามาพร้อมแม่นมจาง เดินตามคนสนิทของฮูหยินเข้าจวนไป เมียงมองรอบๆตัวไปตลอดทาง จวนสกุลจื่อนั้นเปลี่ยนไปมากนั้น ใหญ่โตโออ่ากว่าตอนที่นางอยู่จนแทบจะไม่เหลือภาพเดิม ม
บทที่9จื่อรั่วทิ้งตัวลงกับตั่งไม้แทบจะทันทีที่มาถึงเรือนเหมยฮวา เลือกเรือนหลังเล็กสุดและอยู่ลึกที่สุดในจวนสกุลจื่อแห่งนี้ เพิ่งเดินทางมาถึงก็ต้องไปปั้นหน้ายิ้มกับบิดา กว่าจะเข้ามาถึงเรือนนอนก็ขาแทบลากฮูหยินใหญ่ช่างรักนางเสียจริง เล็กๆน้อยๆให้ได้กลั่นแกล้งกันก็ไม่คิดที่จะผ่อนปรน“เดี๋ยว! แม่นม เหตุใดในเรือนไม่มีข้าวของของข้า”เมื่อนั่งพักจนหายเหนื่อยจึงมีเวลาได้สำรวจข้าวของที่นำมาจากฝูโจว ไม่มีชิ้นใดเลยที่คุ้นตา ทุกชิ้นล้วนเป็นของใหม่“ของเก่าที่มาจากฝูโจว ฮูหยินใหญ่บอกว่ามันเก่าแล้ว อีกทั้งไม่กี่วันคุณหนูก็จะแต่งออกไปต้องมีเครื่องเรือนติดตัวไปด้วยให้สมฐานะ ของเดิมที่ขนมาจากฝูโจไม่อาจนำไปบ้านสามีได้ เพราะจนจะพังแล้วเจ้าค่ะ”แม่นมจางหยิบจับ ปัดกวาดเช็ดถูเครื่องเรือนใหม่ด้วยรอยยิ้ม แม้ฮูหยินใหญ่จะเกลียดคุณของนางยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน แต่ก็ยังมีสำนึกผิดชอบชั่วดี จัดการเสื้อผ้า เครื่องเรือน และเครื่องประดับใหม่ มาให้เพื่อให้สมเกียรติคุณหนูใหญ่ของตระกูลจื่อ แม้ข้าวของเหล่านี้จะไม่ได้ล้ำค่ามากมายเท่าใดนัก แต่ก็ดีกว่าของเก่าหลายสิบเท่า“แล้วของเดิมเล่า เอาไปไว้ไหน” เท่าที่จำได้ขนกลับมาหลาย
บทที่10หลังจากดื่มยาไปเพียงหนึ่งชุด จื่อรั่วก็หายจากอาการท้องร่วง ยกเว้นคนบนเรือนใหญ่ จนป่านนี้ก็ยังวิ่งเข้าสุขา เหตุที่จื่อรั่วและบ่าวไพร่ท้องเสียแค่ไม่กี่ชั่วยามเนื่องจากตัวนางมียาแก้ ส่วนบ่าวไพร่ในจวนล้วนทำงานหนักดื่มน้ำในบ่อที่มีส่วนผสมของยาระบายเพียงเล็กน้อยย่อมท้องเสียเพียงไม่นานก็สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ผิดกับคนบนเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยหยิบจับสิ่งใดย่อมมีธาตุไฟที่อ่อนกว่าจึงมีอาการยาวมาจนถึงช่วงบ่ายแค่ท้องเสียยังน้อยไปท่านแม่ใหญ่คุณหนูของนางยอมท้องเสียเหมือนคนอื่นๆในจวนเพื่อจะไม่ให้ผู้ใดสงสัย นางก็คิดอยู่แล้วว่าขาเดินกลับจากโรงครัวคุณหนูโยนห่อผ้าลงบ่อน้ำทำไม นี่แค่วันเดียวยังก่อเรื่องขนาดนี้ อยากให้รีบแต่งออกไปโดนเร็ววันกลัวคุณหนูจะปิดบังนิสัยอันแท้จริงไว้ไม่มิด แต่แม่นมทำเพียงส่ายหน้าเพราะตัวนางเองก็ผิดที่ตามใจ จึงทำได้เพียงสงบปากสงบคำหลังจากแก้แค้นให้โต๊ะเครื่องแป้งจนสาแก้ใจแล้ว เรื่องต่อไปคือว่าที่สามีในอนาคต ซานซีหาว บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีฝ่ายซ้าย “แม่นมท่านปิดห้องหับให้ดี ข้าจะออกไปหาข่าว”จื่อรั่วใช้อาการท้องเสียเช่นเดียวกับทุกคนในจวนเป็นข้ออ้างในการปิดเรือนเ
บทที่11จูล่งวนเวียนอยู่ภายในจวนสกุลจูตั้งแต่กลับมาถึง หลังจากแจ้งข่าวเรื่องงานให้กับครอบครัวทราบแล้ว พรุ่งนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงฉลอง แต่ใจของเขานั้นกลับไปที่เมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว ‘นางจะแต่งกับใคร’เขาในตอนนี้แม้อายุจะถึงวัยแต่งงานแล้ว แต่บิดามารดาก็ไม่เคยบังคับ ของเพียงให้แต่กับคนที่รักก็เพียงพอจึงไม่เคยพูดหรือเร่งเร้าใดๆเคยคิดที่จะให้บิดาไปสู่ขอนาง แม้ว่าสกุลจูเป็นคหบดีร่ำรวยไม่น้อยหน้าผู้ใด แต่เท่าที่สืบมา จื่อเหลียงเจ้ากรมอารักษ์บิดาของจื่อรั่วต้องการให้นางแต่งกับขุนนางเพื่อเส้นสายในราชสำนัก อีกข้อคือตัวเขาเองยังไม่พร้อมจะดึงนางมาสู่ทางที่ไม่แน่นอน หากเขายังไม่สามารถกระชากคนผู้นั้นลงมาจากหอคองาช้างได้ เขาก็ไม่ควรจะดึงนางเข้ามาเสี่ยงกับอัตรายที่ผ่านมาเห็นจื่อเหลียงทิ้งขว้างนางไว้ฝูโจ ส่วนนางนั้นก็ไร้ซึ่งบุรุษข้างกาย เขาเลยคิดอ่านไปเองว่าวันที่ทำการสำเร็จจะไปสู่ของนาง และบิดานางจะไม่มีวันปฏิเสธเขาแน่นอนแต่มันผิดพลาดไง ใคร ใครมันไปบังอาจไปสู่ขอนางตัดหน้าเขา“องค์ ชะ… คุณชายจู ม้าเร็วจากเมืองหลวงขอรับ”จูล่งหันขวับไปตามทิศทางของเสียงในเงามืด ขึงตามองคนที่เรียกตนเอง องค์รักษ์เงาแท
บทที่12จื่อรั่วมองขวาทีซ้ายทีอยู่เป็นนานสองนาน พรุ่งนี้เช้าสกุลซานจะส่งแม่สื่อมายังจวนของนาง แต่ที่นางกำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้ก็คือ เหตุใดจึงมีบุรุษร่างยักษ์ถึง 2 คนนั่งอยู่ในเรือนของนาง “คุณชายหลิว ข้าว่าไปคุยที่โรงน้ำชาจะดีกว่า” ก็….มันรู้สึกพิลึกอย่างไรก็ไม่รู้สิ ถึงจะมีแม่นมอยู่แต่นางก็ไม่ได้สนิทกับบุรุษทั้งสองตรงหน้าขนาดนั้น แล้วที่สำคัญทั้งสองยังไม่ได้เข้าทางประตูจวน แต่กระโดดข้ามกำแพงเข้ามานะสิหลังจากหลายวันก่อนออกไปสืบข่าวว่าที่สามีทำให้ได้รู้จักกับคุณชายหลิวเสวี่ยอวี้ ด้วยความที่อยากรู้เรื่องของคุณชายซานอีกทั้งคนโรงน้ำชาคนก็พลุกพล่าน จึงยอมตามไป ได้รู้เรื่องของตระกูลซานอีกมากมาย จึงรู้ว่าตนนั้นหากแต่งเข้าไปชีวิตหามีความสงบสุขไม่ นอกจากอนุหลายคนแล้ว แม่สามียังเป็นถึงป้าของพระสนมนางหนึ่งของฮองเต้อองค์ปปัจจุบันเจ้ายศเจ้าอย่าง สนทนาปราศรัยกันอยู่ครู่ใหญ่ ก็รู้สึกถูกคอจึง อีกทั้งคุณชายหลิวยังอาสาจะช่วยนางคิดวิธีที่ไม่ต้องออกเรือนไป ฝแต่งงานกับชายมักมากเช่นนั้นแถมนางยังไม่ต้องคิดหาวิธีผ่านกลับเข้ามาทางประตูจวนอีกด้วย เพราะคุณชายหลิวนอกจากจะเป็นพ่อค้าแล้วยังมีวรยุทธ พานางกระโดดข้า
บทที่13“นางเป็นใคร” ซานชีหาวแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ หลังจากที่ได้พบจื่อรั่วอีกครั้ง“จื่อรั่ว บุตรสาวคนโตของข้าเอง” เป็นจื่อเหลียงที่ตั้งสติได้กาอนใครแม้จะตกใจใบหน้าของบุตรสาว แต่ก็ต้องเอ่ยแนะนำตามธรรมเนียม “แต่ๆ..ตอนที่ข้าพบนางที่ฝูโจ นางไม่ได้มีตุ่มหนองตามใบหน้าแบบนี้” คุณชายซานมองใบหน้าสตรีตรงหน้าอีกเพียงชั่วแวบก่อนจะเบื่อนหน้าหนี สยอดสยองเกินทน นั้นๆน้ำเหลืองใช่ไหมที่ไหลออกมาจากตุ่มบนหน้านาง “คุณชายซาน” จื่อรั่วหยอบกายลงอย่างงดงาม คลี่ยิ้มให้แขกฝ่ายชายและแม่สื่อ “กะ..เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเจ้า”“ข้าดื่มน้ำในจวน เช่นเดียวกับทุกคนในจวน ท่านพ่อท่านแม่ใหญ่และบ่าวพากันท้องร่วง ขอเองก็ท้องร่วงเช่นกันแต่ไม่คิดว่าข้านั้นจะอาการหนักกว่าคนอื่น พอตื่นมาก็เกิดคันตามร่างกาย จนเป็นตุ่มขึ้นไปทั้งตัวแบบนี้” จื่อรั่วเดินตามแรงประคองของแม่นมจางไปนั่งยังเก้าอี้ประจำตัวก่อนจะเกาเบาๆที่ข้างแก้ม ราวกับว่าคันจนอดไม่ไหว“เจ้าเป็นขนาดนี้ทำไมไม่รีบมาบอก” จื่อเหลียงแทบจะทุบโต๊ะ นางป่วยจนใบหน้าเน่าเฟะแต่ไม่ให้คนมาบอก มาพูดอะไรตอนนี้ต่อหน้าแขก ใครได้ยินจะหาว่าเขานั้นไม่ดูแลหาหมอมารักษาบุตรสาว“ท่านพ่อ ท
บทที่14“ข้าตีบทแตกใช่ไหม”ทันทีที่ก้าวขาเข้าประตูเรือนนอนก็พบบุรุษร่างยักษ์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว จูล่งไม่ได้เพิ่งมาแต่ยังไม่กลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วต่างหาก ช่วยนางแต่งแผลตามใบหน้าและแขนจนรุ่งสาง พอเรียบร้อย เชิญให้กลับไปนอนก็ไม่ยอม บอกจะรอดูว่าแผนการทั้งหมดจะสำเร็จหรือไม่ ส่วนคุณชายหลิวพอฟ้าส่างก็ขอตัวกลับไปนอนทันที“ตอนเจ้าเกาแขน สมจริงมากทีเดียว ก็เล่นไม่อาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืน มันก็ต้องคันเป็นธรรมดา” จูล่งยกชาจิบราวกับว่าเรือนนอนนี้เป็นของตน ส่วนผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่เป็นเพียงแขก ข้าเพิ่งเข้ามาก่อนนางเพียงนิดเดียว เพราะตามไปลุ้นอยู่บนต้นไม้ข้างเรือนรับรอง กว่าแผนเสียโฉมจะไม่สำเร็จ“บ้าเสีย ท่านอยู่กับข้าทั้งคืนก็ไม่อาบน้ำเหมือนกันล่ะ” จื่อรั่วก้าวฉับๆ มานั่งเคียงข้างบุรุษร่างยักษ์ มาว่านางคันเพราะไม่อาบน้ำได้ยังไง นางเกาตามบทหรอก อาจจะมีคันจริงบ้างก็ไอ้กาวบ้านี้คันน้อยเสียเมื่อไร หยุยหยับไปทั้งตัว มือบางรับผ้าชุบน้ำอุ่นจากแม่นมมาเช็ดตามใบหน้าและแขน เพื่อให้กาวที่ทาไว้ละลายง่ายต่อการแกะ“ตอนแผลแตกสมจริงมากนะเจ้าค่ะ ข้ายังตกใจเลย” แม่นมจางถืออ่างน้ำอุ่นพร้อมผ้าขาวบางเดิมตามหลังเข้ามา
บทที่15สตรีนางหนึ่งก้าวเข้ามายังเหลาตงฟาง เสี่ยวเอ้อรีบรีบเข้ามาต้อนรับ ดูเหมือนการต้อนรับแขกทั่วไปหากเสี่ยเอ้อไม่เรียกชื่อเสียงเรียงนามของนางถูกต้อง“คุณหนูจื่อ คุณชายหลิวรอท่านที่ห้องชั้นสอง เชิญทางนี้”จื่อรั่วขมวดคิ้วจนหน้านิ้ว เหตุใดมีคนรู้จักนางโดยที่ยังไม่ได้แนะนำตัว อีกทั้งวันนี้นางเดินออกทางประตูใหญ่โดยขออนุญาตบิดาว่าจะมาโรงหมอกับแม่นม จึงใช้ผ้าปิดหน้าครึ่งหนึ่ง ส่วนบริเวณที่พ้นผ้าออกไปนางแปะเอากาวไม้ตุ่มเอาไว้ 4-5อัน จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตของคนในจวน“เสี่ยวเอ้อ รู้จักข้าด้วยหรือ”“คุณหนูที่ถูกยกเลิกการหมั้นหมายเพราะมีตุ่มหนองขึ้นบนใบหน้า ในเมืองหลวงมีเพียงคุณหนูตระกูลจื่อ จื่อรั่วเพียงคนเดียว” นิ้วหยาบกร้าน ชี้ไปยังหน้าผากที่มีตุ่มหน้าเกลียดหลายจุด ก่อนจะมองด้วยแววตาเวทนา ได้ข่าวว่าเดิมนางนั้นงดงามจนคุณชายซานซีหาวเพ้อหา บุรุษที่ไม่คิดจะแต่งฮูหยินเอก กลับยอมส่งเทียบหมั้นหมายไปหานาง ไม่คิดว่านางจะวาสนาน้อยล้มป่วยมีตุ่มขึ้นตามร่างกายจนน่าเกลียด เลยถูกถอนหมั้น จะโทษคุณชายซานก็ไม่ได้ หากเป็นเขาเองให้มีเมียอัปลักษณ์ไม่มียังจะดีกว่า“ข่าวลื่อช่างน่ากลัว” ร่างบางเดินตามเสี่ยเอ้อข
บทที่16หลังจากทานอาหารเรียบร้อยจูล่งจึงอาสาไปส่งจื่อรั่ว แต่นางไม่อยากให้คนในสกุลจื่อรู้ว่านางรู้จักคนในเมื่อหลวงไวขนาดนี้ แต่คงไม่ทันแล้วล่ะ ขนาดเรื่องนางถูกยกเลิกหมั้นหมาย เพียง 1วันก็เป็นข่าวไปทั่วเมืองหลวง เหลาอาหารคือจึดกระจายข่าวสารยิ่งกล่าวตลาดเสียอีก มิน่าเล่าพี่หลิวจึงเปิดสำนักขายข่าวด้วย ทำหลายอย่างหัวการค้าเสียจริง “งั้นข้าส่งเจ้าตรงนี้” ข้าส่งเจ้าที่หน้าเหลา แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าแอบตามไปส่งเจ้าไม่ได้ บุรุษที่ได้ฉายาแป๊ะยิ้มจากสตรีในดวงใจ ยืนเคียงคู่กับสหายอยู่หน้าเหลา สาวๆน้อยใหญ่ต่างพากันส่งสายตาให้ หวังให้คุณชายหลิวหรือองค์รักษ์จูหันมาสบตา วันนี้ก็กินข้าวอิ่มทิพย์แล้วคล้อยหลังจากที่จื่อรั่วเดินออกไปไม่นาน จูล่งก็หายไปไม่ต้องเดาให้อยาก จากหน้าทางเข้าเหลา คงแอบตามไปส่งนางกลับให้ถึงจวนอย่างปลอดภัยหลิวเสวี่ยอวี้ ทำเพียงยักไหล่แล้วเดินขึ้นไปชั้นสามของเหลา ตัวเขานั้นไม่ใช่เจ้าของเหลาตงฟางหรอก เจ้าของที่แทนจริงคือสกุลจูต่างหาก จูล่งให้น้องชายมาว่าแบบแปนและวางแผนธุรกิจเอาไว้ให้ทั้งหมด แม้กระทั้งผูดูแลเหลาก็เป็นคนที่ผ่านการฝึกมาจากเหลาของสกุลจู เพียงแค่ออกหน้า เพราะคนในเมือง
บทที่15สตรีนางหนึ่งก้าวเข้ามายังเหลาตงฟาง เสี่ยวเอ้อรีบรีบเข้ามาต้อนรับ ดูเหมือนการต้อนรับแขกทั่วไปหากเสี่ยเอ้อไม่เรียกชื่อเสียงเรียงนามของนางถูกต้อง“คุณหนูจื่อ คุณชายหลิวรอท่านที่ห้องชั้นสอง เชิญทางนี้”จื่อรั่วขมวดคิ้วจนหน้านิ้ว เหตุใดมีคนรู้จักนางโดยที่ยังไม่ได้แนะนำตัว อีกทั้งวันนี้นางเดินออกทางประตูใหญ่โดยขออนุญาตบิดาว่าจะมาโรงหมอกับแม่นม จึงใช้ผ้าปิดหน้าครึ่งหนึ่ง ส่วนบริเวณที่พ้นผ้าออกไปนางแปะเอากาวไม้ตุ่มเอาไว้ 4-5อัน จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตของคนในจวน“เสี่ยวเอ้อ รู้จักข้าด้วยหรือ”“คุณหนูที่ถูกยกเลิกการหมั้นหมายเพราะมีตุ่มหนองขึ้นบนใบหน้า ในเมืองหลวงมีเพียงคุณหนูตระกูลจื่อ จื่อรั่วเพียงคนเดียว” นิ้วหยาบกร้าน ชี้ไปยังหน้าผากที่มีตุ่มหน้าเกลียดหลายจุด ก่อนจะมองด้วยแววตาเวทนา ได้ข่าวว่าเดิมนางนั้นงดงามจนคุณชายซานซีหาวเพ้อหา บุรุษที่ไม่คิดจะแต่งฮูหยินเอก กลับยอมส่งเทียบหมั้นหมายไปหานาง ไม่คิดว่านางจะวาสนาน้อยล้มป่วยมีตุ่มขึ้นตามร่างกายจนน่าเกลียด เลยถูกถอนหมั้น จะโทษคุณชายซานก็ไม่ได้ หากเป็นเขาเองให้มีเมียอัปลักษณ์ไม่มียังจะดีกว่า“ข่าวลื่อช่างน่ากลัว” ร่างบางเดินตามเสี่ยเอ้อข
บทที่14“ข้าตีบทแตกใช่ไหม”ทันทีที่ก้าวขาเข้าประตูเรือนนอนก็พบบุรุษร่างยักษ์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว จูล่งไม่ได้เพิ่งมาแต่ยังไม่กลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วต่างหาก ช่วยนางแต่งแผลตามใบหน้าและแขนจนรุ่งสาง พอเรียบร้อย เชิญให้กลับไปนอนก็ไม่ยอม บอกจะรอดูว่าแผนการทั้งหมดจะสำเร็จหรือไม่ ส่วนคุณชายหลิวพอฟ้าส่างก็ขอตัวกลับไปนอนทันที“ตอนเจ้าเกาแขน สมจริงมากทีเดียว ก็เล่นไม่อาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืน มันก็ต้องคันเป็นธรรมดา” จูล่งยกชาจิบราวกับว่าเรือนนอนนี้เป็นของตน ส่วนผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่เป็นเพียงแขก ข้าเพิ่งเข้ามาก่อนนางเพียงนิดเดียว เพราะตามไปลุ้นอยู่บนต้นไม้ข้างเรือนรับรอง กว่าแผนเสียโฉมจะไม่สำเร็จ“บ้าเสีย ท่านอยู่กับข้าทั้งคืนก็ไม่อาบน้ำเหมือนกันล่ะ” จื่อรั่วก้าวฉับๆ มานั่งเคียงข้างบุรุษร่างยักษ์ มาว่านางคันเพราะไม่อาบน้ำได้ยังไง นางเกาตามบทหรอก อาจจะมีคันจริงบ้างก็ไอ้กาวบ้านี้คันน้อยเสียเมื่อไร หยุยหยับไปทั้งตัว มือบางรับผ้าชุบน้ำอุ่นจากแม่นมมาเช็ดตามใบหน้าและแขน เพื่อให้กาวที่ทาไว้ละลายง่ายต่อการแกะ“ตอนแผลแตกสมจริงมากนะเจ้าค่ะ ข้ายังตกใจเลย” แม่นมจางถืออ่างน้ำอุ่นพร้อมผ้าขาวบางเดิมตามหลังเข้ามา
บทที่13“นางเป็นใคร” ซานชีหาวแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ หลังจากที่ได้พบจื่อรั่วอีกครั้ง“จื่อรั่ว บุตรสาวคนโตของข้าเอง” เป็นจื่อเหลียงที่ตั้งสติได้กาอนใครแม้จะตกใจใบหน้าของบุตรสาว แต่ก็ต้องเอ่ยแนะนำตามธรรมเนียม “แต่ๆ..ตอนที่ข้าพบนางที่ฝูโจ นางไม่ได้มีตุ่มหนองตามใบหน้าแบบนี้” คุณชายซานมองใบหน้าสตรีตรงหน้าอีกเพียงชั่วแวบก่อนจะเบื่อนหน้าหนี สยอดสยองเกินทน นั้นๆน้ำเหลืองใช่ไหมที่ไหลออกมาจากตุ่มบนหน้านาง “คุณชายซาน” จื่อรั่วหยอบกายลงอย่างงดงาม คลี่ยิ้มให้แขกฝ่ายชายและแม่สื่อ “กะ..เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเจ้า”“ข้าดื่มน้ำในจวน เช่นเดียวกับทุกคนในจวน ท่านพ่อท่านแม่ใหญ่และบ่าวพากันท้องร่วง ขอเองก็ท้องร่วงเช่นกันแต่ไม่คิดว่าข้านั้นจะอาการหนักกว่าคนอื่น พอตื่นมาก็เกิดคันตามร่างกาย จนเป็นตุ่มขึ้นไปทั้งตัวแบบนี้” จื่อรั่วเดินตามแรงประคองของแม่นมจางไปนั่งยังเก้าอี้ประจำตัวก่อนจะเกาเบาๆที่ข้างแก้ม ราวกับว่าคันจนอดไม่ไหว“เจ้าเป็นขนาดนี้ทำไมไม่รีบมาบอก” จื่อเหลียงแทบจะทุบโต๊ะ นางป่วยจนใบหน้าเน่าเฟะแต่ไม่ให้คนมาบอก มาพูดอะไรตอนนี้ต่อหน้าแขก ใครได้ยินจะหาว่าเขานั้นไม่ดูแลหาหมอมารักษาบุตรสาว“ท่านพ่อ ท
บทที่12จื่อรั่วมองขวาทีซ้ายทีอยู่เป็นนานสองนาน พรุ่งนี้เช้าสกุลซานจะส่งแม่สื่อมายังจวนของนาง แต่ที่นางกำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้ก็คือ เหตุใดจึงมีบุรุษร่างยักษ์ถึง 2 คนนั่งอยู่ในเรือนของนาง “คุณชายหลิว ข้าว่าไปคุยที่โรงน้ำชาจะดีกว่า” ก็….มันรู้สึกพิลึกอย่างไรก็ไม่รู้สิ ถึงจะมีแม่นมอยู่แต่นางก็ไม่ได้สนิทกับบุรุษทั้งสองตรงหน้าขนาดนั้น แล้วที่สำคัญทั้งสองยังไม่ได้เข้าทางประตูจวน แต่กระโดดข้ามกำแพงเข้ามานะสิหลังจากหลายวันก่อนออกไปสืบข่าวว่าที่สามีทำให้ได้รู้จักกับคุณชายหลิวเสวี่ยอวี้ ด้วยความที่อยากรู้เรื่องของคุณชายซานอีกทั้งคนโรงน้ำชาคนก็พลุกพล่าน จึงยอมตามไป ได้รู้เรื่องของตระกูลซานอีกมากมาย จึงรู้ว่าตนนั้นหากแต่งเข้าไปชีวิตหามีความสงบสุขไม่ นอกจากอนุหลายคนแล้ว แม่สามียังเป็นถึงป้าของพระสนมนางหนึ่งของฮองเต้อองค์ปปัจจุบันเจ้ายศเจ้าอย่าง สนทนาปราศรัยกันอยู่ครู่ใหญ่ ก็รู้สึกถูกคอจึง อีกทั้งคุณชายหลิวยังอาสาจะช่วยนางคิดวิธีที่ไม่ต้องออกเรือนไป ฝแต่งงานกับชายมักมากเช่นนั้นแถมนางยังไม่ต้องคิดหาวิธีผ่านกลับเข้ามาทางประตูจวนอีกด้วย เพราะคุณชายหลิวนอกจากจะเป็นพ่อค้าแล้วยังมีวรยุทธ พานางกระโดดข้า
บทที่11จูล่งวนเวียนอยู่ภายในจวนสกุลจูตั้งแต่กลับมาถึง หลังจากแจ้งข่าวเรื่องงานให้กับครอบครัวทราบแล้ว พรุ่งนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงฉลอง แต่ใจของเขานั้นกลับไปที่เมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว ‘นางจะแต่งกับใคร’เขาในตอนนี้แม้อายุจะถึงวัยแต่งงานแล้ว แต่บิดามารดาก็ไม่เคยบังคับ ของเพียงให้แต่กับคนที่รักก็เพียงพอจึงไม่เคยพูดหรือเร่งเร้าใดๆเคยคิดที่จะให้บิดาไปสู่ขอนาง แม้ว่าสกุลจูเป็นคหบดีร่ำรวยไม่น้อยหน้าผู้ใด แต่เท่าที่สืบมา จื่อเหลียงเจ้ากรมอารักษ์บิดาของจื่อรั่วต้องการให้นางแต่งกับขุนนางเพื่อเส้นสายในราชสำนัก อีกข้อคือตัวเขาเองยังไม่พร้อมจะดึงนางมาสู่ทางที่ไม่แน่นอน หากเขายังไม่สามารถกระชากคนผู้นั้นลงมาจากหอคองาช้างได้ เขาก็ไม่ควรจะดึงนางเข้ามาเสี่ยงกับอัตรายที่ผ่านมาเห็นจื่อเหลียงทิ้งขว้างนางไว้ฝูโจ ส่วนนางนั้นก็ไร้ซึ่งบุรุษข้างกาย เขาเลยคิดอ่านไปเองว่าวันที่ทำการสำเร็จจะไปสู่ของนาง และบิดานางจะไม่มีวันปฏิเสธเขาแน่นอนแต่มันผิดพลาดไง ใคร ใครมันไปบังอาจไปสู่ขอนางตัดหน้าเขา“องค์ ชะ… คุณชายจู ม้าเร็วจากเมืองหลวงขอรับ”จูล่งหันขวับไปตามทิศทางของเสียงในเงามืด ขึงตามองคนที่เรียกตนเอง องค์รักษ์เงาแท
บทที่10หลังจากดื่มยาไปเพียงหนึ่งชุด จื่อรั่วก็หายจากอาการท้องร่วง ยกเว้นคนบนเรือนใหญ่ จนป่านนี้ก็ยังวิ่งเข้าสุขา เหตุที่จื่อรั่วและบ่าวไพร่ท้องเสียแค่ไม่กี่ชั่วยามเนื่องจากตัวนางมียาแก้ ส่วนบ่าวไพร่ในจวนล้วนทำงานหนักดื่มน้ำในบ่อที่มีส่วนผสมของยาระบายเพียงเล็กน้อยย่อมท้องเสียเพียงไม่นานก็สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ผิดกับคนบนเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยหยิบจับสิ่งใดย่อมมีธาตุไฟที่อ่อนกว่าจึงมีอาการยาวมาจนถึงช่วงบ่ายแค่ท้องเสียยังน้อยไปท่านแม่ใหญ่คุณหนูของนางยอมท้องเสียเหมือนคนอื่นๆในจวนเพื่อจะไม่ให้ผู้ใดสงสัย นางก็คิดอยู่แล้วว่าขาเดินกลับจากโรงครัวคุณหนูโยนห่อผ้าลงบ่อน้ำทำไม นี่แค่วันเดียวยังก่อเรื่องขนาดนี้ อยากให้รีบแต่งออกไปโดนเร็ววันกลัวคุณหนูจะปิดบังนิสัยอันแท้จริงไว้ไม่มิด แต่แม่นมทำเพียงส่ายหน้าเพราะตัวนางเองก็ผิดที่ตามใจ จึงทำได้เพียงสงบปากสงบคำหลังจากแก้แค้นให้โต๊ะเครื่องแป้งจนสาแก้ใจแล้ว เรื่องต่อไปคือว่าที่สามีในอนาคต ซานซีหาว บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีฝ่ายซ้าย “แม่นมท่านปิดห้องหับให้ดี ข้าจะออกไปหาข่าว”จื่อรั่วใช้อาการท้องเสียเช่นเดียวกับทุกคนในจวนเป็นข้ออ้างในการปิดเรือนเ
บทที่9จื่อรั่วทิ้งตัวลงกับตั่งไม้แทบจะทันทีที่มาถึงเรือนเหมยฮวา เลือกเรือนหลังเล็กสุดและอยู่ลึกที่สุดในจวนสกุลจื่อแห่งนี้ เพิ่งเดินทางมาถึงก็ต้องไปปั้นหน้ายิ้มกับบิดา กว่าจะเข้ามาถึงเรือนนอนก็ขาแทบลากฮูหยินใหญ่ช่างรักนางเสียจริง เล็กๆน้อยๆให้ได้กลั่นแกล้งกันก็ไม่คิดที่จะผ่อนปรน“เดี๋ยว! แม่นม เหตุใดในเรือนไม่มีข้าวของของข้า”เมื่อนั่งพักจนหายเหนื่อยจึงมีเวลาได้สำรวจข้าวของที่นำมาจากฝูโจว ไม่มีชิ้นใดเลยที่คุ้นตา ทุกชิ้นล้วนเป็นของใหม่“ของเก่าที่มาจากฝูโจว ฮูหยินใหญ่บอกว่ามันเก่าแล้ว อีกทั้งไม่กี่วันคุณหนูก็จะแต่งออกไปต้องมีเครื่องเรือนติดตัวไปด้วยให้สมฐานะ ของเดิมที่ขนมาจากฝูโจไม่อาจนำไปบ้านสามีได้ เพราะจนจะพังแล้วเจ้าค่ะ”แม่นมจางหยิบจับ ปัดกวาดเช็ดถูเครื่องเรือนใหม่ด้วยรอยยิ้ม แม้ฮูหยินใหญ่จะเกลียดคุณของนางยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน แต่ก็ยังมีสำนึกผิดชอบชั่วดี จัดการเสื้อผ้า เครื่องเรือน และเครื่องประดับใหม่ มาให้เพื่อให้สมเกียรติคุณหนูใหญ่ของตระกูลจื่อ แม้ข้าวของเหล่านี้จะไม่ได้ล้ำค่ามากมายเท่าใดนัก แต่ก็ดีกว่าของเก่าหลายสิบเท่า“แล้วของเดิมเล่า เอาไปไว้ไหน” เท่าที่จำได้ขนกลับมาหลาย
บทที่8ร่างบางยืนอยู่หน้าประตูจวนสกุลจื่อ ‘ข้ากลับมาแล้ว’ ริมฝีปากอิ่มไหวระริกยกยิ้มด้วยความยินดี ในที่สุดก็ได้กลับมา“คุณหนู นายท่านรอที่เรือนรับรองแล้วเจ้าค่ะ” แม่บ้านหม่า ออกมายืนรอต้อนรับคุณหนูใหญ่ตามคำสั่งของฮูหยิน ข่าวลือว่าจื่อฮูหยินรังเกียจคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากฮูหยินรอง จนถึงขั้นส่งไปอยู่ต่างเมืองและไม่ยินยอมให้กลับมาอยู่อาศัยร่วมจวน กระทบภาพลักษณ์อ่อนโยนเพียบพร้อมไปด้วยจารีตประเพณีของฮูหยินไม่น้อย แม้จะกลบข่าวลือด้วยการบอกใครๆว่าคุณหนูใหญ่นั้นร่างกายอ่อนแอ เลือกที่จะรักษาด้วยอยู่บ้านเกิดมารดา จนในที่สุดวันเวลาก็กลืนข่าวพวกนั้นจนหมดสิ้น แทบไม่เคยมีใครพูดหรือถามถึงคุณหนูจื่อรั่วอีกเลย การเดินทางกลับมาของคุณหนูในครั้งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของจื่อฮูหยินแปดเปื้อนอีกครั้งไม่ได้ จึงต้องออกมายืนต้อนรับขับสู้อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงให้ผู้คนภายในและภายนอกได้เห็นว่าตระกูลจื่อนั้นยินดีที่คุณหนูจื่อรั่วกลับมามากมายเพียงใดจื่อรั่วลงรถม้ามาพร้อมแม่นมจาง เดินตามคนสนิทของฮูหยินเข้าจวนไป เมียงมองรอบๆตัวไปตลอดทาง จวนสกุลจื่อนั้นเปลี่ยนไปมากนั้น ใหญ่โตโออ่ากว่าตอนที่นางอยู่จนแทบจะไม่เหลือภาพเดิม ม