บทที่29จูล่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจูล่งฮองเต้ โดยใช้ยังคงใช้พระนามเดิมที่บิดามารดาตั้งให้ ขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรโดยที่ขุนนางไม่มีใครคิดที่จะจะขัดขวาง วังหลังก็ถูกกวาดล้าง จูล่งฮองเต้สั่งให้ถอดถอนสนมทุกนางให้กลับบ้านเก่าพร้อมจ่ายเบี้ยรายปีให้เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนองค์หญิงองค์ชายทุกคนถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์พร้อมเบี้ยรายปีครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน ทุกคนโชคดีที่จำนวนเหล่าองค์หญิงองค์ชายมีจำนวนไม่มาก เพราะฮองเต้หลงมีรับสั่งให้สนมตั้งแต่ขั้นผินลงไปดื่มยาห้ามครรภ์ทุกครั้งที่ทำการรับใช้พระองค์ ทรงไม่โปรดให้สนมชั้นต่ำตั้งครรภ์มังกรจูไป๋เสวี่ยขี่ม้าตามหลังคุณชายสี่และรองแม่ทัพไป๋ชู่จากเมืองลี่เจียงกลับเมืองหลวงแคว้นเว่ยทันทีหลังจากพี่สี่รีบควบม้ากลับมาส่งข่าวด่วน การยึดบัลลังก์คืนจากฮองเต้หลงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พี่ๆ ทั้งสี่คนได้แผลกันคนละเล็กละน้อยเท่านั้น แต่แม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน หลังจากที่คุณชายรองดึงกระบี่ออกจากอก จนวันนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาจูกูกัดกิ่นและจูฮูหยินตัดสินใจขอเดินทางแยกกับบุตรชายและบุตรสาวเพราะทั้งสองเดินทางด้วยรถม้าต้องใช้เวลา จูไปเสวี่ยขี่ม้าไปคงเดินทางถึงไ
บทที่30ปั้ง!ฝ่ามือหนามือหนาตบลงบนพนักวางแขน บัลลังก์ทองสั่นสะเทือน“ข้าจะแต่งกับนาง ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาขวาง” จูล่งฮองเต้ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง หัวข้อถกเถียงในท้องพระโรงวันนี้คือ การรับสนมเข้าวัง “แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อ ไม่เหมาะสมจะเป็นฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” แม้เจียวก้านและขุนนางฝ่ายเจียวก้าวจะสนับสนุนเขาเต็มกำลัง แต่ก็ทีขุนนางอีกหลายคนที่มองว่าคุณหนูจื่อรั่วไม่เหมาะกับตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน“ถ้าอย่างไร รับคุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อเข้ามาเป็นพระสนมก่อนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางอีกคนรีบเสนอ เพราะหลายวันที่ผ่านมาถดเถียงกันอยู่เพียงเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรฮองเต้ก็จะรับนางเข้ามาเป็นฮองเฮา“ข้าบอกแล้วข้าไม่รับสนม ไม่ว่าตำแหน่งใดๆก็ไม่รับ ข้าจะรับจื่อรั่วมาเป็นฮองเฮาเพียงผู้เดียว” ไม่ว่าอย่างไร จูล่งก็ไม่มีทางรับสตรีใดเข้าวัง“ฝ่าบาท ราชวงศ์จำเป็นต้องแตกสาขา เพื่อความมั่นคงของแคว้น ตอนนี้เชื่อพระวงค์โดยสายเลือดมีเพียงพระองค์ เหล่าอ๋องทั้งสามและองค์หญิงที่อภิเษกไปอยู่แคว้นฉู่”กงกงเดินเข้ามากระซิบกระซาบ จูล่งฮองเต้พยักหน้า ไม่ช้าก็มีบุรุษสวมชุดเกราะเดินองอาจเข้ามาภายในท้องพระโรง แม่ทัพใหญ่ซ่งเว่ยหลง เป็นคนคุ
บทที่31หุบเขาห่างไกล มีเรือนหลังใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ จื่อรั่วตื่นมาท่ามความงุนงง มือของนางถูกกุมเอาไว้ด้วยมืออันเหี้ยวย่นของแม่นมจาง จื่อรั่วจำวันนั้นได้เป็นอย่างดีเขาพานางออกจากวังมาในสภาพไร้สติ เขาทำตามที่รับปากนางเอาไว้ พานางออกมาจากวังต้องห้ามได้ แต่กลับไร้เงาของเขา แม่นมจางนำจดหมายที่จูล่งฝากเอาไว้ให้‘ขอโทษที่วางยาเจ้า การออกมาจากวังหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย วิธีนี้รวดเร็วที่สุด ข้าต้องภาระกิจใหญ่ ซึ่งอาจหมายถึงชีวิต หากภารกิจสำเร็จข้าจะไปรับเจ้ากลับหยิ่งตู่ไปพบครอบครัวของข้า แต่ถ้าหากไม่ บุรุษที่เดินทางไปกับเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้ใจ เขาจะดูแลเจ้ากับแม่นมจางเป็นอย่างดี’จื่อรั่วอ่านจดหมายนั้นซ้ำไปซ้ำมา อยู่หลายครั้ง ร้องไห้น้ำตารองหน้าอยู่หลายคืน จนในที่สุดนางก็ลุกขึ้นมาสำรวจรอบๆเรือน พอเบื่อก็ออกสำรวจรอบๆป่า จนได้พบว่า บุรุษที่จูล่งฝากฝังนางเอาไว้ ฝีมือวรยุทธ์ดีเยี่ยมก็แน่ล่ะ จูล่งเก่งขนาดนั้น ลูกน้องจะกระจอกงอกง่อยได้อย่างไร “ข้าจะรอท่าน”ดวงหน้างามทอดสายตาทองไปยังทางขึ้นเขา นางไม่ร้องไห้คร่ำครวญ แต่จะรอคอยบุรุษที่นางรักด้วยหัวใจที่เชื่อหมั่นว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จลุล่วง ไม่เป็
บทที่32รถม้าวิ่งเข้าสู่ราชวัง จื่อรั่วถูกมัวมัวประคองลงจากรถม้า ก่อนจะส่งมือของนางทาบลงฝ่ามือใหญ่ จื่อรั่วช้อนสายตามองผ่านผ้าคุลม เอ่ยเสียงแผ่วเบา “พี่ล่ง”จูล่งแต่งชุดเจ้าบ่าว จับจูงเจ้าสาวเข้าสู่พิธี จื่อรั่วเดิมตามแรงดึงจากฝ่ามือหนาและแรงประคองจากมัวมัว ไหนราชโองการให้นางแต่งกับฮองเต้ แต่นี้จูล่ง ไม่ผิดแน่จูล่งรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวของสตรีข้างๆจึงเอียงใบหน้ากระซิบลงข้างหู “ไว้เสร็จพิธีข้าจะเล่าทุกอย่างให้รั่วเอ้อร์ ฟังทั้งหมด แต่ตอนนี้เจ้าต้องใจเข้าพิธีแต่งงานของเราสองคนก่อนเถิด”จื่อรั่วช้อนสายตาตามเสียงนั้น บุรุษผู้นี้เป็นจูล่งไม่ผิดแน่ ใบหน้านี้ สายตาที่มองนางอย่างมั่นคงและจริงใจรอยยิ้มละมุนละไมที่มีให้นางเพียงผู้เดียว เป็นจูล่งของนางไม่ผิดแน่ จึงพยักหน้าตอบรับเบาๆ กระชับมือแน่น สื่อให้บุรุษด้านข้างรับรู้ว่านางเชื่อใจเขาแต่กว่าพิธีจะเสร็จสิ้นก็เรัยกว่าแทบจะพรากลมหายใจคันชั่งหยกยื่นมาหมายจะเปิดผ้าคลุมเจ้าสาว“ช้าก่อน ท่านติดค้างข้าหลายเรื่องทีเดียว ข้าควรได้ฟังคำอธิบายก่อน ท่านถึงจะมีสิทธิ์เปิดผ้าคลุมออก” “แต่ข้ากับเจ้าเข้าพิธีกันเรียบร้อยแล้วน่ะ” จูล่งโอดครวญ เขาอยากจะเห็น
บทนำ‘คอยดูนะ ข้าจะให้เจ้าชดใช้ร้อยเท่าพันเท่า จู่ล่งไอ้คนไร้คุณธรรม’จื่อรั่ว อยากจะตะโกนด่าคนที่ที่สั่งให้นางมานั่งแอบซุ่มในพุ่มไม้กลางดึกดื่น อดหลับอดนอน แถมยุงก็กัด แต่ก็ทำได้เพียงแค่ก้นด่าผู้ว่าจ้างในใจเท่านั้น เพราะหากเสียงดัง คนที่กำลังถูกนางจับตาอยู่ได้รู้ตัวแน่นอนมือบางคว้าดึงทึ้งต้นหญ้าใบ้ไม้ที่ไม่รู้เรื่องราว เพื่อระบายอารม ไม่เขาใจว่าทำไม องครักษ์จู่ล่ง ต้องให้นางมาเฝ้าองค์หญิงเหม่ยฮวาในคืนนี้ด้วย หลังจากที่เฝ้าสืบข่าวขององค์หญิงมาตลอด 1 เดือน นางไม่เห็นว่าองค์หญิงจะมีบุรุษใดที่หมายปอง อีกทั้งองค์หญิงอายุเพียง 15 หนาวเท่านั้น เจ้านายขององค์รักษ์จูหวังสูงอยากเป็นราชบุตรเขย ถึงกับต้องจ้างวานให้นางมาคอยสอดส่องรายงานเรื่องราวขององค์หญิงเพื่อหวังพิชิตใจพระองค์ พอนึกถึงเรื่องการแต่งงาน ใบหน้างามก็สลดลงทันที สตรีที่นั่งยองๆกอดเข่าอยู่ในพุ่มดอกกุหลาบ พยามยามทำตัวแนบชิดกลมกลืนเข้าไปในพุ่มดอกไม้ให้มากที่สุด นางคือคุณหนูจื่อรั่ว คุณหนูใหญ่สกุลจื่อ ตอนนี้นางอายุเกิน 22 แล้ว เลยวัยแต่งงานมาหลายปี ไม่ใช่ไม่มีชายใดมาสู่ขอ ตั้งแต่งเข้าพิธีปักปิ่นนางก็มีคุณชายจากหลายตระกูลมาเกี้ยวพาไม่ขา
บทที่1มือบางสั่นเทาค่อยๆรับจดหมายจากแม่นม ค่อยๆคลี่อ่านด้วยใจระทึก หวังให้มันเป็นเพียงจดหมายถามสาระทุกข์สุขดิบจากบิดาเท่านั้น แต่คราวนี้ไม่ได้มีเพียงจดหมาย แต่มีคณะเดินทางมากับจดหมายด้วยแต่เมื่ออ่านไปได้เพียงไม่กี่ตัวอักษรน้ำตาก็หยดลงจดหมายจนเปียกปอน ร่างบางสั่นเทาจื่อรั่ว แม้นางนั้นจะเป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อ บุตรสาวของเจ้ากรมอารักษ์ แต่กระนั้นนางก็เป็นเพียงบุตรสาวของฮูหยินรองเท่านั้น หลังจากมารดาเสียชีวิต ฮูหยินเอกย่อมไม่คิกจะปล่อยให้ลูกสาวของคนที่ค่อยทิ้มแทงหัวใจอยู่ในจวนเดียวกัน จื่อฮูหยินส่งนางมาอยู่หมู่บ้านใกล้จากเมืองหลวงทันทีที่มารดาของจื่อรั่วเสียชีวติ ตอนนี้จิ่อรั่วอายุเพียง 8 หนาวเท่านั้น จื่อฮูหยินให้เหตุผลว่านางนั้นแพ้ท้องหนัก ไม่อาจดูแลเด็กในวัยกำลังซุกซนอย่างจิ่อรั่วได้ บิดาที่เป็นเพียงที่พึ่งเดียวก็ไม่เคยคิดจะเหลี่ยวแล เพราะเกรงใจฮูหยินเอกตราบวันนั้นจนวันนี้ ก็ล่วงเลยมา 10 ปี คนตระกูลจื่อไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเยี่ยนนางเลยซักครั้ง จดหมายมาเขียนมาเพียงถามข่าวคราว และส่งเบี้ยหวัดมาให้ทุกๆเดือน แต่ไม่มีครั้งใดที่บอกให้นางกลับเมืองหลวงได้ นางเองก็หมดความหวังที่จะกลับไปแ
บทที่2แม่นมจางวิ่งวุ่นไปทั่วจวน สั่งงานสาวใช้และคนงาน เช็คข้าวของที่ต้องตระเตรียมขนย้ายกลับเมืองหลวง แม้ว่าคุณหนูใหญ่จะสั่งเอาไว้ว่าให้พวกสาวใช้และคณะที่เดินทางมาจากเมืองหลวงทั้งหมดจัดการ แต่นางงก็ยังไม่วางใจ“นั้นโต๊ะเครื่องแป้งของคุณหนู พวกเจ้าขนระวังๆ หน่อย หากมีอะไรเสียหาย ข้าจะให้นายท่านลงโทษพวกเจ้า” นิ้วเหี่ยวหย่น ชี้ไม่ชี้มือเป็นพันละวันเมื่อเห็น บ่าวชายสองคนยกโต๊ะที่คุณหนูใช้แต่งหน้าทำผมทุกเช้าอย่างไม่ออมแรง จนกระจกทองเหลืองบานใหญ่สั่นไหวหวิดจะล่วงหล่นลงมา หาเป็นโต๊ะเครื่องแป้งปกติแล้ว ด้วยกำลังการยกเพียงเท่านี้คงไม่เสียหายอันใด แต่สำหรับข้าวของของคุณหนูของนางนั้นเป็นสิ่งของที่ใช้งานมาแล้วร่วม 10 ปีไม่เคยได้ซื้อเปลี่ยนด้วยเบี้ยหวัดที่ถูกส่งมาให้นั้นเพียงพอสำหรับใช้ในชีวิตประวันสำหรับ หนึ่งสตรีหนึ่งบ่าวรับใช้อย่างนางเท่านั้น แม้อยู่ห่างไกลจื่อหฮูหยินก็ยังไม่เคยคิดเมตตา บุตรสาวอีกคนของสามีเลยสาวใช้ต่างพากันเบ้ปาก เชอะของเก่าๆ พวกนี้ จะให้มาทะนุถนอมอะไรหนักหนา ของใช้ในเรือนพวกนางยังดูดีกว่าเสียอีก หากไม่ได้รับคำสั่งจากนายท่าน ว่าจะต้องพาคุณหนูใหญ่กลับไปอย่างสงบที่สุด พวกนางไม่ม
บทที่3“ระวัง..โอ้ยช้าๆ เจ้าคะ” แม่นมจางลุ้นจนตัวโก่งแทบทุกการเคลื่อนไหวของจื่อรั่ว ทำเอาใจหายใจคว่ำตลอดเวลา รู้ดีว่าเนื้อแท้จริงแล้วคุณหนูของนางเป็นเยี่ยงไร แต่ก็ไม่เคยทำใจได้ซักหน ก่อนจะฟู่ลมหายใจออกจากปากยาวเหยียดหลังจากเห็นเท้าเรียวเล็กๆ ก้าวสัมผัสพื้นดิน“คิกๆ ข้าปีนขึ้นปีนลงแบบนี้มาไม่รู้กี่ร้อยรอบ ให้หลับตาปีนลงมายังได้เลย” จื่อรั่วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ อดที่จะขำกับท่าทางเป็นกังวลจนเกิดเหตุของแม่นมไม่ได้“แต่ข้าไม่ชินเลย” หญิงชรารีบถลาเข้ามาปัดเศษใบไม้และกิ่งไม้เล็กๆ ออกจากเสื้อคลุมของจื่อรั่ว“เอาน้าๆ ไปอยู่เมืองหลวงใช่ว่าจะมีต้นไม้ให้ข้าปีนแบบนี้เสียเมื่อไหร่กัน อีกทั้งต่อไปเราก็คงไม่ได้อยู่กันเพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว ต้องกลับไปอยู่ที่จวนของท่านพ่อ ดีๆ ไม่ดีอาจจะต้องย้ายไปอยู่จวนเจ้าบ่าว”“คุณหนูเหตุใดจึงดูไม่กังวลเรื่องงานแต่ง” แม่นมจางรีบดึงมือจื่อรั่วให้เดินตามเพื่อกลับจวนตอนนี้ฟ้าใกล้มือสนิทแล้วถึงแม้จะเดินเส้นทางนี้จนคุ้นชินและทุกคนต่างรูจักกันเป็นอย่างดีเนื่องด้วยเป็นเมืองเล็กๆ แต่สตรี2นางเดินกันเพียงลำพังเวลานี้ใช่ว่าจะไม่อันตราย“ช้าเร็วก็ต้องแต่ง หากจะว่าไปตามอายุแล้ว สำห
บทที่32รถม้าวิ่งเข้าสู่ราชวัง จื่อรั่วถูกมัวมัวประคองลงจากรถม้า ก่อนจะส่งมือของนางทาบลงฝ่ามือใหญ่ จื่อรั่วช้อนสายตามองผ่านผ้าคุลม เอ่ยเสียงแผ่วเบา “พี่ล่ง”จูล่งแต่งชุดเจ้าบ่าว จับจูงเจ้าสาวเข้าสู่พิธี จื่อรั่วเดิมตามแรงดึงจากฝ่ามือหนาและแรงประคองจากมัวมัว ไหนราชโองการให้นางแต่งกับฮองเต้ แต่นี้จูล่ง ไม่ผิดแน่จูล่งรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวของสตรีข้างๆจึงเอียงใบหน้ากระซิบลงข้างหู “ไว้เสร็จพิธีข้าจะเล่าทุกอย่างให้รั่วเอ้อร์ ฟังทั้งหมด แต่ตอนนี้เจ้าต้องใจเข้าพิธีแต่งงานของเราสองคนก่อนเถิด”จื่อรั่วช้อนสายตาตามเสียงนั้น บุรุษผู้นี้เป็นจูล่งไม่ผิดแน่ ใบหน้านี้ สายตาที่มองนางอย่างมั่นคงและจริงใจรอยยิ้มละมุนละไมที่มีให้นางเพียงผู้เดียว เป็นจูล่งของนางไม่ผิดแน่ จึงพยักหน้าตอบรับเบาๆ กระชับมือแน่น สื่อให้บุรุษด้านข้างรับรู้ว่านางเชื่อใจเขาแต่กว่าพิธีจะเสร็จสิ้นก็เรัยกว่าแทบจะพรากลมหายใจคันชั่งหยกยื่นมาหมายจะเปิดผ้าคลุมเจ้าสาว“ช้าก่อน ท่านติดค้างข้าหลายเรื่องทีเดียว ข้าควรได้ฟังคำอธิบายก่อน ท่านถึงจะมีสิทธิ์เปิดผ้าคลุมออก” “แต่ข้ากับเจ้าเข้าพิธีกันเรียบร้อยแล้วน่ะ” จูล่งโอดครวญ เขาอยากจะเห็น
บทที่31หุบเขาห่างไกล มีเรือนหลังใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ จื่อรั่วตื่นมาท่ามความงุนงง มือของนางถูกกุมเอาไว้ด้วยมืออันเหี้ยวย่นของแม่นมจาง จื่อรั่วจำวันนั้นได้เป็นอย่างดีเขาพานางออกจากวังมาในสภาพไร้สติ เขาทำตามที่รับปากนางเอาไว้ พานางออกมาจากวังต้องห้ามได้ แต่กลับไร้เงาของเขา แม่นมจางนำจดหมายที่จูล่งฝากเอาไว้ให้‘ขอโทษที่วางยาเจ้า การออกมาจากวังหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย วิธีนี้รวดเร็วที่สุด ข้าต้องภาระกิจใหญ่ ซึ่งอาจหมายถึงชีวิต หากภารกิจสำเร็จข้าจะไปรับเจ้ากลับหยิ่งตู่ไปพบครอบครัวของข้า แต่ถ้าหากไม่ บุรุษที่เดินทางไปกับเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้ใจ เขาจะดูแลเจ้ากับแม่นมจางเป็นอย่างดี’จื่อรั่วอ่านจดหมายนั้นซ้ำไปซ้ำมา อยู่หลายครั้ง ร้องไห้น้ำตารองหน้าอยู่หลายคืน จนในที่สุดนางก็ลุกขึ้นมาสำรวจรอบๆเรือน พอเบื่อก็ออกสำรวจรอบๆป่า จนได้พบว่า บุรุษที่จูล่งฝากฝังนางเอาไว้ ฝีมือวรยุทธ์ดีเยี่ยมก็แน่ล่ะ จูล่งเก่งขนาดนั้น ลูกน้องจะกระจอกงอกง่อยได้อย่างไร “ข้าจะรอท่าน”ดวงหน้างามทอดสายตาทองไปยังทางขึ้นเขา นางไม่ร้องไห้คร่ำครวญ แต่จะรอคอยบุรุษที่นางรักด้วยหัวใจที่เชื่อหมั่นว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จลุล่วง ไม่เป็
บทที่30ปั้ง!ฝ่ามือหนามือหนาตบลงบนพนักวางแขน บัลลังก์ทองสั่นสะเทือน“ข้าจะแต่งกับนาง ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาขวาง” จูล่งฮองเต้ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง หัวข้อถกเถียงในท้องพระโรงวันนี้คือ การรับสนมเข้าวัง “แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อ ไม่เหมาะสมจะเป็นฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” แม้เจียวก้านและขุนนางฝ่ายเจียวก้าวจะสนับสนุนเขาเต็มกำลัง แต่ก็ทีขุนนางอีกหลายคนที่มองว่าคุณหนูจื่อรั่วไม่เหมาะกับตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน“ถ้าอย่างไร รับคุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อเข้ามาเป็นพระสนมก่อนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางอีกคนรีบเสนอ เพราะหลายวันที่ผ่านมาถดเถียงกันอยู่เพียงเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรฮองเต้ก็จะรับนางเข้ามาเป็นฮองเฮา“ข้าบอกแล้วข้าไม่รับสนม ไม่ว่าตำแหน่งใดๆก็ไม่รับ ข้าจะรับจื่อรั่วมาเป็นฮองเฮาเพียงผู้เดียว” ไม่ว่าอย่างไร จูล่งก็ไม่มีทางรับสตรีใดเข้าวัง“ฝ่าบาท ราชวงศ์จำเป็นต้องแตกสาขา เพื่อความมั่นคงของแคว้น ตอนนี้เชื่อพระวงค์โดยสายเลือดมีเพียงพระองค์ เหล่าอ๋องทั้งสามและองค์หญิงที่อภิเษกไปอยู่แคว้นฉู่”กงกงเดินเข้ามากระซิบกระซาบ จูล่งฮองเต้พยักหน้า ไม่ช้าก็มีบุรุษสวมชุดเกราะเดินองอาจเข้ามาภายในท้องพระโรง แม่ทัพใหญ่ซ่งเว่ยหลง เป็นคนคุ
บทที่29จูล่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจูล่งฮองเต้ โดยใช้ยังคงใช้พระนามเดิมที่บิดามารดาตั้งให้ ขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรโดยที่ขุนนางไม่มีใครคิดที่จะจะขัดขวาง วังหลังก็ถูกกวาดล้าง จูล่งฮองเต้สั่งให้ถอดถอนสนมทุกนางให้กลับบ้านเก่าพร้อมจ่ายเบี้ยรายปีให้เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนองค์หญิงองค์ชายทุกคนถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์พร้อมเบี้ยรายปีครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน ทุกคนโชคดีที่จำนวนเหล่าองค์หญิงองค์ชายมีจำนวนไม่มาก เพราะฮองเต้หลงมีรับสั่งให้สนมตั้งแต่ขั้นผินลงไปดื่มยาห้ามครรภ์ทุกครั้งที่ทำการรับใช้พระองค์ ทรงไม่โปรดให้สนมชั้นต่ำตั้งครรภ์มังกรจูไป๋เสวี่ยขี่ม้าตามหลังคุณชายสี่และรองแม่ทัพไป๋ชู่จากเมืองลี่เจียงกลับเมืองหลวงแคว้นเว่ยทันทีหลังจากพี่สี่รีบควบม้ากลับมาส่งข่าวด่วน การยึดบัลลังก์คืนจากฮองเต้หลงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พี่ๆ ทั้งสี่คนได้แผลกันคนละเล็กละน้อยเท่านั้น แต่แม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน หลังจากที่คุณชายรองดึงกระบี่ออกจากอก จนวันนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาจูกูกัดกิ่นและจูฮูหยินตัดสินใจขอเดินทางแยกกับบุตรชายและบุตรสาวเพราะทั้งสองเดินทางด้วยรถม้าต้องใช้เวลา จูไปเสวี่ยขี่ม้าไปคงเดินทางถึงไ
บทที่28แม้จะต้องสังหารคนที่เคยยืนเคียงบ่าเคียงไหล่มาก่อน จูล่งก็ไม่ลังเล เขารู้ฝีมือองครักษ์ของฮองเต้ทุกคนเป็นอย่างดี แต่องครักษ์ทุกคนก็รู้ฝีมือเขาเช่นกันเมื่อถูกลุมล้อม จูล่งจึงพลาดพรั้ง ถูกปลายกระบี่จองฮองเต้แทงเข้าที่หัวไหล่ขวา ฮองเต้หลงหมายจะซ้ำอีกดาบสังหารกบฏแท่ทัพหลิวเห็นจูล่งพลาดพลั้ง จึงกระโดดเอาตัวเข้าบังจูล่งเอาไว้ แทงกระบี่สวนออกไปยังทิศทางที่ฮองเต้แทงหมายจะสังหารจูล่งกระบี่ทั้งสองเล่นจึงปักที่อกข้างซ้ายของทั้งสองฝ่ายพอดี ทั้งคู่ตึงทรุดลงไปนั่งกับพื้น“อย่าอาฆาตแค้นกันเลย คิดซะว่ามันคือเวรกรรมที่พระองค์สังหารคนที่เลี้ยงดูพระองค์” จูล่งตวัดปลายกระบี่ตัดศีรษะของฮองเต้หลงหลุดจากบ่าในกระบี่เดียวรีบไปประคองแม่ทัพหลิวเพื่อดูอาการและให้คนไปตามน้องรองมาดูอาการแม่ทัพทันทีส่วนองครักษ์ที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่ เมื่อเห็นฮองเต้สิ้นพระชนม์จึงวางดาบยอมจำนวน ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อไปอีกแล้วคุณชายรองจูเหวินจางรีบฝ่าเข้ามาดูอาการแม่ทัพหลิวในทันที“แม่ทัพเอาตัวบังให้ข้า ไม่งั้นคนที่นอนอยู่ตรงนั้นอาจเป็นข้าเอง” จูล่งกล่าวบอกน้องชายเสียงเบา เขาเป็นหนี้ชีวิตแม่ทัพหลิวแล้ว หากไม่ได้แม่ทัพ คง
บทที่27หลังจากที่สำรวจเส้นทางตามแผนที่ พบกุญแจและทางเข้าตามที่จูไป๋เสวี่ยบอกอย่างไม่ผิดเพี้ยน แม่ทัพหลิวจึงวางแผนนำกองกำลังเขาเมืองหลวง โดยการเดินทางเจ้าเมืองหลวงหลายๆ เส้นทาง แยกกันมากลุ่มล่ะ 1-2คนเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่เป็นการผิดสังเกต ผู้นำตระกูลอย่างเจียวเจี้ยก็สนับสนุนอาวุธและเสบียงอาหาร ยอมเปิดคลังเสบียงของตระกูลเพื่อช่วยเหลือในครั้งนี้ สิ่งที่ทำให้พี่น้องทั้งสี่ของสกุลจูและเขาตกใจก็คือ นอกจากจะเชื่อมไปยังพระราชวังยังมีอาวุธมากมายเก็บซ่อนเอาไว้ หากดูผิวเผินเส้นทางนี้ไม่เคยมีการใช้งานมาก่อนเพราะไม่มีรอยเท้าใดๆ เลยเงาสายหนึ่งวิ่งฝ่าท่ามกลางความมืดไปมุ่งตรงไปยังปลายทางอย่างไม่หยุดพัก บนไหล่หนามีร่างสลบไสลของสตรีนางหนึ่ง “เจ้าไม่คิดจะบอกความจริงกับนาง” หลิวเสวี่ยอวี้มองสหายที่แบกร่างจื่อรั่วที่สลบออกมาจากอุโมงค์ลับ จูล่งค่อยๆว่างร่างของนางลงบนรถม้าแผ่วเบา จุมพิตลงบนหน้าผาก ก่อนจะพยักหน้าให้องครักษ์เงาบังคับรถม้าลงจากเขาไป“ข้าฝากจดหมายไว้กับองครักษ์มู่แล้ว” นั้นคือชื่อขององครักษ์เงาที่คอยตามดูแลนางมาตลอดหลายปีอีกไม่เพียงชั่วยามจะเริ่มแผนการทั้งหมด แม้จะฝากนางไว้กับเจียวเฟย แต่กร
บทที่26จูล่งและน้องชายทั้งสามเก็บตัวอยู่ภายในจวน รอเวลาให้แม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ไปส่งบิดา มารดาและน้องห้ายังแคว้นฉู่อย่างปลอดภัย แต่ก็ต้องโมโหจนลมออกหูเพียงไม่กี่วันหลิวเสวี่ยอวี้ก็กลับมาที่เมืองหยิ่งตู่“ว่าไงน่ะ น้องห้าอยู่ลี่เจียง! ทำไมไม่ไปส่งในเมืองหลวง ที่วางแผนเอาไว้ไม่ใช่แบบนี้ หมายความว่าอย่างไรคุณชายหลิว” จูล่งให้คนทุบกำแพงเชื่อมระหว่างจวนของสกุลจูกับจวนของเฉิงตง เพื่อสะดวกในการไปมาหาสู่ไม่ให้คนภายนอกสงสัย พอเขารู้ว่าแม่ทัพหลิวกลับมาแล้วจึงรีบหามาเพื่อสอบถามเรื่องครอบครัวที่ฝากฝังให้ไปส่งที่แคว้นฉู่ ระหว่างทางเจอรองแม่ทัพถึงได้รู้ว่า น้องห้าและบิดามารดาอาศัยอยู่ที่หัวเมืองใกล้ๆ นี้เอง มิน้าถึงกลับมาเร็วนัก “น้องห้าอยู่ลี่เจียง! ทำไมไม่ไปส่งในเมืองหลวง ที่วางแผนเอาไว้ไม่ใช่แบบนี้ หมายความว่าอย่างไรคุณชายหลิว” จูล่งให้คนทุบกำแพงเชื่อมระหว่างจวนของสกุลจูกับจวนของเฉิงตง เพื่อสะดวกในการไปมาหาสู่ไม่ให้คนภายนอกสงสัย พอเขารู้ว่าแม่ทัพหลิวกลับมาแล้วจึงรีบหามาเพื่อสอบถามเรื่องครอบครัวที่ฝากฝังให้ไปส่งที่แคว้นฉู่ ระหว่างทางเจอรองแม่ทัพถึงได้รู้ว่า น้องห้าและบิดามารดาอาศัยอยู่ที่หัวเมือ
บทที่25จูล่งเดินทางกลับหยิ่งตู่ทันทีที่ได้รับอนุญาตจากฮองเต้ เขาแสร้งว่าจะมากีดกันไม่ให้น้องห้ากับคู่หมั้นแต่งงานและให้ถอนหมั้นกัน ที่จริงแล้วเขาเพียงหาทางออกจากวังโดยที่ฮองเต้ไม่สงสัยต่างหากจูล่งควบม้าจากเมิงหลงมุ่งหน้าหยิ่งตู่โดยไปไม่หยุดพัก ระหว่างทางก็มีสายเงาดำคอยตามอยู่ไม่ไกล เขารู้จักลมปราณเหล่านั้นเป็นอย่างดี เหล่าองครักษ์เงาของเขาเองเมื่อมาถึงหยิ่งตู่ จึงเรียกสหายออกมาสอบสวน“เจ้ากล้าดียังไง ถึงมาสู่หมั้นหมายกับน้องห้าโดยที่ไม่บอกข้าก่อน” หลังจากมาถึงจวนสกุลจู จูล่งก็บุกมายังจวนของเฉิงตง สหายรักของหลิวเสวี่ยอวี้ ที่ปลอดตัวเป็นพ่อค้าในเมืองหยิ่งตู่“นางขอข้าแต่งงาน” หลิวเสวี่ยอวี้ตอบออกไปทันที“เจ้าจะโกหกจูล่ง ก็รอตอนข้าไม่อยู่ไม่ได้เหรอ” เฉิงตงกล่าว เพราะเข้าอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด จูไป๋เสวี่ยกลัวต้องถูดคัดตัวเข้าวัง บุกมาหาเขายามวิกาล ขอให้เข้าหมั้นหมายกับนาง ตัวเขานั้นรู้ดีแก่ใจว่าหลิวเสวี่ยอวี้ปักใจรักรางมาหลายปี เป็นมดแดงแผงพวงมะม่วงทำได้เพียงมองนางอยู่ในที่ไกลๆ จึงปฏิเสธนาง แต่สหายเขานั้นกลับเห็นสบโอกาสรีบอาสาขอแต่งงานแทน“ไม่ว่าใครจะขอแต่ง ตอนนี้คนทั้งหยิ่งตู่ก็รับรู้
บทที่24ช่วงสายของวัน เจียวเฟย นั่งชอบดอกบัวที่เก๋งในอุทยาน จื่อรั่วค่อยพัดวีดให้อยู่ไม่ห่าง หากมองด้วยสายตาคนนอกแล้ว สตรีที่เจียวเฟยนำเข้าวังมาชุบเลี้ยง เติบโตงดงามขึ้นกว่าวันแรกที่เข้ามาวังมากหนัก กริยาของนางยามสะบัดข้อมือขวนมองเสียเหลือเกิน“รั่วเอ้อร์” “พี่ล่ง” จื่อรั่วแทบจะทำพัดหลุดจากมือ นางกับจูล่งไม่เคยพบกันต่อหน้าผู้คนแบบนี้ เหตุจูล่งจึงเข้ามาหานางทั้งๆที่นางยังรับใช้พระสนมอยู่เช่นนี้เจียวเฟยโบกพระหัตถ์ให้ขันทีละสาวใช้คนอื่นๆออกไปจากเก๋ง เหลือเพียงนางและจื่อรั่ว บุรุษผู้มาใหม่เสียหน้าเคร่งเครียด“เจ้ามาตอนกลางกลางแบบนี้ ไม่กลัวใครเห็นงั้นเหรอ” เจียวเฟย หรี่ตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะทอดสายตากลับไปยังบัวอยู่ที่อยู่ในสระ“ข้าน้อยไม่มีเวลาแล้ว เจียวเฟย ข้าน้อยขอยืมตัวนางซักครู่ขอรับ” ไม่รอคำตอบจูล่งก็คว้าแขนของจื่อรั่วออกจากเก๋ง จื่อรั่วกวาดสายตามองก็พบว่าขันทีและสาวใช้ทั้งหมดที่อยู่นอกเก๋งก้มหน้ามองเพียงปลายเท้าของตนเท่านั้น“รั่วเอ้อร์” เมื่อลับสายตาคนจูล่งก็รีบบอกข้อความสำคัญ “ฟังข้าให้ดี”“ท่านหายไปไหนมา ข้ารอท่านทุกคืน” แม้จะบอกให้เชื่อใจบุรุษตรงหน้า แต่นางเคยคาดหวังกับบิดา