บทที่6
ปลายฤดูหนาวปีที่แล้ว
สามสหายเดินทางแยกกันมา เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจและสังเกต ด้วยทั้งสามนั้นต่างมีรูปร่างและหน้าตาโดดเด่น เป็นจุดสนใจได้ง่าย จึงเลือกเกี่ยวข้องกันให้น้อยที่สุด แล้วค่อยๆ แสร้งเป็นรู้จักกันและพบกันที่เมืองหลวง วันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายที่คุยกันก่อนจะแยกย้ายเดินทางเข้าเมืองหลวง
ยามซวี ( คือ 19.00 - 20.59 น.)
แม้จะเป็นวัดที่อยู่บนเขา และบริเวณนี้เป็นจุดใกล้หน้าผา แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ ทั้งสามบุรุษจึงสวมผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้
“ฮองเต้ระวังมากว่าแต่ก่อน การตรวจคนเข้าเมืองเข้มงวดกวดขัน หากไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง คาดว่าพวกท่านทั้งสองคงยากที่จะเข้าไป” บุรุษคนหนึ่งกล่าว ก่อนจะยื่นเอกสารสำคัญที่ทางสกุลเจียวปลอมแปลงและทำขึ้นมาให้บุรุษต่างแค้วนทั้งสองคน
“ข้าจะไม่ให้มันผิดพลาดแบบคราวก่อนอีก”
หนึ่งในสองบุรุษยื่นมือไปรับหนังสือรับรองมากำไว้แน่น น้ำเสียงแน่วแน่มั่นคง คราวนี้พวกเขาได้ตระกูลขุนนางใหญ่ช่วยเหลือ จะไม่มีทางให้ผิดพลาดแบบครั้งก่อนอีกเป็นอันขาด เหตุการณ์นองเลือดที่สายลับจากแคว้นฉู่ ลูกน้องใต้อานัติของเขาทุกคนต้องสิ้นล้มหายใจ เหลือรอดมาเพียงตัวเขาผู้เดียว ยังวนเวียนอยู่ในความทรงจำทุกลมหายใจ ตัวเขาเองนั้นก็เกือบสิ้นลมหายใจ
กิ๊ก!
แม้เสียงนั้นจะเบามาก ราวกับลมพัดผ่าน แต่ย่อมไม่อาจหลุดไปจากประสาทรับรู้ของสามบุรุษในชุดดำ ทั้งสามคนล้วนมีวรยุทธชั้นสูงที่หาตัวจับได้จากในยุคนี้
สองบุรุษต่างแค้วนหายไปในพริบตาราวกับไม่เคยมีผู้ใดยืนอยู่จุดนี้มาก่อน
ส่วนอีกหนึ่งบุรุษจูถีบตัวมุ่งไปยังที่มาของเสียงในทันที
พรึ่บ!
จูล่งกระชากแขนของเงาทันทีที่มาถึง ส่วนอีกมือหมายจะซัดผ่ามือไปยังร่างที่มาแอบฟังเขาและสหายคุยการลับ
แต่แล้วอยู่ๆ มือหนากลับต้องค้างกลางอากาศ แสงของพระจันทร์ก็สาดส่องกระทบเงาตรงหน้า ปรากฏร่างแน่งน้อย ดวงตากลมโตตื่นกระหนก ปากน้อยๆ สีแดงสดเผยอ กระต่ายน้อยตัวนี้กำลังตื่นตระหนก แต่นางกลับงดงามจนร่างแกร่งถึงกับสะดุดลมหายใจ แสงนวลลออจากพระจันทร์ยิ่งทำให้สตรีที่อยู่เบื้องหน้างดงามจับจิต จูล่งแทบจะลืมว่ามาขึ้นมาบนนี้ด้วยจุดประสงค์อะไร
แต่แล้วอยู่ๆ เศษผิงกั่วก็กลิ้นหลุนๆ ออกมาจากปากนาง
จูล่งขบกร้ามแน่นก่อนจะรวบเอวบางพาทะยานลงสู่พื้น แล้วหายตัวไปในความมืด เมื่อแน่ใจว่าไกลจากจุดที่ทิ้งสตรีผู้นั้นเอานั้นเอาไว้อีกทั้งตัวเขาก็ไม่สามารถอดทนเอาไว้ได้อีกต่อไป
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ” จูล่งขำจนปวดโยก กุ้มท้องเอาไว้แน่น
ผลผิงกั่วหลุดจากมือกลิ้งไปกับพื้นดิน ร่างบางทรุดลงไปนั่งข้างๆ ผลผิงกั่วลูกนั้น มือบางยกขึ้นลูบหน้าอกปรอยๆ ราวกับปลอบโยนตัวเอง นึกว่าวันนี้จะสิ้นชื่อคุณหนูใหญ่เสียแล้ว
นางมีนามว่าจื่อรั่ว คุณหนูใหญ่สกุลจื่อ จื่อรั่วมักขึ้นไปนั่งทอดอารมณ์ดูพระอาทิตย์ตกดินบนต้นผิงกั่วต้นนี้เสมอ ที่นี่คือที่โปรดปรานของนาง นางทำแบบนี้มาตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เมืองฝู่โจว นั่งมองทิวทัศน์ไปกัดกินผลผิงกั่วไปพลาง แต่วันนี้พระอาทิตย์สวยเหลือเกินจึงมองเพลินไปหน่อย อีกทั้งวันนี้แม่นมยังไม่ออกมาตาม
รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว
เสียงพูดคุยกันกันใต้ต้นไม้ทำเอาร่างบางแข็งทื่อ แทบจะกลั้นลมหายใจ แม้แต่เศษผลผิงกั่วที่กัดเข้าปากไปเมื่อซักครู่ก็ยังต้องอมเอาไว้ ไม่อาจขยับปากเคี้ยวหรือกลืนได้ เกรงบุคคลที่สนทนากันข้างใต้จะได้ยิน
ดันมีลมพัดผ่านมาทำให้พู่ห้อยเอวนางกระทบกัน เพียงอึดใจเดียวก็ถูกกระชากแทบจะตกลงจากกิ่งไม้ ปรากฏบุรุษในชุดดำปิดบังใบหน้า นึกออกเพียงคำเดียว ‘ตายแน่’ เพราะเรื่องที่พวกเขาคุยกันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
พอรู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่บนพื้นแล้ว
แม้สติจะยังไม่กลับมาครบถ้วน แต่ก็สั่งขาให้เดินกลับจวน เพราะนางไม่เห็นหน้าแน่ๆ เลย ขอบคุณที่พวกเขาสวมผ้าคลุมหน้า ในใจก็ขอบคุณสวรรค์ที่เขาไม่ฆ่านาง
ร่างบางโซซันโซเซมุ่งเดินกลับจวนโดยไม่รู้ตัวว่าบุรุษในชุดดำผู้นั้นติดตามนางมาไม่ห่าง
บทที่7จูล่งสะกดรอยตามสตรีผู้นั้นท่ามการแสงสว่างจากแสงจันทร์ ยิ่งเห็นใบหน้าของนางกระจ่างชัดเท่าใดในหัวใจยิ่งสลักเสลานางไว้ชัดเจนเท่านั้น ทุกการเคลื่อนไหวของนางถูกเขาจดจำเอาไว้หมดจนเห็นนางเดินหายเข้าไปในจวนหลังหนึ่ง ดูจากเนื้อผ้าและการแต่งการขอนางนั้นเดาได้ไม่ยากว่าเป็นคุณหนูตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ที่เหลือตัวเขานั้นจะตามหาคำตอบเองเขาจึงสั่งให้องครักษ์ที่สกุลเจียวส่งมาให้ดูแลเขาสืบเรื่องราวทั้งหมด เพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามเรื่องราวชีวิตของนางทั้งหมดก้เรียงรายอยู่ตรงหน้าเขา แม้จะรู้แน่ชัดว่านางเป็นใครและรู้สึกเช่นไรกับนาง ก็ไม่อาจเดินเข้าไปทำความรู้จักเกี้ยวพานางเฉกเช่นบุรุอื่นได้ ด้วยภาระหน้าที่ที่แบกไว้บนบ่ายามนี้ช่างหนักหนาเสียเหลือเกิน จึงทำได้เพียง ให้คนดูแลนางอยู่ห่างๆ ทุกครั้งที่เดินทางมายังฝู่โจวก็ทำได้เป็นเพียงแค่เงาแอบดูนางเท่านั้น เขาแล้วมันต่างอะไรกับหลิวเสวี่ยอวี้กันเดิมเคยคิดว่าสตรีที่ตรงใจของตนเองนั้นจะต้องสง่างาม จริตกริยาอ่อนช้อยเฉกเช่นเดียวกับน้องห้า แต่เขากลับมาตกหลุมรักคุณหนูจื่อรั่วตอนที่เห็นนางคายเศษผิงกัวออกจากปากในเวลาเป็นตายเท่ากัน คิดแล้วก็ได้แต่เพียงอมยิ้มออกมา ไม่ว
บทที่8ร่างบางยืนอยู่หน้าประตูจวนสกุลจื่อ ‘ข้ากลับมาแล้ว’ ริมฝีปากอิ่มไหวระริกยกยิ้มด้วยความยินดี ในที่สุดก็ได้กลับมา“คุณหนู นายท่านรอที่เรือนรับรองแล้วเจ้าค่ะ” แม่บ้านหม่า ออกมายืนรอต้อนรับคุณหนูใหญ่ตามคำสั่งของฮูหยิน ข่าวลือว่าจื่อฮูหยินรังเกียจคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากฮูหยินรอง จนถึงขั้นส่งไปอยู่ต่างเมืองและไม่ยินยอมให้กลับมาอยู่อาศัยร่วมจวน กระทบภาพลักษณ์อ่อนโยนเพียบพร้อมไปด้วยจารีตประเพณีของฮูหยินไม่น้อย แม้จะกลบข่าวลือด้วยการบอกใครๆว่าคุณหนูใหญ่นั้นร่างกายอ่อนแอ เลือกที่จะรักษาด้วยอยู่บ้านเกิดมารดา จนในที่สุดวันเวลาก็กลืนข่าวพวกนั้นจนหมดสิ้น แทบไม่เคยมีใครพูดหรือถามถึงคุณหนูจื่อรั่วอีกเลย การเดินทางกลับมาของคุณหนูในครั้งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของจื่อฮูหยินแปดเปื้อนอีกครั้งไม่ได้ จึงต้องออกมายืนต้อนรับขับสู้อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงให้ผู้คนภายในและภายนอกได้เห็นว่าตระกูลจื่อนั้นยินดีที่คุณหนูจื่อรั่วกลับมามากมายเพียงใดจื่อรั่วลงรถม้ามาพร้อมแม่นมจาง เดินตามคนสนิทของฮูหยินเข้าจวนไป เมียงมองรอบๆตัวไปตลอดทาง จวนสกุลจื่อนั้นเปลี่ยนไปมากนั้น ใหญ่โตโออ่ากว่าตอนที่นางอยู่จนแทบจะไม่เหลือภาพเดิม ม
บทที่9จื่อรั่วทิ้งตัวลงกับตั่งไม้แทบจะทันทีที่มาถึงเรือนเหมยฮวา เลือกเรือนหลังเล็กสุดและอยู่ลึกที่สุดในจวนสกุลจื่อแห่งนี้ เพิ่งเดินทางมาถึงก็ต้องไปปั้นหน้ายิ้มกับบิดา กว่าจะเข้ามาถึงเรือนนอนก็ขาแทบลากฮูหยินใหญ่ช่างรักนางเสียจริง เล็กๆน้อยๆให้ได้กลั่นแกล้งกันก็ไม่คิดที่จะผ่อนปรน“เดี๋ยว! แม่นม เหตุใดในเรือนไม่มีข้าวของของข้า”เมื่อนั่งพักจนหายเหนื่อยจึงมีเวลาได้สำรวจข้าวของที่นำมาจากฝูโจว ไม่มีชิ้นใดเลยที่คุ้นตา ทุกชิ้นล้วนเป็นของใหม่“ของเก่าที่มาจากฝูโจว ฮูหยินใหญ่บอกว่ามันเก่าแล้ว อีกทั้งไม่กี่วันคุณหนูก็จะแต่งออกไปต้องมีเครื่องเรือนติดตัวไปด้วยให้สมฐานะ ของเดิมที่ขนมาจากฝูโจไม่อาจนำไปบ้านสามีได้ เพราะจนจะพังแล้วเจ้าค่ะ”แม่นมจางหยิบจับ ปัดกวาดเช็ดถูเครื่องเรือนใหม่ด้วยรอยยิ้ม แม้ฮูหยินใหญ่จะเกลียดคุณของนางยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน แต่ก็ยังมีสำนึกผิดชอบชั่วดี จัดการเสื้อผ้า เครื่องเรือน และเครื่องประดับใหม่ มาให้เพื่อให้สมเกียรติคุณหนูใหญ่ของตระกูลจื่อ แม้ข้าวของเหล่านี้จะไม่ได้ล้ำค่ามากมายเท่าใดนัก แต่ก็ดีกว่าของเก่าหลายสิบเท่า“แล้วของเดิมเล่า เอาไปไว้ไหน” เท่าที่จำได้ขนกลับมาหลาย
บทที่10หลังจากดื่มยาไปเพียงหนึ่งชุด จื่อรั่วก็หายจากอาการท้องร่วง ยกเว้นคนบนเรือนใหญ่ จนป่านนี้ก็ยังวิ่งเข้าสุขา เหตุที่จื่อรั่วและบ่าวไพร่ท้องเสียแค่ไม่กี่ชั่วยามเนื่องจากตัวนางมียาแก้ ส่วนบ่าวไพร่ในจวนล้วนทำงานหนักดื่มน้ำในบ่อที่มีส่วนผสมของยาระบายเพียงเล็กน้อยย่อมท้องเสียเพียงไม่นานก็สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ผิดกับคนบนเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยหยิบจับสิ่งใดย่อมมีธาตุไฟที่อ่อนกว่าจึงมีอาการยาวมาจนถึงช่วงบ่ายแค่ท้องเสียยังน้อยไปท่านแม่ใหญ่คุณหนูของนางยอมท้องเสียเหมือนคนอื่นๆในจวนเพื่อจะไม่ให้ผู้ใดสงสัย นางก็คิดอยู่แล้วว่าขาเดินกลับจากโรงครัวคุณหนูโยนห่อผ้าลงบ่อน้ำทำไม นี่แค่วันเดียวยังก่อเรื่องขนาดนี้ อยากให้รีบแต่งออกไปโดนเร็ววันกลัวคุณหนูจะปิดบังนิสัยอันแท้จริงไว้ไม่มิด แต่แม่นมทำเพียงส่ายหน้าเพราะตัวนางเองก็ผิดที่ตามใจ จึงทำได้เพียงสงบปากสงบคำหลังจากแก้แค้นให้โต๊ะเครื่องแป้งจนสาแก้ใจแล้ว เรื่องต่อไปคือว่าที่สามีในอนาคต ซานซีหาว บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีฝ่ายซ้าย “แม่นมท่านปิดห้องหับให้ดี ข้าจะออกไปหาข่าว”จื่อรั่วใช้อาการท้องเสียเช่นเดียวกับทุกคนในจวนเป็นข้ออ้างในการปิดเรือนเ
บทที่11จูล่งวนเวียนอยู่ภายในจวนสกุลจูตั้งแต่กลับมาถึง หลังจากแจ้งข่าวเรื่องงานให้กับครอบครัวทราบแล้ว พรุ่งนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงฉลอง แต่ใจของเขานั้นกลับไปที่เมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว ‘นางจะแต่งกับใคร’เขาในตอนนี้แม้อายุจะถึงวัยแต่งงานแล้ว แต่บิดามารดาก็ไม่เคยบังคับ ของเพียงให้แต่กับคนที่รักก็เพียงพอจึงไม่เคยพูดหรือเร่งเร้าใดๆเคยคิดที่จะให้บิดาไปสู่ขอนาง แม้ว่าสกุลจูเป็นคหบดีร่ำรวยไม่น้อยหน้าผู้ใด แต่เท่าที่สืบมา จื่อเหลียงเจ้ากรมอารักษ์บิดาของจื่อรั่วต้องการให้นางแต่งกับขุนนางเพื่อเส้นสายในราชสำนัก อีกข้อคือตัวเขาเองยังไม่พร้อมจะดึงนางมาสู่ทางที่ไม่แน่นอน หากเขายังไม่สามารถกระชากคนผู้นั้นลงมาจากหอคองาช้างได้ เขาก็ไม่ควรจะดึงนางเข้ามาเสี่ยงกับอัตรายที่ผ่านมาเห็นจื่อเหลียงทิ้งขว้างนางไว้ฝูโจ ส่วนนางนั้นก็ไร้ซึ่งบุรุษข้างกาย เขาเลยคิดอ่านไปเองว่าวันที่ทำการสำเร็จจะไปสู่ของนาง และบิดานางจะไม่มีวันปฏิเสธเขาแน่นอนแต่มันผิดพลาดไง ใคร ใครมันไปบังอาจไปสู่ขอนางตัดหน้าเขา“องค์ ชะ… คุณชายจู ม้าเร็วจากเมืองหลวงขอรับ”จูล่งหันขวับไปตามทิศทางของเสียงในเงามืด ขึงตามองคนที่เรียกตนเอง องค์รักษ์เงาแท
บทที่12จื่อรั่วมองขวาทีซ้ายทีอยู่เป็นนานสองนาน พรุ่งนี้เช้าสกุลซานจะส่งแม่สื่อมายังจวนของนาง แต่ที่นางกำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้ก็คือ เหตุใดจึงมีบุรุษร่างยักษ์ถึง 2 คนนั่งอยู่ในเรือนของนาง “คุณชายหลิว ข้าว่าไปคุยที่โรงน้ำชาจะดีกว่า” ก็….มันรู้สึกพิลึกอย่างไรก็ไม่รู้สิ ถึงจะมีแม่นมอยู่แต่นางก็ไม่ได้สนิทกับบุรุษทั้งสองตรงหน้าขนาดนั้น แล้วที่สำคัญทั้งสองยังไม่ได้เข้าทางประตูจวน แต่กระโดดข้ามกำแพงเข้ามานะสิหลังจากหลายวันก่อนออกไปสืบข่าวว่าที่สามีทำให้ได้รู้จักกับคุณชายหลิวเสวี่ยอวี้ ด้วยความที่อยากรู้เรื่องของคุณชายซานอีกทั้งคนโรงน้ำชาคนก็พลุกพล่าน จึงยอมตามไป ได้รู้เรื่องของตระกูลซานอีกมากมาย จึงรู้ว่าตนนั้นหากแต่งเข้าไปชีวิตหามีความสงบสุขไม่ นอกจากอนุหลายคนแล้ว แม่สามียังเป็นถึงป้าของพระสนมนางหนึ่งของฮองเต้อองค์ปปัจจุบันเจ้ายศเจ้าอย่าง สนทนาปราศรัยกันอยู่ครู่ใหญ่ ก็รู้สึกถูกคอจึง อีกทั้งคุณชายหลิวยังอาสาจะช่วยนางคิดวิธีที่ไม่ต้องออกเรือนไป ฝแต่งงานกับชายมักมากเช่นนั้นแถมนางยังไม่ต้องคิดหาวิธีผ่านกลับเข้ามาทางประตูจวนอีกด้วย เพราะคุณชายหลิวนอกจากจะเป็นพ่อค้าแล้วยังมีวรยุทธ พานางกระโดดข้า
บทที่13“นางเป็นใคร” ซานชีหาวแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ หลังจากที่ได้พบจื่อรั่วอีกครั้ง“จื่อรั่ว บุตรสาวคนโตของข้าเอง” เป็นจื่อเหลียงที่ตั้งสติได้กาอนใครแม้จะตกใจใบหน้าของบุตรสาว แต่ก็ต้องเอ่ยแนะนำตามธรรมเนียม “แต่ๆ..ตอนที่ข้าพบนางที่ฝูโจ นางไม่ได้มีตุ่มหนองตามใบหน้าแบบนี้” คุณชายซานมองใบหน้าสตรีตรงหน้าอีกเพียงชั่วแวบก่อนจะเบื่อนหน้าหนี สยอดสยองเกินทน นั้นๆน้ำเหลืองใช่ไหมที่ไหลออกมาจากตุ่มบนหน้านาง “คุณชายซาน” จื่อรั่วหยอบกายลงอย่างงดงาม คลี่ยิ้มให้แขกฝ่ายชายและแม่สื่อ “กะ..เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเจ้า”“ข้าดื่มน้ำในจวน เช่นเดียวกับทุกคนในจวน ท่านพ่อท่านแม่ใหญ่และบ่าวพากันท้องร่วง ขอเองก็ท้องร่วงเช่นกันแต่ไม่คิดว่าข้านั้นจะอาการหนักกว่าคนอื่น พอตื่นมาก็เกิดคันตามร่างกาย จนเป็นตุ่มขึ้นไปทั้งตัวแบบนี้” จื่อรั่วเดินตามแรงประคองของแม่นมจางไปนั่งยังเก้าอี้ประจำตัวก่อนจะเกาเบาๆที่ข้างแก้ม ราวกับว่าคันจนอดไม่ไหว“เจ้าเป็นขนาดนี้ทำไมไม่รีบมาบอก” จื่อเหลียงแทบจะทุบโต๊ะ นางป่วยจนใบหน้าเน่าเฟะแต่ไม่ให้คนมาบอก มาพูดอะไรตอนนี้ต่อหน้าแขก ใครได้ยินจะหาว่าเขานั้นไม่ดูแลหาหมอมารักษาบุตรสาว“ท่านพ่อ ท
บทที่14“ข้าตีบทแตกใช่ไหม”ทันทีที่ก้าวขาเข้าประตูเรือนนอนก็พบบุรุษร่างยักษ์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว จูล่งไม่ได้เพิ่งมาแต่ยังไม่กลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วต่างหาก ช่วยนางแต่งแผลตามใบหน้าและแขนจนรุ่งสาง พอเรียบร้อย เชิญให้กลับไปนอนก็ไม่ยอม บอกจะรอดูว่าแผนการทั้งหมดจะสำเร็จหรือไม่ ส่วนคุณชายหลิวพอฟ้าส่างก็ขอตัวกลับไปนอนทันที“ตอนเจ้าเกาแขน สมจริงมากทีเดียว ก็เล่นไม่อาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืน มันก็ต้องคันเป็นธรรมดา” จูล่งยกชาจิบราวกับว่าเรือนนอนนี้เป็นของตน ส่วนผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่เป็นเพียงแขก ข้าเพิ่งเข้ามาก่อนนางเพียงนิดเดียว เพราะตามไปลุ้นอยู่บนต้นไม้ข้างเรือนรับรอง กว่าแผนเสียโฉมจะไม่สำเร็จ“บ้าเสีย ท่านอยู่กับข้าทั้งคืนก็ไม่อาบน้ำเหมือนกันล่ะ” จื่อรั่วก้าวฉับๆ มานั่งเคียงข้างบุรุษร่างยักษ์ มาว่านางคันเพราะไม่อาบน้ำได้ยังไง นางเกาตามบทหรอก อาจจะมีคันจริงบ้างก็ไอ้กาวบ้านี้คันน้อยเสียเมื่อไร หยุยหยับไปทั้งตัว มือบางรับผ้าชุบน้ำอุ่นจากแม่นมมาเช็ดตามใบหน้าและแขน เพื่อให้กาวที่ทาไว้ละลายง่ายต่อการแกะ“ตอนแผลแตกสมจริงมากนะเจ้าค่ะ ข้ายังตกใจเลย” แม่นมจางถืออ่างน้ำอุ่นพร้อมผ้าขาวบางเดิมตามหลังเข้ามา
บทที่32รถม้าวิ่งเข้าสู่ราชวัง จื่อรั่วถูกมัวมัวประคองลงจากรถม้า ก่อนจะส่งมือของนางทาบลงฝ่ามือใหญ่ จื่อรั่วช้อนสายตามองผ่านผ้าคุลม เอ่ยเสียงแผ่วเบา “พี่ล่ง”จูล่งแต่งชุดเจ้าบ่าว จับจูงเจ้าสาวเข้าสู่พิธี จื่อรั่วเดิมตามแรงดึงจากฝ่ามือหนาและแรงประคองจากมัวมัว ไหนราชโองการให้นางแต่งกับฮองเต้ แต่นี้จูล่ง ไม่ผิดแน่จูล่งรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวของสตรีข้างๆจึงเอียงใบหน้ากระซิบลงข้างหู “ไว้เสร็จพิธีข้าจะเล่าทุกอย่างให้รั่วเอ้อร์ ฟังทั้งหมด แต่ตอนนี้เจ้าต้องใจเข้าพิธีแต่งงานของเราสองคนก่อนเถิด”จื่อรั่วช้อนสายตาตามเสียงนั้น บุรุษผู้นี้เป็นจูล่งไม่ผิดแน่ ใบหน้านี้ สายตาที่มองนางอย่างมั่นคงและจริงใจรอยยิ้มละมุนละไมที่มีให้นางเพียงผู้เดียว เป็นจูล่งของนางไม่ผิดแน่ จึงพยักหน้าตอบรับเบาๆ กระชับมือแน่น สื่อให้บุรุษด้านข้างรับรู้ว่านางเชื่อใจเขาแต่กว่าพิธีจะเสร็จสิ้นก็เรัยกว่าแทบจะพรากลมหายใจคันชั่งหยกยื่นมาหมายจะเปิดผ้าคลุมเจ้าสาว“ช้าก่อน ท่านติดค้างข้าหลายเรื่องทีเดียว ข้าควรได้ฟังคำอธิบายก่อน ท่านถึงจะมีสิทธิ์เปิดผ้าคลุมออก” “แต่ข้ากับเจ้าเข้าพิธีกันเรียบร้อยแล้วน่ะ” จูล่งโอดครวญ เขาอยากจะเห็น
บทที่31หุบเขาห่างไกล มีเรือนหลังใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ จื่อรั่วตื่นมาท่ามความงุนงง มือของนางถูกกุมเอาไว้ด้วยมืออันเหี้ยวย่นของแม่นมจาง จื่อรั่วจำวันนั้นได้เป็นอย่างดีเขาพานางออกจากวังมาในสภาพไร้สติ เขาทำตามที่รับปากนางเอาไว้ พานางออกมาจากวังต้องห้ามได้ แต่กลับไร้เงาของเขา แม่นมจางนำจดหมายที่จูล่งฝากเอาไว้ให้‘ขอโทษที่วางยาเจ้า การออกมาจากวังหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย วิธีนี้รวดเร็วที่สุด ข้าต้องภาระกิจใหญ่ ซึ่งอาจหมายถึงชีวิต หากภารกิจสำเร็จข้าจะไปรับเจ้ากลับหยิ่งตู่ไปพบครอบครัวของข้า แต่ถ้าหากไม่ บุรุษที่เดินทางไปกับเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้ใจ เขาจะดูแลเจ้ากับแม่นมจางเป็นอย่างดี’จื่อรั่วอ่านจดหมายนั้นซ้ำไปซ้ำมา อยู่หลายครั้ง ร้องไห้น้ำตารองหน้าอยู่หลายคืน จนในที่สุดนางก็ลุกขึ้นมาสำรวจรอบๆเรือน พอเบื่อก็ออกสำรวจรอบๆป่า จนได้พบว่า บุรุษที่จูล่งฝากฝังนางเอาไว้ ฝีมือวรยุทธ์ดีเยี่ยมก็แน่ล่ะ จูล่งเก่งขนาดนั้น ลูกน้องจะกระจอกงอกง่อยได้อย่างไร “ข้าจะรอท่าน”ดวงหน้างามทอดสายตาทองไปยังทางขึ้นเขา นางไม่ร้องไห้คร่ำครวญ แต่จะรอคอยบุรุษที่นางรักด้วยหัวใจที่เชื่อหมั่นว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จลุล่วง ไม่เป็
บทที่30ปั้ง!ฝ่ามือหนามือหนาตบลงบนพนักวางแขน บัลลังก์ทองสั่นสะเทือน“ข้าจะแต่งกับนาง ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาขวาง” จูล่งฮองเต้ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง หัวข้อถกเถียงในท้องพระโรงวันนี้คือ การรับสนมเข้าวัง “แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อ ไม่เหมาะสมจะเป็นฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” แม้เจียวก้านและขุนนางฝ่ายเจียวก้าวจะสนับสนุนเขาเต็มกำลัง แต่ก็ทีขุนนางอีกหลายคนที่มองว่าคุณหนูจื่อรั่วไม่เหมาะกับตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน“ถ้าอย่างไร รับคุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อเข้ามาเป็นพระสนมก่อนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางอีกคนรีบเสนอ เพราะหลายวันที่ผ่านมาถดเถียงกันอยู่เพียงเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรฮองเต้ก็จะรับนางเข้ามาเป็นฮองเฮา“ข้าบอกแล้วข้าไม่รับสนม ไม่ว่าตำแหน่งใดๆก็ไม่รับ ข้าจะรับจื่อรั่วมาเป็นฮองเฮาเพียงผู้เดียว” ไม่ว่าอย่างไร จูล่งก็ไม่มีทางรับสตรีใดเข้าวัง“ฝ่าบาท ราชวงศ์จำเป็นต้องแตกสาขา เพื่อความมั่นคงของแคว้น ตอนนี้เชื่อพระวงค์โดยสายเลือดมีเพียงพระองค์ เหล่าอ๋องทั้งสามและองค์หญิงที่อภิเษกไปอยู่แคว้นฉู่”กงกงเดินเข้ามากระซิบกระซาบ จูล่งฮองเต้พยักหน้า ไม่ช้าก็มีบุรุษสวมชุดเกราะเดินองอาจเข้ามาภายในท้องพระโรง แม่ทัพใหญ่ซ่งเว่ยหลง เป็นคนคุ
บทที่29จูล่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจูล่งฮองเต้ โดยใช้ยังคงใช้พระนามเดิมที่บิดามารดาตั้งให้ ขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรโดยที่ขุนนางไม่มีใครคิดที่จะจะขัดขวาง วังหลังก็ถูกกวาดล้าง จูล่งฮองเต้สั่งให้ถอดถอนสนมทุกนางให้กลับบ้านเก่าพร้อมจ่ายเบี้ยรายปีให้เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนองค์หญิงองค์ชายทุกคนถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์พร้อมเบี้ยรายปีครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน ทุกคนโชคดีที่จำนวนเหล่าองค์หญิงองค์ชายมีจำนวนไม่มาก เพราะฮองเต้หลงมีรับสั่งให้สนมตั้งแต่ขั้นผินลงไปดื่มยาห้ามครรภ์ทุกครั้งที่ทำการรับใช้พระองค์ ทรงไม่โปรดให้สนมชั้นต่ำตั้งครรภ์มังกรจูไป๋เสวี่ยขี่ม้าตามหลังคุณชายสี่และรองแม่ทัพไป๋ชู่จากเมืองลี่เจียงกลับเมืองหลวงแคว้นเว่ยทันทีหลังจากพี่สี่รีบควบม้ากลับมาส่งข่าวด่วน การยึดบัลลังก์คืนจากฮองเต้หลงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พี่ๆ ทั้งสี่คนได้แผลกันคนละเล็กละน้อยเท่านั้น แต่แม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน หลังจากที่คุณชายรองดึงกระบี่ออกจากอก จนวันนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาจูกูกัดกิ่นและจูฮูหยินตัดสินใจขอเดินทางแยกกับบุตรชายและบุตรสาวเพราะทั้งสองเดินทางด้วยรถม้าต้องใช้เวลา จูไปเสวี่ยขี่ม้าไปคงเดินทางถึงไ
บทที่28แม้จะต้องสังหารคนที่เคยยืนเคียงบ่าเคียงไหล่มาก่อน จูล่งก็ไม่ลังเล เขารู้ฝีมือองครักษ์ของฮองเต้ทุกคนเป็นอย่างดี แต่องครักษ์ทุกคนก็รู้ฝีมือเขาเช่นกันเมื่อถูกลุมล้อม จูล่งจึงพลาดพรั้ง ถูกปลายกระบี่จองฮองเต้แทงเข้าที่หัวไหล่ขวา ฮองเต้หลงหมายจะซ้ำอีกดาบสังหารกบฏแท่ทัพหลิวเห็นจูล่งพลาดพลั้ง จึงกระโดดเอาตัวเข้าบังจูล่งเอาไว้ แทงกระบี่สวนออกไปยังทิศทางที่ฮองเต้แทงหมายจะสังหารจูล่งกระบี่ทั้งสองเล่นจึงปักที่อกข้างซ้ายของทั้งสองฝ่ายพอดี ทั้งคู่ตึงทรุดลงไปนั่งกับพื้น“อย่าอาฆาตแค้นกันเลย คิดซะว่ามันคือเวรกรรมที่พระองค์สังหารคนที่เลี้ยงดูพระองค์” จูล่งตวัดปลายกระบี่ตัดศีรษะของฮองเต้หลงหลุดจากบ่าในกระบี่เดียวรีบไปประคองแม่ทัพหลิวเพื่อดูอาการและให้คนไปตามน้องรองมาดูอาการแม่ทัพทันทีส่วนองครักษ์ที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่ เมื่อเห็นฮองเต้สิ้นพระชนม์จึงวางดาบยอมจำนวน ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อไปอีกแล้วคุณชายรองจูเหวินจางรีบฝ่าเข้ามาดูอาการแม่ทัพหลิวในทันที“แม่ทัพเอาตัวบังให้ข้า ไม่งั้นคนที่นอนอยู่ตรงนั้นอาจเป็นข้าเอง” จูล่งกล่าวบอกน้องชายเสียงเบา เขาเป็นหนี้ชีวิตแม่ทัพหลิวแล้ว หากไม่ได้แม่ทัพ คง
บทที่27หลังจากที่สำรวจเส้นทางตามแผนที่ พบกุญแจและทางเข้าตามที่จูไป๋เสวี่ยบอกอย่างไม่ผิดเพี้ยน แม่ทัพหลิวจึงวางแผนนำกองกำลังเขาเมืองหลวง โดยการเดินทางเจ้าเมืองหลวงหลายๆ เส้นทาง แยกกันมากลุ่มล่ะ 1-2คนเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่เป็นการผิดสังเกต ผู้นำตระกูลอย่างเจียวเจี้ยก็สนับสนุนอาวุธและเสบียงอาหาร ยอมเปิดคลังเสบียงของตระกูลเพื่อช่วยเหลือในครั้งนี้ สิ่งที่ทำให้พี่น้องทั้งสี่ของสกุลจูและเขาตกใจก็คือ นอกจากจะเชื่อมไปยังพระราชวังยังมีอาวุธมากมายเก็บซ่อนเอาไว้ หากดูผิวเผินเส้นทางนี้ไม่เคยมีการใช้งานมาก่อนเพราะไม่มีรอยเท้าใดๆ เลยเงาสายหนึ่งวิ่งฝ่าท่ามกลางความมืดไปมุ่งตรงไปยังปลายทางอย่างไม่หยุดพัก บนไหล่หนามีร่างสลบไสลของสตรีนางหนึ่ง “เจ้าไม่คิดจะบอกความจริงกับนาง” หลิวเสวี่ยอวี้มองสหายที่แบกร่างจื่อรั่วที่สลบออกมาจากอุโมงค์ลับ จูล่งค่อยๆว่างร่างของนางลงบนรถม้าแผ่วเบา จุมพิตลงบนหน้าผาก ก่อนจะพยักหน้าให้องครักษ์เงาบังคับรถม้าลงจากเขาไป“ข้าฝากจดหมายไว้กับองครักษ์มู่แล้ว” นั้นคือชื่อขององครักษ์เงาที่คอยตามดูแลนางมาตลอดหลายปีอีกไม่เพียงชั่วยามจะเริ่มแผนการทั้งหมด แม้จะฝากนางไว้กับเจียวเฟย แต่กร
บทที่26จูล่งและน้องชายทั้งสามเก็บตัวอยู่ภายในจวน รอเวลาให้แม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ไปส่งบิดา มารดาและน้องห้ายังแคว้นฉู่อย่างปลอดภัย แต่ก็ต้องโมโหจนลมออกหูเพียงไม่กี่วันหลิวเสวี่ยอวี้ก็กลับมาที่เมืองหยิ่งตู่“ว่าไงน่ะ น้องห้าอยู่ลี่เจียง! ทำไมไม่ไปส่งในเมืองหลวง ที่วางแผนเอาไว้ไม่ใช่แบบนี้ หมายความว่าอย่างไรคุณชายหลิว” จูล่งให้คนทุบกำแพงเชื่อมระหว่างจวนของสกุลจูกับจวนของเฉิงตง เพื่อสะดวกในการไปมาหาสู่ไม่ให้คนภายนอกสงสัย พอเขารู้ว่าแม่ทัพหลิวกลับมาแล้วจึงรีบหามาเพื่อสอบถามเรื่องครอบครัวที่ฝากฝังให้ไปส่งที่แคว้นฉู่ ระหว่างทางเจอรองแม่ทัพถึงได้รู้ว่า น้องห้าและบิดามารดาอาศัยอยู่ที่หัวเมืองใกล้ๆ นี้เอง มิน้าถึงกลับมาเร็วนัก “น้องห้าอยู่ลี่เจียง! ทำไมไม่ไปส่งในเมืองหลวง ที่วางแผนเอาไว้ไม่ใช่แบบนี้ หมายความว่าอย่างไรคุณชายหลิว” จูล่งให้คนทุบกำแพงเชื่อมระหว่างจวนของสกุลจูกับจวนของเฉิงตง เพื่อสะดวกในการไปมาหาสู่ไม่ให้คนภายนอกสงสัย พอเขารู้ว่าแม่ทัพหลิวกลับมาแล้วจึงรีบหามาเพื่อสอบถามเรื่องครอบครัวที่ฝากฝังให้ไปส่งที่แคว้นฉู่ ระหว่างทางเจอรองแม่ทัพถึงได้รู้ว่า น้องห้าและบิดามารดาอาศัยอยู่ที่หัวเมือ
บทที่25จูล่งเดินทางกลับหยิ่งตู่ทันทีที่ได้รับอนุญาตจากฮองเต้ เขาแสร้งว่าจะมากีดกันไม่ให้น้องห้ากับคู่หมั้นแต่งงานและให้ถอนหมั้นกัน ที่จริงแล้วเขาเพียงหาทางออกจากวังโดยที่ฮองเต้ไม่สงสัยต่างหากจูล่งควบม้าจากเมิงหลงมุ่งหน้าหยิ่งตู่โดยไปไม่หยุดพัก ระหว่างทางก็มีสายเงาดำคอยตามอยู่ไม่ไกล เขารู้จักลมปราณเหล่านั้นเป็นอย่างดี เหล่าองครักษ์เงาของเขาเองเมื่อมาถึงหยิ่งตู่ จึงเรียกสหายออกมาสอบสวน“เจ้ากล้าดียังไง ถึงมาสู่หมั้นหมายกับน้องห้าโดยที่ไม่บอกข้าก่อน” หลังจากมาถึงจวนสกุลจู จูล่งก็บุกมายังจวนของเฉิงตง สหายรักของหลิวเสวี่ยอวี้ ที่ปลอดตัวเป็นพ่อค้าในเมืองหยิ่งตู่“นางขอข้าแต่งงาน” หลิวเสวี่ยอวี้ตอบออกไปทันที“เจ้าจะโกหกจูล่ง ก็รอตอนข้าไม่อยู่ไม่ได้เหรอ” เฉิงตงกล่าว เพราะเข้าอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด จูไป๋เสวี่ยกลัวต้องถูดคัดตัวเข้าวัง บุกมาหาเขายามวิกาล ขอให้เข้าหมั้นหมายกับนาง ตัวเขานั้นรู้ดีแก่ใจว่าหลิวเสวี่ยอวี้ปักใจรักรางมาหลายปี เป็นมดแดงแผงพวงมะม่วงทำได้เพียงมองนางอยู่ในที่ไกลๆ จึงปฏิเสธนาง แต่สหายเขานั้นกลับเห็นสบโอกาสรีบอาสาขอแต่งงานแทน“ไม่ว่าใครจะขอแต่ง ตอนนี้คนทั้งหยิ่งตู่ก็รับรู้
บทที่24ช่วงสายของวัน เจียวเฟย นั่งชอบดอกบัวที่เก๋งในอุทยาน จื่อรั่วค่อยพัดวีดให้อยู่ไม่ห่าง หากมองด้วยสายตาคนนอกแล้ว สตรีที่เจียวเฟยนำเข้าวังมาชุบเลี้ยง เติบโตงดงามขึ้นกว่าวันแรกที่เข้ามาวังมากหนัก กริยาของนางยามสะบัดข้อมือขวนมองเสียเหลือเกิน“รั่วเอ้อร์” “พี่ล่ง” จื่อรั่วแทบจะทำพัดหลุดจากมือ นางกับจูล่งไม่เคยพบกันต่อหน้าผู้คนแบบนี้ เหตุจูล่งจึงเข้ามาหานางทั้งๆที่นางยังรับใช้พระสนมอยู่เช่นนี้เจียวเฟยโบกพระหัตถ์ให้ขันทีละสาวใช้คนอื่นๆออกไปจากเก๋ง เหลือเพียงนางและจื่อรั่ว บุรุษผู้มาใหม่เสียหน้าเคร่งเครียด“เจ้ามาตอนกลางกลางแบบนี้ ไม่กลัวใครเห็นงั้นเหรอ” เจียวเฟย หรี่ตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะทอดสายตากลับไปยังบัวอยู่ที่อยู่ในสระ“ข้าน้อยไม่มีเวลาแล้ว เจียวเฟย ข้าน้อยขอยืมตัวนางซักครู่ขอรับ” ไม่รอคำตอบจูล่งก็คว้าแขนของจื่อรั่วออกจากเก๋ง จื่อรั่วกวาดสายตามองก็พบว่าขันทีและสาวใช้ทั้งหมดที่อยู่นอกเก๋งก้มหน้ามองเพียงปลายเท้าของตนเท่านั้น“รั่วเอ้อร์” เมื่อลับสายตาคนจูล่งก็รีบบอกข้อความสำคัญ “ฟังข้าให้ดี”“ท่านหายไปไหนมา ข้ารอท่านทุกคืน” แม้จะบอกให้เชื่อใจบุรุษตรงหน้า แต่นางเคยคาดหวังกับบิดา