“อวดดียิ่งนัก ปล่อยข้าไปเจ้าจะต้องเสียใจ”“ปล่อยเขาไปเถอะ!” เฉินฝานโบกมือเล็กน้อย หลี่หงโหว่ผู้นี้ช่างโหวกเหวกโวยวายเสียจริงกลางดึก เฉินฝานและพ่อลูกตระกูลเหอเพิ่งออกจะสำนักบัณฑิต หลูเฉิงกวงก็มากล่าวรายงานว่าหลี่หงโหว่ใช้เส้นทางลับในบ้านของเขาออกเมืองไปแล้ว“ทว่าเขามิได้ไปหาอ๋องเจิ้งหนาน มุ่งหน้าไปทางเมืองหลวง”ได้ยินคำพูดของหลูเฉิงกวง เหอจื่อหลินถอดหายใจโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด “ถือว่าเขายังมีจิตสำนึก มิกล้าหักหลังพวกเรา”“มิใช่!” เฉินฝานหยุดฝีเท้าทันที กล่าวกับพ่อลูกตระกูลเหอว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่ พี่จื่อหลิน เกรงว่าคืนนี้พวกเราจะมิได้นอนกันแล้ว”“หลี่หงโห่วมิได้ไปพึ่งพาอ๋องเจิ้งหนานมิใช่หรือ? คลังเสบียง ระเบิดมือตอนนี้ก็คงจะปลอดภัยแล้วกระมัง” เหอจื่อหลินมึนงงเป็นอย่างมาก“เขามิได้เป็นฝ่ายไปพึ่งพาอ๋องเจิ้งหนานก่อน ทว่ามิได้หมายความว่าเขาจะมิไปเสียหน่อย”“โอ้...” ชะงักไปครู่หนึ่ง เหอจื่อหลินจึงเข้าใจคำพูดของเฉินฝาน “เจ้าจะบอกว่าคนของอ๋องเจิ้งหนานจะเจอเขา หลังจากนั้น หลี่หงโห่วจะถูกอ๋องเจิ้งหนานจับตัวไป”“ถูกต้องตามนั้น” เฉินฝานพยักหน้าเฉินฝานเพิ่งจะพูดจบ ลูกน้องของหลูเฉิงกวงก็มาก
ใช้เส้นทางลับใต้ดินขนย้ายกำลังทหารและระเบิดมือออกไป ค่อยกลับลำมาล้อมโจมตีนี่เป็นวิธีการต่อสู้ที่เฉินฝานคำนวณไว้ก่อนแล้วการขุดเส้นทางลับใหม่ ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก ดังนั้นเขาจึงไปหาหลี่หงโห่ว อยากจะถามเส้นทางลับในเมืองที่มุ่งสู่นอกเมืองจากเขาขุนนางที่สูงศักดิ์ในยุคโบราณ ล้วนต้องผ่านการรบราฆ่าฟันอย่างโหดเหี้ยมจึงสามารถเป็นขุนนางที่สูงศักดิ์ได้ พวกเขาส่วนใหญ่มักจะคิดหาทางหนีทีไล่ไว้เสมอ ขุดเส้นทางลับไว้ในบ้าน ป้องกันเมื่อสถานการณ์คับแค้น สามารถหลบหนีได้ทันท่วงทีมิคิดว่าหลี่หงโห่วจะหลบหนีเขาจึงใช้หลี่หงโห่วทำให้อ๋องเจิ้งหนานสับสนเสียเลยระหว่างทางก่อนที่จะมาที่แห่งนี้ เขาก็สอบถามจากเหอกังว่าอ๋องเจิ้งหนานเป็นคนเยี่ยงไรอ๋องเจิ้งหนานเป็นคนฉลาด ละเอียดรอบคอบ มิหลงเชื่อผู้อื่นง่ายๆจากการวิเคราะห์ของเฉินฝาน หากหลี่หงโห่วไปหาอ๋องเจิ้งหนานเอาแผนที่ให้เขาโดยตรง อ๋องเจิ้งหนานก็ต้องสงสัยว่าแผนที่นั้นเป็นของจริงหรือไม่อย่างแน่นอนเฉินฝานพูดจาขู่ขวัญกับหลี่หงโห่ว เพื่อมิให้หลี่หงโห่วไปพึ่งพาอ๋องเจิ้งหนานหลี่หงโห่วถูกจับตัวไป มิใช่ฝ่ายไปขอพึ่งพิงก่อน เช่นนี้หากค้นเจอแผนที่บนตัวของหลี่
“อะไรกัน?”ฉินเย่ว์เจียวที่มีสีหน้าประหลาดใจ กำลังจะกล่าวถามเฉินฝานว่าหมายความว่าเยี่ยงไร หลูเฉิงกวงก็เดินมาด้านหน้าของเฉินฝาน“ใต้เท้า!” หลูเฉิงกวงโค้งตัวทำมือเคารพเฉินฝานพยักหน้าเล็กน้อย สื่อให้หลูเฉิงกวงมิจำเป็นต้องพิธีรีตอง“กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นสามพันนายและกองกำลังหญิงสองพันคน ภายใต้การนำทัพของแม่ทัพน้อยเหอได้เข้าไปในอุโมงค์ทั้งหมดเริ่มเดินทางออกจากเมืองแล้วขอรับ”“ดีมาก!”เฉินฝานสะกิดฉินเย่ว์เจียวเบาๆ “เจ้าไปเรียกเย่ว์หนูและกองกำลังองครักษ์หญิงออกมา พวกเราก็จะออกจากเมืองเช่นกัน”“ใต้เท้า!” หลูเฉิงกวงกล่าวด้วยความตกใจ “ท่านก็จะออกจากเมืองด้วยหรือ?”“ใช่สิ!”ก่อนที่จะออกเดินทาง เฉินฝานยื่นมือออกจับไหล่ของหลูเฉิงกวง น้ำเสียงทุ้มต่ำ “พี่หลู”“ใต้เท้า มีเรื่องอันใด? สามารถรับสั่งข้าน้อยได้เลยขอรับ”หลูเฉิงกวงถูกการเรียกว่าพี่หลูของเฉินฝานทำให้ลนลาน และยังมีความมึนงงเล็กน้อยครั้งที่แล้ว ตอนที่เฉินฝานเรียกเขาเช่นนี้ เป็นหนึ่งคืนก่อนที่เขาจะมาเป็นนายกองที่เมืองหรงตูนับตั้งแต่ที่แยกจากตอนนั้นก็เป็นเวลาปีกว่าแล้วเมื่อมาพบกันอีกครั้ง ตำแหน่งขุนนางของเขาก็เหนือชั้นกว่าเ
“มิกลัว ๆ!”ดาบใหญ่หนึ่งหมื่นกว่าเล่มยกขึ้นพร้อมกัน ท่ามกลางแสงรุ่งอรุณอันเรืองรอง ส่องประกายแวววับอย่างเห็นได้ชัด“ดีมาก!” หลูเฉิงกวงส่งเสียงคำรามทันที “สาบานว่าจักปกป้องหรงตูยิ่งชีพ!”“สาบานว่าจักปกป้องหรงตูยิ่งชีพ!” ดาบใหญ่หนึ่งหมื่นกว่าเล่มยกขึ้นอีกครั้ง“ทำตามที่ฝึกซ้อมมา ทุกกลุ่มทุกแถวทุกตำแหน่งประจำที่!”“รับทราบ!”กองกำลังรักษาเมืองหนึ่งหมื่นกว่าคน ทุกคนว่องไวราวกับเป็นเสือดาว เข้าตำแหน่งด้วยความรวดเร็ว เริ่มทำการโจมตีกลับเหอกังมองแล้ว รู้สึกตื่นตกใจเป็นอย่างมากในคืนที่เข้าเมืองนั้น เหอกังก็คิดว่าวิธีฝึกทหารของหลูเฉิงกวงแตกต่างมิซ้ำใครจึงกล่าวถามเขาเขาตอบกลับมาว่าเฉินฝานเป็นคนแนะนำมองดูแล้วจำนวนคนน้อยนิด ทว่าทุกคนล้วนหาญกล้ามิเกรงกลัวสิ่งใด เป็นกองกำลังรักษาเมืองวีรบุรุษผู้กล้าที่พุ่งไปประจันหน้ากับกองกำลังเมืองเตียนตูกลุ่มแรกเหอกังตื่นตกใจอีกครั้งเฉินฝาน!การเป็นคู่ปรับกับเขาช่างเป็นเรื่องโชคร้าย!ด้านนอกเมือง“ฆ่ามัน ๆ ๆ!”กองกำลังเมืองเตียนตูทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อยู่ห่างจากกำแพงเมืองไม่ถึงหนึ่งลี้แล้ว ด้านหลังกลับมีเสียงตะโกนเข่นฆ่ามหาศาลดังขึ้นอย
“ขอแสดงกับยินดีกับท่านอ๋องด้วยขอรับ ๆ !” หลี่หงโห่วก็ทำท่าทีประจบประแจงเช่นกัน ไร้ซึ่งความกังวลที่จับตัวมาไปนานแล้ว“อื้ม!” อ๋องเจิ้งหนานที่อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก หันมาฉีกยิ้มให้กลับหลี่หงโห่ว “สามารถบุกทะลวงเมืองได้รวดเร็วเช่นนี้ เจ้าก็มีความดีความชอบอย่างมาก หลังจากนี้ ข้ารับรองว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้า”“ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องเลื่อนตำแหน่งให้ข้าหรอก ข้าต้องการศีรษะของเฉินฝาน!”“ได้ รอให้เขาบอกวิธีการประดิษฐ์ระเบิดมือออกมาก่อน ข้าจะยกเขาให้เจ้า จะจัดการเยี่ยงไรก็แล้วแต่เจ้า”“ขอบคุณท่านอ๋อง!” หลี่หงโห่วก้มหน้าลง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายเฉินฝาน!นี่เป็นผลจากการอวดดีของเจ้าเจ้าทำข้าอับอาย ข้าจะทำให้เจ้าอับอายมากกว่าร้อยเท่า“ฮี่ ๆ!”มีเสียงหัวเราะไร้เดียงสา ดังมาจากด้านหลังฝูงชนหันหลังกลับไปมองเห็นเพียงชายหนุ่มที่ดูดีมีชาติตระกูลผิวพรรณขาวผ่องคนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงทางเข้าค่ายที่ม่านแหวกตรงกลางออกตอนที่ชายหนุ่มรูปงามฉีกยิ้ม ดูท่าทางแล้วไร้เดียงสา มิเข้ากับภาพลักษณ์ดูดีขาวสะอาดของเขาแม้แต่น้อยข้างกายของชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ยังมีหญิงสาวรูปงามท่วงท่าเย้ายวนที่สะพายคั
“ท่านผลัดวันมิยอมมาหา คุณหนูตระกูลลู่ร้องไห้น้ำตาอาบหน้าทั้งวัน ถามข้าน้อยหลายคราว่าท่านมิต้องการนางแล้วหรือกระไร นางยังคงเป็นหญิงที่ขึ้นคาน...”“เย่ว์เจียว ๆ” เฉินฝานรีบปิดปากฉินเย่ว์เจียวอย่างลนลาน “เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องในครอบครัว มิต้องเอามาพูด”“เป็นเพราะข้าน้อยถูกอบรมสั่งสอนมิเข้มงวด ทำให้ทุกท่านหัวเราะเยาะเสียแล้ว”“ข้าน้อยพูดสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้กันอยู่แล้ว!” ฉินเย่ว์เจียวนิสัยใจร้อน ผนวกกับการที่นางกลัวจริง ๆ ว่าเฉินฝานจะยอมรับเงื่อนไขของอ๋องเจิ้งหนาน ดังนั้นจึงร้อนใจเล็กน้อย“ท่านมักจะไม่กลับที่พำนัก ตอนนี้ก็ยังจะรับสาวงามจากท่านอ๋องจำนวนมากมายเพียงนั้นอีก จากที่ข้าน้อยดู หลังจากนี้เหล่าพี่น้องที่ร่ำไห้ทุกค่ำคืนคงจะมีมากขึ้นกว่าเดิมแล้วล่ะ”“นายท่าน ท่านมิกลัวว่า น้ำตาของพวกนาง จะท่วมจวนตระกูลเฉินหรือกระไร?”ฉินเย่ว์เจียวที่ยิ่งพูดยิ่งกลัว ถึงขั้นที่ว่าเริ่มใช้ปากกัดเฉินฝานหากเฉินฝานทำตามอ๋องเจิ้งหนานจริง ๆ เช่นนั้นพี่สาวที่นั่งอยู่บัลลังก์มังกรนั้นจะทำเยี่ยงไร “นี่ ๆ เย่ว์เจียว เจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! เงื่อนไขที่อ๋องเจิ้งหนานเสนอเหล่านั้น ล้วนเป็นเรื่องสมมติหา
หลี่หงโห่วรีบร้อนตอบกลับ “มีเพียงในจวนข้าเท่านั้น ข้าน้อยตรวจสอบและค้นหาอย่างละเอียดรอบคอบ ให้สายตรวจลักลอบขุดเส้นทางลับ”“นี่ เจ้าเมืองหลี่ ข้าขอเตือนเจ้าเสียหน่อย!” เฉินฝานพูดจากด้านหลัง “คำพูดของเจ้าจะฟันธงเช่นนั้นมิได้ อย่างเช่นค่ายทหารที่สกปรกรกรุงรังทางตะวันตกของเมืองที่เจ้าไม่ยอมไปนั้น ที่แห่งนั้นเจ้ามิได้ไปตรวจสอบ”“ปกป้องท่านอ๋อง ๆ กองกำลังลาดตระเวนมาแล้ว!”แม่ทัพกองกำลังเมืองเตียนตูที่เลือดท่วมร่างคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา พูดจบไปได้มินาน ศีรษะถึงพื้นก็สิ้นลมไป“กองกำลังลาดตระเวน?”“กองกำลังลาดตระเวน!ตื่นตระหนก มิน่าเชื่อ!คลังเก็บอาหารในเมืองหรงตูถูกเผาทำลายไปแล้ว ในเมืองเกิดความโกลาหลวุ่นวาย เส้นทางลับออกจากเมืองของหลี่หงโห่วเส้นนั้น ทางเข้าก็ถูกปิดผนึกไว้แล้ว และยังมีทหารป้องกันอย่างแน่นหนากองกำลังเมืองเตียนตูออกจากเมืองไปได้อย่างไรกัน?“เฮ้อ!” เฉินฝานถอดหายใจเสียงดัง “เมื่อครู่ข้าก็เตือนแล้ว เจ้าเมืองหลี่มิได้ไปตรวจสอบค่ายทหาร ค่ายทหารแห่งนั้นยังมีลู่ทางที่สามารถออกจากเมืองได้ พวกเราก็ออกจากเมืองโดยใช้เส้นทางนั้น หลังจากผลัดเปลี่ยนกลับมาโอบล้อมศัตรู”“อ๋องเจิ้งหน
เฉินฝานนั่งไขว่ห้าง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง แหงนหน้ารับแสงตะวัน“แสงตะวันของวันนี้ช่างผ่อนคลายเสียจริง สหายกองกำลังลาดตระเวนคงจะไม่ต้องกังวลว่าเลือดที่อาบมีดดาบจะแข็งตัวแล้ว”“คิดจริงๆหรือว่าเจ้ารู้วิธีประดิษฐ์โถระเบิดสุราแล้ว ข้าจะมิสังหารเจ้า”อ๋องเจิ้งหนานกัดฟันกรอด สีหน้าดุร้ายโหดเหี้ยม“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว จากจับเป็นเจ้าได้รับหนึ่งแสนตำลึงทอง เปลี่ยนเป็นรอให้เหล่าทหารของข้าเหล่านั้นกลับมา ข้าจะให้พวกเขาบรรจงขูดเลือดเนื้อเจ้าออกมา ผู้ใดขูดออกมาได้มาก ข้าก็จะให้ตำลึงมากเช่นกัน นำเงินหนึ่งแสนตำลึงทองนั้นแบ่งให้หมด”“ท่านอ๋อง แม่ทัพกองกำลังที่สองกลับมาแล้วขอรับ!”ด้านนอกค่ายทหารมีคนตะโกนเสียงดังความดีใจมหาศาลทำให้ใบหน้าของอ๋องเจิ้งหนานบิดเบี้ยวจนน่าสะพรึงกลัว เขามองไปที่เฉินฝานอย่างดีอกดีใจ“ดูสิ คนของข้ากลับมาแล้ว เจ้าต้องชดใช้ให้กับความอวดดีของเจ้า”อ๋องเจิ้งหนานเพิ่งจะพูดจบ มีบุคคลที่สวมชุดสีแดงปรากฏตัวต่อสายตาสาธารณชน“ท่าน...แค่ก!”คนผู้นั้นเพิ่งจะเริ่มพูด ก็กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง ล้มลงกับพื้นมิสามารถลุกขึ้นมาได้อีกตอนนี้ ฝูงชนจึงได้สติกลับมา เสื้อผ้าที่เขาใส่มิใช่
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ