“พวกท่านสองพ่อลูกไม่ต้องแย่งกัน เสิ่นหมิงหยวนเสนอชื่อพวกท่านทั้งสองในท้องพระโรง ไม่ว่าพวกท่านคนใดอยากอยู่ในเมืองหลวงก็ไม่อาจเป็นไปได้” เฉินฝานพูด“เสิ่นหมิงหยวนอยากโค่นล้างตระกูลเหอของพวกข้า!” เหอกังกำหมัดแน่น สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความแค้น“กล่าวอย่างถูกต้องคือ เสิ่นหมิงหยวนอยากฆ่าพวกเราทั้งหมด ตราบใดที่พวกเราไม่แปรพักตร์ไปอยู่กับพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยพวกเรา ดังนั้น...”เฉินฝานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเราไม่อาจโอดครวญ พวกเราต้องรักษาชีวิตของตนเอง และต้องกำจัดอ๋องเจิ้นหนานทิ้ง”“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์เหมยยังคงมีสีหน้ากังวล “กำจัดอ๋องเจิ้นหนานเป็นเรื่องยาก ค่ายลาดตระเวนนั่น...”แม้ปฐมจักรพรรดิจะลดจำนวนทหารเตียนตูไปมากแล้ว ทว่ายังมีมากถึงห้าหมื่นนายอ๋องเจิ้นหนานเป็นคนโหดเหี้ยม ยามเขาฝึกทหาร เทียนไม่เห็นทหารเป็นคนภายใต้การฝึกหนักของอ๋องเจิ้นหนาน ทหารเตียนตูแต่ละคนราวกับพยัคฆ์ร้าย โหดเหี้ยมอย่างมากค่ายลาดตระเวนของเหอจื่อหลิน แม้จะมีห้าหมื่นคนเช่นเดียวกัน แต่โดยมากล้วนเป็นบุรุษที่มาจากตระกูลใหญ่ บวกกับเสิ่นหยวนฮวาไม่รู้วิธีฝึกทหาร เวลานี้ทหารห้าหมื่นนายในค่ายลาดตระเวน นอกจากรังแ
“ตนรอใต้เท้าอยู่ก็พูดตามตรง เหตุใดต้องอ้างฮองเฮาด้วย!”หงอิงวิ่งออกไป เพราะว่า...“ปึ้ง!”แท่นบดหมึก ถูกโยนไปตำแหน่งที่หงอิงยืนเมื่อครู่ห่างจากเข้าวังหลวงรอบก่อน ประมาณสิบวันแล้วไม่เจอกันสิบวัน เสิ่นไต้มั่นราวกับหญ้าแห้งในไร่ เมื่อเฉินฝานมา ก็ระดมจูบกอดทางด้านฉินเย่ว์เหมยและขันทีผู้ดูแลกลับไม่สนใจ ปล่อยให้เสิ่นไต้มั่นอยู่กับเฉินฝานจนถึงเช้าตรู่ กว่าเฉินฝานจะได้ออกมาจากตำหนักฮองเฮา“ล่วงเลยยามจื่อแล้ว ไม่สะดวกออกจากวังหลวงแล้ว วันนี้เจ้าอยู่พระตำหนักไท่เหอแล้วกัน!”กลับถึงพระตำหนักไท่เหอ ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วเดินเข้าไปในตำหนักถอดชุดนางกำนัลออกนี่มันเรื่องอะไรเฉินฝานยืนฉงนอยู่ที่เดิม ไม่ให้เขาออกจากวังหลวงเช่นนั้นหรือ?หลายครั้งก่อนตอนเข้าเฝ้าเหอเสียนเฟย ก็อยู่จนถึงดึก แต่ฉินเย่ว์เหมยยังคงหาวิธีออกจากวังหลวงให้เขาได้ตอนออกมา เห็นเฉินฝานยืนอยู่ที่เดิม จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหตุใดจึงยืนอยู่ข้างนอก ไม่เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า”“เฮ้อ เข้าใจแล้ว!” เฉินฝานเบ้ปาก รีบวิ่งเข้าไปในตำหนักตำหนักด้านใน ฉินเย่ว์เหมยไม่ให้เข้ามานานแล้วเมื่อเข้ามาด้านในตำหนัก เฉิ
“นี่คือจานบินโลหิต นี่คือเกาทัณฑ์แขนเสื้อดอกเหมย นี่คือขนนกยูงมรกต...”กลัวเฉินฝานใช้ไม่เป็น ฉินเย่ว์เหมยจึงเริ่มสอนรอบที่สอง“พอได้แล้ว!” เฉินฝานคว้าข้อมือของฉินเย่ว์เหมย ดึงตัวนางมาข้างกาย “หยุดพูดได้แล้ว ดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ฝ่าบาทยังต้องเข้าท้องพระโรงแต่เช้า”เฉินฝานอยากอุ้มฉินเย่ว์เหมยไปที่เตียงเดินทางทะลุมิติมาตั้งนาน เขายังไม่เคยนอนกอดภรรยาหลวงคนนี้มาก่อนผลสุดท้ายเฉินฝานเพิ่งอุ้มฉินเย่ว์เหมยเข้าไปในผ้าห่มไม่นาน นางก็ดึงสติกลับมา“คนบ้า!”ฉินเย่ว์เหมยจ้องไปที่แผงอกกว้างของเฉินฝาน แล้วเตะหนึ่งที“อั๊ยโย๊ว!”เฉินฝานเอามือป้องหน้าอก แกล้งทำเป็นเจ็บปวด “ท่านคิดอยากจะลอบสังหารสามีตนเองจริงๆ หรือ เจ็บยิ่งนัก!”“ระมัดระวังคำพูด สามีอะไร ข้าบอกอีกรอบ ข้าไม่มีวันแต่งงานกับใคร!”“ว้าว ท่านแต่งเข้าตระกูลเฉิน คิดไม่ถึงว่าหลังจากได้กันแล้วก็จะไม่รับผิดชอบ ผู้หญิงใจร้าย!”เฉินฝานบิดพลิ้ว คำพูดของเขาทำให้ฉินเย่ว์เหมยเขินอายยิ่งนัก “ข้าไม่รับผิดชอบตอนไหน ตอนนั้นข้าแต่งเข้าตระกูลเจ้า ทว่าพวกเราไม่ได้ ไม่ได้ร่วมหอกันเสียหน่อย!”“แม้ไม่ได้ร่วมหอท่านก็เป็นคนของข้า แต่ตอนน
พ่อลูกตระกูลเหออกรบ สยบกบฏ ฉินเย่ว์เหมยนำขบวนขุนนางนับร้อยออกไปส่งนอกวังหลวง“เจ้าต้องมีชีวิตรอดกลับมา!”ตอนเฉินฝานขึ้นรถม้า จู่ๆ ก็ถูกฉินเย่ว์เหมยดึงตัวลงมา“ฝ่าบาท ท่านวางใจเถอะ ข้ายังไม่ได้ดื่มด่ำกับน้ำมังกรมากพอ”" เฉินฝานพูดด้วยรอยยิ้มความเสน่หาระหว่างเฉินฝานและฉินเย่ว์เหมย บรรดาขุนนางเพียงเบือนหน้าหนี ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใดเพราะถึงอย่างไร เฉินฝานก็เป็นขุนนางคนโปรดของฉินเย่ว์เหมย ทางด้านฉินเย่ว์เหมยก็ชื่นชอบไม้ป่าเดียวกัน“คน...”“โอ๊ย ฝ่าบาท ท่านช่วยเปลี่ยนคำได้หรือไม่ ข้าฟังคำนี้จนเบื่อแล้ว”เฉินฝานอาศัยโอกาสนี้กระโดดขึ้นรถม้าต้องรีบหนี มิเช่นนั้นฉินเย่ว์เหมยเปลี่ยนใจกะทันหันไม่ปล่อยเขาไปทหารสยบกบฏ เดินทางไกลออกไปเรื่อยๆ“ท่านพ่อ กองทัพทหารหญิงร้อยกว่าคนของเฉินฝานตามไปแล้ว” เสิ่นหยวนฮวาเดินไปหาเสิ่นหมิงหยวนแล้วพูดกระซิบเสียงเบา“คิดว่าทหารเตียนตูเป็นโจรภูเขาจริงๆ หรือ?”“ช่างโง่เขลา น่าขันจริงๆ!”หลี่ชิ่งที่ไม่ค่อยพูดจาเพียงส่ายหน้า แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน“เฮ้อ ไม่อาจพูดเช่นนี้ บางทีซื่อหลางกรมพระคลังของพวกเรา อาจจะมีวิธีกลยุทธ์แปลกๆ ก็ได้?” รอยยิ้มบนใ
“ไม่ถึงสามหมื่นคนแล้ว?”คนเกือบครึ่งหนึ่ง!เฉินฝานประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้ว่าหนีไปจำนวนมาก แต่คิดไม่ถึงว่าหนีไปมากขนาดนี้“คนที่ไม่หนีเหล่านั้นแต่ละคนวิตกหวาดกลัว ไม่มีกำลังสู้แม้แต่ครึ่งหนึ่ง เผชิญหน้ากับกองทัพเตียนตูขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าคงถอดชุดเกราะทันทีเช่นกัน แล้วสงครามนี้จะสู้ต่ออย่างไร”เหอจื่อหลินผ่านศึกร้อยรบเช่นกัน ปีนั้นเขานำทัพทหารพันนายเผชิญหน้ากับทหารและม้าศึกของศัตรูหมื่นนาย ก็ยังไม่เคยเกรงกลัวตอนนี้…ในใจกลับไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย“เพียะ!”“อ๊าก!”“อ๊าก! หยุดตีเถอะ หยุดตีเถอะ!”ในช่วงเวลานี้ รองแม่ทัพของเหอจื่อหลินกำลังตวัดแส้ฟาดทหารสองสามคนทหารเหล่านั้นที่ถูกแส้ฟาดลงไป โอดร้องอย่างเจ็บปวดไม่หยุดครั้นเหอจื่อหลินเดินหน้าเอ่ยถาม แท้จริงแล้วทหารสองสามคนเหล่านั้นคิดจะหนี แต่รองแม่ทัพจับได้เลยถูกนำตัวกลับมาเหอจื่อหลินถอดใจแล้วเล็กน้อยได้ฟัง ก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม เขารับแส้จากรองแม่ทัพมาแล้ว ยกขึ้นสูง…“พี่จื่อหลิน!”เฉินฝานกระโดดลงจากรถม้า คว้ามือเหอจื่อหลิน แล้วส่ายหน้าให้สัญญาณกับเขาว่าอย่าตี“น้องฝาน คนพวกนี้คิดจะหนี ไม่ให้บทเรียนแก่พวกเขาได้อย่างไร
ทหารทุกนาย รวมถึงพ่อลูกเหอกัง ต่างมองเฉินฝานด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“ในเรือน มีภรรยาและลูกอันเป็นครอบครัวอบอุ่น ใครพูดไม่ว่าอยากกลับล้วนเป็นคนพูดโกหกทั้งนั้น”“แม่ทัพอาวุโสเหอ แม่ทัพเหอน้อย หยุดเสแสร้งเถอะ พวกท่านก็อยากกลับไปมากเช่นกัน”เฉินฝานกล่าวสองประโยคนี้ ยิ่งทำให้เหล่าทหารตะลึงงันพวกเขาต่างรู้ว่า แม้ว่าเฉินฝานเป็นซื่อหลางกรมพระคลัง แต่สถานะของเขาในเวลานี้เปรียบเสมือนกับกุนซือกุนซือมีความคิดเห็นตรงข้ามอย่างเปิดเผยกับผู้นำกองทัพ เป็นครั้งแรกของการพบเห็นตั้งแต่พวกเขาเป็นทหารนานเพียงนี้“ข้าขอถามอีกครั้ง ไม่อยากสู้รบ อยากกลับแล้วจงยกมือ”ตอนเริ่มต้น มีเพียงไม่กี่คนที่ยกมือขึ้นมาครั้นเห็นมีคนยกมือ คนยกมือก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้าย นอกจากพ่อลูกตระกูลเหอ ทหารลาดตระเวนก็ยกมือขึ้นทั้งหมด“ดีมาก!” เฉินฝานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “คนนอกต่างพูดว่าทหารค่ายลาดตระเวนเป็นทหารคุณชาย ข้าไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น แท้จริงแล้วพวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นทหารดีมีเลือดมีเนื้อ”ครั้นเฉินฝานกล่าวชมเช่นนี้ คนส่วนมากกลับเริ่มทำตัวไม่ถูกขึ้นมาถูกคนอื่นกล่าวหาว่าเป็นทหารคุณชาย เป็นคนไร้ประโยชน์มาเป็นเวล
“ย่อมไม่ยอมแน่!”เหล่าทหารตอบสนอง แต่เป็นเสียงหร็อมแหร็มและเสียงก็ไม่ดัง“เสียงเบาไปแล้ว จงพูดอีกครั้ง พวกเราสามารถยอมได้หรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยถามเสียงดังอย่างฮึกเหิมอีกครั้ง“ยอมไม่ได้!”“พวกเจ้าแต่ละคนไม่ได้กินข้าวหรือไร เสียงเบาขนาดนั้น พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าคำขวัญของอ๋องเจิ้นหนานคืออะไร?”“คำขวัญของเขาคือ:สู้ให้ถึงเมืองหลวง นอนกับภรรยาของผู้ชายทั้งเมืองหลวง แม่มันเถอะ!” เฉินฝานกล่าวคำหยาบ “ด้วยกำลังของพวกเจ้าเพียงเท่านี้ ก็สมควรแล้วที่ภรรยาถูกผู้อื่นหลับนอนด้วย!”“ยอมไม่ได้!”“ยอมไม่ได้!”คำพูดของเฉินฝาน ปลุกโทสะของเหล่าทหารได้ในที่สุด แต่ละคนต่างคำรามเสียงสูงในที่สุดทหารคุณชายเหล่านี้ก็มีความเป็นผู้ชายขึ้นมาบ้างเฉินฝานยกแขนขึ้นตะโกน “โค่นล้มกองทัพเตียนตู จับตัวอ๋องเจิ้นหนานทั้งเป็น!”“โค่นล้มกองทัพเตียนตู จับตัวอ๋องเจิ้นหนานทั้งเป็น!” “โค่นล้มกองทัพเตียนตู จับตัวอ๋องเจิ้นหนานทั้งเป็น!” เสียงคำรามประหนึ่งขุนเขาและคลื่นทะเลดังก้องไปทั่วหุบเขาเหอจื่อหลินที่ยืนด้านข้าง นัยน์ตาแผดพร้อมน้ำตาร้อนเป็นครั้งแรกได้ยินเสียงมีพลังขนาดนี้ ตั้งแต่รับทหารคุณชายกลุ่มนี้มาอยู่ในมื
“เมื่อถูกล้อมแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียง…สู้!”เหอกังกล่าวเสียงขรึม “จื่อหลิน!”“ข้าน้อยอยู่ขอรับ!”ข้าน้อยอยู่ขอรับเสียงหนึ่งของเหอจื่อหลิน ทำใบหน้าของเหล่าทหารเริ่มปรากฏสีหน้าต่างๆ นานา สีหน้าของอาการหวาดกลัวเช่นเดิมแสดงบนใบหน้าของพวกเขาอีกครั้งมีคนทำเกินความจริงยิ่งกว่า ขาเริ่มสั่นระริก“แม่ทัพใหญ่เหอ พวกเรายังสู้ตอนนี้ไม่ได้!” เฉินฝานกล่าวเสียงรีบเร่งพวกเขาเดินทางจากเมืองหลวงแดนไกล ถือว่าเป็นทหารที่กำลังเหนื่อยล้าภายใต้สถานะแบบนี้ ต่อให้เป็นกองทัพหมาป่าของเพ่ยจี้ ยังต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกองทัพลาดตระเวนที่มีกำลังการต่อสู้ธรรมดาด้วยซ้ำหากตอนนี้ตอบรับการรบ พ่ายแพ้ยังพูดได้เพียงนิยาย เพียงไม่ทันระวัง กองทัพอาจถูกกวาดล้างไปทั้งหมดก็เป็นได้เหอกังกล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจ “เสี่ยวฝาน ข้าเองก็ไม่อยากรบ แต่กองทัพเตียนตูล้อมทัพเข้ามาแล้ว ไม่รบคงไม่ได้แล้ว จื่อหลิน เจ้าไปจัดวางกำลังทหารเดี๋ยวนี้”“แม่ทัพใหญ่ โปรดช้าก่อน พวกเราน่าจะไม่ต้องสู้ก็ได้”ขณะที่พูด เฉินฝานได้ดึงแผนที่แผ่นหนึ่งออกมาจากอ้อมอกแผนที่แผ่นนี้คือระหว่างที่เฉินฝานเดินขบวนทหาร เขาวาดตามค
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ