ไป่เผยหรานยังรู้สึกไม่วางใจ อยากพูดอีก แต่เหอจื่อหลินส่ายหัวให้กับเขา “พี่ไป่ ใต้เท้าทำได้”เหอจื่อหลินไม่เคยเห็นฝีมือของเฉินฝานกับตา แต่หลี่ซานเคยบรรยายไว้กับเขาตอนที่เฉินฝานแบกคันธนูของฉินเย่ว์เหมยมาถึงหน้าประตูจวนตระกูลเสิ่น เพื่อขวางทางเสิ่นหยวนฮวา เสิ่นหยวนฮวาขำจนตัวเอนเอียงเพราะสองมือที่ดึงคันธนูของเฉินฝาน สั่นระริก ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยเสิ่นหยวนฮวาที่อยู่บนหลังม้าโน้มตัวทอดมองเฉินฝานอย่างเป็นกังวลครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้า “เฉินฝาน คันธนูของเจ้าหนักเกินไป ไม่เหมาะกับเจ้า”ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ท่าทางดึงคันธนูของเฉินฝานยิ่งสั่นมากขึ้นเสิ่นหยวนฮวากล่าวต่อ “หรือไม่ ข้าเปลี่ยนตัวที่เบากว่านี้ให้เจ้า?”ก่อนที่เขาจะพูดจบ คันธนูในมือของเฉินฝานเริ่มหย่อน เสิ่นหยวนฮวาจึงยื่นเท้าออกไป เขาใช้เท้าช่วยเฉินฝานพยุงไว้แม้ว่าเป็นเช่นนี้ คันธนูในมือของเฉินฝานก็ยังสั่นระริก ท่าทางน่าขำมาก“ฮ่า ๆ”“ฮ่า ๆ ๆ”“ข้าเกือบหัวเราะตายเพราะเขาจริง ๆ”เหล่าทหารม้าศึกหัวเราะเสียงดังกว่า หลายคนยังเอามือจับที่ท้อง เพราะหัวเราะจนเจ็บท้องเสิ่นหยวนฮวาใช้กระบี่คู่กายตีทหารอารักขาข้าง ๆ ที่ห
อย่างไรเสียเฉินฝานก็เป็นหลางซื่อขั้นสาม สื่อซงจะจัดการกับเฉินฝาน ก็ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมผนวกกับการที่สื่อซงเชื่อโชคลาง ปกติที่เขาจะประหารคนล้วนต้องดูฤกษ์ก่อนสื่อซงเชื่อมั่นว่าสังหารคนในวันฤกษ์ดี จะทำให้เทพเจ้าพิโรธวันหนึ่งค่ำและสิบห้าค่ำเขาจะไม่สังหารคนไป่เผยหรานคำนวณแล้ว วันที่เฉินฝานเข้าคุก ประจวบเหมาะเป็นฤกษ์ดีและวันถัดไปเป็นวันสิบห้าค่ำเฉินฝานมีเวลาสองวันไปสืบหาสถานที่ที่เสิ่นหยวนฮวานำคนไปซ่อนไว้ตอนที่เสิ่นหยวนเลี่ยงมาถึงกรมความรอบคอบ ผู้คุมขังเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้านักโทษให้เฉินฝานเสร็จ“รีบเดิน!” เฉินฝานถูกผู้คุมสองสามคนผลักเข้าไปในคุก“ช้าก่อน!” เสิ่นหยวนเลี่ยงพูดขึ้นอย่างกะทันหัน“ใต้เท้าน้อยเสิ่น วันนี้ฤกษ์ดี พรุ่งนี้คือสิบเดือนสิบ ตามกฎแล้ว สองวันนี้จะไม่สังหารคน นี่ไม่ใช่กฎที่ข้ากำหนด ทว่าตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนอยู่ ก็มีกฎเช่นนี้แล้ว ท่านอัครเสนาบดีก็ทราบดี” กลัวว่าเสิ่นหยวนเลี่ยงจะโมโห สื่อซงจงใจอธิบายเสิ่นหยวนฮวายยิ้มบางๆ “ใต้เท้าสื่อ เจ้าวางใจเถิด กฎนี้ข้าเข้าใจ เพียงแค่...สายตาของเสิ่นหยวนเลี่ยงชั่วร้าย “ใต้เท้าสื่อ ต้องตรวจค้นร่างกายนักโทษผู้นี้ให้ถี่ถ
ตอนที่เฉินฝานมองไปที่นักโทษประหารผู้นั้น นักโทษประหารผู้นั้นก็มองมาที่เขาพอดีเช่นกันตอนที่สี่ตาจ้องมองกัน นักโทษประหารผู้นั้นพลันเผยให้เห็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย “ผิวพรรณนุ่มนวลเนียนละเอียด รสชาติน่าจะไม่เลว”“ขอบคุณ!” เฉินฝานฉีกยิ้มคำตอบของเฉินฝาน ทำให้นักโทษผู้นั้นตะลึงทันที “เจ้าหนุ่ม เกรงว่าเจ้าคงจะเป็นคนโง่คนหนึ่งกระมัง ข้าบอกว่าจะกินเจ้า เจ้ายังจะมาขอบคุณอีกรึ?”“เจ้าขู่ขวัญใครกัน เจ้ากับข้า ใครจะอยู่ใครจะตายยังไม่แน่เสียหน่อย?”เฉินฝานกล่าวอย่างเนิบนาบ ท่าทางน้ำเสียงของเขา ทำให้นักโทษประหารเดือดดาลอย่างมากเมื่อก่อนคนที่ถูกจองจำเข้ามา เมื่อเห็นเขา ทุกคนถ้าไม่ขาสองข้างอ่อนปวกเปียก พวกที่กระดูกแข็งหน่อย ก็นอนอยู่ด้าน พวกที่กระดูกอ่อนก็ขอร้องความเมตตาไม่หยุดหย่อนเฉินฝานไม่เพียงแต่ไม่ขอร้องความเมตตาเท่านั้น ยังพูดจายั่วยุอีกด้วยนักโทษประหารยกเท้าเตะทันที!“ปัง!”โซ่ตรวนเหล็กตรงเท้ากระทบกับรั้วเหล็กอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว รั้วเหล็กสั่นไปมารั้วเหล็กขังนักโทษประหารไว้ไม่ได้อยู่แล้วภายในขอบเขตความยาวโซ่ตรวนเหล็กตรงเท้า นักโทษประหารอยากไปตรงไหนก้ไปตรงนั้น
“ก้นไก่ก็ยังพอไหว ก้นเป็ดกลิ่นคาว เหม็นเพียงนั้น เขายังกินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นนั้น ไม่สะอิดสะเอียนหรือกระไร?”“ถ้าเขาปกติก็คงไม่ถูกจองจำในคุกน้ำหรอกผู้คุมขังสองคนเดินผ่านคุกเฉินฝานพูดคุยอย่างสนุกสนานหลังจากที่ผู้คุมออกไปแล้ว คุกน้ำเงียบสงัดมีเพียงเสียงนักโทษประหารที่เคี้ยวก้นเป็ดดังจ๊อบแจ๊บเฉินฝานพิงรั้วเหล็ก กล่าวอย่างเชื่องช้าเรียบนิ่ง “เจ้าฉลาดมาก!”นักโทษประหารเลิกคิ้วขึ้นเท่านั้น ก้มหน้าเคี้ยวก้นเป็ดต่อไปห่างตั้งหลายเมตร เฉินฝานก็ยังสามารถได้กลิ่นคาวของก้นเป็ดได้เฉินฝานกล่าวต่อ “ต่อให้สร้างความวุ่นวาย ผู้คุมขังก็ยังให้เจ้ากินเนื้อ สื่อซงกับพ่อลูกตระกูลเสิ่นก็คงจะไม่ให้เจ้ากินเนื้ออย่างเปิดเผยโดยไม่กลัวความผิด ก่อความวุ่นวายครึ่งหนึ่งก็ให้เนื้อก้นไก่ก้นเป็ด ไม่เพียงไม่ทำให้ผู้อื่นสงสัย ยังคิดว่าเป็นการลงโทษอีกด้วย”“ถึงแม้ก้นไก่ก้นเป็ดจะกลืนลงคอได้ยาก ทว่าไขมันเยอะเพียงพอ ไขมันที่เพียงพอ จะทำให้เจ้ายังสามารถรักษาสภาพร่างกายแข็งแรงของเจ้าไว้ได้ เช่นนี้เจ้าจึงคุณค่าที่ใช้งานต่อไปได้ พ่อลูกตระกูลเสิ่นก็ไม่สังหารเจ้า”นักโทษประหารวางก้นเป็ดลง มองไปที่เฉินฝานอีกครั้ง คว
นักโทษประหารยืนในน้ำ ใบหน้าพลันแดงขึ้นมาเล็กน้อยฉินเย่ว์เหมยตัวสั่นทันที สีหน้าหม่นหมองด้วยความร้อนใจ “เฉินฝานล่ะ?”“สื่อซง!” เสิ่นหยวนฮาเตะสื่อซงหนึ่งที “ฝ่าบาทเจ้าถามอยู่ เฉินฝานไปไหนแล้ว?”สีหน้าของเสิ่นหยวนฮวามีความเดือดดาลเล็กน้อยเขารู้ว่าความเร็วในการสังหารคนของนักโทษประหารรวดเร็วอย่างมาก โดยเฉพาะขุนนางฝ่ายบุ๋นที่ร่างกายอ่อนแอดังเฉินฝานเช่นนี้ ไม่พอให้นักโทษประหารได้ลงแรงเสียด้วยซ้ำเขาเคยออกคำสั่งกับสื่อซงไปนานแล้วว่าไม่ต้องโยนเฉินฝานเข้าไปอยู่ร่วมกับนักโทษประหารเร็วเพียงนั้นต้องให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมจึงจะโยนเข้าไปเช่นนั้น ประจวบเหมาะกับการให้ฉินเย่ว์เหมยเห็นเฉินฝานตายดีจะตายไป“ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพ วันนี้เช้าเฉินฝานก็.... อย่างกะทันหัน” สื่อซงชี้ไปที่นักโทษสังหาร “เจ้าโจรนี้โวยวายขึ้นมา ไม่รู้รายละเอียดว่าพวกเขาทะเลาะอันใดกัน ตอนที่ข้าน้อยเข้ามา คุกของเฉินฝานถูกทุบจนเป็นรูโหว่ช่องหนึ่งไปแล้ว”ประตูคุกที่จองจำเฉินฝานห้องนั้น มีรูโหว่ช่องหนึ่งจริงๆทว่าไม่ใช่นักโทษประหารที่เป็นคนทุบ ทว่าสื่อซงให้คนทุบไว้ก่อนเกิดเรื่องแล้ว“เจ้าโจรโยนเฉินฝานลงไปในคุกน้ำของเขา พว
ทันใดนั้นคุกน้ำราวกับช่องทางน้ำใหญ่หนึ่งสาย น้ำไหลจากจุดที่นักโทษประหารกระทืบเท้าออกไปอย่างรวดเร็วน้ำไปแล้วทำเห็นสิ่งไม่ดีได้เด่นชัดตอนที่น้ำในคุกน้ำใกล้จะเหือดแห้งแล้ว สีหน้าของเสิ่นหยวนฮวาเริ่มผิดปกติ“เฉินฝาน คืนลูกสาวข้ามา!”ตวนซินอ๋องยังคงตบตีอยู่กับเฉินฝาน เฉินฝานลื่นล้ม ตอนที่ล้มลงกับพื้น ยังลากตวนซินอ๋องลงไปด้วย“ท่านอ๋อง!” เฉินฝานตีก้อนหินที่ยื่นออกมาจากกำแพงคุกน้ำของพวกเขาเบาๆ “ลากมันออกมา”ตวนซินอ๋องพยักหน้า ตวาดลั่น “เฉินฝาน ไม่คืนลูกสาวข้า ก็เอาชีวิตมาแลก!”“เร็วเข้า ตวนซินอ๋องเสียสติไปแล้ว!”เสิ่นหยวนฮวาจะโกนลั่น ออกคำสั่งกับองครักษ์ข้างกายให้ไปห้ามตวนซินอ๋องไว้ทว่า...สายไปแล้วพละกำลังของตวนซินอ๋องราวโคถึกก้อนหินที่ถูกฝังไว้ที่กำแพงคุกน้ำ ถูกเขาดึงออกมาเสียอย่างนั้น“ครืด!”เสียงดังสนั่นดังขึ้นทันใดนั้นกำแพงคุกน้ำถูกเปิดออก ด้านหลังมีทางเดินหนึ่งเส้นทางสองข้างเต็มไปด้วยคบไฟที่ปักอยู่ก้อนหินที่ตวนซินอ๋องดึงออกมา เป็นการเปิดกลไกทางลับเมื่อถึงตอนนี้ นักโทษประหารจึงเข้าใจ เมื่อครู่เหตุใดเฉินฝานอยู่ใต้น้ำนานเพียงนั้นเขาไม่ได้ถูกเขากดจนลุกขึ้นมาไม่ได
เฉินฝานก้มหัวลงโดยสัญชาตญาณวัตถุที่ชนกับร่างของเขาหากจะกล่าวให้ถูกต้อง ไม่ใช่วัตถุแต่เป็นมนุษย์ระหว่างสี่ตาสอดประสานกัน ฝั่งตรงข้ามปฏิกิริยาเร็วกว่าเฉินฝานแขนเรียวบางสองข้าง โอบรัดช่วงเอวเฉินไว้แน่น ใบหน้าเล็กพยายามคลอเคลียกับช่วงอกของเขาอย่างสุดชีวิต“นายท่านๆๆๆ...”ร่างเล็กสั่นราวกับตะแกรง คล้ายกับว่ามีคำพูดมากมาย ทว่าว่าพูดได้เพียงคำว่านายท่านสองพยางค์ซ้ำๆไม่หยุดเท่านั้นเป็นปฏิกิริยาตอบกลับของคนหลังจากที่เจอเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างหนักเฉินฝานดึงคนตัวเล็กในอ้อมอกเข้ามากอด ลูบผมปลอบโยนของนางอย่างต่อเนื่อง “ไม่ต้องกลัวนะ ข้าอยู่ตรงนี้นะ”เห็นฉินเย่ว์ฉู่ ฉินเย่ว์เหมยก็ตื่นเต้นเช่นกัน นางรีบรุดหน้าไปด้านทางเดินด้วยความรวดเร็วทว่ามีเงาร่างหนึ่งที่เร็วกว่านาง“เสี่ยวฉู่!”ฉินเย่ว์เจียววิ่งผ่านร่างของฉินเย่ว์เหมย เพราะฉินเย่ว์เจียว ฉินเย่ว์เหมยจึงสงบอารมณ์ได้ทันทีตอนนี้นางและเหล่าภรรยาของเฉินไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นตื่นเต้นเพียงนี้ ไม่เหมาะสมอย่างมากสภาพอารมณ์ของฉินเย่ว์ฉู่ค่อยๆสงบลงแล้ว โผล่ออกมาจากอ้อมอกของเฉินฝาน ชี้ไปที่เสิ่นหยวนฮวา“เป็นเขาที่พาข้าและท่
“ท่านพ่อ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย!”เสิ่นหยวนฮวาเสียงแหบแห้งหมดเรี่ยวแรงอ้อนวอนเสิ่นหมิงหยวนเสิ่นหมิงหยวนหลับตาลงด้วยความเศร้าโศกเรื่องมาถึงตอนนี้ ต่อให้เทพเจ้ามาก็ช่วยไม่ได้ฝ่าบาท ซินอ๋อง เหล่าขุนนางทั้งหลายอยู่ ภายใต้สายตาของฝูงชน อย่าว่าเสิ่นหมิงหยวนที่เป็นเพียงอัครเสนาบดี ต่อให้เป็นจักรพรรดิ ก็ไม่สามารถช่วยคนผิดอย่างโจ่งแจ้งได้เช่นนี้“ขุนนางเสิ่นที่รัก ท่านว่าควรจะจัดการเช่นไรดี?” ฉินเย่ว์เหมยถามเสิ่นหมิงหยวนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ท่านพ่อช่วยข้าด้วย!” เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยถามเช่นนี้ เสิ่นหยวนฮวาที่คิดว่าเรื่องเปลี่ยนไปในทางที่ดี กอดรัดขาเสิ่นหมิงหยวนไว้แน่นเสิ่นหมิงหยวนยกเท้าขึ้นเตะอย่างรุนแรงหนึ่งที “ลูกทรพี ปกติไยไม่ฟังคำพ่อ ตอนนี้มาอ้อนวอนมีประโยชน์อันใด”“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนมือประสานกันสองข้าง โค้งตัวเก้าสิบองศา “กระหม่อมสั่งสอนลูกไม่ถูกวิธี ฝ่าบาทโปรดจัดการตามกฎหมายต้าชิ่ง”ตามกฎหมายต้าชิ่ง เสิ่นหยวนฮวาทำร้ายเด็กสาว บีบบังคับเด็กสาว ตั้งบ่อนการพนันเป็นการส่วนตัว ถอนตำแหน่งขุนนาง ลดขั้นให้เป็นสามัญชน ไม่สามารถเป็นขุนนางได้ เนรเทศไปอยู่เขตชายแดนเพื่อที่จะให้เสิ่
พวกคนด้านหน้าที่หลบไม่ทัน บ้างก็ถูกม้าเหยียบบ้างก็ถูกเตะจนปลิว พวกเขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดแต่คนที่นั่งอยู่บนหลังม้า กลับไม่ยี่หระแม้แต่น้อย ไม่เพียงไม่ลดความเร็ว แต่ยังฟาดแส้ม้าในมือแรงขึ้น“จ้า!”“ระวัง!”เฉินฝานที่เดิมทีเบี่ยงตัวไปด้านข้างแล้ว รีบหันกลับมา ดึงตัวเมี่ยวอวี่ที่ยังคงยืนอยู่กลางถนน ด้วยความตกตะลึง“ว้าย!”เมี่ยวอวี่ที่ล้มตัวลงในอ้อมกอดของเมี่ยวอวี่ อุทานตามสัญชาตญาณ“วี้ด!”เสียงเป่าปากดังก้องทหารตรงกลาง ทันใดนั้นเองเขาก็จับแส้ม้าแน่นม้ายกขาหน้าทั้งสองขึ้น ทหารจับแส้ม้าแน่น หันขวับกลับมาอย่างรวดเร็ว“...”เพียงครู่หนึ่งเฉินฝานก็กระจ่างชัด รู้ว่าใครคือคนบนหลังม้าเขาคือหลี่ชิ่งสุนัขรับใช้ผู้แสนซื่อสัตย์ของเสิ่นหมิงหยวน หัวหน้าทหารรักษาการณ์เมืองหลวงเพิ่งหันกลับไป ดวงตาคู่นั้นของหลี่ชิ่งราวกับอินทรีย์ กวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วเขาก็มองมาที่เฉินฝานเฉินฝานอ้าแขนทั้งสองข้าง คว้าตัวเย่ว์เจียว เย่ว์หนูและเมี่ยวอวี่เข้าหาตน“ท่าน...”เมี่ยวอวี่เบิกตากว้าง หูของนางแดงก่ำอย่างรวดเร็วเพราะ...มือขวาของเฉินฝาน คลำสะโพกของนางไม่หยุดเฉินฝานก้มหน้าลง พูด
“ตอนนี้พวกเราไม่อาจเข้าเมืองได้!”“เพราะเหตุใด?” สีหน้าของฉินเย่ว์เจียวฉายความฉงน “พวกเราไม่เข้าเมือง แล้วจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้อย่างไร ตอนนี้ฝ่าบาทต้องเสียพระทัยมากแน่นอน”“เมือง!” ดวงตาสีดำดั่งน้ำหมึกของเฉินฝานมองไปที่ประตูเมือง ‘เมืองเซียนตู’ อักษรสามตัวขนาดใหญ่ “พวกเราต้องเข้าไปแน่นอน อีกทั้งต้องเข้าไปให้ได้”โรงเตี๊ยมและเรือนเซียนผาสุกปิดตัวลงกะทันหัน ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน“แต่ว่า พวกเราไม่อาจเข้าไปเช่นนี้”เฉินฝานหันหลังเดินออกไป“เจ้าอย่าคิดหนี ตามพวกข้ามา!”ตอนออกไป ฉินเย่ว์เจียวคว้าตัวเมี่ยวอวี่ “เจ้าเคยรับปากข้า หลังจากออกมาได้สำเร็จ เจ้าจะบอกให้ข้ารับรู้ว่าผู้ใดเป็นคนให้จี้หยกแก่เจ้า”คิ้วของเมี่ยวอวี่เลิกต่ำเล็กน้อย “ข้าไม่คิดจะไปจากพวกเจ้า!”เมี่ยวอวี่มาเพื่อลอบสังหารเขา ตอนนี้ไม่อาจให้ใครคนนั้นในเมืองเซียนตูรู้ว่าเขายังมีชีวิตเฉินฝานใช้ใบไม้ทองซื้อชุดไว้อาลัยสี่ตัวที่นอกเมือง ปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาเข้าเมือง“สวรรค์ริษยาความปรีชา ให้ชีวิตมอดม้วย ฮือๆๆ!”เพิ่งเข้าเมือง พวกเฉินฝานก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นถนนสองข้างทาง คนมากมายกำลังคุกเข่าร่ำไห้“
“นายท่าน!” เพิ่งจะเดินไปได้มิกี่ก้าว จู่ ๆ ฉินเย่ว์เจียวก็หยุดชะงัก หันหน้าไปมองเฉินฝานด้วยความมึนงง “อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายใต้เท้าเฉินฝาน คงจะมิได้หมายถึงท่านหรอกกระมัง”“มีโอกาสเป็นได้สูง!” เฉินฝานกล่าวอย่างเรียบนิ่ง“ว้าว ท่านได้เป็นอัครเสนาบดีแล้ว!” ใบหน้าอันงดงามของฉินเย่ว์เจียวตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก“ทว่า...” เฉินฝานหัวเราะสมเพชตนเอง “ตอนนี้กำลังพิธีศพให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่อยู่”“นั้นเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจผิด นายท่าน พวกเรารีบไปกันเถอะ เมื่อเจอพวกเราแล้วความเข้าใจผิดก็จะคลี่คลาย” ฉินเย่ว์เจียวรีบสาวเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นด้านหน้าเหล่าคนที่มีชีวิตรอดเดินออกมาจากหุบเขาพร้อมกับพวกเฉินฝาน มีคนจำนวนหนึ่งที่เดินไปถึงประตูเมืองแล้วเป็นดั่งที่หญิงชรากล่าว เพราะพวกเขาสวมเสื้อผ้าที่สกปรก ทหารที่รักษาเมืองจึงมิยอมให้พวกเขาเข้าไป“ใต้เท้า ได้โปรด! พวกเราเดินมาจากเศษซากทางเรือนเซียนผาสุก บ้านอยู่ในเมืองเซียนตู ให้พวกเราเข้าไปจึงจะสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้”คนที่กล่าววาจาคือจางเซิง“ถูกต้อง พวกเราถูกกักขังอยู่ด้านในมาหลายวันแล้ว กว่าจะออกมาได้มิง่ายเลย เจ้าให้พวกเราเข้าไปเถอะ”คนจำนวนมา
ทางด้านหน้า มีเงินกระดาษหยวนเป่าสีขาวมากมาย“มีคนทำพิธีกรรมอันใดงั้นรึ?”“ดูเหมือนว่าจะใช่”นับตั้งแต่ทางเข้าหุบเขามาจนถึงประตูทิศตะวันออกของเมืองเซียนตู ตลอดเส้นทางนี้ล้วนมีเงินกระดาษหยวนเป่าสีขาวตอนที่ฝูงชนเดินมาถึงประตูเมือง ก็พบว่าหอประตูเมืองถูกประดับไปด้วยผ้าสีขาวจำนวนมากหอประตูเมืองที่เดิมทีประดับด้วยโคมไฟสีแดงเป็นทิวแถว ตอนนี้โคมไฟเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว แม้กระทั่งตรงช่วงเอวของพลทหารรักษาก็ยังแขวนผ้าสีขาว“นี่เป็นพิธีศพ และยังยิ่งใหญ่อีกด้วย แม้กระทั่งตรงช่วงเอวของพลทหารยังแขวนผ้าสีขาวอีกด้วย คงจะมีคนใหญ่คนโตของเมืองเซียนตูเสียชีวิตกระมัง จึงทำให้ทั้งเมืองร่วมไว้อาลัยได้เช่นนี้”ฝูงชนพากันถกเถียงอภิปราย“หรือว่าจะเป็นเจ้าเมืองซื่อต้าเผิง?” ฉินเย่ว์เจียวก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน“สาวน้อย คำพูดนี้มิสามารถพูดมั่วซั่วได้ ท่านเจ้าเมืองยังอยู่ดี เจ้าสาปแช่งใต้เท้าเช่นนี้ ระวังใต้เท้าจับเจ้าเข้าคุก”มีหญิงชราคนหนึ่งเดินออกมาจากในเมืองมากล่าวเตือนฉินเย่ว์เจียว “ อีกอย่าง เจ้าเมืองจะมีงานใหญ่โตเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”“โอ้?” เฉินฝานรุดหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว ทำมือเคารพให้หญิงชรา “เช่นนั
“เจ้า...โอ๊ย ข้าโมโหจวนจะบ้าแล้ว!”ฉินเย่ว์เจียวค่อยๆลุกขึ้นยืน คิดที่โยนเมียวอวี่ออกไป ปรากฏว่าเมี่ยวอวี่ก็ค่อยๆลุกขึ้นเช่นกัน หลังจากนั้น...“......”เฉินฝานมองไปที่เมี่ยวอวี่ที่ติดหนึบเรือนร่างเขาราวกับปลาหมึกตัวหนึ่งด้วยความมึนงง“แม่นางเมี่ยวอวี่ รบกวนชีวิตสามีภรรยา เป็นเรื่องที่ไร้มารยาทอย่างมาก”เฉินฝานอุ้มเมี่ยวอวี่ออกไปด้านนอก“อย่าเอาข้าออกไป”แขนของเมี่ยวอวี่โอบรัดคอของเฉินฝานไว้แน่น นำศีรษะฝังแนบกับไหล่เขา กล่าวเสียงแผ่วเบารีบร้อน“ขอร้องล่ะ!”“ได้สิ” เฉินฝานเริ่มคิดเล่นสนุก “ให้เจ้าอยู่ก็ได้ ทว่าเจ้าต้องเปลื้องผ้าให้หมดและคลานเข้าไปในถุงนอนของข้า”ใบหูที่ขาวผ่องของเมี่ยวอวี่ เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด“มิมีทาง น้ำเสียงของเมี่ยวอวี่นุ่มนวล ทว่าสามารถฟังออกได้ว่ากัดฟันพูด“เหอะ!” เฉินฝานหัวเราะเยาะออกมาทันที “มิมีผลประโยชน์ให้ข้าแม้แต่น้อย ไฉนข้าต้องยอมให้เจ้าอยู่ที่นี้?”“สิ่งนี้!”เมี่ยวอวี่เปิดเสื้อตนเองออกทัศนียภาพที่งดงามพลันปรากฏต่อหน้าเฉินฝานเมี่ยวอวี่ที่ภายนอกที่ดูสูงสง่าราวเทพธิดา ภายในกลับ...“ต้องกล่าวว่าอาหารของกระท่อมหิมะนี้คุณภาพค่อนข้า
“เมื่อซดแกงปลาเรียบร้อยแล้ว ปลาย่างก็จวนจะได้ที่พอดีถึงแม้เครื่องเทศจะมิเยอะ ทว่าเฉินฝานก็โรยบนปลาทุกตัวอย่างละเล็กละน้อยเมื่อเครื่องเทศถูกโปรยลงไป กลิ่นหอมก็กระจายฟุ้งทั่วทุกสารทิศทันทีทุกคนล้วนทำจมูกฟุดฟิดสูดลมหายใจเข้าอย่างต่อเนื่องเพื่อจะดูดซับกลิ่นหอมเข้าไปให้ได้มากที่สุด“ข้าขอเอาไปก่อนแล้วกัน พวกเจ้าก็ค่อยๆแบ่งกันเองนะ!”เป็นเซียนเจี้ยนหวงอีกแล้ว เขาแบกปลาหลีฮื้อที่ตัวที่สุดออกไปทันทีเฉินฝานมอบหน้าที่ในการแบ่งปลาให้ฉินเย่ว์เจียว“มิต้องรีบ ได้ทุกคน”ฉินเย่ว์เจียวชำนาญในการกินปลาอยู่ก่อนแล้วนางมิได้นำท้องปลาที่มีก้างเยอะแบ่งให้เด็กเล็กและคนแก่ตอนที่กินปลายังเน้นย้ำให้ระวังก้างปลาซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉินเย่ว์เจียวที่มิแยแสต่อสิ่งใดกลับละเอียดรอบคอบเช่นนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเมื่อก่อนตอนที่อยู่หมู่บ้านซานเหอก้างปลาเคยติดคอของนางจึงทำให้หวาดกลัวหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็ล้วนอิ่มจนท้องป่อง สีหน้าอิ่มอกอิ่มใจพูดคุยสัพเพเหระในกระโจมอย่างสนุกสนานหากมิใช่ว่าด้านหลังมีกระท่อมหิมะและเรือนเซียนผาสุกที่ถล่มลงมา ยังคิดว่าคนเหล่านี้มาเที่ยวพักผ่อนเสียอีกเฉินฝานที่กินอิ่
เสียงของเซียนเจี้ยนหวง ไฉนฟังอย่างไรก็มิเหมือนที่ถูกแกงลวก เหมือน...เสียงซาบซึ้งใจที่ได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสเสียมากกว่าเฉินฝานก็รู้สึกได้เช่นกัน“ผู้เฒ่า ยังมีคนอีกมากมายที่รอกินอยู่ ไฉนเจ้าซดคนเดียวมากมายเพียงนั้น?”ตอนที่เซียนเจี้ยนหวงซดน้ำแกงทัพพีที่สี่ เฉินฝานก็แย่งทัพพีไม้ไผ่จากมือเขากลับมา“นี่ ๆ ให้ข้าซดอีกทัพพีมิได้หรือ?”เซียนเจี้ยนหวงมองทัพพีไม้ไผ่ในมือเฉินฝานด้วยสายตาละห้อย“ยังจะซดอีกงั้นหรือ?” เฉินฝานจ้องเขม็งไปที่เซียนเจี้ยนหวง “ถ้าขืนซดต่อไปอีกเจ้าก็คงจะอิ่มจนท้องแตกกันพอดี!”ทัพพีไม้ไผ่นี้ ตักได้ทีละครึ่งชั่งเชียวนะ“ใส่เกลือไปเพียงเล็กน้อย เอร็ดอร่อยเพียงนั้นจริงหรือ?”เฉินฝานพูดพึมพำ“แน่นอนว่าต้องอร่อยอยู่แล้วสิ!”อาศัยช่วงที่เฉินฝานกำลังพึมพำ เซียนเจี้ยนหวงก็แย่งทัพพีไม้ไผ่ไปจากมือเฉินฝานอีกครั้ง“ผู้เฒ่า เจ้า...”ตอนที่เซียนเจี้ยนหวงกลืนแกงปลาลงท้องไปอีกหนึ่งทัพพีเรียบร้อยแล้ว ท้องก็กลมป่อง ดูแล้วอิ่มเอมใจและรู้สึกมิสบายตัวเล็กน้อยเฉินฝานส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “ดูเจ้าสิช่างตะกละเสียจริง ตอนนี้ซดจนหนำใจแล้วกระมัง”“ฮี่ๆ!” เซียนเจี้ยนหวงแยกเขี้ย
ผ่านไปครู่เดียว เซียนเจี้ยนหวงก็สามารถเจาะรูที่กว้างประมาณห้าสิบเซนติเมตรบนพื้นน้ำแข็งได้“เจ้าหนุ่ม ใหญ่ขนาดนี้ใช้ได้หรือไม่?” เซียนเจี้ยนหวงหันหน้าไปถาม“ใช้ได้แล้ว รอให้ปลาว่ายมาแล้วกัน!”ระหว่างที่กล่าว เฉินฝานก็นั่งยองลงไปคนรอบข้างพากันชะเง้อคอดู แค่เจาะรูปลาก็จะว่ายมาเองงั้นหรือ?การจับปลาจะง่ายดายเช่นนั้นจริงหรือ?“มาแล้ว!”ตอนที่ฝูงชนกำลังสงสัย เฉินฝานก็ตะโกนลั่นทันทีเฉินฝานยื่นมือลงในน้ำ จับปลาแล้วก็โยนขึ้นไปบนฝั่งทีละตัว“แปะ!” ปลาหลีฮื้อหนักหกชั่งหนึ่งถูกโยนขึ้นมาบนพื้นน้ำแข็งเสียง “แปะ!” ดังขึ้นอีกครั้ง ปลาที่หนักห้าหกชั่งถูกเฉินฝานโยนขึ้นฝั่งอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นปลาที่ตัวใหญ่เนื้อแน่น “ว้าว!”ทุกคนล้วนตื่นตกใจ ที่แท้การจับปลาง่ายเพียงนี้เชียวหรือ?“พวกเจ้าอย่ามัวแต่ยืนงงอยู่สิ เร็ว รีบไปจับปลาสิ!”“ข้าเอง!”เซียนเจี้ยนหวงนั่งย่อตัวลงไปคนแรกผู้เฒ่าชื่นชอบในการเล่นสนุกอย่างมาก เขามิได้ใช้กำลังภายใน บรรจงใช้มือจับปลาทีละตัว ช่างสนุกยิ่งนัก“ข้าก็จับได้หนึ่งตัวแล้วเช่นกัน!” จางเซิงถือปลาหลีฮื้อด้วยมือสองข้าง ยิ้มราวกับเด็กน้อย“นี่ ๆ ข้าก็จับได้เหมือนกัน
เพื่อเป็นการประหยัดแผ่นหนัง นางจึงทำถุงนอนให้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ถุงนอนหนึ่งผืน อย่างน้อยก็ซุกตัวได้เจ็ดแปดคนอย่างไรเสียอากาศก็หนาวเหน็บอยู่แล้ว เบียดเสียดอยู่ด้วยกันก็จะทำให้อุ่นขึ้นได้อีกด้วยนางจางนำปุยนุ่นในเครื่องนอนออกมาทำถุงนอนที่ยัดปุยนุ่นสองสามผืน ถุงนอนเหล่านี้เอาไว้ให้คนแก่และเด็กเล็กใช้ในตอนท้าย นางจางก็ยังเอาใจใส่ทำถุงนอนยัดนุ่นสำหรับสองคนให้เฉินฝานและฉินเย่ว์เจียวกระโจมสร้างเสร็จแล้ว ถุงนอนก็ทำเรียบร้อยแล้ว เตาไฟก็ก่อแล้วลำดับถัดไปก็เป็นเรื่องอาหารแล้วนี่เป็นปัญหาที่ทำให้คนกังวลใจที่สุดเดิมทีเสบียงอาหารก็เหลือเพียงกินไปได้มิกี่วันแล้ว หลังจากที่แผ่นดินไหว ก็ลดทอนลงไปอีก“คนขายเนื้อ!”เฉินฝานตะโกนลั่นทันที“นายท่าน ข้าอยู่นี้ขอรับ!”คนขายเนื้อที่ร่างกายสูงใหญ่วิ่งมาด้านหน้าเฉินฝาน“พกของมีคมทั้งหมดติดตัวมา ไปรวบรวมคนที่ร่างกายค่อนข้างกำยำ แล้วตามข้ามา”“ขอรับ!”“ทำไมล่ะ ครั้งนี้มิพาข้าไปด้วยรึ? เจ้ารังเกียจที่ข้าอายุมากแล้วงั้นหรือ?” เซียนเจี้ยนหวงสีหน้ามิพอใจเดินโซเซไปด้านหน้าเฉินฝาน“พาไปด้วยสิ!” เฉินฝานฉีกยิ้มกว้างเมื่อครู่เขาจงใจมิเรียก เพราะรอให้