ไป่เผยหรานยังรู้สึกไม่วางใจ อยากพูดอีก แต่เหอจื่อหลินส่ายหัวให้กับเขา “พี่ไป่ ใต้เท้าทำได้”เหอจื่อหลินไม่เคยเห็นฝีมือของเฉินฝานกับตา แต่หลี่ซานเคยบรรยายไว้กับเขาตอนที่เฉินฝานแบกคันธนูของฉินเย่ว์เหมยมาถึงหน้าประตูจวนตระกูลเสิ่น เพื่อขวางทางเสิ่นหยวนฮวา เสิ่นหยวนฮวาขำจนตัวเอนเอียงเพราะสองมือที่ดึงคันธนูของเฉินฝาน สั่นระริก ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยเสิ่นหยวนฮวาที่อยู่บนหลังม้าโน้มตัวทอดมองเฉินฝานอย่างเป็นกังวลครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้า “เฉินฝาน คันธนูของเจ้าหนักเกินไป ไม่เหมาะกับเจ้า”ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ท่าทางดึงคันธนูของเฉินฝานยิ่งสั่นมากขึ้นเสิ่นหยวนฮวากล่าวต่อ “หรือไม่ ข้าเปลี่ยนตัวที่เบากว่านี้ให้เจ้า?”ก่อนที่เขาจะพูดจบ คันธนูในมือของเฉินฝานเริ่มหย่อน เสิ่นหยวนฮวาจึงยื่นเท้าออกไป เขาใช้เท้าช่วยเฉินฝานพยุงไว้แม้ว่าเป็นเช่นนี้ คันธนูในมือของเฉินฝานก็ยังสั่นระริก ท่าทางน่าขำมาก“ฮ่า ๆ”“ฮ่า ๆ ๆ”“ข้าเกือบหัวเราะตายเพราะเขาจริง ๆ”เหล่าทหารม้าศึกหัวเราะเสียงดังกว่า หลายคนยังเอามือจับที่ท้อง เพราะหัวเราะจนเจ็บท้องเสิ่นหยวนฮวาใช้กระบี่คู่กายตีทหารอารักขาข้าง ๆ ที่ห
อย่างไรเสียเฉินฝานก็เป็นหลางซื่อขั้นสาม สื่อซงจะจัดการกับเฉินฝาน ก็ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมผนวกกับการที่สื่อซงเชื่อโชคลาง ปกติที่เขาจะประหารคนล้วนต้องดูฤกษ์ก่อนสื่อซงเชื่อมั่นว่าสังหารคนในวันฤกษ์ดี จะทำให้เทพเจ้าพิโรธวันหนึ่งค่ำและสิบห้าค่ำเขาจะไม่สังหารคนไป่เผยหรานคำนวณแล้ว วันที่เฉินฝานเข้าคุก ประจวบเหมาะเป็นฤกษ์ดีและวันถัดไปเป็นวันสิบห้าค่ำเฉินฝานมีเวลาสองวันไปสืบหาสถานที่ที่เสิ่นหยวนฮวานำคนไปซ่อนไว้ตอนที่เสิ่นหยวนเลี่ยงมาถึงกรมความรอบคอบ ผู้คุมขังเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้านักโทษให้เฉินฝานเสร็จ“รีบเดิน!” เฉินฝานถูกผู้คุมสองสามคนผลักเข้าไปในคุก“ช้าก่อน!” เสิ่นหยวนเลี่ยงพูดขึ้นอย่างกะทันหัน“ใต้เท้าน้อยเสิ่น วันนี้ฤกษ์ดี พรุ่งนี้คือสิบเดือนสิบ ตามกฎแล้ว สองวันนี้จะไม่สังหารคน นี่ไม่ใช่กฎที่ข้ากำหนด ทว่าตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนอยู่ ก็มีกฎเช่นนี้แล้ว ท่านอัครเสนาบดีก็ทราบดี” กลัวว่าเสิ่นหยวนเลี่ยงจะโมโห สื่อซงจงใจอธิบายเสิ่นหยวนฮวายยิ้มบางๆ “ใต้เท้าสื่อ เจ้าวางใจเถิด กฎนี้ข้าเข้าใจ เพียงแค่...สายตาของเสิ่นหยวนเลี่ยงชั่วร้าย “ใต้เท้าสื่อ ต้องตรวจค้นร่างกายนักโทษผู้นี้ให้ถี่ถ
ตอนที่เฉินฝานมองไปที่นักโทษประหารผู้นั้น นักโทษประหารผู้นั้นก็มองมาที่เขาพอดีเช่นกันตอนที่สี่ตาจ้องมองกัน นักโทษประหารผู้นั้นพลันเผยให้เห็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย “ผิวพรรณนุ่มนวลเนียนละเอียด รสชาติน่าจะไม่เลว”“ขอบคุณ!” เฉินฝานฉีกยิ้มคำตอบของเฉินฝาน ทำให้นักโทษผู้นั้นตะลึงทันที “เจ้าหนุ่ม เกรงว่าเจ้าคงจะเป็นคนโง่คนหนึ่งกระมัง ข้าบอกว่าจะกินเจ้า เจ้ายังจะมาขอบคุณอีกรึ?”“เจ้าขู่ขวัญใครกัน เจ้ากับข้า ใครจะอยู่ใครจะตายยังไม่แน่เสียหน่อย?”เฉินฝานกล่าวอย่างเนิบนาบ ท่าทางน้ำเสียงของเขา ทำให้นักโทษประหารเดือดดาลอย่างมากเมื่อก่อนคนที่ถูกจองจำเข้ามา เมื่อเห็นเขา ทุกคนถ้าไม่ขาสองข้างอ่อนปวกเปียก พวกที่กระดูกแข็งหน่อย ก็นอนอยู่ด้าน พวกที่กระดูกอ่อนก็ขอร้องความเมตตาไม่หยุดหย่อนเฉินฝานไม่เพียงแต่ไม่ขอร้องความเมตตาเท่านั้น ยังพูดจายั่วยุอีกด้วยนักโทษประหารยกเท้าเตะทันที!“ปัง!”โซ่ตรวนเหล็กตรงเท้ากระทบกับรั้วเหล็กอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว รั้วเหล็กสั่นไปมารั้วเหล็กขังนักโทษประหารไว้ไม่ได้อยู่แล้วภายในขอบเขตความยาวโซ่ตรวนเหล็กตรงเท้า นักโทษประหารอยากไปตรงไหนก้ไปตรงนั้น
“ก้นไก่ก็ยังพอไหว ก้นเป็ดกลิ่นคาว เหม็นเพียงนั้น เขายังกินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นนั้น ไม่สะอิดสะเอียนหรือกระไร?”“ถ้าเขาปกติก็คงไม่ถูกจองจำในคุกน้ำหรอกผู้คุมขังสองคนเดินผ่านคุกเฉินฝานพูดคุยอย่างสนุกสนานหลังจากที่ผู้คุมออกไปแล้ว คุกน้ำเงียบสงัดมีเพียงเสียงนักโทษประหารที่เคี้ยวก้นเป็ดดังจ๊อบแจ๊บเฉินฝานพิงรั้วเหล็ก กล่าวอย่างเชื่องช้าเรียบนิ่ง “เจ้าฉลาดมาก!”นักโทษประหารเลิกคิ้วขึ้นเท่านั้น ก้มหน้าเคี้ยวก้นเป็ดต่อไปห่างตั้งหลายเมตร เฉินฝานก็ยังสามารถได้กลิ่นคาวของก้นเป็ดได้เฉินฝานกล่าวต่อ “ต่อให้สร้างความวุ่นวาย ผู้คุมขังก็ยังให้เจ้ากินเนื้อ สื่อซงกับพ่อลูกตระกูลเสิ่นก็คงจะไม่ให้เจ้ากินเนื้ออย่างเปิดเผยโดยไม่กลัวความผิด ก่อความวุ่นวายครึ่งหนึ่งก็ให้เนื้อก้นไก่ก้นเป็ด ไม่เพียงไม่ทำให้ผู้อื่นสงสัย ยังคิดว่าเป็นการลงโทษอีกด้วย”“ถึงแม้ก้นไก่ก้นเป็ดจะกลืนลงคอได้ยาก ทว่าไขมันเยอะเพียงพอ ไขมันที่เพียงพอ จะทำให้เจ้ายังสามารถรักษาสภาพร่างกายแข็งแรงของเจ้าไว้ได้ เช่นนี้เจ้าจึงคุณค่าที่ใช้งานต่อไปได้ พ่อลูกตระกูลเสิ่นก็ไม่สังหารเจ้า”นักโทษประหารวางก้นเป็ดลง มองไปที่เฉินฝานอีกครั้ง คว
นักโทษประหารยืนในน้ำ ใบหน้าพลันแดงขึ้นมาเล็กน้อยฉินเย่ว์เหมยตัวสั่นทันที สีหน้าหม่นหมองด้วยความร้อนใจ “เฉินฝานล่ะ?”“สื่อซง!” เสิ่นหยวนฮาเตะสื่อซงหนึ่งที “ฝ่าบาทเจ้าถามอยู่ เฉินฝานไปไหนแล้ว?”สีหน้าของเสิ่นหยวนฮวามีความเดือดดาลเล็กน้อยเขารู้ว่าความเร็วในการสังหารคนของนักโทษประหารรวดเร็วอย่างมาก โดยเฉพาะขุนนางฝ่ายบุ๋นที่ร่างกายอ่อนแอดังเฉินฝานเช่นนี้ ไม่พอให้นักโทษประหารได้ลงแรงเสียด้วยซ้ำเขาเคยออกคำสั่งกับสื่อซงไปนานแล้วว่าไม่ต้องโยนเฉินฝานเข้าไปอยู่ร่วมกับนักโทษประหารเร็วเพียงนั้นต้องให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมจึงจะโยนเข้าไปเช่นนั้น ประจวบเหมาะกับการให้ฉินเย่ว์เหมยเห็นเฉินฝานตายดีจะตายไป“ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพ วันนี้เช้าเฉินฝานก็.... อย่างกะทันหัน” สื่อซงชี้ไปที่นักโทษสังหาร “เจ้าโจรนี้โวยวายขึ้นมา ไม่รู้รายละเอียดว่าพวกเขาทะเลาะอันใดกัน ตอนที่ข้าน้อยเข้ามา คุกของเฉินฝานถูกทุบจนเป็นรูโหว่ช่องหนึ่งไปแล้ว”ประตูคุกที่จองจำเฉินฝานห้องนั้น มีรูโหว่ช่องหนึ่งจริงๆทว่าไม่ใช่นักโทษประหารที่เป็นคนทุบ ทว่าสื่อซงให้คนทุบไว้ก่อนเกิดเรื่องแล้ว“เจ้าโจรโยนเฉินฝานลงไปในคุกน้ำของเขา พว
ทันใดนั้นคุกน้ำราวกับช่องทางน้ำใหญ่หนึ่งสาย น้ำไหลจากจุดที่นักโทษประหารกระทืบเท้าออกไปอย่างรวดเร็วน้ำไปแล้วทำเห็นสิ่งไม่ดีได้เด่นชัดตอนที่น้ำในคุกน้ำใกล้จะเหือดแห้งแล้ว สีหน้าของเสิ่นหยวนฮวาเริ่มผิดปกติ“เฉินฝาน คืนลูกสาวข้ามา!”ตวนซินอ๋องยังคงตบตีอยู่กับเฉินฝาน เฉินฝานลื่นล้ม ตอนที่ล้มลงกับพื้น ยังลากตวนซินอ๋องลงไปด้วย“ท่านอ๋อง!” เฉินฝานตีก้อนหินที่ยื่นออกมาจากกำแพงคุกน้ำของพวกเขาเบาๆ “ลากมันออกมา”ตวนซินอ๋องพยักหน้า ตวาดลั่น “เฉินฝาน ไม่คืนลูกสาวข้า ก็เอาชีวิตมาแลก!”“เร็วเข้า ตวนซินอ๋องเสียสติไปแล้ว!”เสิ่นหยวนฮวาจะโกนลั่น ออกคำสั่งกับองครักษ์ข้างกายให้ไปห้ามตวนซินอ๋องไว้ทว่า...สายไปแล้วพละกำลังของตวนซินอ๋องราวโคถึกก้อนหินที่ถูกฝังไว้ที่กำแพงคุกน้ำ ถูกเขาดึงออกมาเสียอย่างนั้น“ครืด!”เสียงดังสนั่นดังขึ้นทันใดนั้นกำแพงคุกน้ำถูกเปิดออก ด้านหลังมีทางเดินหนึ่งเส้นทางสองข้างเต็มไปด้วยคบไฟที่ปักอยู่ก้อนหินที่ตวนซินอ๋องดึงออกมา เป็นการเปิดกลไกทางลับเมื่อถึงตอนนี้ นักโทษประหารจึงเข้าใจ เมื่อครู่เหตุใดเฉินฝานอยู่ใต้น้ำนานเพียงนั้นเขาไม่ได้ถูกเขากดจนลุกขึ้นมาไม่ได
เฉินฝานก้มหัวลงโดยสัญชาตญาณวัตถุที่ชนกับร่างของเขาหากจะกล่าวให้ถูกต้อง ไม่ใช่วัตถุแต่เป็นมนุษย์ระหว่างสี่ตาสอดประสานกัน ฝั่งตรงข้ามปฏิกิริยาเร็วกว่าเฉินฝานแขนเรียวบางสองข้าง โอบรัดช่วงเอวเฉินไว้แน่น ใบหน้าเล็กพยายามคลอเคลียกับช่วงอกของเขาอย่างสุดชีวิต“นายท่านๆๆๆ...”ร่างเล็กสั่นราวกับตะแกรง คล้ายกับว่ามีคำพูดมากมาย ทว่าว่าพูดได้เพียงคำว่านายท่านสองพยางค์ซ้ำๆไม่หยุดเท่านั้นเป็นปฏิกิริยาตอบกลับของคนหลังจากที่เจอเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างหนักเฉินฝานดึงคนตัวเล็กในอ้อมอกเข้ามากอด ลูบผมปลอบโยนของนางอย่างต่อเนื่อง “ไม่ต้องกลัวนะ ข้าอยู่ตรงนี้นะ”เห็นฉินเย่ว์ฉู่ ฉินเย่ว์เหมยก็ตื่นเต้นเช่นกัน นางรีบรุดหน้าไปด้านทางเดินด้วยความรวดเร็วทว่ามีเงาร่างหนึ่งที่เร็วกว่านาง“เสี่ยวฉู่!”ฉินเย่ว์เจียววิ่งผ่านร่างของฉินเย่ว์เหมย เพราะฉินเย่ว์เจียว ฉินเย่ว์เหมยจึงสงบอารมณ์ได้ทันทีตอนนี้นางและเหล่าภรรยาของเฉินไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นตื่นเต้นเพียงนี้ ไม่เหมาะสมอย่างมากสภาพอารมณ์ของฉินเย่ว์ฉู่ค่อยๆสงบลงแล้ว โผล่ออกมาจากอ้อมอกของเฉินฝาน ชี้ไปที่เสิ่นหยวนฮวา“เป็นเขาที่พาข้าและท่
“ท่านพ่อ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย!”เสิ่นหยวนฮวาเสียงแหบแห้งหมดเรี่ยวแรงอ้อนวอนเสิ่นหมิงหยวนเสิ่นหมิงหยวนหลับตาลงด้วยความเศร้าโศกเรื่องมาถึงตอนนี้ ต่อให้เทพเจ้ามาก็ช่วยไม่ได้ฝ่าบาท ซินอ๋อง เหล่าขุนนางทั้งหลายอยู่ ภายใต้สายตาของฝูงชน อย่าว่าเสิ่นหมิงหยวนที่เป็นเพียงอัครเสนาบดี ต่อให้เป็นจักรพรรดิ ก็ไม่สามารถช่วยคนผิดอย่างโจ่งแจ้งได้เช่นนี้“ขุนนางเสิ่นที่รัก ท่านว่าควรจะจัดการเช่นไรดี?” ฉินเย่ว์เหมยถามเสิ่นหมิงหยวนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ท่านพ่อช่วยข้าด้วย!” เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยถามเช่นนี้ เสิ่นหยวนฮวาที่คิดว่าเรื่องเปลี่ยนไปในทางที่ดี กอดรัดขาเสิ่นหมิงหยวนไว้แน่นเสิ่นหมิงหยวนยกเท้าขึ้นเตะอย่างรุนแรงหนึ่งที “ลูกทรพี ปกติไยไม่ฟังคำพ่อ ตอนนี้มาอ้อนวอนมีประโยชน์อันใด”“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนมือประสานกันสองข้าง โค้งตัวเก้าสิบองศา “กระหม่อมสั่งสอนลูกไม่ถูกวิธี ฝ่าบาทโปรดจัดการตามกฎหมายต้าชิ่ง”ตามกฎหมายต้าชิ่ง เสิ่นหยวนฮวาทำร้ายเด็กสาว บีบบังคับเด็กสาว ตั้งบ่อนการพนันเป็นการส่วนตัว ถอนตำแหน่งขุนนาง ลดขั้นให้เป็นสามัญชน ไม่สามารถเป็นขุนนางได้ เนรเทศไปอยู่เขตชายแดนเพื่อที่จะให้เสิ่
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ