“ไปรับเสี่ยวฉู่ เสี่ยวฉู่ไม่อยู่ในเรือนหรือ?” สีหน้าของเฉินฝานฉายความฉงน“เสี่ยวฉู่ไปร่ำเรียนในโรงเย็บปักแล้วเจ้าค่ะ ช่วงที่ผ่านมานี้นายท่านงานยุ่ง ข้าจึงไม่ได้บอกท่านเจ้าค่ะ!”โรงเย็บปัก สถานที่ร่ำเรียนของคุณหนูตระกูลใหญ่ในอดีตไม่เพียงวิชาเย็บปักถักร้อย ศิลปวิทยาทั้งสี่ก็เช่นเดียวกัน รวมถึงมารยาทในพิธีการต่างๆ“นายท่าน ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ เวลานี้เสี่ยวฉู่น่าจะเลิกเรียนแล้ว ข้าต้องรีบไปเจ้าค่ะ”“ให้ข้าไปเถอะ!”เฉินฝานดึงตัวฉินเย่ว์โหรวกลับมาตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ต้องเผชิญหน้าต่อสู้กับพ่อลูกตระกูลเสิ่นมาโดยตลอด ชีวิตในทุกวันงานยุ่งยิ่งนัก ไม่ได้สร้างความสัมพันธ์กับฉินเย่ว์ฉู่มานานแล้วเจ้าเด็กนั่นต้องโกรธเขามากแน่นอน...โรงเย็บปักตวนหย่าโรงเย็บปักที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง โรงเย็บปักที่ดีที่สุดในเมืองหลวง มัวมัวที่สอนเย็บปักถักร้อยในนี้ ล้วนเป็นซางกงที่เกษียณอายุออกมาจากวังหลวงซางกงเหล่านี้ ในอดีตพวกเขาคอยสอนมารยาทและพิธีการต่างๆ ให้กับสนมและองค์หญิงทั้งหลายแม้จะรีบเพียงใด สุดท้ายเฉินฝานก็มาสายเห็นรถม้าจวนเฉินจากที่ไกลๆ เสาเย่ารีบวิ่งมาทันที เมื่อเห็นว่าคนที่ลงจา
“เป็นความจริงที่ว่ามองแล้วสบายตากว่าพวกคุณชายในเมืองหลวงมาก”ฉินอวี่จวิ้นจู่คนโตพูดความจริงจวิ้นจูคนโตอายุยังมามาก นางอายุมากกว่าฉินเยียนเพิ่งครึ่งชั่วยามเท่านั้น“ใต้เท้าเฉินมารับเสี่ยวฉู่ด้วยตนเอง อีกทั้งเขายังอ่อนโยน ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกสงสารเสี่ยวฉู่ อายุน้อยๆ ก็แต่งงานออกเรือน ตอนนี้เห็นใต้เท้าเฉินแสนดีเช่นนี้ ข้ารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย”บรรดาพี่สาวของพวกนาง เป็นถึงจวิ้นจู่ ทว่าสามีของพวกนางไม่เคยพูดจาอ่อนโยนเช่นนี้กับพวกนางมาก่อน ไม่ตะคอกเสียงดังก็ดีมากแล้วฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ยินว่าเฉินฝานพูดอะไร คิดว่าเขาบอกให้นางรีบเดินจึงถลกกระโปรงขึ้นสูงกว่าเดิม แล้วเริ่มวิ่งแสงอาทิตย์อัสดง ส่องกระทบบนตัวนาง เผยให้เห็นลำแสงสีส้มอ่อนโยนภาพนี้ เฉินฝานมองจนใจลอยใบหน้าแปดเปื้อนเมื่อสองปีก่อน เด็กสาวที่มองเขาด้วยความเกลียดชังและหวาดกลัว โตขึ้นไม่น้อยนางในวัยสิบสอง มีความเป็นสตรีไม่น้อย“ตึ้ง!”ฉินเย่ว์ฉู่ที่กำลังวิ่งอยู่นั้น ชนกับใครบางคนคนตรงหน้าเป็นผู้ใหญ่ นางเป็นเด็ก เมื่อชนกันเช่นนี้นางจึงกระเด็นออกไป“เสี่ยวฉู่!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไป โชคดีที่เขาเป็นคนมีฝีมือ รับฉินเย่ว์ฉู่ไว้ได
เข้ามาห้องหนังสือทีไร เฉินฝานมักหยิบลูกดอกตามความเคยชิน แต่เขาถือเล่นเพียงในมือ ไม่ได้โยนออกไปเหอจื่อหลินมองกระดานปาเป้าบนกระดานปาเป้ามีชื่อขุนนางแต่ละคนในราชสำนัก มีลูกดอกดอกหนึ่งปักไว้บนนั้นเหอจื่อหลินเพ่งมองดี ๆ ชื่อที่มีลูกดอกปักไว้นั้นชื่อหลินชาง“พี่จื่อหลิน พี่จะพูดเรื่องไป่เผยหรานกับข้าไม่ใช่หรือ?” เฉินฝานกล่าว“อ๋อ!” เหอจื่อหลินดึงสายตากลับมาแล้วเริ่มเล่าเริ่มตั้งแต่ต้นปี เมืองหลวงเริ่มมีหญิงสาวจำนวนมากหายตัวไปเมื่อได้รับการแจ้งความ ไป่เผยหรานจึงเริ่มตรวจสอบตรวจสอบอยู่ ก็พบว่าหญิงสาวที่หายตัวไป กลับอยู่ในเรือนของไป่เผยหรานขณะที่เลขาธิการกรมยุติธรรมสื่อซงพาคนบุกทะลวงเรือนของไป่เผยหราน หญิงสาวคนนั้นเปลือยร่างถูกมัดไว้กับเตียงของไป่เผยหราน สภาพถูกทรมานเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย“นี่ชัดเจนมากว่าไป่เผยหรานตรวจพบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามใส่ร้าย” เฉินฝานกล่าว“ใช่ เพียงแต่ว่า…” เหอจื่อหลินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เลขาธิการกรมยุติธรรมสื่อซงกลับดูไม่ออก ไม่อนุญาตให้เผยหรานได้กล่าวแก้ต่าง ประกาศปิดคดี ปลดเผยหรานลงมาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการระดับชั้นเจ็ดตรงนั้นทันที”“สื่
เหอจื่อหลินคุ้นชินนานแล้ว เขาขยี้ผมของเสี่ยวจวี๋ “ไปเล่นเถอะ!”เสี่ยวจวี๋วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนได้รับนิรโทษกรรมเรือนหน้าจัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เรือนหลังกลับยุ่งเหยิงไม่เป็นท่าเหอจื่อหลินโน้มตัวลงไปขยับของที่พื้นออกเพื่อให้เฉินฝานมีทางเดิน“ตั้งแต่ถูกปลดตำแหน่งลงมาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ เผยหรานก็เลือกพักที่เรือนหลัง ไม่เคยให้ภรรยากับบุตรสาวเข้ามา”เฉินฝานเดินตามเหอจื่อหลินมาถึงห้องเล็กเพียงห้องเดียวของเรือนหลังยืนอยู่หน้าห้อง เฉินฝานอดไม่ได้ที่จะปิดจมูกกลิ่นอับของห้องฉุนมาก“ปัง!”ขวดเหล้าขวดหนึ่งลอยออกจากข้างใน“ข้าพูดแล้วไม่ใช่เรอะ…”“น้องไป่ ข้าเอง เหอจื่อหลิน!”ไป่เผยหรานที่อยู่ข้างในจู่ ๆ เงียบลงกระนั้น เขาก็ไม่ออกมาเฉินฝานและเหอจื่อหลินยืนตรงนั้นครู่ใหญ่ ไป่เผยหรานที่อยู่ข้างในก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมา“ข้าเข้าไปเรียกเขาเอง!”“ไม่เป็นไร!”เฉินฝานห้ามเหอจื่อหลิน จากนั้นเปิดฝาโถสุราดอกท้อออกไม่ถึงสามวินาที ไป่เผยหรานก็พุ่งออกมาจากห้องเล็ก จมูกสูดดมไม่หยุด เดินตามกลิ่นหอมสุราจนมาถึงตรงหน้าเฉินฝานไป่เผยหรานดวงตาลุกวาว จ้องสุราดอกท้อในมือของเฉินฝ
ไป่เผยหรานชะงักเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อว่าซูซิวฉีเป็นคนขอให้เฉินฝานมาเหอจื่อหลินดื่มเหล้าจอกหนึ่งเข้าไปแล้วพยักหน้า “ใต้เท้าเฉินได้รับการเชิญจากใต้เท้าซู จากนั้นฝ่าบาทเสด็จไปรับที่อำเภอผิงอันด้วยตัวพระองค์”“หากพูดให้ถูกต้อง ฝ่าบาทไม่ได้เสด็จไปรับ แต่จับตัวมา!” เฉินฝานกล่าวเสียงเบาหากฉินเย่ว์เหมยไม่ใช่พี่สาวของพวกฉินเย่ว์โหรวเกรงว่า ตอนนี้เขาคงได้กลับอำเภอผิงอันแล้วไป่เผยหรานตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เขาดื่มเหล้าติดต่อกันสามจอก ถึงเงยหน้าอีกครั้งเงยหน้าครั้งนี้ แววตาของเขาแจ่มชัด ไม่มีแล้วร่องรอยของอาการมึนเมาเฉินฝานยิ้มเขารู้ว่าไป่เผยหรานไม่ได้เมาตั้งแต่แรก เขามีสติอยู่เสมอ“เจ้าจะทำอย่างไร?” ไป่เผยหรานเอ่ยถามเฉินฝานเงยหน้ามองท้องฟ้า จัดระเบียบเสื้อผ้าเล็กน้อยแล้วยืนขึ้น “เวลาไม่เช้าแล้ว ภรรยาของข้ายังรอข้ากลับไปกินข้าวด้วย?”“เด็กน้อย มาตรงนี้!”ก่อนจากไป เฉินฝานหยิบตุ๊กตาปักลายออกจากอ้อมอกและมอบให้ลูกสาวของไป่เผยหราน-เมื่อวานเห็นว่าฉินเย่ว์ฉู่มีความสุขมาก วันนี้หลังจากเลิกเรียน เฉินฝานจึงไปรับนางอีกห่างจากโรงเย็บปักตวนหย่ายังเหลืออีกหนึ่งถนน แต่รถม้ากลับหยุด
“ตะ ใต้เท้า ฮูหยินของท่านคือคนใด?” เถ้าแก่โรงน้ำชาตกใจกลัว พูดจาติดอ่าง“คนที่อยู่กับท่านหญิงของจวนตวนอ๋อง”“อ๋อ ๆ ท่านนั้นหรือ นางไปกับพวกท่านหญิงแล้วขอรับ!”“ไปแล้ว? พวกนางไปที่ใด?”มือของเฉินฝานที่จับคอเสื้อ ออกแรงมากกว่าเดิม ตึงจนเถ้าแก่โรงน้ำชาหน้าแดงราวกับสีของเลือดหมู เขากล่าวอย่างลำบาก “อะ อันนี้ข้าน้อยไม่รู้จริง ๆ เวลาท่านหญิงจะไปที่ใด ข้าน้อยจะกล้าถามได้อย่างไร?”“ใต้เท้า พวกนางเหมือนไปกับอาจารย์เล่าเรื่อง พูดว่าจะไปสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่งดงามกว่า วันนี้เล่าตำนานงูขาว อาจารย์เล่าเรื่องเล่าไว้เพียงครึ่งเรื่อง” คนงานในโรงน้ำชากล่าว“พูดว่าไปกับอาจารย์เล่าเรื่อง?”“ใต้เท้า! อาจารย์เล่าเรื่องคนนั้นเพิ่งมาเมื่อสองสามวันก่อน เขาพักอยู่ที่…” ครั้งนี้ เถ้าแก่โรงน้ำชาไหวพริบดีมาก รีบบอกกล่าวที่อยู่ของอาจารย์เล่าเรื่องให้กับเฉินฝานทันทีเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวรีบเร่งไปยังเรือนของอาจารย์เล่าเรื่องโดยไม่หยุดพัก แต่แล้ว…ในเรือนของอาจารย์เล่าเรื่องคนนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของใดเลย?“คนคนหนึ่งถ้าจะอาศัยระยะยาว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอะไรเลย นอกเสียจากว่า…” ฉินเย่ว์เหมยพลัน
“ห๊า!”พอได้ยินชื่อเสิ่นหยวนฮวา พระชายาอ๋องต๋วนก็ร้องขึ้นมาดังลั่น จากนั้นนางพูดไปร้องไห้ไป “ท่านอ๋อง ท่านต้องรีบหาเยียนเอ๋อร์กับอวี่เอ๋อร์ให้พบ ไม่เช่นนั้นพวกนางจะพบจุดจบเดียวกับท่านหญิงหนิงของจวนอ๋องหรงแน่ ๆ”เสิ่นหยวนฮวาบ้าตัณหาผู้หญิงมาก หากคนใดเข้าตาเขา ไม่ว่าสถานะตำแหน่งอะไร ก็จะถูกเขาจับตัวทุกคนครึ่งปีก่อนหน้านี้ เสิ่นหยวนฮวาได้พบกับท่านหญิงหนิงของท่านอ๋องหรง เขาถูกใจในรูปลักษณ์ของฝ่ายตรงข้ามและทำการลักพาตัวทันทีขณะที่ท่านอ๋องหรงพบตัวท่านหญิงหรง ท่านหญิงหรงได้ถูกเสิ่นหยวนฮวาย่ำยีเรียบร้อยท่านอ๋องหรงเดือดพล่านอย่างยิ่ง เข้าไปฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์ในพระราชวังทันทีแต่ทว่า…กลับไม่มีประโยชน์อันใดเพราะในเวลานั้น ซูซิวฉีล้มป่วยหนักมาก ฉินเย่ว์เหมยกลายเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ไม่มีอำนาจจริงฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์ไม่สำเร็จ และยังถูกเสิ่นหยวนฮวาแว้งกัดโดยกล่าวหาว่าท่านหญิงหนิงเป็นฝ่ายล่อลวงเขาผู้หญิงที่ถูกทำลายความบริสุทธิ์ หรือไม่ก็แต่งงานกับผู้ชายที่ย่ำยีตนเอง หรือไม่ก็ปลิดชีพตนเองท่านอ๋องหรงทนไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวปลิดชีพ จึงนำสินสอดไปที่จวนเสิ่นและขอร้องให้เสิ่นหยวน
“ท่านอ๋องเบื่อหน่ายกับพื้นที่ล่าสัตว์ของตนเองแล้ว เลยเริ่มสนใจพื้นที่ล่าสัตว์ของตระกูลเสิ่นของข้าน้อยงั้นหรือ? อืม ช่วงก่อนหน้านี้คนใช้ปล่อยเหยื่อสนุก ๆ ไปไม่น้อย เพียงแต่ว่า…”เสิ่นหยวนฮวาเอียงศีรษะไปทางซ้าย เผยลำคอข้างขวาออกมาที่ลำคอมีรอยแดงสีสดสองสามเส้นเสิ่นหยวนฮวาจับรอยแดงเบา ๆ “ท่านอ๋อง ท่านต้องระวังตัวนะ แมวป่าในพื้นที่ล่าสัตว์ของข้าน้อยเล็บน้อย ๆ ของมันคมแหลมใช้ได้”“ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเกิดอาการติดสัดหรือเปล่า เอาแต่ข่วนและกัดไปทั่ว เฮ้อ…” เสิ่นหยวนฮวาส่ายหัว “เพิ่งจะโตเป็นรูปเป็นร่างไม่นาน แมวตัวเมียตัวน้อยที่มีอาการติดสัด ก็มีนิสัยเช่นนี้แหล่ะ”“เพียงแต่ว่า…” พูดอยู่ เสิ่นหยวนฮวายังใช้ลิ้นเลียริมฝีปาก “ข้านั้นชอบแมวตัวเมียตัวน้อยที่ดุดันที่สุด เวลาทำให้มันเชื่อง ช่างรู้สึกหนำใจยิ่งนัก”“เสิ่นหยวนฮวา!” เปลือกตาของตวนชินอ๋องแทบแตกร้าว เขาตะโกนลั่น “มอบตัวลูกสาวของข้าคืนมาเดี๋ยวนี้?”“ท่านหญิง?” เสิ่นหยวนฮวาทำหน้าฉงน สีหน้าฉงนเอิกเกริกเกินไป กลับทำให้ดูปลอมมาก “ท่านหญิงของท่านอ๋องที่ยังไม่ออกเรือน สองสาวบุปผาสีทองนั่นใช่หรือไม่ ข้าน้อยมักได้ยินว่าเหล่าท่านหญิงมีนิสั
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ