เข้ามาห้องหนังสือทีไร เฉินฝานมักหยิบลูกดอกตามความเคยชิน แต่เขาถือเล่นเพียงในมือ ไม่ได้โยนออกไปเหอจื่อหลินมองกระดานปาเป้าบนกระดานปาเป้ามีชื่อขุนนางแต่ละคนในราชสำนัก มีลูกดอกดอกหนึ่งปักไว้บนนั้นเหอจื่อหลินเพ่งมองดี ๆ ชื่อที่มีลูกดอกปักไว้นั้นชื่อหลินชาง“พี่จื่อหลิน พี่จะพูดเรื่องไป่เผยหรานกับข้าไม่ใช่หรือ?” เฉินฝานกล่าว“อ๋อ!” เหอจื่อหลินดึงสายตากลับมาแล้วเริ่มเล่าเริ่มตั้งแต่ต้นปี เมืองหลวงเริ่มมีหญิงสาวจำนวนมากหายตัวไปเมื่อได้รับการแจ้งความ ไป่เผยหรานจึงเริ่มตรวจสอบตรวจสอบอยู่ ก็พบว่าหญิงสาวที่หายตัวไป กลับอยู่ในเรือนของไป่เผยหรานขณะที่เลขาธิการกรมยุติธรรมสื่อซงพาคนบุกทะลวงเรือนของไป่เผยหราน หญิงสาวคนนั้นเปลือยร่างถูกมัดไว้กับเตียงของไป่เผยหราน สภาพถูกทรมานเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย“นี่ชัดเจนมากว่าไป่เผยหรานตรวจพบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามใส่ร้าย” เฉินฝานกล่าว“ใช่ เพียงแต่ว่า…” เหอจื่อหลินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เลขาธิการกรมยุติธรรมสื่อซงกลับดูไม่ออก ไม่อนุญาตให้เผยหรานได้กล่าวแก้ต่าง ประกาศปิดคดี ปลดเผยหรานลงมาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการระดับชั้นเจ็ดตรงนั้นทันที”“สื่
เหอจื่อหลินคุ้นชินนานแล้ว เขาขยี้ผมของเสี่ยวจวี๋ “ไปเล่นเถอะ!”เสี่ยวจวี๋วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนได้รับนิรโทษกรรมเรือนหน้าจัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เรือนหลังกลับยุ่งเหยิงไม่เป็นท่าเหอจื่อหลินโน้มตัวลงไปขยับของที่พื้นออกเพื่อให้เฉินฝานมีทางเดิน“ตั้งแต่ถูกปลดตำแหน่งลงมาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ เผยหรานก็เลือกพักที่เรือนหลัง ไม่เคยให้ภรรยากับบุตรสาวเข้ามา”เฉินฝานเดินตามเหอจื่อหลินมาถึงห้องเล็กเพียงห้องเดียวของเรือนหลังยืนอยู่หน้าห้อง เฉินฝานอดไม่ได้ที่จะปิดจมูกกลิ่นอับของห้องฉุนมาก“ปัง!”ขวดเหล้าขวดหนึ่งลอยออกจากข้างใน“ข้าพูดแล้วไม่ใช่เรอะ…”“น้องไป่ ข้าเอง เหอจื่อหลิน!”ไป่เผยหรานที่อยู่ข้างในจู่ ๆ เงียบลงกระนั้น เขาก็ไม่ออกมาเฉินฝานและเหอจื่อหลินยืนตรงนั้นครู่ใหญ่ ไป่เผยหรานที่อยู่ข้างในก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมา“ข้าเข้าไปเรียกเขาเอง!”“ไม่เป็นไร!”เฉินฝานห้ามเหอจื่อหลิน จากนั้นเปิดฝาโถสุราดอกท้อออกไม่ถึงสามวินาที ไป่เผยหรานก็พุ่งออกมาจากห้องเล็ก จมูกสูดดมไม่หยุด เดินตามกลิ่นหอมสุราจนมาถึงตรงหน้าเฉินฝานไป่เผยหรานดวงตาลุกวาว จ้องสุราดอกท้อในมือของเฉินฝ
ไป่เผยหรานชะงักเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อว่าซูซิวฉีเป็นคนขอให้เฉินฝานมาเหอจื่อหลินดื่มเหล้าจอกหนึ่งเข้าไปแล้วพยักหน้า “ใต้เท้าเฉินได้รับการเชิญจากใต้เท้าซู จากนั้นฝ่าบาทเสด็จไปรับที่อำเภอผิงอันด้วยตัวพระองค์”“หากพูดให้ถูกต้อง ฝ่าบาทไม่ได้เสด็จไปรับ แต่จับตัวมา!” เฉินฝานกล่าวเสียงเบาหากฉินเย่ว์เหมยไม่ใช่พี่สาวของพวกฉินเย่ว์โหรวเกรงว่า ตอนนี้เขาคงได้กลับอำเภอผิงอันแล้วไป่เผยหรานตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เขาดื่มเหล้าติดต่อกันสามจอก ถึงเงยหน้าอีกครั้งเงยหน้าครั้งนี้ แววตาของเขาแจ่มชัด ไม่มีแล้วร่องรอยของอาการมึนเมาเฉินฝานยิ้มเขารู้ว่าไป่เผยหรานไม่ได้เมาตั้งแต่แรก เขามีสติอยู่เสมอ“เจ้าจะทำอย่างไร?” ไป่เผยหรานเอ่ยถามเฉินฝานเงยหน้ามองท้องฟ้า จัดระเบียบเสื้อผ้าเล็กน้อยแล้วยืนขึ้น “เวลาไม่เช้าแล้ว ภรรยาของข้ายังรอข้ากลับไปกินข้าวด้วย?”“เด็กน้อย มาตรงนี้!”ก่อนจากไป เฉินฝานหยิบตุ๊กตาปักลายออกจากอ้อมอกและมอบให้ลูกสาวของไป่เผยหราน-เมื่อวานเห็นว่าฉินเย่ว์ฉู่มีความสุขมาก วันนี้หลังจากเลิกเรียน เฉินฝานจึงไปรับนางอีกห่างจากโรงเย็บปักตวนหย่ายังเหลืออีกหนึ่งถนน แต่รถม้ากลับหยุด
“ตะ ใต้เท้า ฮูหยินของท่านคือคนใด?” เถ้าแก่โรงน้ำชาตกใจกลัว พูดจาติดอ่าง“คนที่อยู่กับท่านหญิงของจวนตวนอ๋อง”“อ๋อ ๆ ท่านนั้นหรือ นางไปกับพวกท่านหญิงแล้วขอรับ!”“ไปแล้ว? พวกนางไปที่ใด?”มือของเฉินฝานที่จับคอเสื้อ ออกแรงมากกว่าเดิม ตึงจนเถ้าแก่โรงน้ำชาหน้าแดงราวกับสีของเลือดหมู เขากล่าวอย่างลำบาก “อะ อันนี้ข้าน้อยไม่รู้จริง ๆ เวลาท่านหญิงจะไปที่ใด ข้าน้อยจะกล้าถามได้อย่างไร?”“ใต้เท้า พวกนางเหมือนไปกับอาจารย์เล่าเรื่อง พูดว่าจะไปสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่งดงามกว่า วันนี้เล่าตำนานงูขาว อาจารย์เล่าเรื่องเล่าไว้เพียงครึ่งเรื่อง” คนงานในโรงน้ำชากล่าว“พูดว่าไปกับอาจารย์เล่าเรื่อง?”“ใต้เท้า! อาจารย์เล่าเรื่องคนนั้นเพิ่งมาเมื่อสองสามวันก่อน เขาพักอยู่ที่…” ครั้งนี้ เถ้าแก่โรงน้ำชาไหวพริบดีมาก รีบบอกกล่าวที่อยู่ของอาจารย์เล่าเรื่องให้กับเฉินฝานทันทีเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวรีบเร่งไปยังเรือนของอาจารย์เล่าเรื่องโดยไม่หยุดพัก แต่แล้ว…ในเรือนของอาจารย์เล่าเรื่องคนนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของใดเลย?“คนคนหนึ่งถ้าจะอาศัยระยะยาว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอะไรเลย นอกเสียจากว่า…” ฉินเย่ว์เหมยพลัน
“ห๊า!”พอได้ยินชื่อเสิ่นหยวนฮวา พระชายาอ๋องต๋วนก็ร้องขึ้นมาดังลั่น จากนั้นนางพูดไปร้องไห้ไป “ท่านอ๋อง ท่านต้องรีบหาเยียนเอ๋อร์กับอวี่เอ๋อร์ให้พบ ไม่เช่นนั้นพวกนางจะพบจุดจบเดียวกับท่านหญิงหนิงของจวนอ๋องหรงแน่ ๆ”เสิ่นหยวนฮวาบ้าตัณหาผู้หญิงมาก หากคนใดเข้าตาเขา ไม่ว่าสถานะตำแหน่งอะไร ก็จะถูกเขาจับตัวทุกคนครึ่งปีก่อนหน้านี้ เสิ่นหยวนฮวาได้พบกับท่านหญิงหนิงของท่านอ๋องหรง เขาถูกใจในรูปลักษณ์ของฝ่ายตรงข้ามและทำการลักพาตัวทันทีขณะที่ท่านอ๋องหรงพบตัวท่านหญิงหรง ท่านหญิงหรงได้ถูกเสิ่นหยวนฮวาย่ำยีเรียบร้อยท่านอ๋องหรงเดือดพล่านอย่างยิ่ง เข้าไปฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์ในพระราชวังทันทีแต่ทว่า…กลับไม่มีประโยชน์อันใดเพราะในเวลานั้น ซูซิวฉีล้มป่วยหนักมาก ฉินเย่ว์เหมยกลายเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ไม่มีอำนาจจริงฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์ไม่สำเร็จ และยังถูกเสิ่นหยวนฮวาแว้งกัดโดยกล่าวหาว่าท่านหญิงหนิงเป็นฝ่ายล่อลวงเขาผู้หญิงที่ถูกทำลายความบริสุทธิ์ หรือไม่ก็แต่งงานกับผู้ชายที่ย่ำยีตนเอง หรือไม่ก็ปลิดชีพตนเองท่านอ๋องหรงทนไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวปลิดชีพ จึงนำสินสอดไปที่จวนเสิ่นและขอร้องให้เสิ่นหยวน
“ท่านอ๋องเบื่อหน่ายกับพื้นที่ล่าสัตว์ของตนเองแล้ว เลยเริ่มสนใจพื้นที่ล่าสัตว์ของตระกูลเสิ่นของข้าน้อยงั้นหรือ? อืม ช่วงก่อนหน้านี้คนใช้ปล่อยเหยื่อสนุก ๆ ไปไม่น้อย เพียงแต่ว่า…”เสิ่นหยวนฮวาเอียงศีรษะไปทางซ้าย เผยลำคอข้างขวาออกมาที่ลำคอมีรอยแดงสีสดสองสามเส้นเสิ่นหยวนฮวาจับรอยแดงเบา ๆ “ท่านอ๋อง ท่านต้องระวังตัวนะ แมวป่าในพื้นที่ล่าสัตว์ของข้าน้อยเล็บน้อย ๆ ของมันคมแหลมใช้ได้”“ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเกิดอาการติดสัดหรือเปล่า เอาแต่ข่วนและกัดไปทั่ว เฮ้อ…” เสิ่นหยวนฮวาส่ายหัว “เพิ่งจะโตเป็นรูปเป็นร่างไม่นาน แมวตัวเมียตัวน้อยที่มีอาการติดสัด ก็มีนิสัยเช่นนี้แหล่ะ”“เพียงแต่ว่า…” พูดอยู่ เสิ่นหยวนฮวายังใช้ลิ้นเลียริมฝีปาก “ข้านั้นชอบแมวตัวเมียตัวน้อยที่ดุดันที่สุด เวลาทำให้มันเชื่อง ช่างรู้สึกหนำใจยิ่งนัก”“เสิ่นหยวนฮวา!” เปลือกตาของตวนชินอ๋องแทบแตกร้าว เขาตะโกนลั่น “มอบตัวลูกสาวของข้าคืนมาเดี๋ยวนี้?”“ท่านหญิง?” เสิ่นหยวนฮวาทำหน้าฉงน สีหน้าฉงนเอิกเกริกเกินไป กลับทำให้ดูปลอมมาก “ท่านหญิงของท่านอ๋องที่ยังไม่ออกเรือน สองสาวบุปผาสีทองนั่นใช่หรือไม่ ข้าน้อยมักได้ยินว่าเหล่าท่านหญิงมีนิสั
“เสิ่นหยวนฮวา เจ้ามันสัตว์เดรัจฉาน!”ฉินเย่ว์เจียวหลุดออกจากมือของเฉินฝานแล้วพุ่งเข้าหาเสิ่นหยวนฮวาทันที แต่ถูกทหารอารักขาของเสิ่นหยวนฮวาขวางไว้ทัน“ใช่ ใช่!” เสิ่นหยวนฮวาที่อยู่บนหลังม้า ตื่นเต้นมากกว่าเดิม “เหมือน เหมือนมาก แมวตัวเมียตัวน้อยนั่นก็คลี่ปากยีฟันแบบนี้”“เสิ่นหยวนฮวา ส่งเสี่ยวฉู่คืนมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะสู้กับเจ้าจนตาย” ฉินเย่ว์เจียวยกคันธนูขึ้นชี้เสิ่นหยวนฮวาฉินเย่ว์เจียวไม่ได้อยู่ในสายตาของเสิ่นหยวนฮวาตั้งแต่แรก สายตาของเขามองข้ามฉินเย่ว์เจียวและตกอยู่ที่เฉินฝานอย่างตะลึงตกใจเต็มใบหน้า “เสี่ยวฉู่? น้องฝาน ผู้หญิงของเจ้าก็หายไปอีกคน?”“โถ ๆ !” เสิ่นหยวนฮวาเปลี่ยนสีหน้าเป็นปวดร้าวใจมาก “น้องฝาน นี่เป็นความผิดของเจ้านะ อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ได้ยินข่าว สองปีมานี้มีหมาป่าเด็ดบุปผาโผล่มาที่เมืองหลวง มีหญิงสาวหายตัวอยู่ประจำ? เจ้าไม่ควรให้ผู้หญิงของเจ้าวิ่งเที่ยวไปที่ถนนเลย”ฉินเย่ว์เจียวโมโหมากประหนึ่งไก่ชน เฉินฝานเพียงแววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเสิ่นหยวนฮวายิ้มมุมปากและมองเฉินฝานแสร้งทำเป็นนิ่งข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะตีหน้าซื่อได้ถึงเมื่อไหร่เสิ่นหยวนฮวาคิดจะกระตุ้
“ขอรับ!” สื่อซงตอบรับเสียงสูงทันที “ข้าน้อยกังวลเล็กน้อย อย่างไรเสียพวกนางก็เป็นท่านหญิง”เสิ่นหยวนฮวายักคิ้ว น้ำเสียงเหิมเกริมมาก “ท่านหญิงแล้วอย่างไร? ใช่ว่าข้าไม่เคยจัดการมาก่อน”“แต่พ่อของพวกนางเป็นถึงตวนชินอ๋อง!” สื่อซงไม่อยากล่วงเกินตวนชินอ๋องจริง ๆ แม้ว่าตวนชินอ๋องไม่มีอำนาจจริง แต่เวลาคนคลุ้มคลั่งขึ้นมา พูดว่าฆ่าคนก็ฆ่าคนได้จริง ๆ เขาคือท่านอ๋อง หากฆ่าคนขึ้นมาจริง ๆ เสิ่นหมิงหยวนก็ทำอะไรเขาไม่ได้“พ่อของพวกนางคือตวนชินอ๋องน่ะสิยิ่งดี ที่เขาพูดว่าจะร่ำรวยย่อมมีความเสี่ยง ถ้าตวนชินอ๋องจะกล่าวโทษ ก็คงต้องโทษที่เขายอมให้ลูกสาวของตนไปสนิทชิดใกล้กับ หญิงโสเภณีของเฉินฝานมากเกินไปและทำร้ายลูกสาวของเขา” เสิ่นหยวนฮวาเริ่มวางแผนภายในใจ เมื่อเขาจัดการฉินเยียนฉินอวี่เสร็จแล้ว จะเรียกร้องสิ่งของกับตวนชินอ๋องเท่าไหร่ที่ดินศักดินาของตวนชินอ๋องมีมากกว่าอ๋องหรงมาก“พอได้แล้ว!” เสิ่นหยวนฮวากล่าวอย่างใจร้อน “หยุดทำหน้าตายเสียที เรื่องนี้ท่านพ่อกับน้องรองอนุญาตแล้ว หลังจากทำสำเร็จ ข้าจะช่วยพูดเรื่องดี ๆ ของเจ้าต่อหน้าพวกเขาให้ ตำแหน่งขุนนางของลูกชายเจ้า ไม่มีปัญหาแน่นอน”สื่อซงตาลุกวาวและกล่
“คุณหนู พวกเขา...”“นี่เป็นคำสั่ง!” เมี่ยวอวี่ตัดบทหญิงชราด้วยเสียงเฉียบขาด “เปิดเครือข่ายใต้ดินในเมืองเซียนตูเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ว้าว!”เซียนเจี้ยนหวงพุ่งปราดเข้าไป ถามเมี่ยวอวี่ด้วยความตื่นเต้นว่า “แม่หนูน้อย ในเมืองเซียนตูมีเครือข่ายใต้ดินตำหนักเซียวเหยาของพวกเจ้าจริง ๆ หรือ”ดวงตาของชายชราเปล่งประระยิบระยับ เขาเคยได้ยินมานานแล้วว่าตำหนักเซียวเหยามีเครือข่ายใต้ดินอยู่ในเมืองใหญ่มากมาย เขาสงสัยใคร่รู้มากจริง ๆ รีบร้อนอยากจะเห็นเมี่ยวอวี่ผงกศีรษะเล็กน้อย เสียงฟังดูล่องลอย “รบกวนท่านพาพวกเขาเข้ามาด้วย”“ได้เลย ๆ!”เซียนเจี้ยนหวงวิ่งไปหาเฉินฝานอย่างเบิกบานใจ “เจ้าหนู ยังจะอึ้งอยู่ทำไม? เมี่ยวอวี่จะเปิดเครือข่ายใต้ดินแล้ว พวกเรารอดแล้ว!” แม้ว่าในใจยังคงมีความสงสัย แต่ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว เฉินฝานพาภรรยาและลูกตามหลังเซียนเจี้ยนหวงเข้าไปในห้องอีกครั้งหญิงชรากวาดตามองพวกเฉินฝาน ก่อนจะหันไปถามเมี่ยวอวี่อย่างจริงจังว่า “คุณหนู ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้ท่านกำลังทำอะไรอยู่?”“ข้าจะทำอะไร?” เสียงของเมี่ยวอวี่ฟังดูคลุมเครือ แต่ว่ามีความเด็ดเดี่ยวอย่างยิ่ง “ไม่ต้องให้แม่นมชางมาเตือนหรอ
ผ่านไปไม่นาน ฉินฮวากับฉินเหนียนก็ถูกช่วยออกมาเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน เฉินฝานก็ยกทัพออกศึกแล้วฉินฮวากับฉินเหนียนเห็นเฉินฝาน ความตื่นเต้นดีใจไม่ได้น้อยไปกว่าฉินเย่ว์โหรวเลยนี่ก็คือสามีของพวกนาง บุรุษที่เหมือนกับขุนเขาเขาไม่ตาย ไม่ตายช่างดีเหลือเกิน ดีเหลือเกินจริง ๆ! “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีคำพูดมากมายอยากถามข้า แต่ตอนนี้พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ก่อน” “ปัง!” คำพูดของเฉินฝานยังไม่ทันสิ้นสุดลง กำแพงที่เชื่อมต่อกับลานด้านนอกพลันถล่มลงมา เปลวไฟที่ลุกโชน ราวกับมังกรเพลิงพุ่งคำรามจากด้านนอกเข้าไปในลานบ้านตัวแล้วตัวเล่าเฉินฝานขมวดคิ้วไฟไหม้นี้รุนแรงขึ้นกว่าสองเท่าจากตอนที่เขาเพิ่งจะเข้ามาเฉินฝานสูดจมูก ไม่ใช่ในไฟนี้มีกลิ่นน้ำมันสน“ซ่า!” เฉินฝานมองเห็นจากไกล ๆ ว่ามีทหารนายหนึ่งสาดน้ำถังหนึ่งมาทางลานบ้านกลิ่นน้ำมันสนแรงมากขึ้น แท้จริงแล้วในถังนั้นไม่ใช่น้ำ แต่เป็นน้ำมันสนที่ดูใกล้เคียงกับน้ำ“ซ่า!”‘น้ำ’ อีกถังสาดเข้ามาจากด้านนอก และครั้งนี้ทหารคนนั้นวิ่งเข้าไปในลาน แล้วราดใส่ศีรษะของพวกเขาโดยตรง“หมอบลง!” เย่ว์เจียวกับเย่ว์หนูได้รับการฝึกอบรมมากแล้ว เข้าใจคำสั่งนี้
บางครั้งสาวงามมักจะโง่งมเล็กน้อย “เจ้าไม่ลืมตา แล้วจะมองเห็นสามีได้อย่างไรเล่า?” เฉินฝานพูดพลางเอาผ้าเปียกปิดปากปิดจมูกของฉินเย่ว์โหรวเวลานี้เอง ฉินเย่ว์เจียวกับเย่ว์หนูก็เข้ามาเช่นกัน พวกนางใช้ผ้าเปียกปิดปากปิดจมูกของจินเหยียนไชเป่า ก่อนจะอุ้มพวกเขาไปจากอ้อมกอดของฉินเย่ว์โหรว ฉินเย่ว์โหรวที่ถูกเฉินฝานเอาผ้าเปียกปิดปากปิดจมูกยังคงไม่มีความคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ว่าทันใดนั้นเองอ้อมกอดก็ว่างเปล่าในฐานะมารดาคนหนึ่ง จู่ ๆ บุตรถูกอุ้มไปเป็นเรื่องที่ตื่นตัวมากที่สุด นางจึงลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“...”ฉินเย่ว์โหรวมองพวกเฉินฝานด้วยสายตาตะลึงงัน ไม่มีความประหลาดใจยินดี ไม่มีการร้องตะโกน น้ำตาค่อย ๆ เอ่อคลอเต็มดวงตา สุดท้ายก็พรั่งพรูออกมา“นายท่าน พี่หญิงสาม เย่ว์หนู ขอบใจนะเจ้าคะที่ยังอดทนรอข้าอยู่บนทางสู่ปรโลก”“ปัง“เพล้ง!” คานไม้ตรงมุมห้องที่ถูกเผาจนหักหล่นลงมา ทำให้กระเบื้องหลังคาร่วงตามลงมาด้วย“ทางสู่ปรโลกอันใด...เฮ้อ เจ้านี่นะ นอกจากตอนนับเงินที่ฉลาดมากแล้ว เวลาอื่น ๆ ช่างโง่งมเสียจริง ข้าไม่พูดมากกับคนโง่งมอย่างเจ้าแล้ว”เฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์โหรวขึ้นมาแล้วเดินออกไป ฉิ
ภายในคฤหาสน์ที่มีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นฟ้า“แค่ก แค่ก แค่ก!”“แง้ แค่ก แง้!”เสียงไอของผู้ใหญ่และเสียงไอผสมร้องไห้ของเด็กดังสลับกันไปมา อีกทั้งยังมีเสียงร้องโหยหวนมากมายปะปนอยู่ในนี้ด้วยมีคนถูกคานที่หล่นลงมาจากหลังคาและประตูหน้าต่างที่โดนถูกเผา ร่วงทับใส่ไม่หยุด “จินเหยียนไชเป่า พวกเจ้าไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่ ๆ” ฉินเย่ว์โหรวกอดบุตรชายทั้งสี่คนไว้ในอ้อมแขนแน่น ๆ เด็กน้อยที่น่าเวทนาทั้งสี่คนเพิ่งจะอายุได้หนึ่งขวบกว่า แต่ละคนหน้าแดงก่ำเพราะไฟที่เผาไหม้ ฤดูเหมันต์ ทั่วทั้งร่างกลับเต็มไปด้วยเหงื่อ เหยียนเป่ากับไชเป่าร่างกายอ่อนแอกว่าเล็กน้อย เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของฉินเย่ว์โหรว พวกเขาก็แทบจะไม่มีสติแล้ว“เหยียนเป่า ไชเป่า พวกเจ้าฟื้นสิ พวกเจ้าฟื้นขึ้นมาสิ!” ฉินเย่ว์โหรวร้องเรียกชื่อของบุตรชายสองคนด้วยความกังวลใจแต่เหยียนเป่ากับไชเป่าไม่มีการตอบสนองเลย“ช่วยด้วย หมัวมัว หมัวมัว”“แค่ก ๆๆ” ฉินเย่ว์โหรวร้องขอความช่วยเหลือแววตาตื่นตระหนก ตะโกนหาหมัวหมัวที่ดูแลข้างกายนางมาโดยตลอด เมื่อเอ่ยปากก็มีควันเข้ามาในปาก ทำให้นางสำลักจนแทบจะทรงตัวนั่งไม่ได้ไม่มีผู้ใดตอบรับฉิน
ภายใต้เสียงร้องเรียกของคนมากมาย เสิ่นหมิงหยวนปรากฏตัวตรงหน้าฉินเย่ว์เหมย คุกเข่าบนพื้น“ฝ่าบาท ในที่สุดฝ่าบาทก็ฟื้นแล้ว”เสิ่นหมิงหยวนในสภาพหน้าเปื้อนไปด้วยฝุ่นควัน คล้ายเพิ่งหนีตายเห็นฉินเย่ว์เหมยมองเรือนที่พักของฉินเย่ว์โหรวด้วยสีหน้ากังวล เขารีบพูดขึ้นทันที “ฝ่าบาท โปรดวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำสุดความสามารถ แม้กระหม่อมจะเหลือเพียงเถ้ากระดูก ก็จะช่วยพวกฮูหยินตระกูลเฉินออกมาจากเพลิงไหม้”“แล้วเจ้าจะยืนนิ่งอยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปช่วยอีก!” ฉินเย่ว์เหมยตะคอกเสียงดังกล่าวว่าทำสุดความสามารถ กล่าวว่าแม้จะเหลือเพียงเถ้ากระดูก ทั้งหมดเป็นเพียงข้ออ้างที่เสิ่นหมิงหยวนใช้สำหรับถ่วงเวลาก็เท่านั้นหลายวันมานี้ ฉินเย่ว์เหมยไม่ได้กินข้าวและไม่ได้ดื่มน้ำ เมื่อตะคอกเสียงดัง นางรู้สึกคล้ายดาวลอยอยู่ตรงหน้า“ฝ่าบาท!”หงอิงรีบพยุงฉินเย่ว์เหมยที่กำลังจะล้มลง“ฝ่าบาท” ทันใดนั้นเองเสิ่นหมิงหยวนก็ลุกขึ้นยืน “สิ่งที่ฝ่าบาทต้องทำตอนนี้คือพักผ่อน ที่เหลือให้กระหม่อมจัดการเองพ่ะย่ะค่ะ!”พูดจบ ไม่สนใจว่าฉินเย่ว์เหมยเห็นด้วยหรือไม่ เขาสั่งให้หลี่ชิ่งเอาตัวฉินเย่ว์เหมยออกไปเวลานี้ทหารรักษาพระองค์ท
“สวรรค์ แคว้นต้าชิ่งของเราเพิ่งสูญเสียท่านใต้เท้าอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ตอนนี้ไฟไหม้เรือนที่พักของท่านอัครเสนาบดีเบื้องขวาอีก สวรรค์กำลังลงโทษหรือ”“ก็ใช่น่ะสิ ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายสิ้นใจแล้ว ภรรยาและลูกของท่านยังอยู่ท่ามกลางเปลวไฟลุกโชนอีก”“นายท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวทราบดีว่าเฉินฝานฝีมือไม่ธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะวิ่งเร็วเช่นนี้ นางไล่อย่างไรก็ไล่ตามไม่ทันวันนี้ลมแรงยิ่งนักเรือนเหนือและเรือนข้างเคียงภายในจวนเจ้าเมืองเซียนตู ไฟลุกโชนเปลวไฟลุกโชน ภายใต้ลมพัดกระหน่ำที่ช่วยโหมให้เปลวไฟรุนแรงมากขึ้น เสียงลมกลืนกินสรรพสิ่ง ควันโขมงปกคลุมทั่วทั้งจวน เปลวไฟที่แผดเผาทำให้คนหายใจไม่ออก เสียงเพลิงไฟ กรีดร้องและคำรามดังก้อง ราวกับเปลวไฟกำลังจะกลืนกินทุกชีวิตพื้นที่ไฟไหม้ชุลมุนวุ่นวาย ภายใต้เปลวไฟ คนมากมายกำลังร่ำไห้ กำลังวิ่ง แววตากังวลและหวาดกลัว รวมถึงเสียงร้องที่กรีดหัวใจเปลวไฟยังคงลุกโชนรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คล้ายกำลังหัวเราะเยาะความพยายามอันไร้ค่าของมนุษย์ตัวเล็กๆ“เร็ว เร็วเข้า ช่วยคนเร็วเข้า!”ฉินเย่ว์เหมยที่ร่างกายอ่อนแอ กระโดดลงจากเกี้ยว ผลักขันทีและนางกำนัลข้างกาย
เฉินฝานเข้าเมืองวันที่สอง ก็คือวันที่สองในการจัด ‘พิธีไว้อาลัย’ ของเขาเช่นเดียวกันฟ้ายังไม่สว่าง เฉินฝานก็ตื่นเพราะเสียงร้องไห้ครวญครางด้านนอกเสียงร้องไห้ของชาวบ้าน ยิ่งฟังก็ยิ่งร้องไห้ด้วยความเสียใจเมื่อถาม จึงได้รู้ว่าต้องเสียใจมากๆ เท่านั้นนักการในศาลาว่าการมาตรวจตราได้ทุกเมื่อ หากร้องไห้ไม่เสียใจมากพอ ภาษีปีนี้ จะต้องจ่ายเพิ่มหนึ่งเท่าตัวหนึ่งเท่าตัวทุกคนล้วนร้องไห้ครวญครางเฉินฝานและพวกฉินเย่ว์เจียวแฝงตัวในกลุ่มชาวบ้านที่กำลังร้องไห้ พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดพิธีไว้อาลัย แท่นบูชาสวรรค์ของเมืองเซียนตู“ถอยไป ถอยไป!”ขณะที่พวกเขาอยู่ห่างจากแท่นบูชาหลายร้อยเมตร ทันใดนั้นเองด้านหน้าก็มีเสียงตะโกนด้วยความรีบร้อนคาดเดาจากประสบการณ์ น่าจะเป็นคนสำคัญสักคนหนึ่งออกมาจากแท่นบูชาคนแรกที่ปรากฏในสายตาของเฉินฝาน คือขุนนางหนวดเคราขาวโพลนสี่ห้าคนคนพวกนั้น เฉินฝานรู้จักพวกเขาไม่ใช่ขุนนาง แต่เป็นหมอหลวงในวังหลวง พวกเขาดูรีบร้อนยิ่งนัก คนสุดท้ายนั่งเกี้ยวไร้หลังคาตามไป“ได้ยินว่าฮูหยินนามเย่ว์โหรวของท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายสลบไปอีกแล้ว”ด้านข้างมีเสียงคนกระซิบกระซาบ
”ที่ว่าแย่มากนั้นแย่เพียงใด”“นับตั้งแต่ข่าวการเสียชีวิตไปถึงเมืองหลวง ฮูหยินเย่ว์โหรวก็กินไม่ได้เลยเพคะ”ฉินเย่ว์เหมยขมวดคิ้วเป็นปม “หงอิง สั่งพวกหมัวมัว ให้พวกนางอุ้มจิน เหยียน ไช เป่าไปที่ห้องของเย่ว์โหรว ให้พวกเด็กๆ ในกับเย่ว์โหรว ห้ามไปไหนแม้แต่วินาทีหนึ่ง”สตรีคนหนึ่งสูญเสียสามีอันเป็นที่รัก สิ่งเดียวที่ทำให้นางมีชีวิตต่อไปได้ คือลูก...ในฐานะอัครเสนาบดีเบื้องขวา เสิ่นหมิงหยวนก็พักที่จวนเจ้าเมืองเช่นเดียวกันเขาพักอยู่ในเรือนทางทิศเหนือของจวน เรือนนี้ค่อนข้างไกลจากเรือนหลักเสิ่นหมิงหยวนยังเดินไปไม่ถึงเรือนเหนือ ก็เห็นหลี่ชิ่งยืนรอเขาจากที่ไกลๆ แล้ว“ใต้เท้า!”ทันทีที่เจอเสิ่นหมิงหยวน หลี่ชิ่งรีบเดินมาหาทันทีเสิ่นหมิงหยวนยกมือขึ้นบอกหลี่ชิ่งว่ายังไม่ต้องพูด ตามเขาเข้าไปในเรือนก่อน“ใต้เท้า อาการของฝ่าบาทตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ฟื้นหรือยัง?”เสิ่นหมิงหยวนที่กำลังดื่มน้ำชาอยู่นั้นชะงักเล็กน้อย แววตาของเขาฉายความไม่สบอารมณ์ “แค่หุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้น เจ้าเป็นห่วงมันทำไม?”“ขอรับ ใต้เท้า!” หลี่ชิ่งรีบก้มหน้าลงทันที“ยังไม่เจอตัวอีกหรือ?” เสิ่นหมิงหยวนถามหลี่ชิ
“ฉินเย่ว์เจียวตั้งใจยิงธนูไปที่น่องของหญิงวัยกลางคนทว่าหัวลูกธนูนี้ค่อนข้างทื่อ ทำให้คนล้มลง แต่ไม่ทำให้คนบาดเจ็บสาเหตุที่ฉินเย่ว์เจียวทำเช่นนี้ เพราะอยากจะทดสอบดูว่า หญิงวัยกลางคนคนนี้มีวรยุทธ์หรือไม่ยามคับขัน ระมัดระวังหน่อยย่อมเป็นเรื่องที่ดีฉินเย่ว์เจียวใช้สายตาส่งสัญญาณให้เย่ว์หนู เย่ว์หนูเข้าใจทันที รีบไปพยุงหญิงวัยกลางคน พร้อมกับขอโทษนางเย่ว์หนูที่เดินกลับมาหาฉินเย่ว์เจียวส่ายหน้าหญิงวัยกลางคนนั้นเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ดูแลห้องพักเท่านั้น...ณ จวนเจ้าเมืองของซื่อต้าเผิง เมืองเซียนตูห้องนอนใหญ่กลางจวน เดิมทีห้องนี้เป็นห้องของซื่อต้าเผิงแต่ว่า ตอนนี้ซื่อต้าเผิงกำลังก้มหน้าโค้งคำนับ ยืนอยู่ข้างประตู ไม่อาจเข้าไปได้ และไม่มีสิทธิ์เข้าไปเสิ่นหมิงหยวนกลับเข้ามาด้วยความรีบร้อนเพิ่งก้าวข้ามธรณีประตู สีหน้าของเขาฉายความกังวลทันทีเขาเดินมาที่หน้าเตียง มองคนบนเตียงคนบนเตียง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ทว่าซีดขาวคิ้วของเสิ่นหมิงหยวนขยับไปมาอย่างรวดเร็ว ตามด้วยถามชายชราที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วง “หมอหลวงสวี เมื่อไหร่ฝ่าบาทจะฟื้น?”หมอหลวงสวีส่ายหน้า