“ไม่ใช่รถต๊าดต๊าด เรียกว่าจักรเย็บผ้า”“น้องฝาน เรียกว่ารถต๊าดต๊าดเถอะ จักรเย็บอะไรนั่นเรียกยาก อีกทั้งเมื่อครู่ตอนเจ้าเหยียบมีเสียงต๊าดต๊าดดังขึ้น เช่นนั้นเรียกว่ารถต๊าดต๊าดเหมาะสมยิ่งกว่า”“...” นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินฝานไม่อาจพูดเอาชนะคนโบราณได้“ต๊าดบ้าอะไร!” เฉินฝานเตะหลี่ซาน “ยังไม่รีบออกนอกวังหลวงแล้วไปทำงานอีก!”หลี่ซานเอามือกุมสะโพกที่ถูกเฉินฝานเตะจนเจ็บ ปากก็บ่นพึมพำด้วยความดื้อรั้น “รถต๊าดต๊าดก็รถต๊าดต๊าดสิ รถต๊าดต๊าดเพราะดี!”“ใต้เท้าเฉิน!”ตอนเดินออกมาจากพระตำหนักไท่เหอ เจิ้งชิงหัวหน้ากลุ่มพ่อค้าแคว้นฉู่วิ่งมาตรงหน้าเฉินฝาน พูดประจบ “รถต๊าดต๊าดนั้น ข้าขอนำกลับไปให้นายจ้างใหญ่หนึ่งงเครื่องได้หรือไม่ ข้าไม่เอากลับไปฟรีๆ ข้าจะจ่ายเงิน”ในฐานะตัวแทนของฉู่หยางหง ย่อมจ่ายเงินก้อนใหญ่ เจิ้งชิงควักเงินออกมา คือตั๋วเงินจำนวนมากเฉินฝานมองครู่หนึ่งเยี่ยมห้าหมื่นตำลึง“ท่านอาเจิ้ง! มิตรภาพระหว่างท่านกับพี่หยางหง พูดคุยเรื่องเงินเล็กน้อยเท่านี้ จะไม่เป็นการทำลายความสัมพันธ์หรือ? ข้ายกให้เขาหนึ่งเครื่องก็ได้ แค่ว่า...”ขณะพูด เฉินฝานเริ่มลำบากใจ “อาเจิ้ง ท่านเองก็ได้ยินแล้
ภายในพระตำหนักไท่เหอ นอกจากหลี่ซานที่วิ่งมาแล้ว ยังมีฉินเย่ว์เหมย หงอิง พ่อลูกเหอกังและเหอจื่อเฉินฝานขมวดคิ้วเป็นปม “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ปีนี้ดอกฝ้ายเก็บเกี่ยวได้ดีไม่ใช่หรือ?”หลี่ซานส่ายหน้า “ไม่ได้เป็นเพราะเก็บเกี่ยวไม่ดี แต่เพราะหลายวันก่อน มีพ่อค้าต่างแคว้น พวกเขากว้านซื้อในราคาสูง ดังนั้นตอนนี้ชาวบ้านจึงมีดอกฝ้ายในมือไม่มากแล้ว”“ไม่มีดอกฝ้าย เช่นนั้นแม้จะเก่งกาจเพียงใดก็ไร้ความหมาย จะทำเสื้อผ้าฝ้ายและกางเกงผ้าฝ้ายสองแสนตัวได้อย่างไร?” สีหน้าเหอจื่อหลินฉายความกังวล“เหอกัง เหอจื่อหลิน!”ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกเจ้าสองพ่อลูกนำทหารรักษาพระองค์หนึ่งร้อยนาย มุ่งหน้าไปแคว้นฉู่ ต้องซื้อดอกฝ้ายสองแสนจินภายในสองวันให้ได้”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”เหอกังและเหอจื่อหลินรับคำสั่งแล้วออกไป“ไม่ต้อง!”เฉินฝานขวางทางพ่อลูกตระกูลเหอ “พวกเขาซื้อดอกฝ้ายจากแคว้นเราได้ เช่นนั้นก็ย่อมซื้อดอกฝ้ายในแคว้นฉู่ไปไม่น้อย”“แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดี อีกเจ็ดวันหากไม่อาจนำเสื้อผ้าฝ้ายออกมาได้ พวกเสิ่นหมิงหยวนต้องบีบให้ฝ่าบาทประหารท่านแน่นอน” เหอจื่อหลินพูดด้วยความร้อนรน“ไม่อยากให้ฆ่าตาย
ชุยต๋าหลุนไม่อยากทำให้ฉินเย่ว์เหมยลำบากใจ แต่ว่าบรรดาสหายกองทัพหมาป่ากำลังรอเสื้อผ้าฝ้ายจากเขาหากตาย ที่ไม่ได้มาจากการสู้รบกับชาวหู แต่เพราะหนาวตาย เช่นนั้นทหารกองทัพหมาป่าทั้งหมดก็ตายตาไม่หลับ“ขุนนางชุย เฉินฝานไปทำงานจริงๆ เจ้ารอหน่อย ตอนนี้เขากำลังรีบกลับมาแล้ว”ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งพูดจบ เสิ่นหมิงหยวนก็พูดทันที “ในเมื่อฝ่าบาทตรัสว่าเฉินฝานกำลังเร่งเดินทางกลับมา เช่นนั้นบอกได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เฉินฝานเร่งเดินทางกลับมาจากทิศทางใด กระหม่อมไม่ได้สงสัยฝ่าบาท แต่ว่า...”เสิ่นหมิงหยวนมองชุยต๋าหลุนปราดหนึ่ง แล้วค่อยพูดต่อ “ประการแรก ให้ท่านนายกองชุยสบายใจ ประการที่สอง กระหม่อมจะได้สั่งให้คน หลีกทางให้เฉินฝาน จะได้ไม่ต้องแจ้งหนังสือเปิดทางอยู่ร่ำไปพ่ะย่ะค่ะ”หลายหน่วยงานในแคว้นต้าชิ่ง ยอมรับคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวน แต่ไม่ยอมรับราชโองการของฉินเย่ว์เหมย นี่เป็นสิ่งที่เสิ่นหมิงหยวนลำพองใจ และเป็นความอับอายของฉินเย่ว์เหมย“ไม่ต้องแล้ว...”“ไม่ต้องแล้ว หรือฝ่าบาทไม่รู้ว่าเฉินฝานไปทิศทางใดพ่ะย่ะค่ะ?” เสิ่นหมิงหยวนพูดแทรกฉินเย่ว์เหมย“สามหาว!” ฉินเย่ว์เหมยตบพนักแขนของบัลลังก์มังกร “เสิ่นหมิงหยวน
ฉินเย่ว์เหมยยังไม่ได้เดินออกจากตำหนักที่เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสิ่นหมิงหยวนก็มีคำสั่งที่สอง“ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลท้องพระคลังของแคว้น เที่ยวเล่นไม่รับผิดชอบในฐานะ หลบหนีกะทันหัน ไม่สนใจชีวิตทหารกองทัพหมาป่าสองแสนนายทางแดนเหนือ!”“การกระทำนี้ถือเป็นการก่อกบฏเป็นความผิดร้ายแรง เหมาะแก่การประหารชีวิตและยึดทรัพย์สิน หลี่ชิ่ง ข้าขอสั่งให้เจ้าไปจวนเฉิน บุรุษจับเป็นทหาร สตรีจับมาเป็นสาวใช้วังหลวง”“สาวใช้วังหลวงและสตรีในหอโคมแดงเหมือนกัน ทว่าสาวใช้วังหลวงน่ารันทดยิ่งกว่า สตรีหอโคมแดงบริการลูกค้ายังได้รับเงิน เมื่อมีเงินมากพอสามารถไถ่ถอนตนเองได้ ทว่าสาวใช้วังหลวงไม่มีเงิน และไม่อาจไถ่ถอนตัวเองได้“เสิ่นหมิงหยวน...”ฉินเย่ว์เหมยหันขวับกลับไปทันที คว้าดาบออกมาจากเอว กระโดดขึ้นกลางอากาศ พุ่งดาบไปทางเสิ่นหมิงหยวน“ปกป้องใต้เท้า!”“ฝ่าบาท!”เสียงของหลี่ชิ่งและหงอิงดังขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองพุ่งตัวไปหานายของตนพร้อมกัน ดาบของหลี่ชิงขวางหน้าเสิ่นหมิงหยวน ทางด้านหงอิง...“ติ้งตั้ง!”“ตึ้ง!”ฉินเย่ว์เหมยล้มลงบนพื้น นางไม่ได้ล้มเอง แต่ถูกหงอิงทำให้สะดุดล้ม“หงอิง เหตุใดเจ้าจึง...”“ฝ่า
ตรงทางเข้าพระตำหนัก ชายหนุ่มยืนหันหลังให้กับแสง รูปร่างทั้งที่ไม่สูงใหญ่เท่าไหร่ แต่กลับตั้งตรงอยู่ตรงนั้นราวภูเขาที่สูงตระหง่านเมื่อเห็นเฉินฝานแวบนั้น ดวงตาของเฉินเย่ว์เหมยพลันเกิดหมอกขึ้นมา กำลังที่ยึดเหนี่ยวร่างกายไว้ฮวบลงทันใดหากไม่มีหงอิงคอยพยุงนางไว้ คงไม่สามารถยืนไหวด้วยซ้ำ“เขายังรู้ตัวว่าต้องกลับมาเหรอ?” อารมณ์ไม่พอใจคลื่นใหญ่พลันลุกฮือขึ้นในใจเหมือนสามีที่ไม่กลับเรือน กลับมาถึงแล้วในที่สุด เป็นความเดือดพล่านของภรรยาที่มีต่อสามีเฉินฝานเร่งฝีเท้าเดินมาถึงตรงหน้าฉินเย่ว์เหมย เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของนาง ร่างกายพิงหงอิงเหมือนเจ็บป่วย ก็เกิดความตกใจเล็กน้อย“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไปหรือ?”ฉินเย่ว์เหมยจ้องเขม่นเฉินฝานอย่างแรง ไม่พูดแม้แต่คำเดียว นางผลักหงอิงออกแล้วเดินไปที่พระที่นั่งมังกรของตนเองอย่างลำบากท่าทางที่แสดงนี้ คือการแสดงและไม่ใช่การแสดงให้เสิ่นหมิงหยวนเห็นว่านางอ่อนแอและเจ็บปวด เป็นความจริงเรื่องนี้ทำให้ร่างกายและใจของนางอ่อนแรง ก็เป็นความจริงเช่นกัน“ผู้นำหง ฝ่าบาททำไมไม่สนใจข้า?” เฉินฝานถามหงอิงหงอิงทำตาขวางให้กับเฉินฝานอีกคน “ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ ใต้เท้
“หนึ่งหมื่นจิน? น้อยเกินไป!” เฉินฝานยังพูดไม่จบ ชุยต๋าหลุนก็พูดขัดจังหวะ“ปีนี้ฝ้ายในตลาดมีน้อยมาก ซื้อมาได้หนึ่งหมื่นจินก็นับว่าไม่น้อยแล้ว เมื่อรวมกับที่เจ้าเมืองสิบเมืองส่งมาให้ก็ไม่น้อยแล้วเหมือนกัน” เสิ่นหมิงหยวนกล่าวฝ้ายในตลาดทุกวันนี้ ถูกเจ้าเมืองแต่ละเมืองรับซื้อไปเกือบหมด เฉินฝานซื้อได้ถึงหนึ่งหมื่นจิน เสิ่นหมิงหยวนรู้สึกว่าเฉินฝานมีความสามารถจริง ๆแต่ว่า มีความสามารถแล้วอย่างไรต่อให้รวมกับฝ้ายห้าหมื่นจินที่เจ้าเมืองสิบเมืองส่งมา บวกกันแล้วก็มีเพียงประมาณหกหมื่นจิน ห่างจากสองแสนจินอีกเกือบครึ่งหนึ่ง“ก็ยังน้อยไป นำทั้งหมดมารวมกัน ก็มีประมาณหกหมื่นจินเท่านั้น ตอนนี้ทางตอนเหนือหนาวมาก เสื้อทำจากฝ้ายไม่มีประโยชน์ด้วยซ้ำ!” ชุยต๋าหลุนใจร้อนราวกับมดที่อยู่บนหม้อร้อน“นายกองทหารชุย อย่าใจร้อนไป!” เฉินฝานกล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่ง “หมื่นจินไม่ใช่ฝ้าย แต่เป็นขนเป็ดขาว”“ขนเป็ดขาว? ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่”ภายในท้องพระโรง นอกจากเฉินฝานกับเหอจื่อหลิน คนอื่น ๆ ไม่มีใครไม่ตื่นตกใจ“พวกท่านไม่ได้ฟังผิด ขนเป็ดขาวนั่นแหละ นี่คือเป็ดขาวที่ชาวบ้านทั้งอำเภอหลีฆ่าตายสามล้านตัวอย่างไม่หล
เคยเห็นคนหักหลังพ่อ ไม่เคยเห็นคนหักหลังพ่อขนาดนี้เลยเสิ่นหมิงหยวนถลึงตากับเสิ่นหยวนฮวา “ราชสำนักเป็นสถานที่ที่ใช้เดิมพันอย่างเปิดเผยได้อย่างไร?”“ท่านพ่อ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ขอรับ!” เสิ่นหยวนเลี่ยงเดินออกมา ถอดเสื้อขนสัตว์ที่เฉินฝานสวมให้เสิ่นหมิงหยวนด้วยความไม่สมัครใจเมื่อครู่นี้ออก พร้อมกับพูดเสียงดังโมโห“แม่ทัพหลี่! เฉินฝานขุนนางระดับชั้นสี่แต่กล้าล่วงเกินอัครเสนาบดีเบื้องขวาอย่างโจ่งแจ้ง ลากเขาไปโบ้ยห้าสิบครั้งทันที”“ทำไมล่ะ?” เฉินฝานกอดสองมือตรงหน้าอก สายตามองข้ามเสิ่นหยวนเลี่ยงและตกที่เสิ่นหมิงหยวน “ไม่กล้าเดิมพันเพราะกลัวแพ้งั้นรึ?”เสิ่นหมิงหยวนผลักเสิ่นหยวนเลี่ยงที่ช่วยเขาถอดเสื้อขนสัตว์ แล้วมองเฉินฝานด้วยแววตาเหยียดหยาม จากนั้นยิ้มและกล่าว “ในเมื่อเสนาบดีเฉินมั่นใจถึงเพียงนี้ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะทดลองเสื้อใหม่แทนทหารกองทัพหมาป่าที่อยู่ในความลำบากแล้วกัน ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาของข้าด้วย”เฉินฝานยิ้มกลับให้กับเสิ่นหมิงหยวนและยกนิ้วโป้งขึ้น “ใต้เท้าอัครเสนาบดี เป็นใต้เท้าที่มีจิตใจกว้างขวางจริง ๆ ถ้าเช่นนั้น…”เฉินฝานหยิบเสื้อผ้าออกมาอีกสองตัว ยื่นให้กับเสิ่นหยวนฮวาและเส
เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยง แสดงอารมณ์หน้าตาเฉย ไม่เห็นถึงสีหน้าที่รุ่มร้อนใด ๆ บนหน้าผากก็ไม่มีเหงื่อ“ทัณฑ์เลาะกระดูก ทัณฑ์ตัดเอว ทัณฑ์รถม้าแหกร่าง ทัณฑ์ตัดหัว ทัณฑ์ลอกหนัง ทัณฑ์ฝังเป็น ทัณฑ์ชักไส้ เฉินฝาน เจ้าเลือกวิธีตายที่ตนเองรู้สึกสบายสิ”เสิ่นหยวนฮวายังกล่าวไม่จบ ก็มีเสียงพะอืดพะอมมากมายดังขึ้นที่ราชสำนักสิ่งที่เสิ่นหยวนฮวากล่าวถึงเหล่านี้มีวิธีตายใดสะดวกสบายบ้าง มีวิธีใดบ้างที่ไม่ใช่การทรมานอันน่าสยดสยอง “เลือกยากล่ะสิ” เมื่อเห็นเฉินฝานไม่พูด เสิ่นหยวนฮวายิ่งรู้สึกหลงระเริง กระทั่งชี้สั่งช่วยเฉินฝานเลือก “วิธีตายเหล่านี้ที่มีความสะดวกสบายที่สุด ก็คงจะเป็นทัณฑ์ตัดหัว เพราะตายเร็ว ไม่ ๆ…”เสิ่นหยวนฮวาพูดอยู่พลางส่ายหัว “เมื่อปีที่แล้วมีเพชฌฆาตชุดหนึ่งเกษียณอายุ เพชฌฆาตชุดใหม่ ฝีมือยังไม่ถึง พอฟันลงไปอาจตัดหัวไม่ขาดจนต้องฟันอีกหลายครั้ง ฉะนั้นแล้ว วิธีตายนี้ไม่เด็ดขาดมากพอ เช่นนั้นเลือกอะไรดี?”“ทัณฑ์เลาะกระดูก? เด็ดขาดและตายช้า วิธีตายนี้ไม่สบายเท่าไหร่ ทัณฑ์ตัดเอว? ไม่ได้เหมือนกัน ปัญหาเดียวกับทัณฑ์ตัดหัว ฝีมือของเพชฌฆาตยังดีไม่พอ ต้องฟันหลายครั้งถึงจะตัดหัวคนขาดเป
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ