ภายในพระตำหนักไท่เหอ นอกจากหลี่ซานที่วิ่งมาแล้ว ยังมีฉินเย่ว์เหมย หงอิง พ่อลูกเหอกังและเหอจื่อเฉินฝานขมวดคิ้วเป็นปม “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ปีนี้ดอกฝ้ายเก็บเกี่ยวได้ดีไม่ใช่หรือ?”หลี่ซานส่ายหน้า “ไม่ได้เป็นเพราะเก็บเกี่ยวไม่ดี แต่เพราะหลายวันก่อน มีพ่อค้าต่างแคว้น พวกเขากว้านซื้อในราคาสูง ดังนั้นตอนนี้ชาวบ้านจึงมีดอกฝ้ายในมือไม่มากแล้ว”“ไม่มีดอกฝ้าย เช่นนั้นแม้จะเก่งกาจเพียงใดก็ไร้ความหมาย จะทำเสื้อผ้าฝ้ายและกางเกงผ้าฝ้ายสองแสนตัวได้อย่างไร?” สีหน้าเหอจื่อหลินฉายความกังวล“เหอกัง เหอจื่อหลิน!”ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกเจ้าสองพ่อลูกนำทหารรักษาพระองค์หนึ่งร้อยนาย มุ่งหน้าไปแคว้นฉู่ ต้องซื้อดอกฝ้ายสองแสนจินภายในสองวันให้ได้”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”เหอกังและเหอจื่อหลินรับคำสั่งแล้วออกไป“ไม่ต้อง!”เฉินฝานขวางทางพ่อลูกตระกูลเหอ “พวกเขาซื้อดอกฝ้ายจากแคว้นเราได้ เช่นนั้นก็ย่อมซื้อดอกฝ้ายในแคว้นฉู่ไปไม่น้อย”“แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดี อีกเจ็ดวันหากไม่อาจนำเสื้อผ้าฝ้ายออกมาได้ พวกเสิ่นหมิงหยวนต้องบีบให้ฝ่าบาทประหารท่านแน่นอน” เหอจื่อหลินพูดด้วยความร้อนรน“ไม่อยากให้ฆ่าตาย
ชุยต๋าหลุนไม่อยากทำให้ฉินเย่ว์เหมยลำบากใจ แต่ว่าบรรดาสหายกองทัพหมาป่ากำลังรอเสื้อผ้าฝ้ายจากเขาหากตาย ที่ไม่ได้มาจากการสู้รบกับชาวหู แต่เพราะหนาวตาย เช่นนั้นทหารกองทัพหมาป่าทั้งหมดก็ตายตาไม่หลับ“ขุนนางชุย เฉินฝานไปทำงานจริงๆ เจ้ารอหน่อย ตอนนี้เขากำลังรีบกลับมาแล้ว”ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งพูดจบ เสิ่นหมิงหยวนก็พูดทันที “ในเมื่อฝ่าบาทตรัสว่าเฉินฝานกำลังเร่งเดินทางกลับมา เช่นนั้นบอกได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เฉินฝานเร่งเดินทางกลับมาจากทิศทางใด กระหม่อมไม่ได้สงสัยฝ่าบาท แต่ว่า...”เสิ่นหมิงหยวนมองชุยต๋าหลุนปราดหนึ่ง แล้วค่อยพูดต่อ “ประการแรก ให้ท่านนายกองชุยสบายใจ ประการที่สอง กระหม่อมจะได้สั่งให้คน หลีกทางให้เฉินฝาน จะได้ไม่ต้องแจ้งหนังสือเปิดทางอยู่ร่ำไปพ่ะย่ะค่ะ”หลายหน่วยงานในแคว้นต้าชิ่ง ยอมรับคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวน แต่ไม่ยอมรับราชโองการของฉินเย่ว์เหมย นี่เป็นสิ่งที่เสิ่นหมิงหยวนลำพองใจ และเป็นความอับอายของฉินเย่ว์เหมย“ไม่ต้องแล้ว...”“ไม่ต้องแล้ว หรือฝ่าบาทไม่รู้ว่าเฉินฝานไปทิศทางใดพ่ะย่ะค่ะ?” เสิ่นหมิงหยวนพูดแทรกฉินเย่ว์เหมย“สามหาว!” ฉินเย่ว์เหมยตบพนักแขนของบัลลังก์มังกร “เสิ่นหมิงหยวน
ฉินเย่ว์เหมยยังไม่ได้เดินออกจากตำหนักที่เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสิ่นหมิงหยวนก็มีคำสั่งที่สอง“ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลท้องพระคลังของแคว้น เที่ยวเล่นไม่รับผิดชอบในฐานะ หลบหนีกะทันหัน ไม่สนใจชีวิตทหารกองทัพหมาป่าสองแสนนายทางแดนเหนือ!”“การกระทำนี้ถือเป็นการก่อกบฏเป็นความผิดร้ายแรง เหมาะแก่การประหารชีวิตและยึดทรัพย์สิน หลี่ชิ่ง ข้าขอสั่งให้เจ้าไปจวนเฉิน บุรุษจับเป็นทหาร สตรีจับมาเป็นสาวใช้วังหลวง”“สาวใช้วังหลวงและสตรีในหอโคมแดงเหมือนกัน ทว่าสาวใช้วังหลวงน่ารันทดยิ่งกว่า สตรีหอโคมแดงบริการลูกค้ายังได้รับเงิน เมื่อมีเงินมากพอสามารถไถ่ถอนตนเองได้ ทว่าสาวใช้วังหลวงไม่มีเงิน และไม่อาจไถ่ถอนตัวเองได้“เสิ่นหมิงหยวน...”ฉินเย่ว์เหมยหันขวับกลับไปทันที คว้าดาบออกมาจากเอว กระโดดขึ้นกลางอากาศ พุ่งดาบไปทางเสิ่นหมิงหยวน“ปกป้องใต้เท้า!”“ฝ่าบาท!”เสียงของหลี่ชิ่งและหงอิงดังขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองพุ่งตัวไปหานายของตนพร้อมกัน ดาบของหลี่ชิงขวางหน้าเสิ่นหมิงหยวน ทางด้านหงอิง...“ติ้งตั้ง!”“ตึ้ง!”ฉินเย่ว์เหมยล้มลงบนพื้น นางไม่ได้ล้มเอง แต่ถูกหงอิงทำให้สะดุดล้ม“หงอิง เหตุใดเจ้าจึง...”“ฝ่า
ตรงทางเข้าพระตำหนัก ชายหนุ่มยืนหันหลังให้กับแสง รูปร่างทั้งที่ไม่สูงใหญ่เท่าไหร่ แต่กลับตั้งตรงอยู่ตรงนั้นราวภูเขาที่สูงตระหง่านเมื่อเห็นเฉินฝานแวบนั้น ดวงตาของเฉินเย่ว์เหมยพลันเกิดหมอกขึ้นมา กำลังที่ยึดเหนี่ยวร่างกายไว้ฮวบลงทันใดหากไม่มีหงอิงคอยพยุงนางไว้ คงไม่สามารถยืนไหวด้วยซ้ำ“เขายังรู้ตัวว่าต้องกลับมาเหรอ?” อารมณ์ไม่พอใจคลื่นใหญ่พลันลุกฮือขึ้นในใจเหมือนสามีที่ไม่กลับเรือน กลับมาถึงแล้วในที่สุด เป็นความเดือดพล่านของภรรยาที่มีต่อสามีเฉินฝานเร่งฝีเท้าเดินมาถึงตรงหน้าฉินเย่ว์เหมย เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของนาง ร่างกายพิงหงอิงเหมือนเจ็บป่วย ก็เกิดความตกใจเล็กน้อย“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไปหรือ?”ฉินเย่ว์เหมยจ้องเขม่นเฉินฝานอย่างแรง ไม่พูดแม้แต่คำเดียว นางผลักหงอิงออกแล้วเดินไปที่พระที่นั่งมังกรของตนเองอย่างลำบากท่าทางที่แสดงนี้ คือการแสดงและไม่ใช่การแสดงให้เสิ่นหมิงหยวนเห็นว่านางอ่อนแอและเจ็บปวด เป็นความจริงเรื่องนี้ทำให้ร่างกายและใจของนางอ่อนแรง ก็เป็นความจริงเช่นกัน“ผู้นำหง ฝ่าบาททำไมไม่สนใจข้า?” เฉินฝานถามหงอิงหงอิงทำตาขวางให้กับเฉินฝานอีกคน “ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ ใต้เท้
“หนึ่งหมื่นจิน? น้อยเกินไป!” เฉินฝานยังพูดไม่จบ ชุยต๋าหลุนก็พูดขัดจังหวะ“ปีนี้ฝ้ายในตลาดมีน้อยมาก ซื้อมาได้หนึ่งหมื่นจินก็นับว่าไม่น้อยแล้ว เมื่อรวมกับที่เจ้าเมืองสิบเมืองส่งมาให้ก็ไม่น้อยแล้วเหมือนกัน” เสิ่นหมิงหยวนกล่าวฝ้ายในตลาดทุกวันนี้ ถูกเจ้าเมืองแต่ละเมืองรับซื้อไปเกือบหมด เฉินฝานซื้อได้ถึงหนึ่งหมื่นจิน เสิ่นหมิงหยวนรู้สึกว่าเฉินฝานมีความสามารถจริง ๆแต่ว่า มีความสามารถแล้วอย่างไรต่อให้รวมกับฝ้ายห้าหมื่นจินที่เจ้าเมืองสิบเมืองส่งมา บวกกันแล้วก็มีเพียงประมาณหกหมื่นจิน ห่างจากสองแสนจินอีกเกือบครึ่งหนึ่ง“ก็ยังน้อยไป นำทั้งหมดมารวมกัน ก็มีประมาณหกหมื่นจินเท่านั้น ตอนนี้ทางตอนเหนือหนาวมาก เสื้อทำจากฝ้ายไม่มีประโยชน์ด้วยซ้ำ!” ชุยต๋าหลุนใจร้อนราวกับมดที่อยู่บนหม้อร้อน“นายกองทหารชุย อย่าใจร้อนไป!” เฉินฝานกล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่ง “หมื่นจินไม่ใช่ฝ้าย แต่เป็นขนเป็ดขาว”“ขนเป็ดขาว? ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่”ภายในท้องพระโรง นอกจากเฉินฝานกับเหอจื่อหลิน คนอื่น ๆ ไม่มีใครไม่ตื่นตกใจ“พวกท่านไม่ได้ฟังผิด ขนเป็ดขาวนั่นแหละ นี่คือเป็ดขาวที่ชาวบ้านทั้งอำเภอหลีฆ่าตายสามล้านตัวอย่างไม่หล
เคยเห็นคนหักหลังพ่อ ไม่เคยเห็นคนหักหลังพ่อขนาดนี้เลยเสิ่นหมิงหยวนถลึงตากับเสิ่นหยวนฮวา “ราชสำนักเป็นสถานที่ที่ใช้เดิมพันอย่างเปิดเผยได้อย่างไร?”“ท่านพ่อ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ขอรับ!” เสิ่นหยวนเลี่ยงเดินออกมา ถอดเสื้อขนสัตว์ที่เฉินฝานสวมให้เสิ่นหมิงหยวนด้วยความไม่สมัครใจเมื่อครู่นี้ออก พร้อมกับพูดเสียงดังโมโห“แม่ทัพหลี่! เฉินฝานขุนนางระดับชั้นสี่แต่กล้าล่วงเกินอัครเสนาบดีเบื้องขวาอย่างโจ่งแจ้ง ลากเขาไปโบ้ยห้าสิบครั้งทันที”“ทำไมล่ะ?” เฉินฝานกอดสองมือตรงหน้าอก สายตามองข้ามเสิ่นหยวนเลี่ยงและตกที่เสิ่นหมิงหยวน “ไม่กล้าเดิมพันเพราะกลัวแพ้งั้นรึ?”เสิ่นหมิงหยวนผลักเสิ่นหยวนเลี่ยงที่ช่วยเขาถอดเสื้อขนสัตว์ แล้วมองเฉินฝานด้วยแววตาเหยียดหยาม จากนั้นยิ้มและกล่าว “ในเมื่อเสนาบดีเฉินมั่นใจถึงเพียงนี้ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะทดลองเสื้อใหม่แทนทหารกองทัพหมาป่าที่อยู่ในความลำบากแล้วกัน ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาของข้าด้วย”เฉินฝานยิ้มกลับให้กับเสิ่นหมิงหยวนและยกนิ้วโป้งขึ้น “ใต้เท้าอัครเสนาบดี เป็นใต้เท้าที่มีจิตใจกว้างขวางจริง ๆ ถ้าเช่นนั้น…”เฉินฝานหยิบเสื้อผ้าออกมาอีกสองตัว ยื่นให้กับเสิ่นหยวนฮวาและเส
เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยง แสดงอารมณ์หน้าตาเฉย ไม่เห็นถึงสีหน้าที่รุ่มร้อนใด ๆ บนหน้าผากก็ไม่มีเหงื่อ“ทัณฑ์เลาะกระดูก ทัณฑ์ตัดเอว ทัณฑ์รถม้าแหกร่าง ทัณฑ์ตัดหัว ทัณฑ์ลอกหนัง ทัณฑ์ฝังเป็น ทัณฑ์ชักไส้ เฉินฝาน เจ้าเลือกวิธีตายที่ตนเองรู้สึกสบายสิ”เสิ่นหยวนฮวายังกล่าวไม่จบ ก็มีเสียงพะอืดพะอมมากมายดังขึ้นที่ราชสำนักสิ่งที่เสิ่นหยวนฮวากล่าวถึงเหล่านี้มีวิธีตายใดสะดวกสบายบ้าง มีวิธีใดบ้างที่ไม่ใช่การทรมานอันน่าสยดสยอง “เลือกยากล่ะสิ” เมื่อเห็นเฉินฝานไม่พูด เสิ่นหยวนฮวายิ่งรู้สึกหลงระเริง กระทั่งชี้สั่งช่วยเฉินฝานเลือก “วิธีตายเหล่านี้ที่มีความสะดวกสบายที่สุด ก็คงจะเป็นทัณฑ์ตัดหัว เพราะตายเร็ว ไม่ ๆ…”เสิ่นหยวนฮวาพูดอยู่พลางส่ายหัว “เมื่อปีที่แล้วมีเพชฌฆาตชุดหนึ่งเกษียณอายุ เพชฌฆาตชุดใหม่ ฝีมือยังไม่ถึง พอฟันลงไปอาจตัดหัวไม่ขาดจนต้องฟันอีกหลายครั้ง ฉะนั้นแล้ว วิธีตายนี้ไม่เด็ดขาดมากพอ เช่นนั้นเลือกอะไรดี?”“ทัณฑ์เลาะกระดูก? เด็ดขาดและตายช้า วิธีตายนี้ไม่สบายเท่าไหร่ ทัณฑ์ตัดเอว? ไม่ได้เหมือนกัน ปัญหาเดียวกับทัณฑ์ตัดหัว ฝีมือของเพชฌฆาตยังดีไม่พอ ต้องฟันหลายครั้งถึงจะตัดหัวคนขาดเป
ชุยต๋าหลุนที่ตื่นเต้นถอดเสื้อขนสัตว์ของเสิ่นหมิงหยวนออก“อ้าว อัครเสนาบดี ท่านคงร้อนมาก”บริเวณร่างกายของเสิ่นหมิงหยวนที่ถูกเสื้อขนสัตว์ปิดทับ ถูกเหงื่อซึมจนเปียกโชก ทำให้ชุยต๋าหลุนประหลาดใจอย่างยิ่ง“ทุกคนต่างรู้เหมือนกันว่าท่านพ่อกับน้องชายของข้ากลัวร้อน เมื่อหน้าต่างของท้องพระโรงไม่ได้เปิดไว้ ซึ่งทับอับและร้อน ฉะนั้นพวกเขาจึง…”“หยุดเล่นลิ้นที่นี่ได้แล้ว เสื้อขนเป็ดให้ความอุ่นกว่าเสื้อทำจากฝ้าย พวกท่านแพ้แล้ว!”เมื่อสวมเสื้อขนสัตว์เดินวนในท้องพระโรงหนึ่งรอบเสร็จ ชุยต๋าหลุนที่ร้อนจนเหงื่อออกทั้งตัว พูดขัดจังหวะการพูดของเสิ่นหยวนฮวาอย่างไม่เกรงใจแม้ว่าตำแหน่งของเสิ่นหยวนฮวาสูงกว่าเขา แต่ชุยต๋าหลุนไม่เคยมองเสิ่นหยวนฮวาผู้ไม่มีความสามารถของเสิ่นหมิงหยวนอยู่ในสายตายิ่งเห็นสีหน้าที่แย่มากของพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชุยต๋าหลุนยิ่งฮึกเหิม “ในเมื่อเดิมพันด้วยกัน ถ้าเช่นนั้นก็ควรกล้าได้กล้าเสีย เป็นมนุษย์ต้องให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขุนนางชั้นสูง ใต้เท้าอัครเสนาบดีเบื้องขวา ท่านคิดว่าข้าน้อยพูดถูกหรือไม่”“นายกองชุยพูดถูก” เสิ่นหมิงหยวนตอบกลับอย่างไม่เต็มใจ“อืม!” ช
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ