“แค่ก!”คนนั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือด“เจ็บ เจ็บ!” หลังได้สติกลับมา คนนั้นคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลาหงอิงปัดฝุ่นบนแขนเสื้อ พูดอย่างเย็นชาว่า “คนยังไม่ตาย”“ถึงแม้คนยังไม่ตาย ทว่าผู้บัญชาการเฉินก็ไม่ควรทำร้ายคนในที่สาธารณะ!”ญาติของคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ยอม“ใช่แล้ว มีสิทธิ์อะไรที่พอเป็นขุนนางแล้วก็ทำร้ายคนในที่สาธารณะ?”“ไม่มีกฎหมายบ้านเมืองหรือกระไร?”ฝูงชนที่ไม่พอใจพากันลุกขึ้นยืนใบหน้างดงามของหงอิงพลันปรากฏยิ้มบางๆ รอยยิ้มของนางไม่ได้ทำให้ดูสวย ทว่าเป็นการทวีคูณความไร้ปรานีขึ้นไปอีกทุกที่ที่สายตานางตกกระทบ ฝูงชนจำนวนมากล้วนถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว“กฎหมายบ้านเมือง ที่แท้พวกเจ้าเข้าใจในกฎหมายบ้านเมืองด้วย?” เสียงของหงอิงสูงขึ้นทันควัน “ผู้ว่าการจวนซุ่นเทียน!”“ข้า ข้าน้อยอยู่นี้ขอรับ!” ร่างกายของผู้ว่าการจวนซุ่นเทียนสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้หงอิงจะเป็นสตรี ทว่าวิธีการในการฆ่าคนของนางโหดเหี้ยมกว่าบุรุษเพศอย่างมาก“เจ้าบอกพวกเขาไปสิ ทำให้ขุนนางราชสำนักขั้นสี่ระดับสูงอับอายต่อหน้าสาธารณชน มีโทษอย่างไร!”“ตาม ตามกฎหมายรัชสมัยข้า ต้องถูกโบยต่อหน้าสาธารณชน เนรเทศออกไ
“เจ้าไม่เข้าไปหรือ?” เฉินฝานถามด้วยสัญชาตญาณฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น พูดอย่างเยือกเย็น “ตอนที่เจ้ากับเสิ่นไต้มั่นนั้น ตาข้าก็โดนกุ้งยิงไปแล้ว เจ้าไม่กลัวว่าของอันนั้นของเจ้าจะถูกตากุ้งยิงของข้ายิงไปจนตั้งตรงไม่ขึ้น!”“......”เด็กนี้ปากร้ายหรืออารมณ์ขันกันแน่?“ข้าบอกเจ้าเลยนะว่าเจ้าดุแบบนี้ ต้องขายไม่ออกเป็นแน่”พูดจบ เฉินฝานก็รีบเข้าในตำหนัก ไม่เร็วไม่ได้ บนตัวของเด็กนี้ซ่อนมีดพับไว้ ถ้าทำให้นางโมโหขึ้นมาจริงๆ นางจะตัดหัวอย่างเอาจริงเอาจัง“คุณท่าน!”เฉินฝานเพิ่งจะก้าวเข้ามาในตำหนัก ด้านหน้าก็มีเสียงที่นุ่มนวลไพเราะเสนาะหูลอยมาผินสายตาขึ้นมองก็เห็นเหออวี่ถงที่แต่งกายเต็มยศก้าวเท้าเล็กๆเดินเข้ามา“ถวายความเคารพคุณท่าน!”“เสียนเฟยไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองให้มากมายเช่นนี้หรอก”เฉินฝานรีบร้อนพยุงเหออวี่ถงที่อยู่ด้านหน้าเขาขึ้น ตอนที่มือกำลังจะสัมผัสกับเหออวี่ถง ตัวแข็งทื่อทันควันถึงแม้จะเคยแตะเนื้อต้องตัวกับเหออวี่ถงมาแล้ว ทว่าในที่สุดเขาก็ไม่ใช่โอรสสวรรค์อยู่ดี ไม่ใช่สามีของนางอย่างถูกต้องเหออวี่ถงกลับใจกว้าง นางเอามือของตัวเองวางไว้บนมือเฉินฝาน ใช้แรงลุกขึ้นยืนบรรยากาศแ
นางเป็นเฟย เขาเป็นขุนนางผิดจรรยาบรรณเหออวี่ถงไม่เพียงแต่ไม่ลุกขึ้นเท่านั้น กลับคุกเข่าต่ำกว่าเดิม “คุณท่าน ครั้งนี้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก อวี่ถงเป็นตัวแทนของทั้งครอบครัวตระกูลเหอ ขอบคุณที่คุณท่านช่วยชีวิต”“เสียนเฟยพูดเกินไปแล้ว ฝ่าบาทเป็นคนช่วยชีวิตพวกเจ้า ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย”“คุณท่านถ่อมตัวแล้วล่ะ ไม่สนใจการขัดแข้งขัดขาของเสิ่นหมิงหยวน เสด็จมาหาข้าด้วยตัวเอง ไม่ใช่ความคิดของคุณท่านหรอกหรือ?”“เอ่อ......”เฉินฝานกลับไม่กล้าสบตากับเหออวี่ถงเล็กน้อย ดวงตาที่งดงามคู่นั้น ทอประกายแสงความเฉลียวฉลาด ราวกับรู้ซึ้งเข้าไปในใจคน หากมีคำพูดโกหกแม้แต่ประโยคเดียวนางก็ดูออก“ตอนนั้นเป็นข้อเสนอแนะของข้าจริงๆ ทว่าแค่ให้ฝ่าบาทแสร้งทำเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่านางจะให้ข้า...... ” เฉินฝานเกาหัววางตัวไม่ถูก “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน เสียนเฟยเจ้า......”“ฝ่าบาททำถูกแล้ว ได้โปรด......” เหออวี่ถงกัดริมฝีปากสีชาดเบา รวบรวมความกล้าครั้งใหญ่ จึงพูดต่อ “คุณท่านล่วงเกินต่อไปเถิด”“อ่า นี่......” เฉินฝานยังคงรู้สึกลำบากใจที่จะลงมือ นอกจากจะผิดกฎเกณฑ์แล้ว และในใจก็ยังรู้สึกไม่ดีอีกด้วยพ่อลูกตระกูลเหอ โดยเฉ
“ทำ ทำได้ดีมาก!” เขาเลือดเดือดแทบจะเดือดพล่านออกมาแล้ว จะไม่ดีได้อย่างไร?“เช่นนั้นคุณท่าน ......ให้ข้าเถอะ” เหออวี่ถงกัดริมฝีปากอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะความเขินอาย ครั้งนี้ใช้แรงเยอะกว่าครั้งก่อนมากมายเฉินฝานยื่นมือไปวางบนริมฝีปากของเหออวี่ถง “เด็กโง่ ไม่ต้องกัดแล้ว ถ้ากัดริมฝีปากอีกเลือดจะไหลแล้ว”“อื้อ~”เหออวี่ถงฉวยโอกาสโน้มตัวลงไปในอ้อมอกเฉินฝาน “ต้องการข้า ได้หรือไม่? ทำตรงนี้ ให้เสี่ยวเถาเปลี่ยนพรมใหม่แล้วครั้งที่แล้วก็ที่พื้นหญ้าเหออวี่ถงมีความฝักใฝ่ทำเรื่องอย่างว่าบนพื้นเป็นพิเศษไปแล้ว......“ขอโทษด้วยนะ ให้เจ้ารอนานเลย”ตอนที่กลับพระตำหนักไท่เหอ เฉินฝานก็กล่าวขอโทษกับฉินเย่ว์เหมย ก่อนที่จะไปรับปากกับนางว่าจะเพียงครู่เดียว ไม่คิดเลยว่าจะอยู่นานขนาดนั้นอันที่จริงเป็นเพราะเหออวี่ถงเร่าร้อนเกินไปฉินเย่ว์เหมยพูดน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ข้าก็ไม่โกรธเสียหน่อย เจ้าให้ลูกกับนางคนหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่ถูกที่ควรแล้ว เสียนเฟยต้องการลูกอยู่เคียงข้าง พวกเรา......” ฉินเย่ว์เหมยเงียบไปครู่ใหญ่ จึงพูดต่อว่า “และต้องการเด็กคนนี้ ถ้ามีเขาพวกเราจึงได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเหออย่างแท้จริ
“ฝ่าบาท” ชุยต๋าหลุนโค้งตัวเล็กน้อย “ด่านทางเหนือเผชิญกับความหนาวเหน็บอย่างกะทันหัน กองทัพหมาป่าต้องการเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ้ายจำนวนมากอย่างเร่งด่วน”“เผชิญกับความหนาวเหน็บอย่างกะทันหัน? เช่นนั้นต้องรีบส่งไปโดยเร็ว ขุนนางเสิ่นที่รัก เรื่องนี้เจ้าไปจัดการอย่างเร่งด่วนที่สุด” เปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ น้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยอ่อนลงไปมากแต่ละส่วนแต่กรมในราชสำนักอำนาจส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในมือของเสิ่นหมิงหยวน ฉินเย่ว์เหมยทำได้เพียงสงบเสงี่ยมเจียมตัวตามอย่างที่แล้วมา เสิ่นหมิงหยวนจะต้องฉวยโอกาสทำให้ฉินเย่ว์เหมยลำบากใจเป็นแน่ วันนี้เขากลับไม่ทำ“รับทราบ ฝ่าบาท เรื่องนี้ข้าจะควบคุมด้วยตัวเองแน่นอน”ระหว่างที่พูด เสิ่นหมิงหยวนก็หันหน้าไปมองเลขาธิการกรมคลัง“หลินชาง ด่านทางเหนือหนาวอย่างฉับพลันเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ้ายเป็นสิ่งรักษาชีวิตของพลทหารกองกำลังหมาป่า พลทหารป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอก เป็นปัญหาความปลอดภัยอันยิ่งใหญ่ของอาณาประเทศ ข้าขอออกคำสั่งกับเจ้า ภายในสิบวันส่งเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ้ายสองแสนชุดไปที่ด่านทางเหนือ”“สิบวัน ใต้เท้า......”ต้องทำเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ้ายสอ
“พูดจามั่วซั่วในราชสำนัก ทหาร เอาตัวเฉินฝานออกไปราชสำนัก กักบริเวณสิบวัน ลดเงินรายเดือนสามเดือน!”ฉินเย่ว์เหมยน้ำเสียงดุดัน สายตาที่มองเฉินฝานดุดันยิ่งกว่าน้ำเสียงเสียอีกนางตักเตือนเขาไปตั้งหลายรอบแล้ว ราชสำนักไม่ใช่ตลาดสด คำพูดทุกคำในราชสำนักล้วนต้องไตร่ตรองให้ดีจึงจะพูดออกมาได้เพราะมีโอกาสเป็นไปได้มากว่าเสียตำแหน่งขุนนาง ร้ายแรงก็อาจจะถูกตัดหัว เป็นภาระให้คนที่บ้าน เพียงเพราะมีหนึ่งตัวอักษรหรือหนึ่งคำที่ใช้ไม่ถูกต้องหงอิงรวดเร็วมาก ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งจะพูดจบ นางก็มาอยู่ด้านหน้าเฉินฝาน ลากแขนเขาอย่างแรงเดินออกไปด้านนอก“นี่ ผู้บัญชาการหง อย่ารีบร้อนไป!”เสิ่นหมิงหยวนห้ามปรามหงอิง และหันไปพูดกับฉินเย่ว์เหมย “ฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่าที่เฉินฝานพูดนั้นถูกต้อง อากาศที่หนาวเหน็บสุดขีด อย่าแต่สิบวันเลย แค่หนึ่งชั่วยาม พวกเราล้วนสามารถสูญเสียกองทัพหมาป่าไปคนหนึ่งได้”“พลทหารกองทัพหมาป่า ปกป้องด่านทางเหนือ ขับไล่คนนอกด่าน ที่พวกเราสามาถปรึกษาหารือในราชสำนักได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้ ล้วนมีผลสืบเนื่องมาจากการสละชีพปกป้องของพลทหารกองทัพหมาป่าทั้งหมด”“หากของง่ายๆอย่างเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ
ยังคงไม่มีใครสนใจเฉินฝานสายตาของฉินเย่ว์เหมยมองไปที่หงอิง หงอิงพยักหน้า รีบเดินเข้าไปในตำหนัก ตอนที่นางออกมาอีกครั้ง ในมือกำลังยกกล่องเล็กขนาดใหญ่เปิดกล่อง ข้างในเต็มไปด้วยทองคำทอประกายแวววาวเฉินฝานพึมพำในใจทองคำเหล่านี้คงจะเป็นของล้ำค่าที่ฉินเย่ว์เหมยเก็บไว้ใต้เตียงมังกรกระมังครั้งก่อนตอนนางเอ่ยถึงเงินก้อนนี้กับเขา เป็นตอนที่เขาเพิ่งเข้าวังหลวง นางรู้สึกว่าตนไม่อาจเอาชนะเสิ่นหมิงหยวนได้ จึงให้เขานำเงินก้อนนี้ พาบรรดาน้องสาวของนางหลบหนีไปให้ไกลครั้งนี้...“ครั้งก่อนเพียงครู่หนึ่งก็ทำเงินได้ห้าล้านกว่าตำลึง แต่ท้องพระคลังไม่มีเงินเป็นทุนเดิม แดนเหนือกำลังมีสงคราม เมืองน้อยใหญ่ทั่วแคว้นกำลังเกิดภัยพิบัติ ทุกแห่งหนล้วนจำเป็นต้องใช้เงิน เงินที่ใช้ได้เกรงว่าจะไม่มากแล้ว”ในที่สุดฉินเย่ว์เหมยก็ยอมคุยกับเฉินฝานแล้ว แต่ว่า น้ำเสียงของนางไม่ค่อยดีเท่าใดนัก“แม้เงินไม่มากนัก แต่ทำเสื้อผ้าฝ้าย กางเกงผ้าฝ้ายและผ้าห่มสองแสนชุด ยังคงเพียงพอ” เฉินฝานกล่าว“เฮ้อ!” ฉินเย่ว์เหมยหงุดหงิดในความไม่ได้ดั่งใจของเฉินฝาน “เจ้าช่างหัวดื้อจริงๆ เจ็ดวัน เจ้าไม่มีทางทำเสื้อผ้ามากมายขนาดนั้นได้ ตอนน
เจ้าพาเฉินซือเจี๋ยรวมถึงคนในครอบครัวของเขา ออกเดินทางวันนี้ ส่งพวกเขาไปหาฉู่หยางหง ณ แคว้นฉู่อย่างปลอดภัย”ด้านการค้า เฉินฝานมากความคิด ฉู่หยางหงต้องปกป้องเฉินฝานแน่นอน“น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!“จำเอาไว้! ต้องให้พวกเขาไปถึงอย่างปลอดภัย!”ฉินเย่ว์เหมยกำชับคำว่าปลอดภัยอีกครั้ง“ฝ่าบาท!” เสียงของเหอจื่อหลินดังก้อง น้ำเสียงหนักแน่น “ตราบใดที่เฉินซือเจี๋ยและครอบครัวยังมีชีวิต กระหม่อมก็จะยังมีชีวิตพ่ะย่ะค่ะ!”มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เฉินฝานตื้นตันใจอย่างมาก ทว่าในทางเดียวกันก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะ “พวกท่านกำลังทำสิ่งใด ต้าชิ่งเป็นแคว้นของข้า เป็นบ้านของข้า ข้าไม่มีทางไปจากที่นี่”เฉินฝานรู้ดีว่าพวกฉินเย่วืเหมยจะโต้แย้งเขาแน่นอน เขาจึงรีบพูดต่อ “พวกท่านโปรดวางใจ พวกเสิ่นหมิงหยวนไม่อาจสังหารกระหม่อมได้ เสื้อผ้าฝ้ายสองแสนตัว กระหม่อมทำได้พ่ะย่ะค่ะ”ขณะพูด เฉินฝานเตะหลี่ซานหนึ่งครั้ง “พวกเขาไม่รู้จักข้าดี ไม่เชื่อใจข้า เจ้าก็ไม่เชื่อใจข้าเช่นนั้นหรือ!”“น้องฝาน...” หลี่ซานลังเลเล็กน้อย “เจ้ามีวิธีจริงๆ หรือ?”“มี ภารกิจของเจ้าในตอนนี้ข้ารีบออกไปจากวังหลวง ซื้อฝ้ายและผ้ามาให้ข้า!”
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ