“ไม่สิ!” เสิ่นหยวนฮวาคิดดูแล้วรู้สึกยังไม่วางใจ เขาออกคำสั่งให้องครักษ์คนนั้น “เจ้าพาสองสามคนไป แต่งกายเป็นคนของจวนซุ่นเทียน รออีกประเดี๋ยวพวกเจ้าลงมือด้วยตัวเอง”-“ผู้ว่าการจวนซุ่นเทียนมาแล้ว!”คนที่ปิดล้อมเฉินฝานแต่เดิม ทำเพียงยืนนิ่งล้อมไว้เท่านั้น ได้ยินว่าผู้ว่าการจวนซุ่นเทียนมาแล้ว กลับก่อจราจลขึ้น“เฉินฝานจะหนี รีบจับตัวเขาไว้เร็ว!”ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา ญาติของคนที่ถูกทำให้บาดเจ็บ เมื่อได้ยินว่าเฉินฝานคิดจะหนี รีบรุดหน้ามาหาเฉินฝานทันควันไม่รู้ว่าเพราะตนเองไปสะดุดล้มหรือถูกคนผลัก ตอนที่พวกเขารุดหน้าขึ้นมา ทุกคนล้วนหกล้มหน้าคะมำกันหมดตอนที่พวกเขาล้มลง ก็พาให้คนด้านข้างล้มลงตามไปด้วยเจ้าพนักงานที่มาจับกุมเฉินฝานผนวกกับฝูงชนที่หกคะเมนเสียงกรีดร้องเสียงร้องไห้ตะโกนผสมปนเปรวมกัน สถานที่เกิดเหตุวุ่นวายอลหม่าน“เร็วเข้า เย่ว์โหรวกับเสี่ยวฉู่พวกเจ้ารีบเข้าไปในจวน ปิดประตูให้เรียบร้อย ไม่อนุญาตให้ออกมา!”ออกคำสั่งกับเย่ว์เจียวและเย่ว์ฉู่ เฉินฝานก็ดึงฉินเย่ว์เจียวมาข้างกายตนเองความวุ่นวายนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเด็ดขาดเมืองหลวงไม่ใช่อำเภอผิงอัน ที่นี่ผู้มากฝีมือมีมา
“แค่ก!”คนนั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือด“เจ็บ เจ็บ!” หลังได้สติกลับมา คนนั้นคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลาหงอิงปัดฝุ่นบนแขนเสื้อ พูดอย่างเย็นชาว่า “คนยังไม่ตาย”“ถึงแม้คนยังไม่ตาย ทว่าผู้บัญชาการเฉินก็ไม่ควรทำร้ายคนในที่สาธารณะ!”ญาติของคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ยอม“ใช่แล้ว มีสิทธิ์อะไรที่พอเป็นขุนนางแล้วก็ทำร้ายคนในที่สาธารณะ?”“ไม่มีกฎหมายบ้านเมืองหรือกระไร?”ฝูงชนที่ไม่พอใจพากันลุกขึ้นยืนใบหน้างดงามของหงอิงพลันปรากฏยิ้มบางๆ รอยยิ้มของนางไม่ได้ทำให้ดูสวย ทว่าเป็นการทวีคูณความไร้ปรานีขึ้นไปอีกทุกที่ที่สายตานางตกกระทบ ฝูงชนจำนวนมากล้วนถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว“กฎหมายบ้านเมือง ที่แท้พวกเจ้าเข้าใจในกฎหมายบ้านเมืองด้วย?” เสียงของหงอิงสูงขึ้นทันควัน “ผู้ว่าการจวนซุ่นเทียน!”“ข้า ข้าน้อยอยู่นี้ขอรับ!” ร่างกายของผู้ว่าการจวนซุ่นเทียนสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้หงอิงจะเป็นสตรี ทว่าวิธีการในการฆ่าคนของนางโหดเหี้ยมกว่าบุรุษเพศอย่างมาก“เจ้าบอกพวกเขาไปสิ ทำให้ขุนนางราชสำนักขั้นสี่ระดับสูงอับอายต่อหน้าสาธารณชน มีโทษอย่างไร!”“ตาม ตามกฎหมายรัชสมัยข้า ต้องถูกโบยต่อหน้าสาธารณชน เนรเทศออกไ
“เจ้าไม่เข้าไปหรือ?” เฉินฝานถามด้วยสัญชาตญาณฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น พูดอย่างเยือกเย็น “ตอนที่เจ้ากับเสิ่นไต้มั่นนั้น ตาข้าก็โดนกุ้งยิงไปแล้ว เจ้าไม่กลัวว่าของอันนั้นของเจ้าจะถูกตากุ้งยิงของข้ายิงไปจนตั้งตรงไม่ขึ้น!”“......”เด็กนี้ปากร้ายหรืออารมณ์ขันกันแน่?“ข้าบอกเจ้าเลยนะว่าเจ้าดุแบบนี้ ต้องขายไม่ออกเป็นแน่”พูดจบ เฉินฝานก็รีบเข้าในตำหนัก ไม่เร็วไม่ได้ บนตัวของเด็กนี้ซ่อนมีดพับไว้ ถ้าทำให้นางโมโหขึ้นมาจริงๆ นางจะตัดหัวอย่างเอาจริงเอาจัง“คุณท่าน!”เฉินฝานเพิ่งจะก้าวเข้ามาในตำหนัก ด้านหน้าก็มีเสียงที่นุ่มนวลไพเราะเสนาะหูลอยมาผินสายตาขึ้นมองก็เห็นเหออวี่ถงที่แต่งกายเต็มยศก้าวเท้าเล็กๆเดินเข้ามา“ถวายความเคารพคุณท่าน!”“เสียนเฟยไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองให้มากมายเช่นนี้หรอก”เฉินฝานรีบร้อนพยุงเหออวี่ถงที่อยู่ด้านหน้าเขาขึ้น ตอนที่มือกำลังจะสัมผัสกับเหออวี่ถง ตัวแข็งทื่อทันควันถึงแม้จะเคยแตะเนื้อต้องตัวกับเหออวี่ถงมาแล้ว ทว่าในที่สุดเขาก็ไม่ใช่โอรสสวรรค์อยู่ดี ไม่ใช่สามีของนางอย่างถูกต้องเหออวี่ถงกลับใจกว้าง นางเอามือของตัวเองวางไว้บนมือเฉินฝาน ใช้แรงลุกขึ้นยืนบรรยากาศแ
นางเป็นเฟย เขาเป็นขุนนางผิดจรรยาบรรณเหออวี่ถงไม่เพียงแต่ไม่ลุกขึ้นเท่านั้น กลับคุกเข่าต่ำกว่าเดิม “คุณท่าน ครั้งนี้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก อวี่ถงเป็นตัวแทนของทั้งครอบครัวตระกูลเหอ ขอบคุณที่คุณท่านช่วยชีวิต”“เสียนเฟยพูดเกินไปแล้ว ฝ่าบาทเป็นคนช่วยชีวิตพวกเจ้า ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย”“คุณท่านถ่อมตัวแล้วล่ะ ไม่สนใจการขัดแข้งขัดขาของเสิ่นหมิงหยวน เสด็จมาหาข้าด้วยตัวเอง ไม่ใช่ความคิดของคุณท่านหรอกหรือ?”“เอ่อ......”เฉินฝานกลับไม่กล้าสบตากับเหออวี่ถงเล็กน้อย ดวงตาที่งดงามคู่นั้น ทอประกายแสงความเฉลียวฉลาด ราวกับรู้ซึ้งเข้าไปในใจคน หากมีคำพูดโกหกแม้แต่ประโยคเดียวนางก็ดูออก“ตอนนั้นเป็นข้อเสนอแนะของข้าจริงๆ ทว่าแค่ให้ฝ่าบาทแสร้งทำเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่านางจะให้ข้า...... ” เฉินฝานเกาหัววางตัวไม่ถูก “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน เสียนเฟยเจ้า......”“ฝ่าบาททำถูกแล้ว ได้โปรด......” เหออวี่ถงกัดริมฝีปากสีชาดเบา รวบรวมความกล้าครั้งใหญ่ จึงพูดต่อ “คุณท่านล่วงเกินต่อไปเถิด”“อ่า นี่......” เฉินฝานยังคงรู้สึกลำบากใจที่จะลงมือ นอกจากจะผิดกฎเกณฑ์แล้ว และในใจก็ยังรู้สึกไม่ดีอีกด้วยพ่อลูกตระกูลเหอ โดยเฉ
“ทำ ทำได้ดีมาก!” เขาเลือดเดือดแทบจะเดือดพล่านออกมาแล้ว จะไม่ดีได้อย่างไร?“เช่นนั้นคุณท่าน ......ให้ข้าเถอะ” เหออวี่ถงกัดริมฝีปากอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะความเขินอาย ครั้งนี้ใช้แรงเยอะกว่าครั้งก่อนมากมายเฉินฝานยื่นมือไปวางบนริมฝีปากของเหออวี่ถง “เด็กโง่ ไม่ต้องกัดแล้ว ถ้ากัดริมฝีปากอีกเลือดจะไหลแล้ว”“อื้อ~”เหออวี่ถงฉวยโอกาสโน้มตัวลงไปในอ้อมอกเฉินฝาน “ต้องการข้า ได้หรือไม่? ทำตรงนี้ ให้เสี่ยวเถาเปลี่ยนพรมใหม่แล้วครั้งที่แล้วก็ที่พื้นหญ้าเหออวี่ถงมีความฝักใฝ่ทำเรื่องอย่างว่าบนพื้นเป็นพิเศษไปแล้ว......“ขอโทษด้วยนะ ให้เจ้ารอนานเลย”ตอนที่กลับพระตำหนักไท่เหอ เฉินฝานก็กล่าวขอโทษกับฉินเย่ว์เหมย ก่อนที่จะไปรับปากกับนางว่าจะเพียงครู่เดียว ไม่คิดเลยว่าจะอยู่นานขนาดนั้นอันที่จริงเป็นเพราะเหออวี่ถงเร่าร้อนเกินไปฉินเย่ว์เหมยพูดน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ข้าก็ไม่โกรธเสียหน่อย เจ้าให้ลูกกับนางคนหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่ถูกที่ควรแล้ว เสียนเฟยต้องการลูกอยู่เคียงข้าง พวกเรา......” ฉินเย่ว์เหมยเงียบไปครู่ใหญ่ จึงพูดต่อว่า “และต้องการเด็กคนนี้ ถ้ามีเขาพวกเราจึงได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเหออย่างแท้จริ
“ฝ่าบาท” ชุยต๋าหลุนโค้งตัวเล็กน้อย “ด่านทางเหนือเผชิญกับความหนาวเหน็บอย่างกะทันหัน กองทัพหมาป่าต้องการเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ้ายจำนวนมากอย่างเร่งด่วน”“เผชิญกับความหนาวเหน็บอย่างกะทันหัน? เช่นนั้นต้องรีบส่งไปโดยเร็ว ขุนนางเสิ่นที่รัก เรื่องนี้เจ้าไปจัดการอย่างเร่งด่วนที่สุด” เปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ น้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยอ่อนลงไปมากแต่ละส่วนแต่กรมในราชสำนักอำนาจส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในมือของเสิ่นหมิงหยวน ฉินเย่ว์เหมยทำได้เพียงสงบเสงี่ยมเจียมตัวตามอย่างที่แล้วมา เสิ่นหมิงหยวนจะต้องฉวยโอกาสทำให้ฉินเย่ว์เหมยลำบากใจเป็นแน่ วันนี้เขากลับไม่ทำ“รับทราบ ฝ่าบาท เรื่องนี้ข้าจะควบคุมด้วยตัวเองแน่นอน”ระหว่างที่พูด เสิ่นหมิงหยวนก็หันหน้าไปมองเลขาธิการกรมคลัง“หลินชาง ด่านทางเหนือหนาวอย่างฉับพลันเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ้ายเป็นสิ่งรักษาชีวิตของพลทหารกองกำลังหมาป่า พลทหารป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอก เป็นปัญหาความปลอดภัยอันยิ่งใหญ่ของอาณาประเทศ ข้าขอออกคำสั่งกับเจ้า ภายในสิบวันส่งเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ้ายสองแสนชุดไปที่ด่านทางเหนือ”“สิบวัน ใต้เท้า......”ต้องทำเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ้ายสอ
“พูดจามั่วซั่วในราชสำนัก ทหาร เอาตัวเฉินฝานออกไปราชสำนัก กักบริเวณสิบวัน ลดเงินรายเดือนสามเดือน!”ฉินเย่ว์เหมยน้ำเสียงดุดัน สายตาที่มองเฉินฝานดุดันยิ่งกว่าน้ำเสียงเสียอีกนางตักเตือนเขาไปตั้งหลายรอบแล้ว ราชสำนักไม่ใช่ตลาดสด คำพูดทุกคำในราชสำนักล้วนต้องไตร่ตรองให้ดีจึงจะพูดออกมาได้เพราะมีโอกาสเป็นไปได้มากว่าเสียตำแหน่งขุนนาง ร้ายแรงก็อาจจะถูกตัดหัว เป็นภาระให้คนที่บ้าน เพียงเพราะมีหนึ่งตัวอักษรหรือหนึ่งคำที่ใช้ไม่ถูกต้องหงอิงรวดเร็วมาก ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งจะพูดจบ นางก็มาอยู่ด้านหน้าเฉินฝาน ลากแขนเขาอย่างแรงเดินออกไปด้านนอก“นี่ ผู้บัญชาการหง อย่ารีบร้อนไป!”เสิ่นหมิงหยวนห้ามปรามหงอิง และหันไปพูดกับฉินเย่ว์เหมย “ฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่าที่เฉินฝานพูดนั้นถูกต้อง อากาศที่หนาวเหน็บสุดขีด อย่าแต่สิบวันเลย แค่หนึ่งชั่วยาม พวกเราล้วนสามารถสูญเสียกองทัพหมาป่าไปคนหนึ่งได้”“พลทหารกองทัพหมาป่า ปกป้องด่านทางเหนือ ขับไล่คนนอกด่าน ที่พวกเราสามาถปรึกษาหารือในราชสำนักได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้ ล้วนมีผลสืบเนื่องมาจากการสละชีพปกป้องของพลทหารกองทัพหมาป่าทั้งหมด”“หากของง่ายๆอย่างเสื้อผ้ากางเกงผ้าห่มผ้าฝ
ยังคงไม่มีใครสนใจเฉินฝานสายตาของฉินเย่ว์เหมยมองไปที่หงอิง หงอิงพยักหน้า รีบเดินเข้าไปในตำหนัก ตอนที่นางออกมาอีกครั้ง ในมือกำลังยกกล่องเล็กขนาดใหญ่เปิดกล่อง ข้างในเต็มไปด้วยทองคำทอประกายแวววาวเฉินฝานพึมพำในใจทองคำเหล่านี้คงจะเป็นของล้ำค่าที่ฉินเย่ว์เหมยเก็บไว้ใต้เตียงมังกรกระมังครั้งก่อนตอนนางเอ่ยถึงเงินก้อนนี้กับเขา เป็นตอนที่เขาเพิ่งเข้าวังหลวง นางรู้สึกว่าตนไม่อาจเอาชนะเสิ่นหมิงหยวนได้ จึงให้เขานำเงินก้อนนี้ พาบรรดาน้องสาวของนางหลบหนีไปให้ไกลครั้งนี้...“ครั้งก่อนเพียงครู่หนึ่งก็ทำเงินได้ห้าล้านกว่าตำลึง แต่ท้องพระคลังไม่มีเงินเป็นทุนเดิม แดนเหนือกำลังมีสงคราม เมืองน้อยใหญ่ทั่วแคว้นกำลังเกิดภัยพิบัติ ทุกแห่งหนล้วนจำเป็นต้องใช้เงิน เงินที่ใช้ได้เกรงว่าจะไม่มากแล้ว”ในที่สุดฉินเย่ว์เหมยก็ยอมคุยกับเฉินฝานแล้ว แต่ว่า น้ำเสียงของนางไม่ค่อยดีเท่าใดนัก“แม้เงินไม่มากนัก แต่ทำเสื้อผ้าฝ้าย กางเกงผ้าฝ้ายและผ้าห่มสองแสนชุด ยังคงเพียงพอ” เฉินฝานกล่าว“เฮ้อ!” ฉินเย่ว์เหมยหงุดหงิดในความไม่ได้ดั่งใจของเฉินฝาน “เจ้าช่างหัวดื้อจริงๆ เจ็ดวัน เจ้าไม่มีทางทำเสื้อผ้ามากมายขนาดนั้นได้ ตอนน
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่
“ตุ้บ!”หลี่ชิ่งที่แต่เดิมกำลังพยุงหลิวเกาจัวปล่อยมือออกทันทีหลิวเกาจัวที่หกล้มหน้าคะมำตะโกนร้องโอดโอย เห็นว่ามีเท้าสองข้างอยู่ด้านหน้าจึงคิดที่จะใช้เพื่อยันตัวลุกขึ้นปรากฏว่าเมื่อเขาสัมผัสเท้านั้น เจ้าของฝ่าเท้านั้นก็จงใจยกขึ้น จึงทำให้เขาลื่นล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“บัณฑิตหลิว กลางวันแสกๆเช่นนี้ นักพรตชิงเฟิงก็กำลังทำพิธีอยู่ที่แห่งนี้ จะมีภูตผีตนใดกล้าออกมากัน?”ผู้ที่ถีบหลิวเกาจัวคือเลขาธิการกรมโยธาธิการหยางอวิ๋นหู่ เดิมทีหยางอวิ๋นหู่เป็นผู้เก่งกาจในการประจบประแจงคนหนึ่ง ก่อนที่หลิวเกาจัวจะทรยศซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวนให้ความสนใจกับหยางอวิ๋นหู่เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าเมื่อหลิวเกาจัวปรากฏตัวขึ้นมา หยางอวิ๋นหู่ก็เทียบเคียงหลิวเกาจัวมิได้แม้แต่น้อยครั้งนี้สามารถทำให้เฉินฝานติดอยู่ในเมืองเซียนตูได้ เดิมทีก็เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยางอวิ๋นหู่ แต่เพราะสาเหตุที่ว่าเรือนเซียนผาสุกมิสามารถปิดตายเฉินฝานได้อย่างสมบูรณ์ หลิวเกาจัวก็คอยใส่สีตีไข่อยู่เสมอ หยางอวิ๋นหู่มิเพียงแต่มิได้รับรางวัลจากเสิ่นหมิงหยวนเท่านั้น กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงอีกด้วย“ใต้เท้าหยางพูดถูก ต่อให้เป็นกลางวั
เฉินฝานเดินออกมาจากห้องตั้งดวงวิญญาณ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาบนแท่นบูชายังมีคนกำลังทำพิธีอยู่นอกจากนี้คนบนแท่นบูชาผู้นี้แต่งกายงดงามกว่าหมอผีที่อยู่ในห้องตั้งดวงวิญญาณ เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดูอลังการมากกว่าว้าวเฉินฝานอดลอบอุทานไม่ได้เสิ่นหมิงหยวนลงทุนสำหรับงานศพนี้ของเขาไปไม่น้อยเลยตรงพื้นที่เปิดโล่งใต้แท่นบูชา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊คุกเข่ากันเต็มไปหมดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งเฉินฝานมองแวบเดียวก็เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่หน้าขุนนางทั้งหมด อ๋องตวนไม่มีท่าทางเมามายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วผมที่เดิมทีขาวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ขาวโพลนไปหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลูกเขยจากไปแล้วท่ามกลางเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกทั้งยังสูญเสียบุตรีไปอีกสองคนนี่ก็คือคนผมขาวส่งศพคนผมดำสินะเฉินฝานเห็นแล้วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแม้ว่าพ่อตาที่โผล่มาตอนครึ่งทางผู้นี้ของเขา ปกติจะชอบดื่มเหล้า และเป็นคนที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ก็ปฏิบัติกับเขาดีมากจริง ๆ จนไม่มีอะไรจะพูด อีกไม่นาน อีกไม่นาน เขาก็ไม่ต้องเสียใจแล้วส่วนบนพระที่นั่งมังกรที่อยู่ไกล ๆ... ว่างเปล่าไม่
“วันที่แปดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย นายท่าน คนข้างนอกพวกนั้นด่าท่านมาแปดวันแล้ว ท่านยังอารมณ์ดีทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกน้อยอกน้อยใจ นางกำหมัดแน่นมาหลายวันแล้ว แต่เฉินฝานสั่งให้เย่ว์หนูคอยดูแลนาง นางจึงทำได้เพียงงอนอยู่ที่บ้าน“เจ้าลดเสียงหน่อย จินเป่าเพิ่งจะหลับไปนะ!”เฉินฝานวางจินเป่าที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมให้นอนหลับลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง ฟังเสียงด่าทอจากข้างนอกเสิ่นหมิงหยวนตั้งใจปล่อยให้ชาวบ้านในเซียนตูก่นด่าเฉินฝาน อยากจะทำให้เฉินฝานชื่อเสียงฉาวโฉ่เฉินฝานฟังชาวบ้านในเซียนตูด่าทอตนเอง เพื่อให้พวกเสิ่นหมิงหยวนสูญเสียความระแวดระวัง ชาวบ้านยิ่งด่ารุนแรงและยิ่งด่านานเท่าไร ความระแวดระวังของเสิ่นหมิงหยวนก็จะยิ่งหย่อนยานลง เชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆแววตาของเฉินฝานเย็นชาขึ้นมาทีละนิด“พรุ่งนี้ข้าก็จะ ‘ถูกฝัง’ ได้แล้ว” พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่ของมัน ไม่สิควรพูดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของต้าชิ่งอย่างเป็นทางการหลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนตำแหน่งเดิมของซูซิว
“วันนั้นไฟไหม้ลานบ้านรุนแรงมากถึงเพียงนั้น รอบด้านถูกเราพวกเราห้อมล้อมไว้เป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนตายเลย ต่อให้เป็นมดสักตัวก็ไม่สามารถหนีออกมาจากลานบ้านนั้นได้ หรือว่าจู่ ๆ เฉินฝานจะกลายเป็นถู่สิงซุนขุดดินหนีออกไปแล้ว”“พรืด!” เลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัวที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ทางด้านข้างเหมือนกับสุนัขพลันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงมองมาทางเขา เขาก็รีบอธิบาย “ข้าน้อยคิดว่าต่อให้เฉินฝานกลายเป็นถู่สิงซุนขุดลงไปใต้ดิน เช่นนั้นก็คงโดนเผาจนสุกอยู่ดี ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนจากถู่สิงซุนไปเป็นหนูสุกแล้วขอรับ” หลิวเกาจัวพูดประจบมากมายขนาดนั้น ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ประจบถูกจุดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเกาจัว เสิ่นหมิงหยวนก็อารมณ์ดีขึ้นในพริบตาใช่แล้ว ไฟไม้แรงขนาดนั้น ต่อให้เฉินฝานสามารถขุดลงไปใต้ดินได้ก็คงโดนเผาจนสุกไปแล้ว“เจ้าไปเถิด!” เสิ่นหมิงหยวนที่อารมณ์ดีมากยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่งแล้วพูดกับหลิวเกาจัวว่า “รัฐพิธีศพของท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้ายจะหยุดไม่ได้ เจ้าไปเชิญนักพรตที่ดีที่สุดในเซียนตูมา จะต้องทำพิธีอุทิศส่วนกุศลดี ๆ ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้