เมื่อวานที่เรือนของเฉินเจียงมีคนมามากมาย ชาวบ้านชอบนินทาที่สุด มีอะไรเกิดขึ้นเล็กน้อย ก็ลือกันทั่วหมู่บ้าน ตอนนี้เขามีสามร้อยเหวินแล้ว คาดว่าทั้งหมู่บ้านคงรู้แล้ว“กริ๊ง กริ๊ง!”กระดิ่งบนคอวัวส่งเสียงใส ตามการเดินของวัวชาวบ้านที่ได้ยินเสียงบนท้องถนน เดินออกมาจากเรือนว้าว วัวตัวใหญ่จัง เกวียนด้านหลังของมันเต็มไปด้วยฟืนหนึ่งคันรถฟืนตลอดหนึ่งปี ครัวเรือนใดใช้จ่ายมากเช่นนี้หมู่บ้านซานเหอนอกจากไม่กี่ครัวเรือนที่ฐานะค่อนข้างดีจะซื้อฟืนมาเผาแล้ว โดยส่วนมากล้วนขึ้นเขาไปตัดเอง คนอื่นๆ ไม่ใช่ไม่อยากซื้อ แต่ว่าไม่มีปัญญาซื้อ ฟืนหนึ่งมัด สิบเหวินคนมากมายยังหิวโหย จะมีเงินซื้อฟืนได้อย่างไร“ข้าเห็นบนเกวียน มีหน้าต่างไม้และกระดาษมัน!” ชาวบ้านตาดี อย่างรวดเร็วก็เห็นหน้าต่างไม้และกระดาษมันบนเกวียน“สวรรค์ กระดาษมัน? หมู่บ้านของเราคล้ายมีเพียงหน้าต่างบ้านผู้ใหญ่บ้านเท่านั้นที่ติดกระดาษมันกระมัง”“เช่นนั้นไม่ต้องคิด วัวตัวนี้ต้องไปบ้านผู้ใหญ่บ้านแน่นอน”“ไม่ใช่ พวกเจ้ามองสตรีบนเกวียน ใช่พิการฉินเย่ว์โหรวของเฉินฝานหรือไม่”“จริงด้วย ด้านหลังเกวียนคือเฉินฝานและฉินเย่ว์เจียว”“ของบนเกวี
ไม่มีผู้ใดตอบสนองคำพูดของจูต้าอัน ตามอุปนิสัยของเฉินฝานก่อนหน้านี้ เมื่อใดที่มีเงิน เขาจะเอาไปดื่มกิน หรือไม่ก็เล่นการพนัน ไม่แยแสเรื่องที่บ้าน ไม่ต้องกล่าวถึงว่าพี่น้องตระกูลฉินจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดปฏิเสธตน จูต้าอันก็รู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อย “ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านนี้รู้จักเจ้าหนุ่มเฉินฝานดีไปกว่าข้า ไม่สังเกตเห็นบ้างเลยหรือ? สาวน้อยสองคนจากตระกูลฉิน มีสีหน้าขมขื่น เฉินฝานจะต้องพาพวกนางออกไปขายแน่ๆ " “ข้าไม่เห็นสีหน้าขมขื่นของพี่น้องตระกูลฉิน ข้าคิดว่าพวกนางกำลังยิ้มเสียอีก” ชาวบ้านผู้หนึ่งออกมาตอบโต้จูต้าอัน "เจ้าจะไปรู้อะไร?" “รู้อะไร? ครั้งล่าสุดที่เจ้าบอกว่าภายในสามวัน เฉินฝานจะส่งฉินเย่ว์โหรวไปที่หอนางโลมอี๋ชุนย่วน นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ฉินเย่ว์โหรวยังอยู่ในหมู่บ้านซานเหออยู่เลย?” หลังจากเฉินฝานทุบตีจูต้าอัน ผู้คนในหมู่บ้านก็เริ่มหวาดกลัวจูต้าอันน้อยลง “ครั้งที่แล้ว ก็...” สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งก่อนไม่ต่างจากพบเจอกับทางตัน แต่แล้วจู่ๆ เฉินฝานก็สามารถคลี่คลายมันได้ จูต้าอันครุ่นคิดเรื่องนี้มาหลายวันแต่ก็ยังคิดไม่ตก เหตุใดหลี่ซานถึงปล่อยเฉิ
ก่อนจูต้าอันจะทันได้กล่าวจบ เฉินฝานก็ใช้ฟืนในมือฟาดเข้าใส่ศีรษะของจูต้าอันอย่างแรงเมื่อเขานึกถึงจูต้าอันที่มองภรรยาของเขาด้วยท่าทางลามก เฉินฝานรู้สึกว่าแค่ทุบตียังไม่สามารถบรรเทาความเกลียดชังได้จูต้าอันต้องการหลบ แต่เฉินฝานเคลื่อนไหวเร็วกว่า ราวกับว่าเขาสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของจูต้าอันได้ ไม่ว่าจูต้าอันหลบเลี่ยงไปที่ใด เขาก็จะฟาดเข้าใส่ตรงนั้นสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่บ้านของเฉินฝานเมื่อไม่กี่วันก่อน จูต้าอันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดระหว่างถูกทุบตี จูต้าอันพยายามต่อสู้กลับ ทว่าก่อนหมัดของเขาจะถูกชกออกไป เฉินฝานก็สวนกลับอย่างแรงเฉินฝานกระชากบาดแผลเก่าบนศีรษะของจูต้าอันแล้วทุบตีเขา สักพักเลือดก็เริ่มไหลใบหน้าของจูต้าอันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด จนต้องขอความเมตตาจากเฉินฝาน“พี่ชายแสนดี หยุดตีข้าเถอะ หยุดตีข้า!”“ถ้าอยากให้ข้าหยุดก็เรียกข้าว่าท่านปู่!” “ท่านปู่ ท่านปู่ผู้แสนดี” “อะไรนะ?” เฉินฝานก้มศีรษะลงแล้วฟัง “ข้าไม่ได้ยิน เจ้าช่วยพูดให้ดังๆ กว่านี้หน่อย”"ท่านปู่!"“เสียงของเจ้าเบาเกินไป ดูเหมือนว่าการทุบตีของข้าจะยังไม่แรงพอ!” ฟืนในมือของเฉินฝ
"ไม่นะ!"ฉินเย่ว์โหรวกรีดร้อง ทรุดเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ นางพึมพำกับตัวเองว่า "นายท่าน อย่านะ อย่าตีข้าเลย"ยุคปัจจุบัน ในฐานะทหารบนสนามรบ เขารู้เรื่องโรคเครียดที่เกิดจากความสะเทือนใจอย่างรุนแรง เขาเพิ่งสั่งสอนจูต้าอัน ซึ่งอาจจะไปย้ำเตือนความทรงจำที่ฉินเย่ว์โหรวเคยถูกเจ้าของร่างเดิมทุบตีอย่างรุนแรง“เย่ว์โหรว!”เฉินฝานก้มลงอุ้มฉินเย่ว์โหรว ไว้ในอ้อมแขนของเขา"นายท่าน!"ฉินเย่ว์โหรวพยายามดิ้นรนตามสัญชาตญาณ แต่เฉินฝานไม่คิดที่จะปล่อยนางไป ยิ่งนางดิ้นรนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกอดรัดนางแน่นมากขึ้นเท่านั้นดังคำกล่าวที่ว่าเรียนผูกต้องเรียนแก้ปมในใจของฉินเย่ว์โหรว เขาจะต้องแก้ไขด้วยตนเองเฉินฝานกอดฉินเย่ว์โหรว จูบลงบนหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว มันจบแล้ว มันจบแล้ว”ขณะเฉินฝานพยายามปลอบประโลมนางครั้งแล้วครั้งเล่า ฉินเย่ว์โหรวก็ค่อยๆ สงบลงภายในอ้อมแขนของเขา“เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือไม่” เฉินฝานดันฉินเย่ว์โหรวออกไปเล็กน้อยแล้วถามอย่างอ่อนโยน"อื้ม!"“นายท่าน...”ขณะนี้ฉินเย่ว์โหรวกลับมามีสติอีกครั้ง เฉินฝานยังคงกอดนางไว้ฉินเย่ว์โหรวที่ได้สติ เขินอายอย่างยิ่ง “ท่านปล่อยข
“น้องสี่ นี่เป็นความผิดของเจ้า”ฉินเย่ว์เจียวเป็นคนไม่สนใจใยดี นางไม่คาดคิดว่าน้ำลายจะกระเด็นไปโดนหน้าเฉินฝานลุงขับเกวียนที่เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“หนุ่มน้อย มีสาวน้อยแสนซนผู้นี้ เจ้าจะได้รับพรในอนาคต!”“ท่านลุง ท่านเลอะเลือนหรืออย่างไร น้ำลายของน้องสี่กระเด็นโดนหน้านายท่าน แต่ท่านกลับบอกว่าซุกซน”ฉินเย่ว์เจียวกล่าว จากนั้นหันกลับมาสั่งสอนบทเรียนให้กับฉินเย่ว์โหรว "น้องสี่ นายท่านดีกับเจ้าก็จริง แต่เวลาทำสิ่งใดเจ้าต้องระวังอย่าประมาทอันขาด เข้าใจหรือไม่?"“พี่สาม ข้าเข้าใจแล้ว”ฉินเย่ว์เจียวไม่รู้จริงๆ ว่าน้องสาวของนางเขินอายมากเสียจน นางอยากจะมุดดินหนี“หนุ่มน้อย ทุกอย่างถูกขนออกไปแล้ว ตาแก่อย่างข้าไม่ขอรบกวนเจ้าแล้ว”หลังจากที่ลุงขับเกวียนออกไปแล้ว เฉินฝานก็พาฉินเย่ว์โหรวกับฉินเย่ว์เจียว ขนย้ายฟืนไปไปไว้ในห้องทางทิศตะวันตกสุด ฟืนสิบห้ากองกระจายออก มีค่อนข้างมาก กินพื้นที่กว่าครึ่งของห้องเล็กๆ ฟืนครึ่งห้อง พอเอาไว้ใช้เผาฟืนได้เดือนกว่าๆข้อเสียอย่างเดียวคือห้องนี้ไม่มีหลังคา ถ้าหิมะตก หิมะจะตกลงมาบนฟืน จึงไม่สะดวกที่จะเก็บฟืนในช่วงดังกล่าว ฉ
“น้องสี่ น้องสี่!”เสียงเรียกของฉินเย่ว์เจียว ได้นำพาจิตวิญญาณที่ล่องลอยของฉินเย่ว์โหรวกลับคืนมา “พี่สาม”“เจ้าดูแปลกๆ นะ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?เมื่อสติสัมปชัญญะของฉินเย่ว์โหรวฟื้นกลับมา ก็พบว่าไม่ใช่แค่ ฉินเย่ว์เจียว แม้แต่เฉินฝานก็กำลังจ้องมองนาง“เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?” เฉินฝานถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่ ไม่ ข้าสบายดี ข้าจะไปทำอาหารให้พวกท่านกิน”ก่อนที่นางจะกล่าวจบฉินเย่ว์โหรว ก็รีบเข้าไปในครัว“มีอะไรผิดปกติกับน้องสี่หรือไม่?” ฉินเย่ว์เจียวดูสับสนเฉินฝานส่ายศีรษะ บอกว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน นับตั้งแต่ว่าจ้างครอบครัวของเฉินผิงให้จับปลา เฉินฝานก็ไม่ต้องจับปลาในความมืดอีกหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เฉินฝานก็เห็นว่ายังมืดอยู่ เขาจึงออกไปเดินเล่น ชนบทโบราณในกลางฤดูหนาวอันน่าเบื่อ หลังจากเดินไปมาสองสามรอบ เฉินฝานก็กลับบ้านสองพี่น้องฉินสองคนนั่งอยู่บนเตียงคั่ง[footnoteRef:1] เอาหัวชนกัน คำนวณรายได้ของวันนี้ [1: เตียงคั่งหรือเตียงอุ่น ทำจากอิฐสามารถให้ความร้อนด้วยไฟได้] เมื่อเห็นเฉินฝานเข้ามา ฉินเย่ว์เจียวก็รีบลงจากเตียงคั่งแล้ววิ่งออกไปทันทีสักพักนางก็ถือกะล
“แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อหน้าต่างไม้แกะสลัก ซื้อแบบธรมดาก็พอ เช่นเดียวกับกระดาษน้ำมัน เราไม่ควรซื้อมันแผ่นละห้าสิบเหวิน มันแพงเกินไป ใช้แค่กระดาษฟางก็พอ เราเป็นชาวบ้านไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษน้ำมันหรูหราทางฝั่งของฉินเย่ว์เจียว ได้ช่วยเฉินฝานล้างหน้ากับเท้าเสร็จแล้ว เขาเอนตัวลงบนผ้าห่มบนเตียงเตา แล้วมองดูฉินเย่ว์โหรวอย่างเงียบ ๆเหมือนได้กลับคืนสู่ยุคสมัยใหม่เช่นเดิมเมื่อใดก็ตามที่พ่อของเขาซื้อของชิ้นใหญ่ แม่ของเขามักจะบ่นพ่อของเขาจนหูชาแบบนี้เสมอในตอนนั้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาถึงไม่โกรธแม่แม้แต่น้อย ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า การถูกภรรยาบ่นช่างมีความสุขจริงๆเมื่อได้ยินเฉินฝานหัวเราะ ฉินเย่ว์โหรวก็เบ้ปากเล็กๆ ของนาง "นายท่าน ยังหัวเราะได้อย่างไร?"“ภรรยาของข้างดงามขนาดนี้ ก็ย่อมต้องหัวเราะอยู่แล้ว!”"..." ฉินเย่ว์โหรวถูกเฉินฝานหยอกเย้า จนนางไม่สามารถจับพู่กันเขียนได้อย่างมั่นคงใบหน้าของนางแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ทำตัวไม่ถูกเฉินฝานไม่คิดที่จะปล่อยนางไปเขายังจำได้ว่าสาวน้อยผู้จุดไฟของเขาให้ตื่น แต่นางกลับหนีไปโดยไม่รับผิดชอบดับไฟแม้แต่น้อย“โดยเฉพาะตอนที่เจ้ากอ
“กระทืบเท้าอีกแล้ว อย่ากระทืบ เท้ายังไม่หายดี อยากเสียเงินเพิ่มหรือไง?”"..." ฉินเย่ว์โหรวหยุดชะงักทันที เมื่อได้ยินว่าอยากเสียเงินเพิ่มหรือไง “ต้องแบบนี้สิ” เฉินฝานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เงินหาได้ไม่รู้จบ แต่สุขภาพนั้นสำคัญ” ความจริงถ้าขายอีกหนึ่งร้อยตัว เฉินฝานก็สามารถปล่อยให้ฉินเย่ว์โหรวกับคนอื่นๆ พักผ่อนได้ เขาไม่ได้มีปัญหาที่จะลงมือทำด้วยตนเองเขาไม่อยากบอกเหตุผลที่แท้จริงกับฉินเย่ว์โหรวไม่อยากให้พวกนางกังวลแปดร้อยตัวคงไม่สามารถขายได้หมดตามเวลาเฉลี่ย สินค้ามากกว่าหกร้อยตัวของวันนี้ ยังต้องใช้เวลาขายมากกว่าสามร้อยตัวของเมื่อวานเกือบสี่เท่ายอดขายก็จะต่ำลงกว่าเดิม พวกเขาขายปลาย่างในตลาดเข้าสู่วันที่สามแล้วดีไม่ดีพรุ่งนี้อาจจะมีแผงขายปลาย่างเพิ่มขึ้นอีกร้านหนึ่งก็ได้ หากเป็นอย่างที่คิด ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถขายปลาได้ แปดร้อยตัวในวันพรุ่งนี้ อาจจะขายได้น้อยกว่าวันนี้ด้วยซ้ำ….หลังจากออกจากเมือง เฉินฝานก็พาสองพี่น้องตระกูลฉินมุ่งหน้าไปยังโรงเผากระเบื้องการซ่อมหลังคา จำต้องเข้าใจราคากระเบื้องก่อนยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีประสบการณ์ในการสร้างบ้านอิฐ เขาจึงไม่รู้ว่าบ้านต้อ
“ฝ่าออกไป ไม่อาจเป็นผีหิวตายเด็ดขาด!”โอวหยางน่าหลันลากเท้าที่บาดเจ็บ พุ่งตัวไปด้านหน้าหลังจากถูกยิงไปแล้วหนึ่งครั้ง ทหารรักษาพระองค์ล้อมโอวหยางน่าหลังทั้งสองสี่ด้าน คุ้มกันนางอย่างแน่นหนาลูกธนูของฉินเย่ว์เจียวยิงถูกคน ทว่าไม่อาจยิงโดนโอวหยางน่าหลัน“ฝ่าออกไป! ไม่อาจอดตายกลายเป็นผีได้!”คล้ายตอนอยู่นอกประตูเมืองลู่ตู จู่ๆ ทหารหลู่พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิตครั้งนี้ พวกเขาไม่วิ่งขึ้นหุบเขาอีกแล้ว พุ่งตัวไปหาทหารหญิง“ลุย จัดการพวกมันซะ!” มั่วเซินรีบออกคำสั่งทันทีทหารกองกำลังที่หนึ่ง รวมถึงทหารกองกำลังที่สามซึ่งรีบเดินทางมา ระดมกำลังต่อสู้ ช่วยคลายความกดดันให้ทหารหญิงบนพื้นดิน ทหารหลู่ล้มกองแล้วกองเล่า ศพกองเป็นภูเขาแต่พวกเขากลับไม่สนใจคนข้างกาย ยิงธนูใส่พวกสตรี อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้าลูกธนูด้านหน้าถูกยิงมาราวกับสายฝน พวกทหารหญิงถึงขั้นไม่อาจเงยหน้าขึ้น“พี่น้องทั้งหลาย!” เย่ว์หนูร้องตะโกนเสียงดัง “ลงไปเร็วเข้าๆ ทหารหลู่มาใกล้เกินไปแล้ว สุ่มโยนได้เลย!”ทหารหญิงกระโดดลงจากเก้าอี้ ยืนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วสุ่มโยนระยะทางใกล้เช่นนี้ การสุ่มโยนระเบิดทห
“เจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์เจียวขึ้นสายเกาทัณฑ์ทันที “รับประกันว่าเพียงหนึ่งดอกก็คร่าชีวิตนางได้แล้ว”“อย่าสังหารนาง เพียงให้นางตกลงจากก้อนหินก็พอ ให้นางไม่กล้าเสนอหน้าอีกก็พอ” เฉินฝานรีบพูด“นายท่าน ท่านชมชอบนางหรือเจ้าคะ?”นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเย่ว์เจียว กล่าวถึงสตรีอื่นแล้ว เปี่ยมไปด้วยความหึงหวงนางไม่ชอบโอวหยางน่าหลัง สตรีที่คิดอยากจะเป็นผู้หญิงของนายท่าน นางไม่เคยกีดกัน แต่ว่าโอวหยางน่าหลันคนนี้ ไม่เพียงอยากแต่งงานกับนายท่าน ยังอยากแย่งนายท่านไปอีก ทำเกินไปแล้วจริงๆเฉินฝานยิ้ม “โอวหยางน่าหลันมีประทุมอวบอิ่มสะโพกผาย ทั้งยังร่ำรวย ชายใดบ้างที่จะไม่ชอบ?”รับรู้ได้ว่าสตรีข้างกายแทบจะเบิดอารมณ์แล้ว เฉินฝานรีบหุบยิ้ม พูดด้วยความจริงจัง “ข้าล้อเล่น ตอนนี้โอวหยางน่าหลันยังตายไม่ได้!”ต้องไว้ชีวิตนางเพื่อทำการต่อรองดวงหน้างดงามของฉินเย่ว์เจียวเปี่ยมไปด้วยความโมโห “ข้าต้องการให้นางตาย!”แม้จะพูดด้วยความโมโห แต่ตอนมือของฉินเย่ว์เจียวขึ้นสายเกาทัณฑ์ นางเบี่ยงมือเล็กน้อย“โอ๊ย~”สิ้นเสียงโอดครวญ โอวหยางน่าหลันที่ยืนอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงไป“องค์หญิง!”“คุ้มกันองค์หญิง!”หลังจากโอวห
“หลุมลึกเช่นนั้น หากไม่มีเก้าอี้ พวกนางปีนป่ายขึ้นมาต้องใช้แรงมหาศาลทหารหลู่ที่วิ่งเร็วที่สุด เข้าสู่วงล้อมโจมตีของเนินเขากงจีแล้ว“ระวัง ด้านหน้ามีทหารต้าชิ่ง!”สายตาเฉียบแหลมของเขาพบว่าเส้นทางด้านหน้า มีโคลนหลายกอง อยู่บนถนน“เอ๊ะ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่านั่นเป็นพวกผู้หญิง?”“ไม่ใช่รู้สึก แต่พวกนางเป็นผู้หญิงจริงๆ”“ข้าได้ยินมาโดยตลอดว่าต้าชิ่งมีทหารหญิง คิดไม่ถึงว่าจะมีจริงๆ!”เมื่อเห็นว่าเป็นสตรี พวกทหารหลู่ผ่อนคลายลงมาก“เฮ้อ พวกเจ้าอย่าประเมินศัตรูต่ำเกินไป ข้าได้ยินว่าทหารหญิงแคว้นต้าชิ่ง ร้ายกาจยิ่งนัก”มีคนเตือน แต่ก็มีคนโต้กลับในทันทีทันใด?”“ใช่ ตอนนี้แข่งเรื่องต่อสู้ ไม่ได้แข่งเย็บปักถักร้อย”หลังจากเห็นทหารหญิงด้านหน้าแล้ว ทหารหลู่ที่หมดอาลัยตายอยากก่อนหน้านี้ กระปรี้กระเปร่าขึ้นมามาก“แม้กระทั่งสตรีก็ถูกสั่งให้มาสู้รบ ต้าชิ่งไม่มีบุรุษแล้วจริงๆ”“สหาย พวกเจ้าเห็นหรือไม่? สตรีต้าชิ่ง งดงามกว่าสตรีแคว้นหลู่ของเรา”“งดงามกว่าสตรีแคว้นหลู่ของเราจริงๆ สหาย ต้าชิ่งเหลือเพียงสตรีแล้ว พวกเรารีบฝ่าออกไป แล้วค่อยโต้กลับทีหลัง”“หลังจากยึดครองต้าชิ่ง สตรีต้าชิ่งทั้งหมดเ
“เฉินฝานเทน้ำชาในกา ทิ้งลงในเตาผิง จากนั้นวางกาน้ำชาเปล่าไว้บนโต๊ะ“ไปกันเถอะ!”“ไปไหนเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวรีบตามไป“เนินเขากงจี เวลานี้ทหารหลู่น่าจะถอนกำลังไปถึงเนินเขากงจีแล้ว”ฉินเย่ว์เจียวกำลังคิดอยากจะถามเฉินฝาน เขารู้ได้อย่างไรว่าทหารหลู่จะถอยทัพไปถึงเนินเขากงจีแล้ว ถังหงชางหัวหน้าผู้ส่งสารกเข้ามาเมื่อเห็นเฉินฝาน ถังหงชางรีบวิ่งตามมา “ใต้เท้า น่าจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทหารหลู่ก็จะไปถึงเนินเขากงจีขอรับ”“อื้ม!”เฉินฝานที่พยักหน้า รีบเดินออกไปเขาจะไปเนินเขากงจี การดักโจมตีบนเนินเขากงจี คือสิ่งสำคัญที่สุด การต่อสู้ครั้งนี้ตัดสินแพ้ชนะ ทั้งยังตัดสินชะตาแคว้นหลู่และต้าชิ่งการดักโจมตีบนเนินเขากงจี ไม่เพียงโจมตีบนหุบเขา ภาคพื้นดินมีทหารซุ่มโจมตี อีกทั้งระหว่างทาง ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเฉียนหงที่ประจำเนินเขายาจุ่ยกลับมาพร้อมกับทหารหลู่แล้ว...“ขุดเร็วเข้า ไม่ได้ ขุดลึกอีกหน่อย!”“ที่เจ้าขุดยังไม่ถึงแปดฟุตแปดนิ้ว ขุดอีก!”เฉินฝานยังไปไม่ถึง ก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมของเย่ว์หนูแล้วหลังจากทหารหลู่ผ่านเนินเขากงจี เฉินฝานให้คนไปส่งข่าวบอกเย่ว์หนู สั่งให้นางขุดหลุมตรงกลางถ
“เจ้า...”โอวหยางน่าหลันโมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว“องค์หญิง โปรดรับสั่งให้ถอยทัพในทันทีพ่ะย่ะค่ะ!” อวิ๋นเต๋อพูดซ้ำอีกรอบ อีกทั้งครั้งนี้แววตาของเขาลุ่มลึก“ถอยทัพ!”โอวหยางน่าหลันกัดฟันพูดหลังจบสิ้นสงครามนี้ คนพวกนี้ นางจะจัดการทีละคน“ทหารหลู่ของเรามีแปดแสนกว่านาย กองทัพลาดตระเวนมีหนึ่งแสนนาย เหตุใดต้องถอย?”ระหว่างทางถอยทัพ โอวหยางน่าหลันเจ็บแค้นใจมาโดยตลอด ถามอวิ๋นเต๋อซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า“องค์หญิง ตอนนี้พวกเรามีกำลังทหารไม่ถึงแปดแสนนายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวิ๋นเต๋อตอบตอนโจมตีเมือง ทหารหลู่แลกด้วยชีวิต บวกกับโจมตีหุบเขาต้าถังเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่มีเวลานับจำนวนคนแล้ว แต่ประสบการณ์ที่เคยนำทัพมาหลายปีของอวิ๋นเต๋อบอกกับเขาว่า ตอนนี้ทหารหลู่เหลือไม่ถึงหกแสนนายแล้ว“แม้จะเป็นเช่นนี้ ฝืนสู้เสียหน่อย ระเบิดไหสุราของพวกเขาก็หมดลงแล้ว”“องค์หญิง องค์หญิงพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ หากพวกเรายืนหยัดอีกเสียหน่อย กองทัพลาดตระเวนต้องใช้ระเบิดจนหมดแน่นอน”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังถอยทัพ?”“องค์หญิง ด้วยวิธีการขององค์หญิง สามารถคว้าชัยชนะมาได้ แต่ความสูญเสียนั้นมากเกินไป อีกทั้งเห็นชัดว่าเป็นกับดัก เสบียงอาหาร
“ใช่ๆๆ ต่อสู้ครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนตำแหน่ง ท่านใต้เท้าเคยบอกแล้ว เรียกว่า...”“กลยุทธ์ออกกำลังกาย!”เสียงตอบกลับมากมายดังขึ้นพร้อมกัน“มาแล้ว!”มีคนตะโกนเสียงดัง“ทหารหลู่ขึ้นมาอีกแล้ว!”“สหาย!” หลี่จื้อคว้าระเบิดมือขึ้นมาหนึ่งลูก “ระเบิดพวกมันให้สิ้นซาก!”“ตู้ม!”เสียงระเบิดดังกระหึ่มเสียงระเบิดดังขึ้นบนเชิงเขา ไม่ได้มาจากหลี่จื้อ ระเบิดมือในมือเขา ยังไม่ทันได้โยนออกไป“ให้ตายสิใครลงมือเร็วเช่นนี้? ข้ายังไม่ได้ลงมือเลย?”สีหน้าของหลี่จื้อฉายความหงุดหงิดเขามีอุปนิสัยอย่างหนึ่ง ทุกครั้งที่ลงมือเขาต้องเป็นคนเริ่ม คนอื่นค่อยเริ่มได้“หลี่จื้อ เจ้าด่าใคร? นิสัยอ้าปากก็หยาบคายทันทีของข้า หากยังไม่แก้ ข้าจะตบปากเจ้า!”“ให้ตายสิ ใครอยู่ที่นั่น...” หลี่จื้อหน้าเจื่อนทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาที่ยิ้มให้เหอจื่อหลินน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้รองแม่ทัพข้างกายเขา พยายามควบคุมตนเอง กลั้นเสียงหัวเราะ“ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร? ให้ท่านพักผ่อนไม่ใช่หรือขอรับ?”หลี่จื้ออยากร้องไห้จริงๆยามเหอจื่อหลินลงโทษ เป็นการลงโทษที่น่ากลัวยิ่งนักไม่ใช่ฟาดด้วยแส้ และไม่ได้เพิ่มปริมาณการฝึก
มีข้าวสารให้เก็บตลอดทาง ทหารหลู่มุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงเขาต้าถังหุบเขาต้าถังเป็นป้อมปราการที่ถูกต้องภูเขาสูงใหญ่ขนาบสองข้าง ตรงกลางเป็นทางเดินกว้างเพียงสิบกว่าเมตรยิ่งไล่ตามลึกเข้าไปด้านใน อวิ๋นเต๋อก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติหากด้านหน้าเป็นเพียงชาวบ้านขนเสบียงอาหาร เช่นนั้นพวกเขาไล่ตามมานานเช่นนี้ ควรจะตามทันแล้วเวลานี้ไม่เพียงตามไม่ทัน มิหนำซ้ำยังไม่เห็นแม้กระทั่งเงามองภูเขาสูงใหญ่ด้านหน้า และทางเดินที่กว้างเพียงสิบเมตร ทันใดนั้นเองอวิ๋นเต๋อคว้าจับแส้ม้าแน่นทันที“หยุดมุ่งหน้า หยุดมุ่งหน้า!”“อวิ๋นเต๋อ เจ้าเป็นอะไร? เหตุใดจึงสั่งให้กองทัพหยุดลง?” สีหน้าของโอวหยางน่าหลันฉายความฉงน“องค์หญิง พวกเราติดกับแล้วพ่ะย่ะค่ะ เร็ว รีบถอยเร็วเข้า!”“ฆ่ามัน!”“ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!”อวิ๋นเต๋อยังพูดไม่จบ เสียงร้องบอกให้สังหารดั่งฟ้าผ่าดังขึ้นบนภูเขาทั้งสองด้าน พร้อมกับเสียงกลองดังสะนั่นหวั่นไหวทันใดนั้นเองระเบิดมือและลูกธนูมากมาย ถูกโยนลงมาราวกับตกจากฟากฟ้า“อ๊าก อ๊าก!”“ฮี่~”เสียงร้องโอดครวญของผู้คนและเสียงของม้า ดังปะปนกันทหารหลู่ตกตะลึงกับการโจมตีกะทันหันนี้ ตอ
“พวกท่านไม่ต้องแย่งกัน ข้างหน้ายังมี!”เมื่อได้ยินว่าข้างหน้ายังมี ทหารหลู่ยิ่งฮึดมากกว่าเดิม“สหาย ไล่ไปตามเมล็ดข้าวบนพื้น พวกมันน่าจะยังหนีไปไม่ไกล”ทหารหลู่วิ่ลไล่ พร้อมกับยัดเมล็ดข้าวเข้าปาก ทหารที่ได้กินข้าววิ่งเร็วมากกว่าเดิมพวกทหารที่ไม่มีเมล็ดข้าวให้เก็บกิน ดวงตาแดงก่ำด้วยความร้อนใจ วิ่งไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่งแทบไม่คิดชีวิตทหารหลู่วิ่งไล่ ไม่นานก็วิ่งเลยตำแหน่งแรกที่เย่ว์หนูและมั่วเซินซุ่มโจมตีมั่วเซินยืนอยู่บนเนินเขา มองทหารหลู่ที่จากไปไกลแล้ว ทอดถอนใจพร้อมกับพูด “ทหารหลู่พวกนี้ ต้องหิวโหยมากี่วัน แต่ละคนราวกับตายอดตายอยาก!”ตอนทหารหลู่เข้าไปในวงล้อมซุ่มโจมตีของพวกเขา มั่วเซินกังวลมาก ตอนทหารหลู่ผ่าน เขาออกคำสั่งหลายครั้ง ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาซ่อนตัวให้ดี อย่าให้ทหารหลู่จับได้เด็ดขาดทว่าคิดไม่ถึง ทหารหลู่พวกนั้นไม่แม้แต่จะมองบนเนินเขา ในสายตาของพวกเขามีเพียงอาหารบนพื้น“เย่ว์หนู เจ้าเก่งจริงๆ รู้ว่าทหารหลู่พวกนั้นไม่มีทางสังเกตเห็นพวกเรา”มั่วเซินหันหลังไปพูดกับเย่ว์หนูที่กำลังง่วนอยู่กับระเบิดมือหลังจากทหารหลู่เข้ามาในวงล้อมซุ่มโจมตีของพวกเขา เย่ว์หนูไม่ได้กังว
“ขอรับ ใต้เท้า!”เฉินฝานเงยหน้ามองจ้าวฮวั่นที่กำลังวุ่นวายกับการสั่งการอยู่บนหอประตูเมืองทว่าก็เชื่อมั่นว่าพวกจ้าวฮวั่นก็จะสามารถทนรับมือได้ถึงหนึ่งชั่วยามครึ่ง-เกิดเสียงตู้มดังสนั่นขึ้น“องค์หญิง ๆ!” อัครเสนาบดีแค้วนหลู่น้ำตาคลอเบ้า วิ่งมาหาด้านหน้าโอวหยาวน่าหลันด้วยความตื่นเต้น “พังทลายแล้ว พวกเราพังทลายประตูเมืองลู่ตูแคว้นต้าชิ่งได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“จริงรึ!”โอวหยางน่าหลันสีหน้าตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินเสียง นางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงประตูเมืองลู่ตูพังทลาย หลังจากที่ได้ยินกับหูตนเองแล้ว ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นโอวหยางน่าหลันกระโดดขึ้นม้าสะบัดดาบไปทางเมืองลู่ตูอีกครั้ง“เข้าเมือง!”“เข้าไปกินข้าว!”คำพูดของโอวหยางน่าหลันเหมือนกับน้ำมันที่ราดใส่กองไฟ ปลุกกองกำลังเมืองหลู่ให้ลุกฮืออีกครั้ง“เข้าเมือง!”“เข้าไปกินข้าว!”ทหารเมืองหลู่ตะโกนคำปลุกใจบุกเข้าไปในเมืองลู่ตูกองกำลังเมืองหลู่ที่หิวจนเสียสติ เมื่อเข้าไปในเมืองก็ค้นทุกหลังคาเรือนอย่างป่าเถื่อนมิต่างอันใดกันโจรปล้นเสบียงแม้แต่น้อยยังมีคนจำนวนน้อยที่มิยอมทำตามยืนหยัดที่จะอยู่ในเมืองต่อไปตอนนี้พวกเขารู้สึกเสียใ