พี่สาม หาเงินได้ เจ้าอยากซื้ออะไรมากที่สุด?”“ยังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าซื้อธนู”สองพี่น้องที่กำลังทำงาน เริ่มคิดแล้วว่าวันข้างหน้ามีเงินแล้วจะซื้ออะไร“ข้าอยากซื้อสีชาดหนึ่งกล่อง”“นอกจากสีชาดแล้ว ข้ายังอยาก...”“เจ้ายังอยากอะไร?”จู่ๆ ฉินเย่ว์โหรวก็ไม่พูดแล้ว เฉินฝานฟังอยู่ข้างๆ รู้สึกอึดอัด เอ่ยถามนาง“ไม่ ไม่มีอะไร!”ฉินเย่ว์โหรวส่ายหน้าติดต่อกัน อาจจะเป็นเพราะกลัวเฉินฝานถามต่อ นางพูดเสริมหนึ่งถ้อยคำ “ข้าเพียงแค่ยังคิดไม่ออก”เฉินฝานมองเพียงปราดหนึ่งก็ดูออกว่าฉินเย่ว์โหรวโกหกไม่ใช่แค่อารมณ์ของฉินเย่ว์โหรวเปลี่ยนแปลง ฉินเย่ว์เจียวก็เช่นเดียวกันพี่น้องสองคนนี้ ไม่รู้คิดอะไรอยู่ อารมณ์เวลานี้หดหู่ยิ่งนักเฉินฝานก็พอจะนึกขึ้นได้ มีเรื่องหนึ่งต้องจัดการ แต่ชั่วขณะหนึ่งนึกไม่ออกว่าคืออะไรวันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่สว่างเฉินฝานเคาะประตูบ้านลุงใหญ่เฉินผิงเมื่อวานจับปลาได้ทั้งหมดสองร้อยสามสิบสามตัว แม้ตัวหนึ่งจะหนักแค่สามสี่เหลียง แต่สองร้อยกว่าตัวก็เกือบหนึ่งร้อยจินเดินทางไกลเช่นนั้น อาศัยแค่กำลังในการแบกของมนุษย์ เช่นนั้นไม่เพียงเดินช้า ทั้งยังเหนื่อยมากไปถึงอำเภอ ขายปล
ข้าไม่อาจทำใจเห็นอนาคตของลูกสาวเป็นเหมือนสองพี่น้องตระกูลฉินแบบนั้นจริงๆ”เฉินผิงพูดพึมพำ แม้เสียงจะเบามากๆ แต่เฉินฝานได้ยินอย่างชัดเจนเขามองเฉินผิงด้วยความตกตะลึง พูดไม่ออกอยู่นานเฉินผิงกำลังบอกว่าเขาไม่ดีอย่างชัดเจน แต่เฉินฝานฟังแล้วกลับไม่โกรธแม้แต่น้อยตรงกันข้าม หัวใจของเขาบีบรัดอย่างมากในความทรงจำของเขา ภาพสองพี่น้องตระกูลฉินถูกเจ้าของร่างเดิมทุบตีทำร้าย ด่าทอ โดยเฉพาะภาพที่ฉินเย่ว์โหรวถูกทุบตีจนเท้าหัก“เสี่ยวฝาน!”นางเจิ้งได้ยินเสียงจึงเดินออกมา“ป้าขอร้องเจ้าล่ะ ไว้ชีวิตน้องสาวของเจ้าเถอะ”นางเจิ้งพูด และจะคุกเข่า“ท่านป้า!”เฉินฝานรีบรั้งนางเจิ้งทันทีสวรรค์ เรื่องที่เขาพบเจอในวันนี้คืออะไรกันเขาเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของเฉินผิงและภรรยา แต่ตอนนี้พวกเขากลับคุกเข่าตรงหน้าเขาเพื่อลูกสาวสงสารพ่อแม่ทุกคนบนโลกนี้จริงๆเพื่อคลายความกังวลของสองสามีภรรยา เฉินฝานนำเงินออกมาสิบเหวิน ยัดใส่มือนางเจิ้ง“ท่านป้า นี่คือเงินที่ข้ายืมรถลากในวันนี้”“เอ่อ ไม่ต้องมากขนาดนี้ วันละสามเหวินก็พอแล้ว” เฉินผิงมองเงินในมือนางเจิ้ง พูดด้วยความซื่อเขาไปช่วยงานร้านขายข้าวสารในอำเภอ ตั
เฉินฝานไปร้านขายเหล็กจ่ายเงินเก้าสิบเหวินที่เหลือ รับตะแกรงเหล็กและโครงเหล็ก หลังจากนั้นไปซื้อยี่หร่าและพริกไทยเพิ่มก็กลับเข้าตลาดวันนี้แผงขายปลาเผายังไม่ทันได้ตั้งเสร็จดีๆ ก็มีคนมากมายมายืนล้อมวงแล้วเมื่อวานมีคนมากมายที่ไม่ทันซื้อ วันนี้มารอแต่เช้า คนที่เมื่อวานซื้อทัน วันนี้ก็อยากได้อีก ดังนั้นจึงมากันหมดโดยเฉพาะพวกคนตระกูลใหญ่ ให้พ่อบ้านยกกล่องอาหารมา เอ่ยปากก็เอาสิบตัวปลาเผาสิบตัว เท่ากับสามสิบเหวิน สำหรับตระกูลใหญ่ เงินสามสิบเหวินขนหน้าแข้งไม่ร่วงไม่ถึงบ่าย ปลาก็ขายหมดแล้วยุ่งมาทั้งเช้า ทั้งสามคนหิวกันหมดแล้วเฉินฝานพาฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์เจียวไปกินบะหมี่ที่ร้านบะหมี่ สั่งบะหมี่แห้งสามถ้วย ทั้งยังกำชับเถ้าแก่ให้เพิ่มเนื้อ“บะหมี่แห้งก็แพงพอแล้ว ยังเพิ่มเนื้ออีก ตอนนี้สามถ้วยบวกกัน สิบห้าเหวินแล้ว แม้สองวันนี้จะหาเงินได้บ้าง แต่หากใช้จ่ายเช่นนี้ แม้จะมีเงินมากเพียงใดก็ไม่พอใช้จ่าย”เพิ่งนั่งลง ฉินเย่ว์โหรวก็บ่นเพียงคิดว่าบะหมี่สามถ้วยสิบห้าเหวิน ปวดใจราวกับถูกกรีดเนื้ออย่างไรอย่างนั้นสำหรับนางแล้ว ไม่ต้องกินผักดอง ก็ดีมากแล้ว เหตุใดจึงมากินบะหมี่แห้ง กินบะหมี่แ
เมื่อวานที่เรือนของเฉินเจียงมีคนมามากมาย ชาวบ้านชอบนินทาที่สุด มีอะไรเกิดขึ้นเล็กน้อย ก็ลือกันทั่วหมู่บ้าน ตอนนี้เขามีสามร้อยเหวินแล้ว คาดว่าทั้งหมู่บ้านคงรู้แล้ว“กริ๊ง กริ๊ง!”กระดิ่งบนคอวัวส่งเสียงใส ตามการเดินของวัวชาวบ้านที่ได้ยินเสียงบนท้องถนน เดินออกมาจากเรือนว้าว วัวตัวใหญ่จัง เกวียนด้านหลังของมันเต็มไปด้วยฟืนหนึ่งคันรถฟืนตลอดหนึ่งปี ครัวเรือนใดใช้จ่ายมากเช่นนี้หมู่บ้านซานเหอนอกจากไม่กี่ครัวเรือนที่ฐานะค่อนข้างดีจะซื้อฟืนมาเผาแล้ว โดยส่วนมากล้วนขึ้นเขาไปตัดเอง คนอื่นๆ ไม่ใช่ไม่อยากซื้อ แต่ว่าไม่มีปัญญาซื้อ ฟืนหนึ่งมัด สิบเหวินคนมากมายยังหิวโหย จะมีเงินซื้อฟืนได้อย่างไร“ข้าเห็นบนเกวียน มีหน้าต่างไม้และกระดาษมัน!” ชาวบ้านตาดี อย่างรวดเร็วก็เห็นหน้าต่างไม้และกระดาษมันบนเกวียน“สวรรค์ กระดาษมัน? หมู่บ้านของเราคล้ายมีเพียงหน้าต่างบ้านผู้ใหญ่บ้านเท่านั้นที่ติดกระดาษมันกระมัง”“เช่นนั้นไม่ต้องคิด วัวตัวนี้ต้องไปบ้านผู้ใหญ่บ้านแน่นอน”“ไม่ใช่ พวกเจ้ามองสตรีบนเกวียน ใช่พิการฉินเย่ว์โหรวของเฉินฝานหรือไม่”“จริงด้วย ด้านหลังเกวียนคือเฉินฝานและฉินเย่ว์เจียว”“ของบนเกวี
ไม่มีผู้ใดตอบสนองคำพูดของจูต้าอัน ตามอุปนิสัยของเฉินฝานก่อนหน้านี้ เมื่อใดที่มีเงิน เขาจะเอาไปดื่มกิน หรือไม่ก็เล่นการพนัน ไม่แยแสเรื่องที่บ้าน ไม่ต้องกล่าวถึงว่าพี่น้องตระกูลฉินจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดปฏิเสธตน จูต้าอันก็รู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อย “ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านนี้รู้จักเจ้าหนุ่มเฉินฝานดีไปกว่าข้า ไม่สังเกตเห็นบ้างเลยหรือ? สาวน้อยสองคนจากตระกูลฉิน มีสีหน้าขมขื่น เฉินฝานจะต้องพาพวกนางออกไปขายแน่ๆ " “ข้าไม่เห็นสีหน้าขมขื่นของพี่น้องตระกูลฉิน ข้าคิดว่าพวกนางกำลังยิ้มเสียอีก” ชาวบ้านผู้หนึ่งออกมาตอบโต้จูต้าอัน "เจ้าจะไปรู้อะไร?" “รู้อะไร? ครั้งล่าสุดที่เจ้าบอกว่าภายในสามวัน เฉินฝานจะส่งฉินเย่ว์โหรวไปที่หอนางโลมอี๋ชุนย่วน นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ฉินเย่ว์โหรวยังอยู่ในหมู่บ้านซานเหออยู่เลย?” หลังจากเฉินฝานทุบตีจูต้าอัน ผู้คนในหมู่บ้านก็เริ่มหวาดกลัวจูต้าอันน้อยลง “ครั้งที่แล้ว ก็...” สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งก่อนไม่ต่างจากพบเจอกับทางตัน แต่แล้วจู่ๆ เฉินฝานก็สามารถคลี่คลายมันได้ จูต้าอันครุ่นคิดเรื่องนี้มาหลายวันแต่ก็ยังคิดไม่ตก เหตุใดหลี่ซานถึงปล่อยเฉิ
ก่อนจูต้าอันจะทันได้กล่าวจบ เฉินฝานก็ใช้ฟืนในมือฟาดเข้าใส่ศีรษะของจูต้าอันอย่างแรงเมื่อเขานึกถึงจูต้าอันที่มองภรรยาของเขาด้วยท่าทางลามก เฉินฝานรู้สึกว่าแค่ทุบตียังไม่สามารถบรรเทาความเกลียดชังได้จูต้าอันต้องการหลบ แต่เฉินฝานเคลื่อนไหวเร็วกว่า ราวกับว่าเขาสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของจูต้าอันได้ ไม่ว่าจูต้าอันหลบเลี่ยงไปที่ใด เขาก็จะฟาดเข้าใส่ตรงนั้นสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่บ้านของเฉินฝานเมื่อไม่กี่วันก่อน จูต้าอันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดระหว่างถูกทุบตี จูต้าอันพยายามต่อสู้กลับ ทว่าก่อนหมัดของเขาจะถูกชกออกไป เฉินฝานก็สวนกลับอย่างแรงเฉินฝานกระชากบาดแผลเก่าบนศีรษะของจูต้าอันแล้วทุบตีเขา สักพักเลือดก็เริ่มไหลใบหน้าของจูต้าอันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด จนต้องขอความเมตตาจากเฉินฝาน“พี่ชายแสนดี หยุดตีข้าเถอะ หยุดตีข้า!”“ถ้าอยากให้ข้าหยุดก็เรียกข้าว่าท่านปู่!” “ท่านปู่ ท่านปู่ผู้แสนดี” “อะไรนะ?” เฉินฝานก้มศีรษะลงแล้วฟัง “ข้าไม่ได้ยิน เจ้าช่วยพูดให้ดังๆ กว่านี้หน่อย”"ท่านปู่!"“เสียงของเจ้าเบาเกินไป ดูเหมือนว่าการทุบตีของข้าจะยังไม่แรงพอ!” ฟืนในมือของเฉินฝ
"ไม่นะ!"ฉินเย่ว์โหรวกรีดร้อง ทรุดเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ นางพึมพำกับตัวเองว่า "นายท่าน อย่านะ อย่าตีข้าเลย"ยุคปัจจุบัน ในฐานะทหารบนสนามรบ เขารู้เรื่องโรคเครียดที่เกิดจากความสะเทือนใจอย่างรุนแรง เขาเพิ่งสั่งสอนจูต้าอัน ซึ่งอาจจะไปย้ำเตือนความทรงจำที่ฉินเย่ว์โหรวเคยถูกเจ้าของร่างเดิมทุบตีอย่างรุนแรง“เย่ว์โหรว!”เฉินฝานก้มลงอุ้มฉินเย่ว์โหรว ไว้ในอ้อมแขนของเขา"นายท่าน!"ฉินเย่ว์โหรวพยายามดิ้นรนตามสัญชาตญาณ แต่เฉินฝานไม่คิดที่จะปล่อยนางไป ยิ่งนางดิ้นรนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกอดรัดนางแน่นมากขึ้นเท่านั้นดังคำกล่าวที่ว่าเรียนผูกต้องเรียนแก้ปมในใจของฉินเย่ว์โหรว เขาจะต้องแก้ไขด้วยตนเองเฉินฝานกอดฉินเย่ว์โหรว จูบลงบนหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว มันจบแล้ว มันจบแล้ว”ขณะเฉินฝานพยายามปลอบประโลมนางครั้งแล้วครั้งเล่า ฉินเย่ว์โหรวก็ค่อยๆ สงบลงภายในอ้อมแขนของเขา“เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือไม่” เฉินฝานดันฉินเย่ว์โหรวออกไปเล็กน้อยแล้วถามอย่างอ่อนโยน"อื้ม!"“นายท่าน...”ขณะนี้ฉินเย่ว์โหรวกลับมามีสติอีกครั้ง เฉินฝานยังคงกอดนางไว้ฉินเย่ว์โหรวที่ได้สติ เขินอายอย่างยิ่ง “ท่านปล่อยข
“น้องสี่ นี่เป็นความผิดของเจ้า”ฉินเย่ว์เจียวเป็นคนไม่สนใจใยดี นางไม่คาดคิดว่าน้ำลายจะกระเด็นไปโดนหน้าเฉินฝานลุงขับเกวียนที่เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“หนุ่มน้อย มีสาวน้อยแสนซนผู้นี้ เจ้าจะได้รับพรในอนาคต!”“ท่านลุง ท่านเลอะเลือนหรืออย่างไร น้ำลายของน้องสี่กระเด็นโดนหน้านายท่าน แต่ท่านกลับบอกว่าซุกซน”ฉินเย่ว์เจียวกล่าว จากนั้นหันกลับมาสั่งสอนบทเรียนให้กับฉินเย่ว์โหรว "น้องสี่ นายท่านดีกับเจ้าก็จริง แต่เวลาทำสิ่งใดเจ้าต้องระวังอย่าประมาทอันขาด เข้าใจหรือไม่?"“พี่สาม ข้าเข้าใจแล้ว”ฉินเย่ว์เจียวไม่รู้จริงๆ ว่าน้องสาวของนางเขินอายมากเสียจน นางอยากจะมุดดินหนี“หนุ่มน้อย ทุกอย่างถูกขนออกไปแล้ว ตาแก่อย่างข้าไม่ขอรบกวนเจ้าแล้ว”หลังจากที่ลุงขับเกวียนออกไปแล้ว เฉินฝานก็พาฉินเย่ว์โหรวกับฉินเย่ว์เจียว ขนย้ายฟืนไปไปไว้ในห้องทางทิศตะวันตกสุด ฟืนสิบห้ากองกระจายออก มีค่อนข้างมาก กินพื้นที่กว่าครึ่งของห้องเล็กๆ ฟืนครึ่งห้อง พอเอาไว้ใช้เผาฟืนได้เดือนกว่าๆข้อเสียอย่างเดียวคือห้องนี้ไม่มีหลังคา ถ้าหิมะตก หิมะจะตกลงมาบนฟืน จึงไม่สะดวกที่จะเก็บฟืนในช่วงดังกล่าว ฉ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ