แสงสว่างในดวงตาของฉินเย่ว์เหมย ทอประกายเจิดจรัสไม่ถึงหนึ่งวินาที กลับมามอดดับลงอีกครั้ง “เป็นไปได้อย่างไร ช่างเถอะ”ฉินเย่ว์เหมยโบกมือ “ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเพียงชาวไร่ชาวนาคนหนึ่ง เจ้าไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น!”พูดจบ ฉินเย่ว์เหมยลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังเย็นชาให้กับเฉินฝานเฉินฝานยักไหล่ด้วยความจนปัญญาช่างเถอะ ไม่ถือสาสตรีไร้ที่พึ่งพิงยามค่ำคืนเฉินฝานยังคงนอนบนเตียงมังกรดั่งเช่นที่ผ่านมา ฉินเย่ว์เหมยยังคงนอนบนผ้าขาวของนางเหมือนที่ผ่านมาเช่นกันปกติทั้งสองไม่ค่อยพูดกันเป็นทุนเดิม ค่ำคืนนี้กลับเงียบกว่าเดิม“เรื่องนั้น...”ทางผ้าขาวมีเสียงเย็นชาของฉินเย่ว์เหมยดังขึ้น“หลังจากรอให้เสิ่นหยวนฮวารับช่วงดูแลองครักษ์ลับ เจ้าพาน้องๆ และลูกๆ ไปเถอะ ใต้เตียงมังกรมีกล่องใบหนึ่ง ด้านในมีทองคำและตั๋วเงิน มากพอให้เจ้าสุขสบายทั้งชีวิต“...” แปลกพิลึก ลมหายใจอุ่นๆ รินรดบนแผงอกกว้างของเฉินฝาน ข่มใจจนกระวนกระวายเล็กน้อย น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความใจร้อน“ทำไม ฝากฝังเรื่องในอนาคตหรือพ่ะย่ะค่ะ? วางใจเถอะ หากท่านตาย กระหม่อมไม่เพียงเอาทองตำและตั๋วเงินไป แม้กระทั่งของล้ำค่าทุกชิ้น
หน้าอกของทั้งสองแทบจะแนบชิดฉินเย่ว์เหมยได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเฉินฝานแล้วตึก ตัก ตึก ตักเสียงหัวใจเต้นที่แข็งแรงและมีกำลังของชายหนุ่ม ทำให้หัวใจของนางเต้นเร็วเช่นเดียวกันทั้งอยากวิ่งหนี และอยากเข้าหาด้วยสัญชาตญาณของบุรุษในฐานะผู้ชายปกติคนหนึ่ง สาวงาม รูปร่างดีแนบชิดตนหากบอกว่าเฉินฝานไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ล้วนเป็นเรื่องโกหกมือของเขาที่โอบเอวของฉินเย่ว์เหมย เริ่มหมุนวนอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้ผิวของนางเนียนละเอียด ทำให้คนมีความสุขจนไม่อาจถอนมือได้อย่างไม่รู้ตัว มือของเฉินฝาน ค่อยๆ ลูบไล้เข้าไปด้านในวินาทีที่สัมผัสผิวหนัง ตัวของฉินเย่ว์เหมยกระตุก ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่อาจหักห้ามความรู้สึกนี้ การกระทำนี้แปลกใหม่สำหรับฉินเย่ว์เหมยมาก“เจ้า เจ้าปล่อยข้า!” ใบหน้าเย็นชาของฉินเย่ว์เหมย มีเหงื่อผุดขึ้นมา“หื้ม?” เสียงของเฉินฝานแหบพร่าเล็กน้อย “ฝ่าบาทเป็นคนขึ้นมาเองไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? เหตุใดจึงกลับกลายเป็นให้ข้าปล่อยท่าน”“ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เฉินฝานตั้งใจท้าทาย “กลัวหรือ?”“ข้าไม่กลัวเจ้า!”ใบหน้าแดงระเรื่อของฉินเย่ว์เหมยเบือนหนีไปอีกทาง “ข้ากลัวจะพลาดเข้าท้องพระโรงเช้าวั
ความหล่อเหลาเป็นเรื่องรอง ประเด็นสำคัญคือรัศมีบนตัวเขาทั้งแข็งแกร่งยิ่งใหญ่และเที่ยงตรงตามที่พวกน้องๆ บอกเฉินฝานในตอนนี้ ไม่เหมือนเฉินฝานในอดีตแล้วอย่างเงียบๆ ด้วยความระมัดระวังฉินเย่ว์เหมยซบลงบนอ้อมกอดของเฉินฝานวินาทีที่ศีรษะซบลงบนแผงอกกว้างของเฉินฝาน ฉินเย่ว์เหมยรู้สึกอิจฉาฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวขึ้นมาทุกค่ำคืนที่ผ่านมา พวกนางนอนในอ้อมกอดของเฉินฝานได้อย่างเปิดเผยเฉินฝานเป็นคนนอนหลับง่าย ร่วมกับเหนื่อยแล้วจริงๆไม่นาน เขาก็ผล็อยหลับไปแรกเริ่ม ฉินเย่ว์เหมคิดว่าตนจะนอนไม่หลับคิดไม่ถึงว่านางเองก็เริ่มสะลึมสะลือกอดภรรยายามนอนหลับได้อีกแล้ว เฉินฝานนอนหลับสนิท ทั้งยังฝันดี“ภรรยาของข้าหอมจริงๆ”เฉินฝานนอนละเมอ กอดฉินเย่ว์เหมย ดึงตัวนางเข้ามาในอ้อมกอดเขาในความฝัน คิดว่าตนกำลังกอดฉินเย่ว์โหรว มือวางไว้ตรงจุดนั้นตามความเคยคิด เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของฉินเย่ว์เหมยที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น ตกใจตื่นทันทีทั้งอาย ทั้งตกใจ ทั้งโมโห“คนบ้า!”ฉินเย่ว์เหมยเตะหน้าแข้งของเฉินฝานอย่างแรง“โอ๊ย!”ทั้งชาทั้งเจ็บ เฉินฝานปล่อยฉินเย่ว์เหมยตามสัญชาตญาณ นอนขดตัวกอดหน้าแข้งขอ
โดยใช้บรรดาศักดิ์เสียนที่ปฐมจักรพรรดิตั้งไว้ให้เพราะตอนนั้น กองทัพเสือของเหอกังและกองทัพหมาป่าของเพ่ยจี้กลับเมืองหลวงมีกองทัพเสือของเหอกังคอยกีดขวาง เสิ่นหมิงหยวนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามวันอภิเษกสมรส โดยทั่วไปฮ่องเต้จะเสด็จไปยังตำหนักฮองเฮาแต่ตอนนั้นฉินเย่ว์เหมยเกลียดเสิ่นหมิงหยวน คืนนั้นจึงไม่ไปตำหนักฮองเฮา ไปตำหนักเหอเสียนเฟยแทนวันรุ่งขึ้นหลังจากซูซิวฉีทราบเรื่อง เขาโมโหอย่างมาก กล่าวว่า “ฝ่าบาท ท่านควรตามกฎ ไม่อาจเพราะเกลียดเสิ่นหมิงหยวนแล้วบุ่มบ่ามไปหาเหอเสียนเฟย”“การกระทำของฝ่าบาทไม่เพียงทำร้ายเหอเสียนเฟย ถึงขั้นที่ว่าทั้งตระกูลเหอเดือดร้อนเพราะฝ่าบาท!”ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งครองบัลลังก์ไม่นาน นางไม่เข้าใจความซับซ้อนของการแกร่งแย่งชิงดีชิงเด่นในราชสำนัก แม้ก้าวผิดเพียงเล็กน้อย ก็ต้องจ่ายค่าชดใช้ราคาแพงนางรู้สึกเสียใจมาก “ข้าเป็นถึงจักรพรรดิของแคว้น ตอนกลางคืนไม่มีแม้แต่อิสระในการไปตำหนักพระชายาหรือ?”ซูซิวฉีส่ายหน้า “ยามปกติฝ่าบาทอยากเสด็จไปหาพระชายาคนใดก็ได้ แต่วันอภิเษกสมรส ไม่มีอิสระข้อนี้”ฉินเย่ว์เหมยไม่พอใจ “แล้วเหตุใดตอนนั้นเสด็จปู่ทำได้?”จักรพรรดิคนก่อนของต้าชิ่
ในวันที่สองของการแต่งงาน เหอเสียนเฟยก็ถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์ ถูกถอดยศและถูกลดตำแหน่งเป็นนางกำนัลระดับต่ำในวังของแผนกซักล้างตระกูลเหอ ยิ่งพลอยฟ้าพลอยฝนด้วยความผิดฐานหลอกลวงจักรพรรดิเสิ่นหมิงหยวนบีบบังคับให้ฉินเย่ว์เหมยลงโทษตระกูลเหอโชคดีที่ซูซิวฉีมีอำนาจมากกว่าในเวลานั้น และเพ่ยจี้กับเหอกังก็มีความสัมพันธ์ดุจพี่น้องที่ลึกซึ้ง เหอกังจึงรักษาชีวิตและตำแหน่งบรรดาศักดิ์ไว้ได้ถึงกระนั้น อำนาจทางทหารถูกกระจายกองทัพเสือของเขาถูกยุบและแบ่งออกไปให้กับกองทัพต่าง ๆ ของแคว้นต้าชิ่ง เขารักษาตำแหน่งบรรดาศักดิ์ไว้ได้ แต่ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของเหอกังก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องประดับและไม่มีอำนาจที่แท้จริงเหอจื่อหลินลูกชายของเหอกังไม่ได้โชคดีเช่นนั้น เขาถูกลดตำแหน่งจากนายพลไร้นามระดับชั้นสามลงมาที่ระดับชั้นห้าและไม่มีตัวตนเหมือนกับพ่อของเขาฮูหยินเหอรักลูกสาวมาก หลังจากได้ยินว่าลูกสาวถูกลดตำแหน่งเป็นนางกำนัลแผนกซักล้าง ก็เจ็บปวดใจอย่างยิ่งและล้มป่วยลุกไม่ได้ได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอำนาจทางการทหารถูกกระจาย ตำแหน่งทางทหารของลูกชายถูกลดระดับ ลูกสาวต้องทนทุกข์ทรมาน ภรรยาล้มป่วยหนักตั้ง
เฉินฝานกำลังจะหลับ ฉินเย่ว์เหมยพลันเอ่ยถาม“เรื่องนี้เริ่มต้นเพราะฝ่าบาทแกล้งร่วมนอนกับเสียนเฟย จะแก้มัด ก็ต้องแก้ที่คนผูก จะแก้ปัญหานี้ ก็ต้องเริ่มจากฝ่าบาทร่วมนอนกับเสียนเฟย”“เจ้าหมายถึง…” ฉินเย่ว์เหมยกระโดดลงจากผ้าขาวลงมาที่พระแท่นบรรทมมังกร “ให้ข้าร่วมนอนกับเสียนเฟยอีกครั้งฟื้นฟูตำแหน่งของเหออวี่ถง? เพื่อแลกกับใจของพ่อลูกตระกูลเหอ?”เฉินฝานพยักหน้า “หมายความว่าเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”“แม้ว่าข้าเพิกเฉยต่อคำคัดค้านของเสิ่นหมิงหยวนร่วมนอนกับเสียนเฟย แต่ข้าก็ไม่สามารถคืนอำนาจทางทหารให้กับเหอกังได้ พ่อลูกตระกูลเหอก็ไม่มีอำนาจที่แท้จริงเหมือนเดิม”ประโยคตอนท้าย ฉินเย่ว์เหมยปฏิเสธตนเองไปแล้ว “วิธีการของเจ้าใช้ไม่ได้ผล”กองทัพเสือถูกเสิ่นหมิงหยวนกระจายออกไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ ต่อให้ซูซิวฉียังมีชีวิต ก็ไม่มีทางฟื้นฟูอำนาจของพ่อลูกตระกูลเหอได้“ไม่มีอำนาจทางการทหาร เหอกังจะเอาสิ่งใดไปแข่งกับเสิ่นหมิงหยวนและจะทำให้หงอิงกลับมาอย่างไร?”“ไม่ต้องมีอำนาจทางทหาร ขอเพียงเหอกังให้เหอจื่อหลินเข้าร่วมการเลือกผู้นำกองกำลังสืบราชการลับ” เฉินฝานกล่าว“การคัดเลือกผู้นำกองกำลังสืบราชการลับงั้นร
ฉินเย่ว์เหมยแสดงดีหน้าลำบากใจ “เพราะข้าไม่ใช่ผู้ชายจริง ขันทีและหมัวมัวฝ่ายควบคุมขันทีและนางกำนัลในวังเป็นคนของเสิ่นหมิงหยวนทั้งนั้น ไม่สามารถโกหกเหมือนแต่ก่อนได้แล้ว”“อ๋อ ข้ารู้แล้ว!” ฉินเย่ว์เหมยยังพูดไม่จบ ก็จ้องเฉินฝานอย่างโมโห “เจ้ามีความคิดเช่นนี้ เพราะเจ้าอยากทำเรื่องนั้นกับเสียนเฟยกระมัง”“กระหม่อมไม่ได้คิดอย่างนั้นจริง ๆ ฝ่าบาทสบายใจได้ กระหม่อมมีวิธีมากมาย ไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นรู้ว่าเป็นเรื่องหลอกแน่”“หลอกอะไร ต้องทำจริง เจ้าไปนอนกับเสียนเฟยซะ!” ฉินเย่ว์เหมยทำหน้าถมึงทึงกับเฉินฝานอีกครั้ง“……” เฉินฝานพูดไม่ออกผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่แน่นอนจริง ๆ“เอาแบบนี้ล่ะ ไปร่วมนอนซะ อย่าส่งเสียงดังอีก ถ้าส่งเสียงดังอีก ข้าจะจัดการเจ้าคอยดู!”ฉินเย่ว์เหมยกระโดดขึ้นไปบนผ้าขาวด้านหน้าพระแท่นบรรทมมังกรอีกครั้งเฉินฝานไม่เคยเห็นวิธีการของเสิ่นหมิงหยวนหากพบว่าเป็นเรื่องหลอกลวงอีกครั้ง เสียนเฟยและแม้แต่ตระกูลเหอ จะไม่เพียงสูญเสียอำนาจ/ทางทหาร แต่ยังจะสูญเสียชีวิตอีกด้วยฉินเย่ว์เหมยไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ให้ เฉินฝานฟังทำไมถึงไม่อธิบาย เพราะนางรู้สึกโกรธแล้วทำไมนางถึงโกรธ? นา
วัชพืชสูงที่ถึงหัวเข่า ขึ้นอยู่ตรงกลางของภูเขาจำลอง ภูมิทัศน์ที่พบได้ยากนั้น ทิศทางทั้งสี่มีทางออกเพียงทางเดียว เฝ้าแค่คนเดียวย่อมได้มีวัชพืชสูงเช่นนี้ในอุทยานหลวง ไม่เพียงเพราะมีภูมิทัศน์ที่พบได้ยาก แต่ยังเพราะขันทีที่ดูแลอุทยานหลวงเป็นญาติห่าง ๆ ของเสิ่นหมิงหยวนขันทีผู้นั้นทั้งขี้เกียจและเกียจคร้าน มีเสิ่นหมิงหยวนสนับสนุนเบื้องหลัง งานทั้งหมดในอุทยานหลวงจึงทำตบตาไปอย่างนั้น“ข้าทำให้นางหมดสติและถอดเสื้อผ้าของนางออกแล้ว รีบทำธุระของเจ้าซะ!” ฉินเย่ว์เหมยโยนเหออวี่ถงที่เปลือยเปล่าและหมดสติบนตัวเฉินฝานตอนที่เฉินฝานรับตัวเหออวี่ถง แขนของเขาร่วงต่ำอย่างรวดเร็ว……ผู้หญิงคนนี้“อ่อนโยนกับนางหน่อยไม่ได้หรือ? โยนแรงขนาดนั้น ถ้ากระหม่อมรับไว้ไม่ได้ นางคงล้มไปแล้ว”“อย่างไรเสียเจ้าก็รับนางได้อยู่ดี แล้วทำไมข้าต้องอ่อนโยนด้วย?” ใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยทำหน้าเย็นชา แต่ไม่ว่าจะเย็นชาแค่ไหนก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าเขียวนั้นได้มันชัดยิ่งกว่าตอนที่เสิ่นไต้มั่นกับเฉินฝานอยู่ด้วยกันอีกนางถอดเสื้อคลุมมังกรออกแล้วโยนออกไป “เจ้ามีเวลาไม่มาก จัดการอย่างรวดเร็วล่ะ!”เมื่อกล่าวจบ ฉินเย่ว์เหมยก็หันกลับ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ