โดยใช้บรรดาศักดิ์เสียนที่ปฐมจักรพรรดิตั้งไว้ให้เพราะตอนนั้น กองทัพเสือของเหอกังและกองทัพหมาป่าของเพ่ยจี้กลับเมืองหลวงมีกองทัพเสือของเหอกังคอยกีดขวาง เสิ่นหมิงหยวนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามวันอภิเษกสมรส โดยทั่วไปฮ่องเต้จะเสด็จไปยังตำหนักฮองเฮาแต่ตอนนั้นฉินเย่ว์เหมยเกลียดเสิ่นหมิงหยวน คืนนั้นจึงไม่ไปตำหนักฮองเฮา ไปตำหนักเหอเสียนเฟยแทนวันรุ่งขึ้นหลังจากซูซิวฉีทราบเรื่อง เขาโมโหอย่างมาก กล่าวว่า “ฝ่าบาท ท่านควรตามกฎ ไม่อาจเพราะเกลียดเสิ่นหมิงหยวนแล้วบุ่มบ่ามไปหาเหอเสียนเฟย”“การกระทำของฝ่าบาทไม่เพียงทำร้ายเหอเสียนเฟย ถึงขั้นที่ว่าทั้งตระกูลเหอเดือดร้อนเพราะฝ่าบาท!”ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งครองบัลลังก์ไม่นาน นางไม่เข้าใจความซับซ้อนของการแกร่งแย่งชิงดีชิงเด่นในราชสำนัก แม้ก้าวผิดเพียงเล็กน้อย ก็ต้องจ่ายค่าชดใช้ราคาแพงนางรู้สึกเสียใจมาก “ข้าเป็นถึงจักรพรรดิของแคว้น ตอนกลางคืนไม่มีแม้แต่อิสระในการไปตำหนักพระชายาหรือ?”ซูซิวฉีส่ายหน้า “ยามปกติฝ่าบาทอยากเสด็จไปหาพระชายาคนใดก็ได้ แต่วันอภิเษกสมรส ไม่มีอิสระข้อนี้”ฉินเย่ว์เหมยไม่พอใจ “แล้วเหตุใดตอนนั้นเสด็จปู่ทำได้?”จักรพรรดิคนก่อนของต้าชิ่
ในวันที่สองของการแต่งงาน เหอเสียนเฟยก็ถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์ ถูกถอดยศและถูกลดตำแหน่งเป็นนางกำนัลระดับต่ำในวังของแผนกซักล้างตระกูลเหอ ยิ่งพลอยฟ้าพลอยฝนด้วยความผิดฐานหลอกลวงจักรพรรดิเสิ่นหมิงหยวนบีบบังคับให้ฉินเย่ว์เหมยลงโทษตระกูลเหอโชคดีที่ซูซิวฉีมีอำนาจมากกว่าในเวลานั้น และเพ่ยจี้กับเหอกังก็มีความสัมพันธ์ดุจพี่น้องที่ลึกซึ้ง เหอกังจึงรักษาชีวิตและตำแหน่งบรรดาศักดิ์ไว้ได้ถึงกระนั้น อำนาจทางทหารถูกกระจายกองทัพเสือของเขาถูกยุบและแบ่งออกไปให้กับกองทัพต่าง ๆ ของแคว้นต้าชิ่ง เขารักษาตำแหน่งบรรดาศักดิ์ไว้ได้ แต่ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของเหอกังก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องประดับและไม่มีอำนาจที่แท้จริงเหอจื่อหลินลูกชายของเหอกังไม่ได้โชคดีเช่นนั้น เขาถูกลดตำแหน่งจากนายพลไร้นามระดับชั้นสามลงมาที่ระดับชั้นห้าและไม่มีตัวตนเหมือนกับพ่อของเขาฮูหยินเหอรักลูกสาวมาก หลังจากได้ยินว่าลูกสาวถูกลดตำแหน่งเป็นนางกำนัลแผนกซักล้าง ก็เจ็บปวดใจอย่างยิ่งและล้มป่วยลุกไม่ได้ได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอำนาจทางการทหารถูกกระจาย ตำแหน่งทางทหารของลูกชายถูกลดระดับ ลูกสาวต้องทนทุกข์ทรมาน ภรรยาล้มป่วยหนักตั้ง
เฉินฝานกำลังจะหลับ ฉินเย่ว์เหมยพลันเอ่ยถาม“เรื่องนี้เริ่มต้นเพราะฝ่าบาทแกล้งร่วมนอนกับเสียนเฟย จะแก้มัด ก็ต้องแก้ที่คนผูก จะแก้ปัญหานี้ ก็ต้องเริ่มจากฝ่าบาทร่วมนอนกับเสียนเฟย”“เจ้าหมายถึง…” ฉินเย่ว์เหมยกระโดดลงจากผ้าขาวลงมาที่พระแท่นบรรทมมังกร “ให้ข้าร่วมนอนกับเสียนเฟยอีกครั้งฟื้นฟูตำแหน่งของเหออวี่ถง? เพื่อแลกกับใจของพ่อลูกตระกูลเหอ?”เฉินฝานพยักหน้า “หมายความว่าเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”“แม้ว่าข้าเพิกเฉยต่อคำคัดค้านของเสิ่นหมิงหยวนร่วมนอนกับเสียนเฟย แต่ข้าก็ไม่สามารถคืนอำนาจทางทหารให้กับเหอกังได้ พ่อลูกตระกูลเหอก็ไม่มีอำนาจที่แท้จริงเหมือนเดิม”ประโยคตอนท้าย ฉินเย่ว์เหมยปฏิเสธตนเองไปแล้ว “วิธีการของเจ้าใช้ไม่ได้ผล”กองทัพเสือถูกเสิ่นหมิงหยวนกระจายออกไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ ต่อให้ซูซิวฉียังมีชีวิต ก็ไม่มีทางฟื้นฟูอำนาจของพ่อลูกตระกูลเหอได้“ไม่มีอำนาจทางการทหาร เหอกังจะเอาสิ่งใดไปแข่งกับเสิ่นหมิงหยวนและจะทำให้หงอิงกลับมาอย่างไร?”“ไม่ต้องมีอำนาจทางทหาร ขอเพียงเหอกังให้เหอจื่อหลินเข้าร่วมการเลือกผู้นำกองกำลังสืบราชการลับ” เฉินฝานกล่าว“การคัดเลือกผู้นำกองกำลังสืบราชการลับงั้นร
ฉินเย่ว์เหมยแสดงดีหน้าลำบากใจ “เพราะข้าไม่ใช่ผู้ชายจริง ขันทีและหมัวมัวฝ่ายควบคุมขันทีและนางกำนัลในวังเป็นคนของเสิ่นหมิงหยวนทั้งนั้น ไม่สามารถโกหกเหมือนแต่ก่อนได้แล้ว”“อ๋อ ข้ารู้แล้ว!” ฉินเย่ว์เหมยยังพูดไม่จบ ก็จ้องเฉินฝานอย่างโมโห “เจ้ามีความคิดเช่นนี้ เพราะเจ้าอยากทำเรื่องนั้นกับเสียนเฟยกระมัง”“กระหม่อมไม่ได้คิดอย่างนั้นจริง ๆ ฝ่าบาทสบายใจได้ กระหม่อมมีวิธีมากมาย ไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นรู้ว่าเป็นเรื่องหลอกแน่”“หลอกอะไร ต้องทำจริง เจ้าไปนอนกับเสียนเฟยซะ!” ฉินเย่ว์เหมยทำหน้าถมึงทึงกับเฉินฝานอีกครั้ง“……” เฉินฝานพูดไม่ออกผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่แน่นอนจริง ๆ“เอาแบบนี้ล่ะ ไปร่วมนอนซะ อย่าส่งเสียงดังอีก ถ้าส่งเสียงดังอีก ข้าจะจัดการเจ้าคอยดู!”ฉินเย่ว์เหมยกระโดดขึ้นไปบนผ้าขาวด้านหน้าพระแท่นบรรทมมังกรอีกครั้งเฉินฝานไม่เคยเห็นวิธีการของเสิ่นหมิงหยวนหากพบว่าเป็นเรื่องหลอกลวงอีกครั้ง เสียนเฟยและแม้แต่ตระกูลเหอ จะไม่เพียงสูญเสียอำนาจ/ทางทหาร แต่ยังจะสูญเสียชีวิตอีกด้วยฉินเย่ว์เหมยไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ให้ เฉินฝานฟังทำไมถึงไม่อธิบาย เพราะนางรู้สึกโกรธแล้วทำไมนางถึงโกรธ? นา
วัชพืชสูงที่ถึงหัวเข่า ขึ้นอยู่ตรงกลางของภูเขาจำลอง ภูมิทัศน์ที่พบได้ยากนั้น ทิศทางทั้งสี่มีทางออกเพียงทางเดียว เฝ้าแค่คนเดียวย่อมได้มีวัชพืชสูงเช่นนี้ในอุทยานหลวง ไม่เพียงเพราะมีภูมิทัศน์ที่พบได้ยาก แต่ยังเพราะขันทีที่ดูแลอุทยานหลวงเป็นญาติห่าง ๆ ของเสิ่นหมิงหยวนขันทีผู้นั้นทั้งขี้เกียจและเกียจคร้าน มีเสิ่นหมิงหยวนสนับสนุนเบื้องหลัง งานทั้งหมดในอุทยานหลวงจึงทำตบตาไปอย่างนั้น“ข้าทำให้นางหมดสติและถอดเสื้อผ้าของนางออกแล้ว รีบทำธุระของเจ้าซะ!” ฉินเย่ว์เหมยโยนเหออวี่ถงที่เปลือยเปล่าและหมดสติบนตัวเฉินฝานตอนที่เฉินฝานรับตัวเหออวี่ถง แขนของเขาร่วงต่ำอย่างรวดเร็ว……ผู้หญิงคนนี้“อ่อนโยนกับนางหน่อยไม่ได้หรือ? โยนแรงขนาดนั้น ถ้ากระหม่อมรับไว้ไม่ได้ นางคงล้มไปแล้ว”“อย่างไรเสียเจ้าก็รับนางได้อยู่ดี แล้วทำไมข้าต้องอ่อนโยนด้วย?” ใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยทำหน้าเย็นชา แต่ไม่ว่าจะเย็นชาแค่ไหนก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าเขียวนั้นได้มันชัดยิ่งกว่าตอนที่เสิ่นไต้มั่นกับเฉินฝานอยู่ด้วยกันอีกนางถอดเสื้อคลุมมังกรออกแล้วโยนออกไป “เจ้ามีเวลาไม่มาก จัดการอย่างรวดเร็วล่ะ!”เมื่อกล่าวจบ ฉินเย่ว์เหมยก็หันกลับ
“สวบ!”เรือนร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเฉินฝานอย่างรวดเร็วเมื่อเฉินฝานเห็นชัดเจนว่าคนที่มาคือฉินเย่ว์เหมย นางก็ใช้มือล็อกเหออวี่ถงเรียบร้อย“ไม่ได้นะ!”เฉินฝานห้ามนางทันที“นางรู้ความลับของพวกเราแล้ว เก็บไว้ไม่ได้!”มือข้างหนึ่งถูกเฉินฝานห้ามไว้ ฉินเย่ว์เหมยจึงเปลี่ยนมืออีกข้าง“ฝ่าบาท......” ใบหน้าของเหออวี่ถงบวมแดง นางมองฉินเย่ว์เหมยและกล่าวอย่างเจ็บปวด “ความจริง......คืนที่หม่อมฉันเข้าวัง หม่อมฉันก็รู้แล้วว่าฝ่าบาท มีกายเป็นหญิง”???!!!นี่คือสิ่งที่เฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยไม่คาดคิดเหออวี่ถงที่อ่อนแอถึงเพียงนี้เป็นคนฉลาดมาก“ถ้าอย่างนั้น ข้ายิ่งไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้!” มือของฉินเย่ว์เหมยที่ล็อกคอเหออวี่ถงพลันใช้กำลังอย่างแรง“อื้อ~”ทันใดนั้นใบหน้าของเหออวี่ถงก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาเบิกกว้างและมองฉินเย่ว์เหมยด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่งด้วยกำลังของฉินเย่ว์เหมย การฆ่าเหออวี่ถงใช้เวลาไม่นาน“ฝ่าบาท!” เฉินฝานดึงมือของฉินเย่ว์เหมยออกอย่างว่องไว “ทำไมวันนี้ฝ่าบาทถึงใจร้อนเพียงนี้? ถ้านางสนมเสียนเฟยต้องการเปิดเผยฝ่าบาทเหตุใดต้องรอถึงตอนนี้?”“แต่นางรู้แล้วว่าข้ามีกายเป็นหญิง เก็
เหออวี่ถงนอนอยู่ในอ้อมแขนของเฉินฝานร่างกายที่ผอมบางแฝงความสง่าสดชื่นเอาไว้เส้นผมยาวราวน้ำตกพาดบนไหล่อย่างพลิ้วไหว เปล่งประกายอย่างมีเสน่ห์ภายใต้แสงนวลจันทร์ดวงตาที่กลมโต สดใสพร่างพราวริมฝีปากของนางเรียน/นุ่มและแดงเรื่อ ดูเหมือนเป็นกลิ่นหอมที่ทำให้อยากจูบสวย มีเสน่ห์ แต่มีความละเอียดอ่อนดังที่เป็นสุภาพสตรีนางโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วประทับริมฝีปากสีแดงอ่อนของนางเบา ๆ ที่มุมปากของเฉินฝาน “แบบนี้ใช่หรือไม่? ข้าขอโทษ ตอนนั้นข้าเรียนได้ไม่ดีนัก”ก่อนนางสนมทุกคนเข้าวัง จะมีการส่งหมัวมัวออกมาอบรมสั่งสอนนอกจากมารยาทในวังหลวง ยังสอนเรื่องบน/เตียง เพื่อป้องกันเวลาฮ่องเต้จะร่วมสุข ไม่ให้หญิงสาวตื่นเต้นและหวาดกลัวเกินไปและไม่ส่งผลต่อความสุขของฮ่องเต้เฉินฝานจับมือเหออวี่ถงเบา ๆ “ไม่เป็นไร ตอนนั้นเรียนได้ไม่ดี ข้าจะสอนเจ้าเอง…...”อย่างไรเสียเหออวี่ถงก็แตกต่างจากเสิ่นไต้มั่นเฉินฝานขยับตัวเบา ๆ และชี้นำช้า ๆ…...เช่นเดียวกับตอนที่เฉินฝานร่วมหอกับเสิ่นไต้มั่น ฉินเย่ว์เหมยที่หันหลังให้มีสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่นักแต่ไม่เหมือนครั้งก่อนคราวของเสิ่นไต้มั่น นางรู้สึกโกรธเป็นส่วนใ
เช่นเดียวกับเมื่อก่อน เหอกัง เหอจื่อหลิน สองพ่อลูกเข้าร่วมการว่าราชกิจช่วงเช้าตามปกติเมื่อก้าวเท้าเข้ามายังท้องพระโรงที่ใช้ปรึกษาหารือ สองพ่อลูกก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เหมือนวันปกติเสิ่นหมิงหยวนและบริวารของเขามองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรมากเมื่อเดินผ่านพ่อลูกเสิ่นหมิงหยวน เสิ่นหยวนฮวาจงใจชนเหอจื่อหลิน“เหอจื่อหลิน ขุนนางระดับชั้นห้าอย่างเจ้า กล้าดีอย่างไรมาชนข้า ขอโทษข้าเดี๋ยวนี้!” เสิ่นหยวนฮวาผู้กระทำความผิดกล่าวก่อนและใช้ตำแหน่งที่สูงกว่ากดดันและเรียกร้องคำขอโทษอย่างหยิ่งผยองกับเหอจื่อหลินหากพูดถึงกำลังการต่อสู้ เสิ่นหยวนฮวาตามหลังเหอจื่อหลินมาก แต่ภายใต้การจัดการของเสิ่นหมิงหยวน ตอนนี้เสิ่นหยวนฮวาเป็นขุนพลกุยเต๋อ[footnoteRef:1]ระดับชั้นที่สาม [1: กุยเต๋อ คือชื่อตำแหน่งขุนนางทางทหาร ลำดับชั้นเริ่มจากสาม ไม่มีหน้าที่ที่แท้จริง] ก็คือยกตำแหน่งเดิมของเหอจื่อหลินมอบให้กับเสิ่นหยวนฮวากองกำลังที่ถูกตัดทอนส่วนหนึ่งของเหอกัง ตอนนี้มีส่วนหนึ่งตกอยู่ในมือของเสิ่นหยวนฮวาโชคดีที่เพ่ยจี้ยังอยู่และทหารส่วนใหญ่ในกองทัพเสือก็ภักดีต่อเหอกังและลูกชายของเขา พวกเขายอมถอดชุดเกราะ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ