เฉินฝานกำลังจะหลับ ฉินเย่ว์เหมยพลันเอ่ยถาม“เรื่องนี้เริ่มต้นเพราะฝ่าบาทแกล้งร่วมนอนกับเสียนเฟย จะแก้มัด ก็ต้องแก้ที่คนผูก จะแก้ปัญหานี้ ก็ต้องเริ่มจากฝ่าบาทร่วมนอนกับเสียนเฟย”“เจ้าหมายถึง…” ฉินเย่ว์เหมยกระโดดลงจากผ้าขาวลงมาที่พระแท่นบรรทมมังกร “ให้ข้าร่วมนอนกับเสียนเฟยอีกครั้งฟื้นฟูตำแหน่งของเหออวี่ถง? เพื่อแลกกับใจของพ่อลูกตระกูลเหอ?”เฉินฝานพยักหน้า “หมายความว่าเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”“แม้ว่าข้าเพิกเฉยต่อคำคัดค้านของเสิ่นหมิงหยวนร่วมนอนกับเสียนเฟย แต่ข้าก็ไม่สามารถคืนอำนาจทางทหารให้กับเหอกังได้ พ่อลูกตระกูลเหอก็ไม่มีอำนาจที่แท้จริงเหมือนเดิม”ประโยคตอนท้าย ฉินเย่ว์เหมยปฏิเสธตนเองไปแล้ว “วิธีการของเจ้าใช้ไม่ได้ผล”กองทัพเสือถูกเสิ่นหมิงหยวนกระจายออกไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ ต่อให้ซูซิวฉียังมีชีวิต ก็ไม่มีทางฟื้นฟูอำนาจของพ่อลูกตระกูลเหอได้“ไม่มีอำนาจทางการทหาร เหอกังจะเอาสิ่งใดไปแข่งกับเสิ่นหมิงหยวนและจะทำให้หงอิงกลับมาอย่างไร?”“ไม่ต้องมีอำนาจทางทหาร ขอเพียงเหอกังให้เหอจื่อหลินเข้าร่วมการเลือกผู้นำกองกำลังสืบราชการลับ” เฉินฝานกล่าว“การคัดเลือกผู้นำกองกำลังสืบราชการลับงั้นร
ฉินเย่ว์เหมยแสดงดีหน้าลำบากใจ “เพราะข้าไม่ใช่ผู้ชายจริง ขันทีและหมัวมัวฝ่ายควบคุมขันทีและนางกำนัลในวังเป็นคนของเสิ่นหมิงหยวนทั้งนั้น ไม่สามารถโกหกเหมือนแต่ก่อนได้แล้ว”“อ๋อ ข้ารู้แล้ว!” ฉินเย่ว์เหมยยังพูดไม่จบ ก็จ้องเฉินฝานอย่างโมโห “เจ้ามีความคิดเช่นนี้ เพราะเจ้าอยากทำเรื่องนั้นกับเสียนเฟยกระมัง”“กระหม่อมไม่ได้คิดอย่างนั้นจริง ๆ ฝ่าบาทสบายใจได้ กระหม่อมมีวิธีมากมาย ไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นรู้ว่าเป็นเรื่องหลอกแน่”“หลอกอะไร ต้องทำจริง เจ้าไปนอนกับเสียนเฟยซะ!” ฉินเย่ว์เหมยทำหน้าถมึงทึงกับเฉินฝานอีกครั้ง“……” เฉินฝานพูดไม่ออกผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่แน่นอนจริง ๆ“เอาแบบนี้ล่ะ ไปร่วมนอนซะ อย่าส่งเสียงดังอีก ถ้าส่งเสียงดังอีก ข้าจะจัดการเจ้าคอยดู!”ฉินเย่ว์เหมยกระโดดขึ้นไปบนผ้าขาวด้านหน้าพระแท่นบรรทมมังกรอีกครั้งเฉินฝานไม่เคยเห็นวิธีการของเสิ่นหมิงหยวนหากพบว่าเป็นเรื่องหลอกลวงอีกครั้ง เสียนเฟยและแม้แต่ตระกูลเหอ จะไม่เพียงสูญเสียอำนาจ/ทางทหาร แต่ยังจะสูญเสียชีวิตอีกด้วยฉินเย่ว์เหมยไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ให้ เฉินฝานฟังทำไมถึงไม่อธิบาย เพราะนางรู้สึกโกรธแล้วทำไมนางถึงโกรธ? นา
วัชพืชสูงที่ถึงหัวเข่า ขึ้นอยู่ตรงกลางของภูเขาจำลอง ภูมิทัศน์ที่พบได้ยากนั้น ทิศทางทั้งสี่มีทางออกเพียงทางเดียว เฝ้าแค่คนเดียวย่อมได้มีวัชพืชสูงเช่นนี้ในอุทยานหลวง ไม่เพียงเพราะมีภูมิทัศน์ที่พบได้ยาก แต่ยังเพราะขันทีที่ดูแลอุทยานหลวงเป็นญาติห่าง ๆ ของเสิ่นหมิงหยวนขันทีผู้นั้นทั้งขี้เกียจและเกียจคร้าน มีเสิ่นหมิงหยวนสนับสนุนเบื้องหลัง งานทั้งหมดในอุทยานหลวงจึงทำตบตาไปอย่างนั้น“ข้าทำให้นางหมดสติและถอดเสื้อผ้าของนางออกแล้ว รีบทำธุระของเจ้าซะ!” ฉินเย่ว์เหมยโยนเหออวี่ถงที่เปลือยเปล่าและหมดสติบนตัวเฉินฝานตอนที่เฉินฝานรับตัวเหออวี่ถง แขนของเขาร่วงต่ำอย่างรวดเร็ว……ผู้หญิงคนนี้“อ่อนโยนกับนางหน่อยไม่ได้หรือ? โยนแรงขนาดนั้น ถ้ากระหม่อมรับไว้ไม่ได้ นางคงล้มไปแล้ว”“อย่างไรเสียเจ้าก็รับนางได้อยู่ดี แล้วทำไมข้าต้องอ่อนโยนด้วย?” ใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยทำหน้าเย็นชา แต่ไม่ว่าจะเย็นชาแค่ไหนก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าเขียวนั้นได้มันชัดยิ่งกว่าตอนที่เสิ่นไต้มั่นกับเฉินฝานอยู่ด้วยกันอีกนางถอดเสื้อคลุมมังกรออกแล้วโยนออกไป “เจ้ามีเวลาไม่มาก จัดการอย่างรวดเร็วล่ะ!”เมื่อกล่าวจบ ฉินเย่ว์เหมยก็หันกลับ
“สวบ!”เรือนร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเฉินฝานอย่างรวดเร็วเมื่อเฉินฝานเห็นชัดเจนว่าคนที่มาคือฉินเย่ว์เหมย นางก็ใช้มือล็อกเหออวี่ถงเรียบร้อย“ไม่ได้นะ!”เฉินฝานห้ามนางทันที“นางรู้ความลับของพวกเราแล้ว เก็บไว้ไม่ได้!”มือข้างหนึ่งถูกเฉินฝานห้ามไว้ ฉินเย่ว์เหมยจึงเปลี่ยนมืออีกข้าง“ฝ่าบาท......” ใบหน้าของเหออวี่ถงบวมแดง นางมองฉินเย่ว์เหมยและกล่าวอย่างเจ็บปวด “ความจริง......คืนที่หม่อมฉันเข้าวัง หม่อมฉันก็รู้แล้วว่าฝ่าบาท มีกายเป็นหญิง”???!!!นี่คือสิ่งที่เฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยไม่คาดคิดเหออวี่ถงที่อ่อนแอถึงเพียงนี้เป็นคนฉลาดมาก“ถ้าอย่างนั้น ข้ายิ่งไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้!” มือของฉินเย่ว์เหมยที่ล็อกคอเหออวี่ถงพลันใช้กำลังอย่างแรง“อื้อ~”ทันใดนั้นใบหน้าของเหออวี่ถงก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาเบิกกว้างและมองฉินเย่ว์เหมยด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่งด้วยกำลังของฉินเย่ว์เหมย การฆ่าเหออวี่ถงใช้เวลาไม่นาน“ฝ่าบาท!” เฉินฝานดึงมือของฉินเย่ว์เหมยออกอย่างว่องไว “ทำไมวันนี้ฝ่าบาทถึงใจร้อนเพียงนี้? ถ้านางสนมเสียนเฟยต้องการเปิดเผยฝ่าบาทเหตุใดต้องรอถึงตอนนี้?”“แต่นางรู้แล้วว่าข้ามีกายเป็นหญิง เก็
เหออวี่ถงนอนอยู่ในอ้อมแขนของเฉินฝานร่างกายที่ผอมบางแฝงความสง่าสดชื่นเอาไว้เส้นผมยาวราวน้ำตกพาดบนไหล่อย่างพลิ้วไหว เปล่งประกายอย่างมีเสน่ห์ภายใต้แสงนวลจันทร์ดวงตาที่กลมโต สดใสพร่างพราวริมฝีปากของนางเรียน/นุ่มและแดงเรื่อ ดูเหมือนเป็นกลิ่นหอมที่ทำให้อยากจูบสวย มีเสน่ห์ แต่มีความละเอียดอ่อนดังที่เป็นสุภาพสตรีนางโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วประทับริมฝีปากสีแดงอ่อนของนางเบา ๆ ที่มุมปากของเฉินฝาน “แบบนี้ใช่หรือไม่? ข้าขอโทษ ตอนนั้นข้าเรียนได้ไม่ดีนัก”ก่อนนางสนมทุกคนเข้าวัง จะมีการส่งหมัวมัวออกมาอบรมสั่งสอนนอกจากมารยาทในวังหลวง ยังสอนเรื่องบน/เตียง เพื่อป้องกันเวลาฮ่องเต้จะร่วมสุข ไม่ให้หญิงสาวตื่นเต้นและหวาดกลัวเกินไปและไม่ส่งผลต่อความสุขของฮ่องเต้เฉินฝานจับมือเหออวี่ถงเบา ๆ “ไม่เป็นไร ตอนนั้นเรียนได้ไม่ดี ข้าจะสอนเจ้าเอง…...”อย่างไรเสียเหออวี่ถงก็แตกต่างจากเสิ่นไต้มั่นเฉินฝานขยับตัวเบา ๆ และชี้นำช้า ๆ…...เช่นเดียวกับตอนที่เฉินฝานร่วมหอกับเสิ่นไต้มั่น ฉินเย่ว์เหมยที่หันหลังให้มีสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่นักแต่ไม่เหมือนครั้งก่อนคราวของเสิ่นไต้มั่น นางรู้สึกโกรธเป็นส่วนใ
เช่นเดียวกับเมื่อก่อน เหอกัง เหอจื่อหลิน สองพ่อลูกเข้าร่วมการว่าราชกิจช่วงเช้าตามปกติเมื่อก้าวเท้าเข้ามายังท้องพระโรงที่ใช้ปรึกษาหารือ สองพ่อลูกก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เหมือนวันปกติเสิ่นหมิงหยวนและบริวารของเขามองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรมากเมื่อเดินผ่านพ่อลูกเสิ่นหมิงหยวน เสิ่นหยวนฮวาจงใจชนเหอจื่อหลิน“เหอจื่อหลิน ขุนนางระดับชั้นห้าอย่างเจ้า กล้าดีอย่างไรมาชนข้า ขอโทษข้าเดี๋ยวนี้!” เสิ่นหยวนฮวาผู้กระทำความผิดกล่าวก่อนและใช้ตำแหน่งที่สูงกว่ากดดันและเรียกร้องคำขอโทษอย่างหยิ่งผยองกับเหอจื่อหลินหากพูดถึงกำลังการต่อสู้ เสิ่นหยวนฮวาตามหลังเหอจื่อหลินมาก แต่ภายใต้การจัดการของเสิ่นหมิงหยวน ตอนนี้เสิ่นหยวนฮวาเป็นขุนพลกุยเต๋อ[footnoteRef:1]ระดับชั้นที่สาม [1: กุยเต๋อ คือชื่อตำแหน่งขุนนางทางทหาร ลำดับชั้นเริ่มจากสาม ไม่มีหน้าที่ที่แท้จริง] ก็คือยกตำแหน่งเดิมของเหอจื่อหลินมอบให้กับเสิ่นหยวนฮวากองกำลังที่ถูกตัดทอนส่วนหนึ่งของเหอกัง ตอนนี้มีส่วนหนึ่งตกอยู่ในมือของเสิ่นหยวนฮวาโชคดีที่เพ่ยจี้ยังอยู่และทหารส่วนใหญ่ในกองทัพเสือก็ภักดีต่อเหอกังและลูกชายของเขา พวกเขายอมถอดชุดเกราะ
“ความผิดพลาดทั้งหมดของอวี่ถง เกิดจากกระหม่อมที่สอนสั่งไม่ดี ตามใจลูกสาวมากเกินไป กระหม่อมยินดีที่จะสละตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์……”“ท่านพ่อ!” เหอจื่อหลินมองเหอกังอย่างไม่เชื่อสายตาสละตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์!ตอนนี้ตระกูลเหอเหลือเพียงตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์ ถ้าสละอีกพวกเขาก็ไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์ที่ตระกูลเหอได้มา ไม่เพียงเป็นผลงานจากการทำงานหนักของเหอกังและเหอจื่อหลิน แต่ยังรวมถึงการทำงานหนักของบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น“ท่านพ่อ ถ้าสละตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์ ท่านพ่อไม่ละอายใจต่อบรรพบุรุษของตระกูลเหอบ้างหรือขอรับ?”“หุบปาก!” เหอกังตะโกนห้ามเหอจื่อหลินรู้สึกละอายใจต่อบรรพบุรุษ เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะขอการอภัยโทษจากบรรพบุรุษเองเขาเชื่อว่าบรรพบุรุษจะให้อภัยเขาท้ายที่สุดแล้ว อวี่ถงก็เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดีมากเหอกังกล่าวต่อ “หลังจากสละตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์ กระหม่อมจะขอลากลับบ้านเกิด กระหม่อมขอเพียงฝ่าบาทไว้ชีวิตอวี่ทงและส่งนางไปเป็นแม่ชีที่วัดเพื่อกลับตัวกลับใจพ่ะย่ะค่ะ”ขุนนางทุกคนรับรู้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเหอกังที่มีต่อฉินเย่ว์เหมย และยังรับรู้ได้ว่าคำพูดของเ
นี่ยังใช่ฮ่องเต้ผู้เชื่อฟังที่อยู่ในความทรงจำของพวกเขาหรือไม่?เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาอันนับไม่ถ้วนที่พลันเพ่งมาที่เขา เสิ่นหมิงหยวนรู้สึกสุดที่จะทนอย่างยิ่งในราชสำนักแห่งนี้ เขาเป็นบุคคลที่มีสัจจะทางวาจาคนหนึ่งเวลานี้ฉินเย่ว์เหมยตำหนิเขาอย่างโจ่งแจ้งและยังดุด่าด้วยคำพูดที่รุนแรงเสิ่นหมิงหยวนหรี่ตาเล็กน้อยพร้อมกับสบตาฉินเย่ว์เหมยโหดร้าย น่ากลัวลูกพันธุ์ผสมจองหองนักใช่ไหม ทำให้ข้าอับอายใช่ไหมในอีกไม่กี่เดือน ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างอนาถ“ฉลององค์ของฝ่าบาท ทรงมีสิ่งใด ฝ่าบาทย่อมรู้ดีกว่ากระหม่อมมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”ขณะที่พูด เสิ่นหมิงหยวนจงใจเหยียบเสื้อคลุมมังกรเขาใช้เท้าเหยียบมังกรทองกลางท้องพระโรงราชสำนักแค่ลูกพันธุ์ผสม มังกรทอง? คางคกมากกว่ากระมัง“ดูเหมือนว่า ฝ่าบาทยังไม่สร่างเมา!” เสิ่นหมิงหยวนพูดพร้อมกับหันไปราวกับไม่ได้ตั้งใจและสั่งเสิ่นหยวนฮวา “หยวนฮวา หยิบฉลององค์มังกรที่พื้นคืนให้กับฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทเก็บรักษาให้ดีและอย่าโยนฉลององค์มังกรออกไปอีก ไม่อย่างนั้น มันจะหายไปจริง ๆ”หายไปเสิ่นหมิงหยวนกล่าวสองคำนี้อย่างหนักแน่นภัยคุกคามเต็มล้นเสิ่นหยวนฮวาหยิบเสื
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ