ในวันที่สองของการแต่งงาน เหอเสียนเฟยก็ถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์ ถูกถอดยศและถูกลดตำแหน่งเป็นนางกำนัลระดับต่ำในวังของแผนกซักล้างตระกูลเหอ ยิ่งพลอยฟ้าพลอยฝนด้วยความผิดฐานหลอกลวงจักรพรรดิเสิ่นหมิงหยวนบีบบังคับให้ฉินเย่ว์เหมยลงโทษตระกูลเหอโชคดีที่ซูซิวฉีมีอำนาจมากกว่าในเวลานั้น และเพ่ยจี้กับเหอกังก็มีความสัมพันธ์ดุจพี่น้องที่ลึกซึ้ง เหอกังจึงรักษาชีวิตและตำแหน่งบรรดาศักดิ์ไว้ได้ถึงกระนั้น อำนาจทางทหารถูกกระจายกองทัพเสือของเขาถูกยุบและแบ่งออกไปให้กับกองทัพต่าง ๆ ของแคว้นต้าชิ่ง เขารักษาตำแหน่งบรรดาศักดิ์ไว้ได้ แต่ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของเหอกังก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องประดับและไม่มีอำนาจที่แท้จริงเหอจื่อหลินลูกชายของเหอกังไม่ได้โชคดีเช่นนั้น เขาถูกลดตำแหน่งจากนายพลไร้นามระดับชั้นสามลงมาที่ระดับชั้นห้าและไม่มีตัวตนเหมือนกับพ่อของเขาฮูหยินเหอรักลูกสาวมาก หลังจากได้ยินว่าลูกสาวถูกลดตำแหน่งเป็นนางกำนัลแผนกซักล้าง ก็เจ็บปวดใจอย่างยิ่งและล้มป่วยลุกไม่ได้ได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอำนาจทางการทหารถูกกระจาย ตำแหน่งทางทหารของลูกชายถูกลดระดับ ลูกสาวต้องทนทุกข์ทรมาน ภรรยาล้มป่วยหนักตั้ง
เฉินฝานกำลังจะหลับ ฉินเย่ว์เหมยพลันเอ่ยถาม“เรื่องนี้เริ่มต้นเพราะฝ่าบาทแกล้งร่วมนอนกับเสียนเฟย จะแก้มัด ก็ต้องแก้ที่คนผูก จะแก้ปัญหานี้ ก็ต้องเริ่มจากฝ่าบาทร่วมนอนกับเสียนเฟย”“เจ้าหมายถึง…” ฉินเย่ว์เหมยกระโดดลงจากผ้าขาวลงมาที่พระแท่นบรรทมมังกร “ให้ข้าร่วมนอนกับเสียนเฟยอีกครั้งฟื้นฟูตำแหน่งของเหออวี่ถง? เพื่อแลกกับใจของพ่อลูกตระกูลเหอ?”เฉินฝานพยักหน้า “หมายความว่าเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”“แม้ว่าข้าเพิกเฉยต่อคำคัดค้านของเสิ่นหมิงหยวนร่วมนอนกับเสียนเฟย แต่ข้าก็ไม่สามารถคืนอำนาจทางทหารให้กับเหอกังได้ พ่อลูกตระกูลเหอก็ไม่มีอำนาจที่แท้จริงเหมือนเดิม”ประโยคตอนท้าย ฉินเย่ว์เหมยปฏิเสธตนเองไปแล้ว “วิธีการของเจ้าใช้ไม่ได้ผล”กองทัพเสือถูกเสิ่นหมิงหยวนกระจายออกไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ ต่อให้ซูซิวฉียังมีชีวิต ก็ไม่มีทางฟื้นฟูอำนาจของพ่อลูกตระกูลเหอได้“ไม่มีอำนาจทางการทหาร เหอกังจะเอาสิ่งใดไปแข่งกับเสิ่นหมิงหยวนและจะทำให้หงอิงกลับมาอย่างไร?”“ไม่ต้องมีอำนาจทางทหาร ขอเพียงเหอกังให้เหอจื่อหลินเข้าร่วมการเลือกผู้นำกองกำลังสืบราชการลับ” เฉินฝานกล่าว“การคัดเลือกผู้นำกองกำลังสืบราชการลับงั้นร
ฉินเย่ว์เหมยแสดงดีหน้าลำบากใจ “เพราะข้าไม่ใช่ผู้ชายจริง ขันทีและหมัวมัวฝ่ายควบคุมขันทีและนางกำนัลในวังเป็นคนของเสิ่นหมิงหยวนทั้งนั้น ไม่สามารถโกหกเหมือนแต่ก่อนได้แล้ว”“อ๋อ ข้ารู้แล้ว!” ฉินเย่ว์เหมยยังพูดไม่จบ ก็จ้องเฉินฝานอย่างโมโห “เจ้ามีความคิดเช่นนี้ เพราะเจ้าอยากทำเรื่องนั้นกับเสียนเฟยกระมัง”“กระหม่อมไม่ได้คิดอย่างนั้นจริง ๆ ฝ่าบาทสบายใจได้ กระหม่อมมีวิธีมากมาย ไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นรู้ว่าเป็นเรื่องหลอกแน่”“หลอกอะไร ต้องทำจริง เจ้าไปนอนกับเสียนเฟยซะ!” ฉินเย่ว์เหมยทำหน้าถมึงทึงกับเฉินฝานอีกครั้ง“……” เฉินฝานพูดไม่ออกผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่แน่นอนจริง ๆ“เอาแบบนี้ล่ะ ไปร่วมนอนซะ อย่าส่งเสียงดังอีก ถ้าส่งเสียงดังอีก ข้าจะจัดการเจ้าคอยดู!”ฉินเย่ว์เหมยกระโดดขึ้นไปบนผ้าขาวด้านหน้าพระแท่นบรรทมมังกรอีกครั้งเฉินฝานไม่เคยเห็นวิธีการของเสิ่นหมิงหยวนหากพบว่าเป็นเรื่องหลอกลวงอีกครั้ง เสียนเฟยและแม้แต่ตระกูลเหอ จะไม่เพียงสูญเสียอำนาจ/ทางทหาร แต่ยังจะสูญเสียชีวิตอีกด้วยฉินเย่ว์เหมยไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ให้ เฉินฝานฟังทำไมถึงไม่อธิบาย เพราะนางรู้สึกโกรธแล้วทำไมนางถึงโกรธ? นา
วัชพืชสูงที่ถึงหัวเข่า ขึ้นอยู่ตรงกลางของภูเขาจำลอง ภูมิทัศน์ที่พบได้ยากนั้น ทิศทางทั้งสี่มีทางออกเพียงทางเดียว เฝ้าแค่คนเดียวย่อมได้มีวัชพืชสูงเช่นนี้ในอุทยานหลวง ไม่เพียงเพราะมีภูมิทัศน์ที่พบได้ยาก แต่ยังเพราะขันทีที่ดูแลอุทยานหลวงเป็นญาติห่าง ๆ ของเสิ่นหมิงหยวนขันทีผู้นั้นทั้งขี้เกียจและเกียจคร้าน มีเสิ่นหมิงหยวนสนับสนุนเบื้องหลัง งานทั้งหมดในอุทยานหลวงจึงทำตบตาไปอย่างนั้น“ข้าทำให้นางหมดสติและถอดเสื้อผ้าของนางออกแล้ว รีบทำธุระของเจ้าซะ!” ฉินเย่ว์เหมยโยนเหออวี่ถงที่เปลือยเปล่าและหมดสติบนตัวเฉินฝานตอนที่เฉินฝานรับตัวเหออวี่ถง แขนของเขาร่วงต่ำอย่างรวดเร็ว……ผู้หญิงคนนี้“อ่อนโยนกับนางหน่อยไม่ได้หรือ? โยนแรงขนาดนั้น ถ้ากระหม่อมรับไว้ไม่ได้ นางคงล้มไปแล้ว”“อย่างไรเสียเจ้าก็รับนางได้อยู่ดี แล้วทำไมข้าต้องอ่อนโยนด้วย?” ใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยทำหน้าเย็นชา แต่ไม่ว่าจะเย็นชาแค่ไหนก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าเขียวนั้นได้มันชัดยิ่งกว่าตอนที่เสิ่นไต้มั่นกับเฉินฝานอยู่ด้วยกันอีกนางถอดเสื้อคลุมมังกรออกแล้วโยนออกไป “เจ้ามีเวลาไม่มาก จัดการอย่างรวดเร็วล่ะ!”เมื่อกล่าวจบ ฉินเย่ว์เหมยก็หันกลับ
“สวบ!”เรือนร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเฉินฝานอย่างรวดเร็วเมื่อเฉินฝานเห็นชัดเจนว่าคนที่มาคือฉินเย่ว์เหมย นางก็ใช้มือล็อกเหออวี่ถงเรียบร้อย“ไม่ได้นะ!”เฉินฝานห้ามนางทันที“นางรู้ความลับของพวกเราแล้ว เก็บไว้ไม่ได้!”มือข้างหนึ่งถูกเฉินฝานห้ามไว้ ฉินเย่ว์เหมยจึงเปลี่ยนมืออีกข้าง“ฝ่าบาท......” ใบหน้าของเหออวี่ถงบวมแดง นางมองฉินเย่ว์เหมยและกล่าวอย่างเจ็บปวด “ความจริง......คืนที่หม่อมฉันเข้าวัง หม่อมฉันก็รู้แล้วว่าฝ่าบาท มีกายเป็นหญิง”???!!!นี่คือสิ่งที่เฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยไม่คาดคิดเหออวี่ถงที่อ่อนแอถึงเพียงนี้เป็นคนฉลาดมาก“ถ้าอย่างนั้น ข้ายิ่งไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้!” มือของฉินเย่ว์เหมยที่ล็อกคอเหออวี่ถงพลันใช้กำลังอย่างแรง“อื้อ~”ทันใดนั้นใบหน้าของเหออวี่ถงก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาเบิกกว้างและมองฉินเย่ว์เหมยด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่งด้วยกำลังของฉินเย่ว์เหมย การฆ่าเหออวี่ถงใช้เวลาไม่นาน“ฝ่าบาท!” เฉินฝานดึงมือของฉินเย่ว์เหมยออกอย่างว่องไว “ทำไมวันนี้ฝ่าบาทถึงใจร้อนเพียงนี้? ถ้านางสนมเสียนเฟยต้องการเปิดเผยฝ่าบาทเหตุใดต้องรอถึงตอนนี้?”“แต่นางรู้แล้วว่าข้ามีกายเป็นหญิง เก็
เหออวี่ถงนอนอยู่ในอ้อมแขนของเฉินฝานร่างกายที่ผอมบางแฝงความสง่าสดชื่นเอาไว้เส้นผมยาวราวน้ำตกพาดบนไหล่อย่างพลิ้วไหว เปล่งประกายอย่างมีเสน่ห์ภายใต้แสงนวลจันทร์ดวงตาที่กลมโต สดใสพร่างพราวริมฝีปากของนางเรียน/นุ่มและแดงเรื่อ ดูเหมือนเป็นกลิ่นหอมที่ทำให้อยากจูบสวย มีเสน่ห์ แต่มีความละเอียดอ่อนดังที่เป็นสุภาพสตรีนางโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วประทับริมฝีปากสีแดงอ่อนของนางเบา ๆ ที่มุมปากของเฉินฝาน “แบบนี้ใช่หรือไม่? ข้าขอโทษ ตอนนั้นข้าเรียนได้ไม่ดีนัก”ก่อนนางสนมทุกคนเข้าวัง จะมีการส่งหมัวมัวออกมาอบรมสั่งสอนนอกจากมารยาทในวังหลวง ยังสอนเรื่องบน/เตียง เพื่อป้องกันเวลาฮ่องเต้จะร่วมสุข ไม่ให้หญิงสาวตื่นเต้นและหวาดกลัวเกินไปและไม่ส่งผลต่อความสุขของฮ่องเต้เฉินฝานจับมือเหออวี่ถงเบา ๆ “ไม่เป็นไร ตอนนั้นเรียนได้ไม่ดี ข้าจะสอนเจ้าเอง…...”อย่างไรเสียเหออวี่ถงก็แตกต่างจากเสิ่นไต้มั่นเฉินฝานขยับตัวเบา ๆ และชี้นำช้า ๆ…...เช่นเดียวกับตอนที่เฉินฝานร่วมหอกับเสิ่นไต้มั่น ฉินเย่ว์เหมยที่หันหลังให้มีสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่นักแต่ไม่เหมือนครั้งก่อนคราวของเสิ่นไต้มั่น นางรู้สึกโกรธเป็นส่วนใ
เช่นเดียวกับเมื่อก่อน เหอกัง เหอจื่อหลิน สองพ่อลูกเข้าร่วมการว่าราชกิจช่วงเช้าตามปกติเมื่อก้าวเท้าเข้ามายังท้องพระโรงที่ใช้ปรึกษาหารือ สองพ่อลูกก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เหมือนวันปกติเสิ่นหมิงหยวนและบริวารของเขามองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรมากเมื่อเดินผ่านพ่อลูกเสิ่นหมิงหยวน เสิ่นหยวนฮวาจงใจชนเหอจื่อหลิน“เหอจื่อหลิน ขุนนางระดับชั้นห้าอย่างเจ้า กล้าดีอย่างไรมาชนข้า ขอโทษข้าเดี๋ยวนี้!” เสิ่นหยวนฮวาผู้กระทำความผิดกล่าวก่อนและใช้ตำแหน่งที่สูงกว่ากดดันและเรียกร้องคำขอโทษอย่างหยิ่งผยองกับเหอจื่อหลินหากพูดถึงกำลังการต่อสู้ เสิ่นหยวนฮวาตามหลังเหอจื่อหลินมาก แต่ภายใต้การจัดการของเสิ่นหมิงหยวน ตอนนี้เสิ่นหยวนฮวาเป็นขุนพลกุยเต๋อ[footnoteRef:1]ระดับชั้นที่สาม [1: กุยเต๋อ คือชื่อตำแหน่งขุนนางทางทหาร ลำดับชั้นเริ่มจากสาม ไม่มีหน้าที่ที่แท้จริง] ก็คือยกตำแหน่งเดิมของเหอจื่อหลินมอบให้กับเสิ่นหยวนฮวากองกำลังที่ถูกตัดทอนส่วนหนึ่งของเหอกัง ตอนนี้มีส่วนหนึ่งตกอยู่ในมือของเสิ่นหยวนฮวาโชคดีที่เพ่ยจี้ยังอยู่และทหารส่วนใหญ่ในกองทัพเสือก็ภักดีต่อเหอกังและลูกชายของเขา พวกเขายอมถอดชุดเกราะ
“ความผิดพลาดทั้งหมดของอวี่ถง เกิดจากกระหม่อมที่สอนสั่งไม่ดี ตามใจลูกสาวมากเกินไป กระหม่อมยินดีที่จะสละตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์……”“ท่านพ่อ!” เหอจื่อหลินมองเหอกังอย่างไม่เชื่อสายตาสละตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์!ตอนนี้ตระกูลเหอเหลือเพียงตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์ ถ้าสละอีกพวกเขาก็ไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์ที่ตระกูลเหอได้มา ไม่เพียงเป็นผลงานจากการทำงานหนักของเหอกังและเหอจื่อหลิน แต่ยังรวมถึงการทำงานหนักของบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น“ท่านพ่อ ถ้าสละตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์ ท่านพ่อไม่ละอายใจต่อบรรพบุรุษของตระกูลเหอบ้างหรือขอรับ?”“หุบปาก!” เหอกังตะโกนห้ามเหอจื่อหลินรู้สึกละอายใจต่อบรรพบุรุษ เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะขอการอภัยโทษจากบรรพบุรุษเองเขาเชื่อว่าบรรพบุรุษจะให้อภัยเขาท้ายที่สุดแล้ว อวี่ถงก็เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดีมากเหอกังกล่าวต่อ “หลังจากสละตำแหน่งยศบรรดาศักดิ์ กระหม่อมจะขอลากลับบ้านเกิด กระหม่อมขอเพียงฝ่าบาทไว้ชีวิตอวี่ทงและส่งนางไปเป็นแม่ชีที่วัดเพื่อกลับตัวกลับใจพ่ะย่ะค่ะ”ขุนนางทุกคนรับรู้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเหอกังที่มีต่อฉินเย่ว์เหมย และยังรับรู้ได้ว่าคำพูดของเ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่
“ตุ้บ!”หลี่ชิ่งที่แต่เดิมกำลังพยุงหลิวเกาจัวปล่อยมือออกทันทีหลิวเกาจัวที่หกล้มหน้าคะมำตะโกนร้องโอดโอย เห็นว่ามีเท้าสองข้างอยู่ด้านหน้าจึงคิดที่จะใช้เพื่อยันตัวลุกขึ้นปรากฏว่าเมื่อเขาสัมผัสเท้านั้น เจ้าของฝ่าเท้านั้นก็จงใจยกขึ้น จึงทำให้เขาลื่นล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“บัณฑิตหลิว กลางวันแสกๆเช่นนี้ นักพรตชิงเฟิงก็กำลังทำพิธีอยู่ที่แห่งนี้ จะมีภูตผีตนใดกล้าออกมากัน?”ผู้ที่ถีบหลิวเกาจัวคือเลขาธิการกรมโยธาธิการหยางอวิ๋นหู่ เดิมทีหยางอวิ๋นหู่เป็นผู้เก่งกาจในการประจบประแจงคนหนึ่ง ก่อนที่หลิวเกาจัวจะทรยศซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวนให้ความสนใจกับหยางอวิ๋นหู่เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าเมื่อหลิวเกาจัวปรากฏตัวขึ้นมา หยางอวิ๋นหู่ก็เทียบเคียงหลิวเกาจัวมิได้แม้แต่น้อยครั้งนี้สามารถทำให้เฉินฝานติดอยู่ในเมืองเซียนตูได้ เดิมทีก็เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยางอวิ๋นหู่ แต่เพราะสาเหตุที่ว่าเรือนเซียนผาสุกมิสามารถปิดตายเฉินฝานได้อย่างสมบูรณ์ หลิวเกาจัวก็คอยใส่สีตีไข่อยู่เสมอ หยางอวิ๋นหู่มิเพียงแต่มิได้รับรางวัลจากเสิ่นหมิงหยวนเท่านั้น กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงอีกด้วย“ใต้เท้าหยางพูดถูก ต่อให้เป็นกลางวั
เฉินฝานเดินออกมาจากห้องตั้งดวงวิญญาณ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาบนแท่นบูชายังมีคนกำลังทำพิธีอยู่นอกจากนี้คนบนแท่นบูชาผู้นี้แต่งกายงดงามกว่าหมอผีที่อยู่ในห้องตั้งดวงวิญญาณ เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดูอลังการมากกว่าว้าวเฉินฝานอดลอบอุทานไม่ได้เสิ่นหมิงหยวนลงทุนสำหรับงานศพนี้ของเขาไปไม่น้อยเลยตรงพื้นที่เปิดโล่งใต้แท่นบูชา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊คุกเข่ากันเต็มไปหมดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งเฉินฝานมองแวบเดียวก็เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่หน้าขุนนางทั้งหมด อ๋องตวนไม่มีท่าทางเมามายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วผมที่เดิมทีขาวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ขาวโพลนไปหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลูกเขยจากไปแล้วท่ามกลางเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกทั้งยังสูญเสียบุตรีไปอีกสองคนนี่ก็คือคนผมขาวส่งศพคนผมดำสินะเฉินฝานเห็นแล้วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแม้ว่าพ่อตาที่โผล่มาตอนครึ่งทางผู้นี้ของเขา ปกติจะชอบดื่มเหล้า และเป็นคนที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ก็ปฏิบัติกับเขาดีมากจริง ๆ จนไม่มีอะไรจะพูด อีกไม่นาน อีกไม่นาน เขาก็ไม่ต้องเสียใจแล้วส่วนบนพระที่นั่งมังกรที่อยู่ไกล ๆ... ว่างเปล่าไม่
“วันที่แปดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย นายท่าน คนข้างนอกพวกนั้นด่าท่านมาแปดวันแล้ว ท่านยังอารมณ์ดีทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกน้อยอกน้อยใจ นางกำหมัดแน่นมาหลายวันแล้ว แต่เฉินฝานสั่งให้เย่ว์หนูคอยดูแลนาง นางจึงทำได้เพียงงอนอยู่ที่บ้าน“เจ้าลดเสียงหน่อย จินเป่าเพิ่งจะหลับไปนะ!”เฉินฝานวางจินเป่าที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมให้นอนหลับลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง ฟังเสียงด่าทอจากข้างนอกเสิ่นหมิงหยวนตั้งใจปล่อยให้ชาวบ้านในเซียนตูก่นด่าเฉินฝาน อยากจะทำให้เฉินฝานชื่อเสียงฉาวโฉ่เฉินฝานฟังชาวบ้านในเซียนตูด่าทอตนเอง เพื่อให้พวกเสิ่นหมิงหยวนสูญเสียความระแวดระวัง ชาวบ้านยิ่งด่ารุนแรงและยิ่งด่านานเท่าไร ความระแวดระวังของเสิ่นหมิงหยวนก็จะยิ่งหย่อนยานลง เชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆแววตาของเฉินฝานเย็นชาขึ้นมาทีละนิด“พรุ่งนี้ข้าก็จะ ‘ถูกฝัง’ ได้แล้ว” พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่ของมัน ไม่สิควรพูดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของต้าชิ่งอย่างเป็นทางการหลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนตำแหน่งเดิมของซูซิว
“วันนั้นไฟไหม้ลานบ้านรุนแรงมากถึงเพียงนั้น รอบด้านถูกเราพวกเราห้อมล้อมไว้เป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนตายเลย ต่อให้เป็นมดสักตัวก็ไม่สามารถหนีออกมาจากลานบ้านนั้นได้ หรือว่าจู่ ๆ เฉินฝานจะกลายเป็นถู่สิงซุนขุดดินหนีออกไปแล้ว”“พรืด!” เลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัวที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ทางด้านข้างเหมือนกับสุนัขพลันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงมองมาทางเขา เขาก็รีบอธิบาย “ข้าน้อยคิดว่าต่อให้เฉินฝานกลายเป็นถู่สิงซุนขุดลงไปใต้ดิน เช่นนั้นก็คงโดนเผาจนสุกอยู่ดี ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนจากถู่สิงซุนไปเป็นหนูสุกแล้วขอรับ” หลิวเกาจัวพูดประจบมากมายขนาดนั้น ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ประจบถูกจุดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเกาจัว เสิ่นหมิงหยวนก็อารมณ์ดีขึ้นในพริบตาใช่แล้ว ไฟไม้แรงขนาดนั้น ต่อให้เฉินฝานสามารถขุดลงไปใต้ดินได้ก็คงโดนเผาจนสุกไปแล้ว“เจ้าไปเถิด!” เสิ่นหมิงหยวนที่อารมณ์ดีมากยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่งแล้วพูดกับหลิวเกาจัวว่า “รัฐพิธีศพของท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้ายจะหยุดไม่ได้ เจ้าไปเชิญนักพรตที่ดีที่สุดในเซียนตูมา จะต้องทำพิธีอุทิศส่วนกุศลดี ๆ ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้