ใช่ เขาผู้เป็นเจ้าเมืองเมืองหรงตูกลัวเพียงสถานะถงเซิงของเฉินฝานเหตุผลแรก คือวิธีการของเฉินฝานน่ากลัวเกินมากเหตุผลที่สอง คือวันนี้เฉินฝานนั่งรถม้าของเขา แต่เขาเดินเหตุผลสองข้อนี้ เพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายได้ทั้งนั้น“เสี่ยวฝาน เจ้าจะเข้าร่วมการสอบราชสำนัก?” เพ่ยจี้หันไปถามเฉินฝาน“ใช่!”เฉินฝานยังไม่ทันตอบกลับ หลี่หงโห่วก็แย่งตอบก่อน “นายพลมีอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ เฉินฝานเข้าร่วมการสอบขุนนางปีแรกก็สอบได้อันดับหนึ่งของการสอบระดับมณฑลจากอำเภอผิงอันขอรับ”หลี่หงโห่วกล่าวยกย่องเฉินฝานเมื่อใดที่เฉินฝานเข้าร่วมการสอบขุนนาง เช่นนั้นแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้เป็นนายกองทหารขอบข่ายของการสอบราชสำนักใหญ่กว่าการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑลมาก นักเรียนจากสิบมณฑลของเมืองหรงตูที่สอบผ่านระดับมณฑลล้วนมาเข้าร่วมหมดและล้วนเป็นหัวกะทิทั้งนั้นอำเภอผิงอันเป็นอำเภอที่ยากจนที่สุดและเล็กที่สุดในเมืองหรงตู้ เฉินฝานสอบได้อันดับหนึ่งในอำเภอผิงอัน เมื่อไปสอบที่เมืองหรงตูก็อาจจะสอบไม่ผ่าน แม้ว่าเขาจะสอบผ่าน อย่างมากก็เป็นคนที่สอบระดับซิ่วไฉคนหนึ่งพอถึงครึ่งปีหลังยังมีการสอ
สำหรับอำเภอผิงอันที่เขาต้องการผนวกมากที่สุด ก็ไม่ถูกรวมเข้ากับอำเภอตูอัน นอกจากนี้อำเภอตูอันยังต้องช่วยอำเภอผิงอันจ่ายภาษีและชดเชยการรับราชการทหารเป็นเวลาสามปีหลังกลับมาจากอำเภอผิงอัน ลวี่เหลียงเจ๋อกระวนกระวายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดเวลา การช่วยเหลือหนึ่งอำเภอจ่ายภาษีนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยพ่อค้าเพียงไม่กี่ร้านค้า จำเป็นต้องเพิ่มการจ่ายภาษีของพลเมืองทั้งอำเภอจ่ายภาษีมากขึ้น อย่างมากพลเมืองแค่ด่าทอลับหลังไม่กี่คำแต่เพิ่มจำนวนการรับราชการทหาร……ในสามปีข้างหน้า เขาจะถูกพลเมืองด่าว่าเป็นขุนนางสุนัข ก็นับว่าเบาแล้วและหลังจากเพิ่มภาษีและจำนวนการรับราชการทหารเป็นเวลาสามปี อำเภอตูอันในฐานะเขตที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองหรงตูจะไม่คงอยู่อีกต่อไป แผนการที่จะผนวกอำเภอผิงอันและกลายเป็นเจ้าเมืองของลวี่เหลียงเจ๋อก็ไม่ต้องคาดหวังอีกเช่นเดียวกันเฉินฝาน เฉินฝาน!ลวี่เหลียงเจ๋อกัดฟันเอ่ยชื่อของเฉินฝานทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะเฉินฝาน หากไม่มีเขา เรื่องราวก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้เฉินฝาน รอก่อนเถอะ เจ้าไม่มีทางราบรื่นด้วยดีทุกเรื่อง!……“ฮัดชิ้ว ๆ ๆ!”ในห้องทำงาน เฉินฝานที่กำลังฝึกคัดลายมือ จามไ
“เสี่ยวฝาน!” เพ่ยจี้พูดสีหน้าจริงจัง “บังคับอะไรล่ะ ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวเจ้า……”“เย่ว์เจียว!” เฉินฝานตะโกนไปที่ประตู “เก็บของของนายพล……”“ช้าก่อน ๆ! ข้าไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว” สีหน้าจริงจังในตอนแรกของเพ่ยจี้เปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มประจบประแจงเฉินฝานจ้องเขม่นเพ่ยจี้หนึ่งที จากนั้นก็ก้มศีรษะหยิบพู่กันขึ้นมาใหม่“โห!” เพ่ยจี้เร็วกว่าหนึ่งก้าว เขาหยิบพู่กันของเฉินฝานขึ้นมา “เสี่ยวฝาน พู่กันนี่ของเจ้าสวยมาก!”“ข้ามีชีวิตนานเพียงนี้ เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นพู่กันที่งามเยี่ยงนี้ เจ้าซื้อมาจากที่ใดหรือ?” เพ่ยจี้เริ่มเล่นพู่กันของเฉินฝานเฉินฝานไม่ตอบเพ่ยจี้ เพียงยื่นมือออกไปหาเขา “เอามา!”“นี่ เสี่ยวฝาน เจ้าขี้เหนียวจริง ๆ ข้าขอมองสักหน่อยก็ไม่ได้” เพ่ยจี้บ่นในขณะที่......“แครก!”“อ้าว!”เพ่ยจี้มองพู่กันที่หักคามือแล้วตะโกน ต่อด้วยการกล่าวดูถูก “พู่กันนี้สวยนะ แต่คุณภาพแย่มาก ข้าแค่อยากทดสอบความแข็งเล็กน้อย ยังไม่ทันออกแรงก็หักเสียแล้ว!”เมื่อเขาพูดคำว่าหัก ความได้ใจเล็กน้อยแสดงไว้บนใบหน้าของเพ่ยจี้อย่างเปิดเผย“ไปกันเถอะ!” เพ่ยจี้ดึงมือเฉินฝาน “เสี่ยวฝาน ข้าพาเจ้าออกไปซื้อพู่
ฉินเย่ว์โหรวมีความคิดที่ละเอียดอ่อนและฉลาดเฉลียว นางรู้ความตั้งใจของเพ่ยจี้ตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาในเรือนเฉินฝานวางพู่กันแล้วดึงฉินเย่ว์โหรวมาอยู่ข้าง ๆ เขาลูบผมของนางและเอ่ยถาม “ถ้าเช่นนั้น เจ้าคิดสามีอย่างข้าควรเข้าร่วมการสอบขุนนางต่อไป หรือเข้าร่วมกองทัพหมาป่าของนายพลดีล่ะ?”ฉินเย่ว์โหรวส่ายหัวเบา ๆ “ข้าน้อยไม่ทราบ ไม่ว่านายท่านจะไปที่ไหน ข้าน้อยก็จะตามไปที่นั่นเจ้าค่ะ”เฉินฝานบีบคางฉินเย่ว์โหรวเล่นอย่างแผ่วเบา คางของนางทั้งเนียนและนุ่มลื่น จับแล้วรู้สึกสบายมาก “แล้วถ้าข้าไปที่กองทัพหมาป่าจริง ๆ สภาพความเป็นอยู่ในค่ายทหารไม่เหมือนกับที่เรือน เจ้าไม่กลัวลำบากหรือ?”ฉินเย่ว์โหรวซุกหัวเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินฝานแล้วพูดเบา ๆ “ไม่กลัว ขอเพียงที่นั่นมีนายท่าน ข้าก็ไม่รู้สึกลำบากแต่อย่างใดเจ้าค่ะ”คนที่อยู่ในอ้อมแขน ตัวหอมท่วมท้น เส้นเลือดเย้ายวน ปากแดงเหมือนยาแดง รูปหน้างามอย่างยิ่งมีความงามอันน่าทึ่งอยู่ในอ้อมแขน จะไม่รู้สึกอะไรคงยากเฉินฝานยกคางของฉินเย่ว์โหรวขึ้น “ข้าต่างหากที่จะทำใจไม่ได้ ให้ภรรยาตัวน้อยของข้าไปตกที่นั่งลำบากในสถานที่เช่นนั้น อีกอย่าง……”เฉินฝานดึงฉินเย่ว์โห
“ปล่อยให้เขาไปไม่ได้แน่น่ะสิ อัจฉริยะอย่างเขา คงน่าเสียดายหากไปรับราชการ คิดก่อน ให้ข้าคิดดูก่อน!”ห้องเซียงฝาง[footnoteRef:1] ที่เพ่ยจี้พักอาศัย อยู่ตรงข้ามกับห้องหนังสือของเฉินฝาน [1: ห้องเซียงฝาง คือห้องที่อยู่ด้านข้างเรือนเหนือทั้งสองฝั่ง ซึ่งเรือนตะวันออกและเรือนตะวันตกในแต่ละฝั่งจะมีอีกสองห้อง] ทำเลที่ตั้งที่นี่ไม่ดี เดิมทีเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ แต่วันนี้เขาดั้นด้นย้ายมาโดยใช้ข้ออ้างว่าที่นี่เงียบสงบ แต่จริง ๆ แล้วเขามาที่นี่เพื่อเฝ้าดูเฉินฝาน กลัวว่าเฉินฝานจะแอบไปเมืองหรงตูเงียบ ๆนอกจากเพ่ยจี้จะเฝ้าดูเองแล้ว เขายังสั่งให้ตั้งค่ายรอบ ๆ เรือนเฉินฝาน หรือกล่าวได้ว่าต่อให้เฉินฝานอยากจะหนีไปเงียบ ๆ เขาก็ไม่มีทางทำสำเร็จช่วงเวลาพลบค่ำ หลี่ซานก็มาถึงหากเฉินฝานออกมาไม่ทันเวลา หลี่ซานคงเข้ามาไม่ได้เนื่องจากการมาถึงของหลี่ซาน หมายความว่าเฉินฝานหาโรงเตี๊ยมที่เมืองหรงตูเรียบร้อยแล้ว แต่เพ่ยจี้ไม่ยอมให้เขาเข้าไป“นาย นายพล!”เมื่อออกมาจากห้องหนังสือของเฉินฝาน หลี่ซานตกใจวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างเพ่ยจี้ที่ยืนอยู่หน้าประตูเวลานี้ กำลังจ้องเขาด้วยท่าทางดุร้าย“ผู้เฒ่า ถ้ายัง
“อะไรนะ!” เพ่ยจี้ร้อนใจกระโดดโลดเต้น “เสี่ยวฝาน เจ้าจะไม่กอบกู้ได้อย่างไรเล่า? อย่าเพิ่งยอมแพ้ กอบกู้หนังสือบางส่วนได้อย่างแน่นอน”เฉินฝานมองไฟที่โหมกระหน่ำตรงห้องหนังสือครู่หนึ่ง แล้วหันมองเพ่ยจี้พร้อมยิ้มเยาะ “กอบกู้ได้หรือไม่? ท่านนายพลรู้ดีแก่ใจไม่ใช่หรือขอรับ?”“ขะ ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่า พอข้าตื่นขึ้นมาก็พบว่าห้องหนังสือของเจ้าไฟไหม้!”มันแปลกจริง ๆเพ่ยจี้ยังรู้สึกแปลกในใจ แต่ทำไมเขาถึงใจไม่เป็นสุข?แม้ว่าเขาเป็นคนจุดไฟ ด้วยนิสัยของเขา ก็ไม่มีทางที่เขาจะรู้สึกผิด ตอนนี้เมื่อเขาเห็นเฉินฝาน......เจ้าหนุ่มคนนี้ ไม่เพียงแต่เป็นอัจฉริยะ แต่ราศียังทรงพลังจนน่ากลัวเพียงสายตาเดียวของเขา ก็เจาะทะลุหัวใจคนอื่นได้ทันที“แม้ว่าข้าเป็นคนเผาห้องหนังสือ แต่แล้วอย่างล่ะ?”ในเมื่อปกปิดไม่ได้ เพ่ยจี้เลยยอมรับโดยตรง“นายพลเป็นคนจุดไฟนี้ ทำทำไมเจ้าคะ นายท่านของข้าใจดีกับท่านถึงเพียงนั้น แต่ท่านกลับทำสิ่งที่ลืมบุญคุณเช่นนี้!”ฉินเย่ว์ฉู่สองมือเท้าเอวและจ้องเขม่นเพ่ยจี้อย่างโมโห“เช้ง!”หยวนอิงชักกระบี่ออกจากเอว“เก็บกระบี่กลับเข้าไปซะ อย่าทำให้เด็กตกใจ!” เพ่ยจี้หันกลับไปตำหนิเสียงดัง
เพ่ยจี้ตวัดกระบี่ในมือ “เสี่ยวฝาน เจ้าคิดอย่างไรกับกระบี่ของข้า?”เฉินฝานจ้องมองกระบี่ของเพ่ยจี้เรียบนิ่ง “รูปร่างงามประณีต แสงกระบี่ชัดเจน เป็นกระบี่ชั้นดีที่คมกริบ ทำไมรึ นายพลจะลงมือฆ่าหรือขอรับ?”“นี่!” เพ่ยจี้แสดงสีหน้าไม่พอใจ “เสี่ยวฝาน เจ้าพูดอะไรเล่า? ข้าอยากมอบกระบี่เล่มนี้ให้กับเจ้าต่างหาก!”เมื่อมาถึงตอนนี้ ในที่สุดหยวนอิงก็ทนไม่ไหวจึงก้าวขามาถึงตรงหน้าเฉินฝาน “ท่านนายพล ทำแบบไม่ได้นะขอรับ!”“ไปให้พ้น!” เพ่ยจี้ผลักหยวนอิง “ทำได้หรือทำไม่ได้ ถึงคราของเจ้ามาสอนข้าตั้งแต่เมื่อไหร่”หลังจากผลักหยวนอิงออกไป เพ่ยจี้ก็เสียบกระบี่กลับเข้าไปในฝักแล้วยื่นให้เฉินฝานเฉินฝานกอดมือไว้ที่หน้าอกแล้วกล่าวอย่างสบาย ๆ “ไม่มีผลงานไม่ควรรับรางวัล ข้าไม่รับ!”“ตุบ!” หยวนอิงล้มไปกับพื้น“ไม่ได้เรื่อง!” เพ่ยจี้เตะหยวนอิง “ไสหัวออกไปซะ”“ท่านนายพล โปรดใคร่ครวญให้ดีด้วยขอรับ!” หยวนอิงไม่ตายใจ เมื่อเพ่ยจี้ยกเก้าอี้ขึ้น เขาถึงยอมเดินออกไปโดยดี“เสี่ยวฝาน เจ้ารู้ไหมว่ากระบี่นี้มีชื่อว่าอะไร? กระบี่แห่งเสถียรภาพ! จักรพรรดิผู้ล่วงลับเป็นผู้พระราชทานมันให้กับข้า สามารถประหารก่อนรายงานทีหลังได้”
เพ่ยจี้ยิ่งพูดยิ่งดูน่าสงสาร เสียงร้องไห้ก็ยิ่งร้องยิ่งดังเฉินฝานฟังแล้วไม่สบายใจ “ผู้เฒ่า ท่านหยุดร้องก่อน ท่านจะไม่มีผู้สืบทอดได้อย่างไร? ท่านมีทหารเสือตั้งมากมายในกองทัพหมาป่า!”“มากมาย มากมายที่ไหนกัน ต่อสู้ฆ่าศัตรู พวกเขาเก่งก็จริง แต่เมื่อพูดถึงยุทธวิธี แต่ละคนก็โง่เขลาเบาปัญญากันทั้งนั้น ฮือ ๆ!”แม้ว่าคำพูดของเพ่ยจี้จะดูเกินจริง แต่ทหารเสือที่อยู่ในกองทัพของเขานั้น เมื่อเทียบเฉินฝานแล้ว ด้อยกว่ามากจริง ๆวินาทีที่เฉินฝานบอกว่าไม่ไปกับเขา เพ่ยจี้ร้องไห้น้ำตาไหลจริง แต่ต่อมาล้วนเป็นการหลอกเฉินฝานทั้งนั้นเขาอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ ไม่เพียงเพราะเก่งด้านการสู้รบ แต่เพราะเป็นคนหน้าด้านด้วยกระบี่เสถียรภาพ ก็คือสิ่งที่เขาร้องขออย่างไร้ยางอายจากจักรพรรดิผู้ล่วงลับ“แล้วหยวนอิงล่ะ!” เฉินฝานชี้หยวนอิงที่อยู่ข้าง ๆ เพ่ยจี้ “ข้าว่าเขาก็ไม่เลว มีหัวสมองฉลาดและยังจงรักภักดีต่อท่าน เหมาะสมมากที่จะเป็นผู้สืบทอดของท่าน”เพ่ยจี้ปาดน้ำตาแล้วหันไปถามหยวนอิง “หยวนอิง เจ้าอยากเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพหมาป่าหรือไม่?”“ท่านนายพล!”หยวนอิงคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตุบ “หยวนอิง......ไม่มี
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ