ฝีเท้าที่พุ่งมาหาเฉินฝานหยุดนิ่ง พวกเขามองหญิงวัยกลางคนที่อยู่ด้านหน้าสุดด้วยความตกตะลึงลูกธนูทั้งสามดอกที่ฉินเย่ว์เจียวยิงปักลงบนพื้นล้อมรอบหญิงวัยกลางคนถือเคียว เป็นตัวอักษรจีนตัวหนึ่ง ทุกดอกปักลงบนพื้นอย่างแม่นยำ ห่างจากหญิงวัยกลางคนไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร“คิดว่าเอาธนูยิงข้า แล้วข้าจะกลัวหรือ?”หลังจากชะงักครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นว่าธนูยิงใส่ตน หญิงวัยกลางคนที่ไม่มีความรู้ด้านการยิงธนูคิดว่าฉินเย่ว์เจียวยิงไม่แม่น ถือเคียวพุ่งตัวไปหาเฉินฝาน“ฟิ้ว!”“ปึก!”“อ๊าก!”หญิงวัยกลางคนมองธนูที่อยู่ตรงปลายเท้าของตนเองด้วยสติหลุดลอย ครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อครู่อย่างชัดเจน ลูกธนูแนบชิดปลายเท้าของนาง ไม่เหลือช่องว่างแม้แต่น้อยฉินเย่ว์เจียวถือคันศร “ใครจะเข้ามาอีก อย่าหาว่าธนูของข้าไม่มีตา!”“เขาให้ภรรยาของเขายิงธนูใส่พวกเราเนี่ยนะ?” ท่ามกลางผู้คนเงียบงัน ใครคนหนึ่งพูดขึ้น “ข้าบอกแล้วว่าเฉินฝานไม่ใช่คนดี เขาร่วมมือกับพวกโจรภูเขา เมื่อครู่พวกเจ้ายังมีคนไม่เชื่อข้า ตอนนี้เห็นแล้วกระมัง”คนที่พูดคำนี้ จุดเปลวไฟแห่งความพิโรธของครอบครัวสหายได้สำเร็จ“ลุยเลย พวกเราตั้งมากมาย กลัวสตรีแค่คนหนึ่งเช่
“เหตุใดจึงไม่กล้า? เจ้าบอกว่า ข้าร่วมมือกับโจรภูเขาไม่ใช่หรือ? ข้าขอบอกเจ้า...”เฉินฝานพูดช้าลง “นักธนูในเรือนหลังนี้ ไม่ได้มีเพียงภรรยาที่อยู่ข้างกายข้าคนนี้ ด้านหลัง ในที่ที่พวกเจ้ามองไม่เห็นยังมีอีกหลายคน อีกทั้งพวกเขายังมาจากภูเขาวิฬาร์”“สวรรค์”เมื่อได้ยินเฉินฝานบอกว่าในเรือนมีนักธนูจากภูเขาวิฬาร์อีกหลายคนซ่อนตัวอยู่ คนพวกนั้นตกใจหน้าถอดสี ไม่กล้าก้าวมาข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว“พวกเจ้าถูกเขาหลอกแล้ว ในเรือนหลังนี้ไม่มีนักธนูคนอื่น ภูเขาวิฬาร์ไม่ได้ส่งนักธนูลงมา!”“หึ!” เฉินฝานหัวเราะคนที่เดาแผนการของเขาได้ ปล่อยข่าวลือ สู้กับเขาด้วยเสียงคนในสังคม น่าจะเป็นบุรุษผู้ดูสุขุมที่เขาเจอในเรือนแขกสำราญคนนั้นกระมังเขาเป็นคนฉลาดมาก แต่เขาใช้งานคนไม่เก่งเท่าใดนัก“เจ้า!”เฉินฝานชี้นิ้วไปที่ฝูงชน“ไม่ใช่เจ้า และไม่ใช่เจ้า พวกเจ้าสองคนหลีกไปหน่อย”นิ้วมือของเฉินฝานขยับซ้ายขวา คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าคนๆ นั้น เบี่ยงตัวไปอีกทางอย่างรู้ตัวชายชุดสีเทา ปรากฏตัวให้เฉินฝานเห็นเขาคือคนที่บอกว่าในเรือนหลังนี้ไม่มีนักธนูคนอื่น“เจ้าบอกว่า...” เฉินฝานจับจ้องไปที่คนคนนั้น “เจ้าเป็นคนในครอบคร
“พรืด!”ฉินเย่ว์โหรวที่ฝนหมึกอยู่ข้างเฉินฝานมาโดยตลอดมือสั่น ทำให้น้ำหมึกกระเซ็นใส่มือเฉินฝาน“นายท่าน ขออภัยเจ้าค่ะ ขออภัยเจ้าค่ะ!” ฉินเย่ว์โหรวกล่าวขอโทษเฉินฝาน มือที่หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำหมึกบนมือเฉินฝาน สั่นเทาเล็กน้อยตอนที่หลี่ซานยังไม่เข้ามา เขาเล่นกับนางครู่หนึ่ง ตอนนั้นมือของนางไม่เย็นตกใจกับคำพูดของหลี่ซานเช่นนั้นหรือ?“ไม่ต้องกลัว เจ้ายังไม่มีลูกชายให้ข้าเลย ข้าจะตายได้อย่างไร” เฉินฝานกระซิบข้างหูฉินเย่ว์โหรว พูดครึ่งจริงจังครึ่งล้อเล่น“นายท่าน พี่หลี่อยู่ด้วยนะเจ้าคะ!” พวงแก้มของฉินเย่ว์โหรวแดงระเรื่อในทันที“เสี่ยวฝาน!” หลี่ซานร้อนใจจนเหงื่อแตก “เวลาไหนแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังมีกะจิตกะใจล้อเล่น โจรภูเขาพวกนั้น...”ทันทีที่ได้ยินคำว่าโจรภูเขาสามพยางค์นี้ ตัวของฉินเย่ว์โหรวสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้นางไม่ได้พูดอะไร แต่สำหรับนาง เฉินฝานคือทุกอย่าง หากไม่มีเฉินฝาน เช่นนั้นก็เท่ากับฟ้าถล่มลงมา“พี่หลี่!” เฉินฝานร้องปรามหลี่ซานหลี่ซานเงียบ เฉินฝานพูดกับฉินเย่ว์โหรวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องฝนหมึกแล้ว ออกไปเถอะ!”“เสี่ยวฝาน ข้าไม่ได้มีเจตนาทำให้น้องสะใภ้ตกใจ แต
“บ้าไปแล้ว เสี่ยวฝาน เจ้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”ปากหลี่ซานบ่นงุบงิบ แต่ร่างกายก็ทำตามคำสั่งของเฉินฝาน หมุนตัวหันหลังวิ่งออกไปบนท้องถนนเต็มไปด้วยสตรีเร่ร่อน ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม องครักษ์คนสนิทของหลี่ซานมารายงาน หลี่ซานได้คนมาร้อยกว่าคน พาพวกเขาไปที่สนามแข่งรถม้า เชิญเฉินฝานไปดูเฉินฝานเพิ่งไปถึง หลี่ซานก็รีบวิ่งมาหาเขาทันที เขาชี้ไปยังหญิงสาวที่เสื้อผ้าซอมซ่อ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายซูบผอม“ดูสิ แต่ละคนผ่ายผอมยิ่งนัก หากพวกนางปราบโจรได้ เช่นนั้นข้าก็ทำได้!”หลี่ซานเพิ่งพูดจบ นอกสนามซ้อมก็มีเสียงร้องเรียกด้วยความร้อนใจ“เสี่ยวฝาน เสี่ยวฝาน!”เสียงดังชัดเจนเช่นนี้ เฉินฝานคุ้นเคยเป็นอย่างดีหลูเฉิงกวงมาแล้วเฉินฝานทำสีหน้าเบื่อหน่าย ลำพังหลี่ซานคนเดียวเขาก็เปลืองน้ำลายมากแล้ว ตอนนี้หลูเฉิงกวงมาอีก อีกทั้งหลูเฉิงกวงไม่ได้มาคนเดียวแน่นอน“เสี่ยวฝาน”เป็นจริงตามคาดเสียงของจางเจิ้งห้าว ตามหลังเสียงของหลูเฉิงกวงมาติดๆ“เจ้า...” สายตาของหลูเฉิงกวงมองไปยังคนเร่ร่อนและหญิงสาวปราดหนึ่งกระสอบทรายและไหสุราก่อนหน้านี้ของเฉินฝาน เขายังพอทนได้ เชื่อว่าเฉินฝานต้องมีกลยุทธ์ไม่คาดฝัน ตอนนี
“อะไรสำเร็จ?”หลี่ซานราวกับเป็นพี่ใหญ่ ถลึงตามองเฉินฝานด้วยความหงุดหงิด “หรือว่าเจ้าอยากพาผู้หญิงพวกนี้ขึ้นภูเขาวิฬาร์เพื่อโยนไหสุราเช่นนั้นหรือ?”“ฮ่าๆ” เฉินฝานหัวเราะแล้วเกาศีรษะ เขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ทุกครั้งที่เขาทำท่าทีทำนองนี้ ก็มองดูเซ่อๆ “พี่หลี่ท่านไม่เห็นหรือว่าสตรีพวกนี้ โยนได้ไกลกว่าชายหนุ่มก่อนหน้านี้หรือ? พวกนางเหมาะในการโยนไหสุรามาก”“เจ้า...เฮ้อ!” หลี่ซานเบี่ยงหน้าไปอีกทาง “ไม่อยากยุ่งกับเจ้าแล้ว”“ท่านไม่ต้องเป็นกังวลตั้งแต่แรกแล้ว ดูแลการค้าก็พอแล้ว หากปลายปีรายได้น้อย ข้าที่เป็นหุ้นส่วนคนนี้จะเอาเรื่องพี่” เฉินฝานพูดด้วยรอยยิ้ม“พูดในสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจอีกแล้ว ทั้งยังเอาแต่บอกข้าว่าไหสุราเป็นอาวุธชั้นดี กระทั่งเวลานี้ข้ายังไม่เห็นว่ามันดีอย่างไร” หลี่ซานบ่นงุบงินแล้วเดินจากไปเมื่อครู่เฉินฝานบอกว่าขอเพียงโยนกระสอบทรายเลยเสาไม้ได้ เขาจะรับไว้ทั้งหมด ตอนนี้เขากำลังไปเตรียมอาหารให้พวกหญิงสาว“ไหสุราเป็นอาวุธชั้นดี? อาวุธ?”หลูเฉิงกวงที่ได้ยินคำพูดของหลี่ซาน ก้มหน้าลงแล้วพึมพำ“เสี่ยวฝาน!” จู่ๆ หลูเฉิงกวงก็ร้องตะโกนเสียงดัง“ใต้เท้า เป็นอะไรไปขอรับ?” เฉินฝานตบหน้า
“ห้องทำงานหนึ่งห้อง”“ห้องทำงานหนึ่งห้อง? ตอนนี้เจ้ามีเงินทองมากมาย ห้องทำงานหนึ่งห้อง ต้องขอข้าด้วยหรือ?”“ไม่ใช่ขอรับ ห้องทำงานแบบนั้นแม้มีเงินทองมากมายเพียงใดก็ไม่อาจซื้อได้ มีเพียงใต้เท้าคนเดียวเท่านั้นที่ให้ข้าได้”...ภูเขาวิฬาร์ค่ายชิงหลง“พี่ใหญ่ ไปเด็ดหัวเฉินฝานที่ตัวอำเภอผิงอัน ไม่อาจทำเช่นนี้เด็ดขาดขอรับ!”โจวลี่เหรินที่รู้ว่ามังกรตาเดียวจะส่งคนไปสังหารเฉินฝาน รีบพูดปราม“เหตุใดจึงไม่ได้? ไปสังหารคนในเมือง เรื่องนี้พวกเราทำเป็นประจำไม่ใช่หรือ? อีกทั้งคนที่สังหารก็เป็นคนที่มีอำนาจ” มังกรตาเดียวหงุดหงิดเล็กน้อย“พวกเราทำเป็นประจำ แต่คนมีอำนาจพวกนั้น ล้วนเป็นพ่อค้า ตอนนี้เฉินฝานเป็นถึงผู้สอบระดับมณฑลได้คะแนนอันดับหนึ่งของอำเภอผิงอัน” โจวลี่เหรินเตือนมังกรตาเดียวสีหน้าของมังกรตาเดียวไม่ยี่หร่ะแม้แต่น้อย “สอบระดับมณฑลได้อันดับหนึ่งแล้วอย่างไร ก็แค่คอเดียวหัวเดียวไม่ใช่หรือ?”“ใช่คอเดียว หัวเดียว แต่เฉินฝานไม่เหมือนกัน แคว้นของเราให้ความสำคัญกับวิชาการด้อยค่าการต่อสู้ ฝ่าบาทให้ปัญญาชนเป็นรากฐานของแคว้น พวกเราไปสังหารเฉินฝานถึงตัวอำเภอ ถือเป็นการดูแคลนราชสำนัก ดูหมิ่นจัก
“ขุดหลุม ขุดหลุมอะไร?”“ขุดหลุมเช่นนี้ขอรับ”คนมารายงานเริ่มทำท่าทาง แต่เขายิ่งทำท่าทางต่างๆ โจวลี่เหรินก็ยิ่งไม่เข้าใจในสงคราม เขาพบเจอกลยุทธ์การต่อสู้มากมายบนภูเขาวิฬาร์ เขาเองก็เคยพบเห็นวิธีการโจมตีภูเขาหลากหลายรูปแบบ แต่การขุดหลุมเช่นนี้เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนมังกรตาเดียวและถูซิงซุนที่ทราบเรื่องหัวเราะอย่างบ้าคลั่งตอนพวกเขาได้ยินเฉินฝานบอกให้สตรีเหล่านั้น ขุดหลุมสูงกว่าตนเอง ก็ยิ่งหัวเราะมากกว่าเดิมสำหรับพวกเขา เฉินฝานกำลังสองสตรีพวกนางขุดหลุมฝังศพตนเองมังกรตาเดียวพูดด้วยความโอหัง เห็นแก่ที่เฉินฝานไม่ลำบากพวกเขาเก็บกวาดศพ เขาจะทำให้ร่างของเฉินฝานตายอย่างสมประกอบเห็นสีหน้าเป็นกังวลของโจวลี่เหริน มังกรตาเดียวพูด “คุณท่าน อย่ากังวลไปเลย ล้วนเป็นแค่สตรี แม้เฉินฝานจะฉลาดเพียงใด ก็ไม่อาจทำอะไรได้”“พี่ใหญ่ พวกเราไม่อาจดูแคลนพวกสตรี ข้าสืบรู้มาว่า คนที่ยิงธนูสังหารน้องสาม คือภรรยาของเฉินฝาน”คำพูดของโจวลี่เหริน ทำให้มังกรตาเดียวแปลกใจคนที่ยิงธนูสังหารวานรเป็นผู้หญิง เขาไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆแต่ว่า ความตกตะลึงฉายบนใบหน้าของมังกรตาเดียว เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น“ภรรยาของเ
ก่อนที่หลูเฉิงกวงจะมาเป็นนายอำเภอ เขาอยู่ในกองทัพเป็นเวลาสิบห้าปีและเข้าร่วมการสู้รบเล็กใหญ่ไม่น้อยกว่าร้อยครั้งแต่เขาไม่เคยเห็นสิ่งนั้นมาก่อนมันเป็นจานขนาดใหญ่ เฉินฝานใช้ทรายและก้อนกรวดจำลองภูมิทัศน์ทั้งหมดของภูเขาวิฬาร์ บนนั้นยังปักธงเล็ก ๆ จำนวนมากเอาไว้ ซึ่งระบุที่ดินทุกตารางนิ้วและหุบเขาทุกแห่งในภูเขาวิฬาร์ไว้อย่างชัดเจนหลูเฉิงกวงเอ่ยถามเฉินฝานอย่างตื่นตะลึงว่าสิ่งนั้นมาจากไหน?ในฐานะทหารผ่านศึกที่ร่วมรบมากกว่าร้อยครั้งรู้สึกชอบมันมาก ถ้าในกองทัพมีสิ่งนี้ มันคงเหมือนเสือติดปีกหากเขามีสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อก่อน เขาคงจะไม่ประสบความพ่ายแพ้มากขนาดนั้นเมื่อเฉินฝานตอบกลับว่าเขาทำเอง เขาก็มองเฉินฝานราวกับว่ากำลังมองเทพเซียนชายชรากล่าวว่าเฉินฝานเป็นผู้มีพรสวรรค์ มีความสามารถที่จะสอบได้จอหงวนหลูเฉิงกวงรู้สึกว่าเฉินฝานไม่เพียงแต่มีความสามารถที่จะสอบได้จอหงวนเท่านั้น แต่เขายังเป็นอัจฉริยะทางการทหารด้วยเฉินฝานชี้กระบะทรายและบอกเล่าวิธีโจมตีภูเขาวิฬาร์ของเขา หลูเฉิงกวงฟังอยู่พักใหญ่ เขาเข้าใจทุกคำตัวอักษร แต่เมื่อนำมาเชื่อมต่อกัน เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเฉินฝานพูดอะไรกลยุทธ์การร
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่