“ยิ่งพูดต่อๆ กันก็ยิ่งไปกันใหญ่ สุดท้าย มีคนบอกว่า นี่เป็นการร่วมมือกันระหว่างเฉินฝานกับโจรภูเขา”“ร่วมมือบ้าอะไร? ร่วมมือกับโจรภูเขา นายท่านของข้าได้ประโยชน์อันใด?” ฉินเย่ว์เจียวได้ยินถ้อยคำนี้แล้วโมโหยิ่งนัก“เฮ้อ!” หลี่ซานถอนหายใจ “พวกเรารู้ว่าไม่มีประโยชน์ใด แต่คนพวกนั้น พวกเขาเชื่อ ข้าอธิบายให้พวกเขาฟังนานแล้ว แต่พวกเขาไม่อาจรับฟัง”“ข่าวลือว่าเฉินฝานร่วมมือกับโจรภูเขา ไปถึงหูครอบครัวสหายทั้งหลายอย่างรวดเร็ว เริ่มด้วยครอบครัวของสหายสิบเจ็ดคนที่เสียชีวิต เดินทางเข้าอำเภอเพื่อให้เสี่ยวฝานชดใช้ด้วยชีวิต ตามด้วยครอบครัวของสหายคนอื่นๆ พวกเขาจะพาสหายเหล่านั้นกลับไป!”“พวกเขาโง่เขลาจริงๆ” ฉินเย่ว์เจียวขมวดคิ้วเป็นปม “อวดความสามารถ ร่วมมือกับโจรบ้าบออะไร เมื่อคืนพวกเรา...”ฉินเย่ว์เจียวร้อนใจยิ่งนักการโจมตีเมื่อคืน เพื่อรอบสังเกตสถานการณ์ของศัตรูเท่านั้น ไม่ได้ต่อสู้กันจริงๆ กระสอบทรายและไหสุราเหล่านั้น เพื่อหลอกพวกโจรภูเขาก็เท่านั้นฉินเย่ว์เจียวรับรู้ข้อนี้เป็นอย่างดี แต่ไม่อาจพูดเพราะเฉินฝานบอกเขาว่า นี่คือความลับ“ไม่ต้องเก็บเอาไว้ เย่ว์เจียวเจ้าบอกพี่หลี่ไปตามตรงเถอะ” เฉิน
ฝีเท้าที่พุ่งมาหาเฉินฝานหยุดนิ่ง พวกเขามองหญิงวัยกลางคนที่อยู่ด้านหน้าสุดด้วยความตกตะลึงลูกธนูทั้งสามดอกที่ฉินเย่ว์เจียวยิงปักลงบนพื้นล้อมรอบหญิงวัยกลางคนถือเคียว เป็นตัวอักษรจีนตัวหนึ่ง ทุกดอกปักลงบนพื้นอย่างแม่นยำ ห่างจากหญิงวัยกลางคนไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร“คิดว่าเอาธนูยิงข้า แล้วข้าจะกลัวหรือ?”หลังจากชะงักครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นว่าธนูยิงใส่ตน หญิงวัยกลางคนที่ไม่มีความรู้ด้านการยิงธนูคิดว่าฉินเย่ว์เจียวยิงไม่แม่น ถือเคียวพุ่งตัวไปหาเฉินฝาน“ฟิ้ว!”“ปึก!”“อ๊าก!”หญิงวัยกลางคนมองธนูที่อยู่ตรงปลายเท้าของตนเองด้วยสติหลุดลอย ครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อครู่อย่างชัดเจน ลูกธนูแนบชิดปลายเท้าของนาง ไม่เหลือช่องว่างแม้แต่น้อยฉินเย่ว์เจียวถือคันศร “ใครจะเข้ามาอีก อย่าหาว่าธนูของข้าไม่มีตา!”“เขาให้ภรรยาของเขายิงธนูใส่พวกเราเนี่ยนะ?” ท่ามกลางผู้คนเงียบงัน ใครคนหนึ่งพูดขึ้น “ข้าบอกแล้วว่าเฉินฝานไม่ใช่คนดี เขาร่วมมือกับพวกโจรภูเขา เมื่อครู่พวกเจ้ายังมีคนไม่เชื่อข้า ตอนนี้เห็นแล้วกระมัง”คนที่พูดคำนี้ จุดเปลวไฟแห่งความพิโรธของครอบครัวสหายได้สำเร็จ“ลุยเลย พวกเราตั้งมากมาย กลัวสตรีแค่คนหนึ่งเช่
“เหตุใดจึงไม่กล้า? เจ้าบอกว่า ข้าร่วมมือกับโจรภูเขาไม่ใช่หรือ? ข้าขอบอกเจ้า...”เฉินฝานพูดช้าลง “นักธนูในเรือนหลังนี้ ไม่ได้มีเพียงภรรยาที่อยู่ข้างกายข้าคนนี้ ด้านหลัง ในที่ที่พวกเจ้ามองไม่เห็นยังมีอีกหลายคน อีกทั้งพวกเขายังมาจากภูเขาวิฬาร์”“สวรรค์”เมื่อได้ยินเฉินฝานบอกว่าในเรือนมีนักธนูจากภูเขาวิฬาร์อีกหลายคนซ่อนตัวอยู่ คนพวกนั้นตกใจหน้าถอดสี ไม่กล้าก้าวมาข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว“พวกเจ้าถูกเขาหลอกแล้ว ในเรือนหลังนี้ไม่มีนักธนูคนอื่น ภูเขาวิฬาร์ไม่ได้ส่งนักธนูลงมา!”“หึ!” เฉินฝานหัวเราะคนที่เดาแผนการของเขาได้ ปล่อยข่าวลือ สู้กับเขาด้วยเสียงคนในสังคม น่าจะเป็นบุรุษผู้ดูสุขุมที่เขาเจอในเรือนแขกสำราญคนนั้นกระมังเขาเป็นคนฉลาดมาก แต่เขาใช้งานคนไม่เก่งเท่าใดนัก“เจ้า!”เฉินฝานชี้นิ้วไปที่ฝูงชน“ไม่ใช่เจ้า และไม่ใช่เจ้า พวกเจ้าสองคนหลีกไปหน่อย”นิ้วมือของเฉินฝานขยับซ้ายขวา คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าคนๆ นั้น เบี่ยงตัวไปอีกทางอย่างรู้ตัวชายชุดสีเทา ปรากฏตัวให้เฉินฝานเห็นเขาคือคนที่บอกว่าในเรือนหลังนี้ไม่มีนักธนูคนอื่น“เจ้าบอกว่า...” เฉินฝานจับจ้องไปที่คนคนนั้น “เจ้าเป็นคนในครอบคร
“พรืด!”ฉินเย่ว์โหรวที่ฝนหมึกอยู่ข้างเฉินฝานมาโดยตลอดมือสั่น ทำให้น้ำหมึกกระเซ็นใส่มือเฉินฝาน“นายท่าน ขออภัยเจ้าค่ะ ขออภัยเจ้าค่ะ!” ฉินเย่ว์โหรวกล่าวขอโทษเฉินฝาน มือที่หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำหมึกบนมือเฉินฝาน สั่นเทาเล็กน้อยตอนที่หลี่ซานยังไม่เข้ามา เขาเล่นกับนางครู่หนึ่ง ตอนนั้นมือของนางไม่เย็นตกใจกับคำพูดของหลี่ซานเช่นนั้นหรือ?“ไม่ต้องกลัว เจ้ายังไม่มีลูกชายให้ข้าเลย ข้าจะตายได้อย่างไร” เฉินฝานกระซิบข้างหูฉินเย่ว์โหรว พูดครึ่งจริงจังครึ่งล้อเล่น“นายท่าน พี่หลี่อยู่ด้วยนะเจ้าคะ!” พวงแก้มของฉินเย่ว์โหรวแดงระเรื่อในทันที“เสี่ยวฝาน!” หลี่ซานร้อนใจจนเหงื่อแตก “เวลาไหนแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังมีกะจิตกะใจล้อเล่น โจรภูเขาพวกนั้น...”ทันทีที่ได้ยินคำว่าโจรภูเขาสามพยางค์นี้ ตัวของฉินเย่ว์โหรวสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้นางไม่ได้พูดอะไร แต่สำหรับนาง เฉินฝานคือทุกอย่าง หากไม่มีเฉินฝาน เช่นนั้นก็เท่ากับฟ้าถล่มลงมา“พี่หลี่!” เฉินฝานร้องปรามหลี่ซานหลี่ซานเงียบ เฉินฝานพูดกับฉินเย่ว์โหรวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องฝนหมึกแล้ว ออกไปเถอะ!”“เสี่ยวฝาน ข้าไม่ได้มีเจตนาทำให้น้องสะใภ้ตกใจ แต
“บ้าไปแล้ว เสี่ยวฝาน เจ้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”ปากหลี่ซานบ่นงุบงิบ แต่ร่างกายก็ทำตามคำสั่งของเฉินฝาน หมุนตัวหันหลังวิ่งออกไปบนท้องถนนเต็มไปด้วยสตรีเร่ร่อน ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม องครักษ์คนสนิทของหลี่ซานมารายงาน หลี่ซานได้คนมาร้อยกว่าคน พาพวกเขาไปที่สนามแข่งรถม้า เชิญเฉินฝานไปดูเฉินฝานเพิ่งไปถึง หลี่ซานก็รีบวิ่งมาหาเขาทันที เขาชี้ไปยังหญิงสาวที่เสื้อผ้าซอมซ่อ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายซูบผอม“ดูสิ แต่ละคนผ่ายผอมยิ่งนัก หากพวกนางปราบโจรได้ เช่นนั้นข้าก็ทำได้!”หลี่ซานเพิ่งพูดจบ นอกสนามซ้อมก็มีเสียงร้องเรียกด้วยความร้อนใจ“เสี่ยวฝาน เสี่ยวฝาน!”เสียงดังชัดเจนเช่นนี้ เฉินฝานคุ้นเคยเป็นอย่างดีหลูเฉิงกวงมาแล้วเฉินฝานทำสีหน้าเบื่อหน่าย ลำพังหลี่ซานคนเดียวเขาก็เปลืองน้ำลายมากแล้ว ตอนนี้หลูเฉิงกวงมาอีก อีกทั้งหลูเฉิงกวงไม่ได้มาคนเดียวแน่นอน“เสี่ยวฝาน”เป็นจริงตามคาดเสียงของจางเจิ้งห้าว ตามหลังเสียงของหลูเฉิงกวงมาติดๆ“เจ้า...” สายตาของหลูเฉิงกวงมองไปยังคนเร่ร่อนและหญิงสาวปราดหนึ่งกระสอบทรายและไหสุราก่อนหน้านี้ของเฉินฝาน เขายังพอทนได้ เชื่อว่าเฉินฝานต้องมีกลยุทธ์ไม่คาดฝัน ตอนนี
“อะไรสำเร็จ?”หลี่ซานราวกับเป็นพี่ใหญ่ ถลึงตามองเฉินฝานด้วยความหงุดหงิด “หรือว่าเจ้าอยากพาผู้หญิงพวกนี้ขึ้นภูเขาวิฬาร์เพื่อโยนไหสุราเช่นนั้นหรือ?”“ฮ่าๆ” เฉินฝานหัวเราะแล้วเกาศีรษะ เขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ทุกครั้งที่เขาทำท่าทีทำนองนี้ ก็มองดูเซ่อๆ “พี่หลี่ท่านไม่เห็นหรือว่าสตรีพวกนี้ โยนได้ไกลกว่าชายหนุ่มก่อนหน้านี้หรือ? พวกนางเหมาะในการโยนไหสุรามาก”“เจ้า...เฮ้อ!” หลี่ซานเบี่ยงหน้าไปอีกทาง “ไม่อยากยุ่งกับเจ้าแล้ว”“ท่านไม่ต้องเป็นกังวลตั้งแต่แรกแล้ว ดูแลการค้าก็พอแล้ว หากปลายปีรายได้น้อย ข้าที่เป็นหุ้นส่วนคนนี้จะเอาเรื่องพี่” เฉินฝานพูดด้วยรอยยิ้ม“พูดในสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจอีกแล้ว ทั้งยังเอาแต่บอกข้าว่าไหสุราเป็นอาวุธชั้นดี กระทั่งเวลานี้ข้ายังไม่เห็นว่ามันดีอย่างไร” หลี่ซานบ่นงุบงินแล้วเดินจากไปเมื่อครู่เฉินฝานบอกว่าขอเพียงโยนกระสอบทรายเลยเสาไม้ได้ เขาจะรับไว้ทั้งหมด ตอนนี้เขากำลังไปเตรียมอาหารให้พวกหญิงสาว“ไหสุราเป็นอาวุธชั้นดี? อาวุธ?”หลูเฉิงกวงที่ได้ยินคำพูดของหลี่ซาน ก้มหน้าลงแล้วพึมพำ“เสี่ยวฝาน!” จู่ๆ หลูเฉิงกวงก็ร้องตะโกนเสียงดัง“ใต้เท้า เป็นอะไรไปขอรับ?” เฉินฝานตบหน้า
“ห้องทำงานหนึ่งห้อง”“ห้องทำงานหนึ่งห้อง? ตอนนี้เจ้ามีเงินทองมากมาย ห้องทำงานหนึ่งห้อง ต้องขอข้าด้วยหรือ?”“ไม่ใช่ขอรับ ห้องทำงานแบบนั้นแม้มีเงินทองมากมายเพียงใดก็ไม่อาจซื้อได้ มีเพียงใต้เท้าคนเดียวเท่านั้นที่ให้ข้าได้”...ภูเขาวิฬาร์ค่ายชิงหลง“พี่ใหญ่ ไปเด็ดหัวเฉินฝานที่ตัวอำเภอผิงอัน ไม่อาจทำเช่นนี้เด็ดขาดขอรับ!”โจวลี่เหรินที่รู้ว่ามังกรตาเดียวจะส่งคนไปสังหารเฉินฝาน รีบพูดปราม“เหตุใดจึงไม่ได้? ไปสังหารคนในเมือง เรื่องนี้พวกเราทำเป็นประจำไม่ใช่หรือ? อีกทั้งคนที่สังหารก็เป็นคนที่มีอำนาจ” มังกรตาเดียวหงุดหงิดเล็กน้อย“พวกเราทำเป็นประจำ แต่คนมีอำนาจพวกนั้น ล้วนเป็นพ่อค้า ตอนนี้เฉินฝานเป็นถึงผู้สอบระดับมณฑลได้คะแนนอันดับหนึ่งของอำเภอผิงอัน” โจวลี่เหรินเตือนมังกรตาเดียวสีหน้าของมังกรตาเดียวไม่ยี่หร่ะแม้แต่น้อย “สอบระดับมณฑลได้อันดับหนึ่งแล้วอย่างไร ก็แค่คอเดียวหัวเดียวไม่ใช่หรือ?”“ใช่คอเดียว หัวเดียว แต่เฉินฝานไม่เหมือนกัน แคว้นของเราให้ความสำคัญกับวิชาการด้อยค่าการต่อสู้ ฝ่าบาทให้ปัญญาชนเป็นรากฐานของแคว้น พวกเราไปสังหารเฉินฝานถึงตัวอำเภอ ถือเป็นการดูแคลนราชสำนัก ดูหมิ่นจัก
“ขุดหลุม ขุดหลุมอะไร?”“ขุดหลุมเช่นนี้ขอรับ”คนมารายงานเริ่มทำท่าทาง แต่เขายิ่งทำท่าทางต่างๆ โจวลี่เหรินก็ยิ่งไม่เข้าใจในสงคราม เขาพบเจอกลยุทธ์การต่อสู้มากมายบนภูเขาวิฬาร์ เขาเองก็เคยพบเห็นวิธีการโจมตีภูเขาหลากหลายรูปแบบ แต่การขุดหลุมเช่นนี้เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนมังกรตาเดียวและถูซิงซุนที่ทราบเรื่องหัวเราะอย่างบ้าคลั่งตอนพวกเขาได้ยินเฉินฝานบอกให้สตรีเหล่านั้น ขุดหลุมสูงกว่าตนเอง ก็ยิ่งหัวเราะมากกว่าเดิมสำหรับพวกเขา เฉินฝานกำลังสองสตรีพวกนางขุดหลุมฝังศพตนเองมังกรตาเดียวพูดด้วยความโอหัง เห็นแก่ที่เฉินฝานไม่ลำบากพวกเขาเก็บกวาดศพ เขาจะทำให้ร่างของเฉินฝานตายอย่างสมประกอบเห็นสีหน้าเป็นกังวลของโจวลี่เหริน มังกรตาเดียวพูด “คุณท่าน อย่ากังวลไปเลย ล้วนเป็นแค่สตรี แม้เฉินฝานจะฉลาดเพียงใด ก็ไม่อาจทำอะไรได้”“พี่ใหญ่ พวกเราไม่อาจดูแคลนพวกสตรี ข้าสืบรู้มาว่า คนที่ยิงธนูสังหารน้องสาม คือภรรยาของเฉินฝาน”คำพูดของโจวลี่เหริน ทำให้มังกรตาเดียวแปลกใจคนที่ยิงธนูสังหารวานรเป็นผู้หญิง เขาไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆแต่ว่า ความตกตะลึงฉายบนใบหน้าของมังกรตาเดียว เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น“ภรรยาของเ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ