“ห้องทำงานหนึ่งห้อง”“ห้องทำงานหนึ่งห้อง? ตอนนี้เจ้ามีเงินทองมากมาย ห้องทำงานหนึ่งห้อง ต้องขอข้าด้วยหรือ?”“ไม่ใช่ขอรับ ห้องทำงานแบบนั้นแม้มีเงินทองมากมายเพียงใดก็ไม่อาจซื้อได้ มีเพียงใต้เท้าคนเดียวเท่านั้นที่ให้ข้าได้”...ภูเขาวิฬาร์ค่ายชิงหลง“พี่ใหญ่ ไปเด็ดหัวเฉินฝานที่ตัวอำเภอผิงอัน ไม่อาจทำเช่นนี้เด็ดขาดขอรับ!”โจวลี่เหรินที่รู้ว่ามังกรตาเดียวจะส่งคนไปสังหารเฉินฝาน รีบพูดปราม“เหตุใดจึงไม่ได้? ไปสังหารคนในเมือง เรื่องนี้พวกเราทำเป็นประจำไม่ใช่หรือ? อีกทั้งคนที่สังหารก็เป็นคนที่มีอำนาจ” มังกรตาเดียวหงุดหงิดเล็กน้อย“พวกเราทำเป็นประจำ แต่คนมีอำนาจพวกนั้น ล้วนเป็นพ่อค้า ตอนนี้เฉินฝานเป็นถึงผู้สอบระดับมณฑลได้คะแนนอันดับหนึ่งของอำเภอผิงอัน” โจวลี่เหรินเตือนมังกรตาเดียวสีหน้าของมังกรตาเดียวไม่ยี่หร่ะแม้แต่น้อย “สอบระดับมณฑลได้อันดับหนึ่งแล้วอย่างไร ก็แค่คอเดียวหัวเดียวไม่ใช่หรือ?”“ใช่คอเดียว หัวเดียว แต่เฉินฝานไม่เหมือนกัน แคว้นของเราให้ความสำคัญกับวิชาการด้อยค่าการต่อสู้ ฝ่าบาทให้ปัญญาชนเป็นรากฐานของแคว้น พวกเราไปสังหารเฉินฝานถึงตัวอำเภอ ถือเป็นการดูแคลนราชสำนัก ดูหมิ่นจัก
“ขุดหลุม ขุดหลุมอะไร?”“ขุดหลุมเช่นนี้ขอรับ”คนมารายงานเริ่มทำท่าทาง แต่เขายิ่งทำท่าทางต่างๆ โจวลี่เหรินก็ยิ่งไม่เข้าใจในสงคราม เขาพบเจอกลยุทธ์การต่อสู้มากมายบนภูเขาวิฬาร์ เขาเองก็เคยพบเห็นวิธีการโจมตีภูเขาหลากหลายรูปแบบ แต่การขุดหลุมเช่นนี้เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนมังกรตาเดียวและถูซิงซุนที่ทราบเรื่องหัวเราะอย่างบ้าคลั่งตอนพวกเขาได้ยินเฉินฝานบอกให้สตรีเหล่านั้น ขุดหลุมสูงกว่าตนเอง ก็ยิ่งหัวเราะมากกว่าเดิมสำหรับพวกเขา เฉินฝานกำลังสองสตรีพวกนางขุดหลุมฝังศพตนเองมังกรตาเดียวพูดด้วยความโอหัง เห็นแก่ที่เฉินฝานไม่ลำบากพวกเขาเก็บกวาดศพ เขาจะทำให้ร่างของเฉินฝานตายอย่างสมประกอบเห็นสีหน้าเป็นกังวลของโจวลี่เหริน มังกรตาเดียวพูด “คุณท่าน อย่ากังวลไปเลย ล้วนเป็นแค่สตรี แม้เฉินฝานจะฉลาดเพียงใด ก็ไม่อาจทำอะไรได้”“พี่ใหญ่ พวกเราไม่อาจดูแคลนพวกสตรี ข้าสืบรู้มาว่า คนที่ยิงธนูสังหารน้องสาม คือภรรยาของเฉินฝาน”คำพูดของโจวลี่เหริน ทำให้มังกรตาเดียวแปลกใจคนที่ยิงธนูสังหารวานรเป็นผู้หญิง เขาไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆแต่ว่า ความตกตะลึงฉายบนใบหน้าของมังกรตาเดียว เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น“ภรรยาของเ
ก่อนที่หลูเฉิงกวงจะมาเป็นนายอำเภอ เขาอยู่ในกองทัพเป็นเวลาสิบห้าปีและเข้าร่วมการสู้รบเล็กใหญ่ไม่น้อยกว่าร้อยครั้งแต่เขาไม่เคยเห็นสิ่งนั้นมาก่อนมันเป็นจานขนาดใหญ่ เฉินฝานใช้ทรายและก้อนกรวดจำลองภูมิทัศน์ทั้งหมดของภูเขาวิฬาร์ บนนั้นยังปักธงเล็ก ๆ จำนวนมากเอาไว้ ซึ่งระบุที่ดินทุกตารางนิ้วและหุบเขาทุกแห่งในภูเขาวิฬาร์ไว้อย่างชัดเจนหลูเฉิงกวงเอ่ยถามเฉินฝานอย่างตื่นตะลึงว่าสิ่งนั้นมาจากไหน?ในฐานะทหารผ่านศึกที่ร่วมรบมากกว่าร้อยครั้งรู้สึกชอบมันมาก ถ้าในกองทัพมีสิ่งนี้ มันคงเหมือนเสือติดปีกหากเขามีสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อก่อน เขาคงจะไม่ประสบความพ่ายแพ้มากขนาดนั้นเมื่อเฉินฝานตอบกลับว่าเขาทำเอง เขาก็มองเฉินฝานราวกับว่ากำลังมองเทพเซียนชายชรากล่าวว่าเฉินฝานเป็นผู้มีพรสวรรค์ มีความสามารถที่จะสอบได้จอหงวนหลูเฉิงกวงรู้สึกว่าเฉินฝานไม่เพียงแต่มีความสามารถที่จะสอบได้จอหงวนเท่านั้น แต่เขายังเป็นอัจฉริยะทางการทหารด้วยเฉินฝานชี้กระบะทรายและบอกเล่าวิธีโจมตีภูเขาวิฬาร์ของเขา หลูเฉิงกวงฟังอยู่พักใหญ่ เขาเข้าใจทุกคำตัวอักษร แต่เมื่อนำมาเชื่อมต่อกัน เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเฉินฝานพูดอะไรกลยุทธ์การร
หลูเฉิงกวงชะงัก “จับคน จับใครรึ?”เฉินฝานมองไปรอบ ๆ “ฮูหยินต้องการแป้งชาดแป้งน้ำหรือไม่? เมื่อวันก่อนมีพ่อค้าขายส่งได้ส่งแป้งชาดแป้งน้ำมาให้ภรรยาเหล่านั้นของข้า เขาบอกว่าเอามาจากเมืองหลวง”หลูเฉิงกวงตกตะลึงไปหนึ่งวินาทีแล้วกล่าวอย่างเสียงดัง “เสี่ยวฝาน เจ้ามาทันเวลาพอดีจริง ๆ ภรรยาของข้าแต่เดิมเป็นคุณหนูในเมืองหลวง นางบ่นกับข้าทุกวันว่าแป้งชาดและแป้งน้ำของอำเภอผิงอันแย่มาก”บ่ายวันนี้แขกที่มากินข้าวที่เรือนแขกสำราญสุขหลายคนเกิดอาการท้องเสีย ที่สำคัญทุกคนกินปลาย่างเหมือนกัน แขกกลุ่มนั้นตะโกนโหวกเหวกจะเรียกร้องค่าชดเชยจากเรือนแขกสำราญสุขเรือนแขกสำราญสุขยืนกรานว่าปลาย่างของตนไม่มีปัญหาและได้แจ้งต่อทางการทราบหลูเฉิงกวงนำคนไปดำเนินการทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุมีผล หลูเฉิงกวงจึงเรียกขุนนางชันสูตรศพให้มาตรวจดูจากการสอบพบว่ามีบางอย่างผิดปกติในปลาเป็นปลาดังกล่าวถูกส่งโดยพวกเฉินผิง พวกเขาเป็นชาวบ้านที่เพิ่งมีชีวิตที่ดีขึ้น จะมีเงินมากมายไปชดเชยได้อย่างไร หลูเฉิงกวงเลยจับกุมเฉินผิงและชาวบ้านอีกกว่าสิบคนจากหมู่บ้านซานเหอที่รับผิดชอบในการจับปลาเข้าเรือนจำหลังจากได้ยินข่าวนี้ เฉินฝานก็รู
“เจ้าหนุ่ม โอหังจริง ๆ”มังกรตาเดียวผลักหญิงสาวที่นอนอยู่บนตัวเขาออกแล้วหยิบดาบเล่มใหญ่ขึ้นมาวางบนไหล่ “ทุกคน ไปกับข้าและฆ่าไอ้หนุ่มนั่น!”“พี่ใหญ่ อย่าลืมน้องสาม ระวังไว้ดีกว่า” โจวลี่เหรินกล่าวเตือนซ้ำ ๆ“ไม่ต้องห่วง ลูกธนูของยัยนั่นยิงไม่ถูกข้าหรอก”มังกรตาเดียวกล่าวอย่างนั้นและเดินโยกเยกออกจากถ้ำพร้อมกับดาบเล่มใหญ่“โจวอวี่ รีบตามพี่ใหญ่ไป จัดการยัยผู้หญิงนั่นก่อนแล้วค่อยจัดการเฉินฝาน” โจวหลี่เหรินสั่งการโจวอวี่เมื่อเฉินฝานนำคนเลี้ยวจากทางหลวงเข้าถนนทางลัดเพื่อตรงไปยังภูเขาวิฬาร์ตัวเมืองอำเภอผิงอัน“กรับ ๆ ๆ!”“จ้า!”ม้าทางการที่สง่างามสามตัว วิ่งไปทางประตูเมืองด้วยความเร็วสูงสุดชายผู้อยู่บนหลังม้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลูเฉิงกวง นายอำเภอของอำเภอผิงอันหลูเฉิงกวงขี่ม้าออกจากเมืองไม่นาน ก็พบกับคนขี่ม้ากลุ่มหนึ่งม้ายังไม่ทันหยุดนิ่ง หลูเฉิงกวงก็กระโดดลงและตรงไปยังรถม้าคันหรูหราของกลุ่มนั้นจางเจิ้งห้าวและเหออี๋หมินที่นั่งอยู่บนม้าสองตัวก็กระโดดลงจากหลังม้าด้วย“ข้าน้อยขอคารวะท่านเจ้าเมือง!”หลูเฉิงกวงคุกเข่าข้างรถม้า“ขอคารวะท่านเจ้าเมือง!” จางเจิ้งห้าวและเหออี๋หมิน
หลี่หงโห่วเหลือบมองชายชราที่ไม่โดดเด่นในหมู่ทหารชายชราผู้นั้นก็คือจอมพลเสถียรภาพของแคว้นต้าชิ่งช่วงเวลานี้จอมพลเสถียรภาพนำกองทัพจำนวนหมื่นนายตั้งทัพอยู่ที่เมืองอวี๋ตู เพื่อป้องกันการรุกรานของแคว้นเหอถงที่อยู่ทางตอนใต้เมืองอวี๋ตูกับเมืองหรงตูอยู่ใกล้กัน นายพลเดินทางจากเมืองหลวงเพื่อกลับไปรายงานผล ตอนที่เดินทางผ่านเมืองหรงตู เขาได้ยินว่าพวกโจรภูเขาวิฬาร์กำเริบเสิบสานมากจึงอยากมาดูสักหน่อย“อย่ามัวแต่ชะงัก ลุกขึ้นแล้วตามมาซะ โจรพวกนี้ข้าจะไปปราบมันเอง”หลูเฉิงกวงมองหลี่หงโหวอย่างตื่นตะลึง “ใต้เท้าจะไปปราบพวกโจรด้วยตนเอง?”หลี่หงโห่วกวาดตามองหลูเฉิงกวงโดยไม่กล่าวสิ่งใด เขายกมือขึ้นเล็กน้อยจางหย่งชุนนายกองทหารผู้เฝ้าระวังเมืองหรงตูที่นั่งบนหลังม้า อ้าปากกล่าว “ทุกคนจงฟังคำสั่ง เคลื่อนตัวและซ่อนตัวไปข้างหน้า ตามสภาพของพื้นที่!”หลังจากจางหย่งชุนกล่าวจบ หลูเฉิงกวงก็เห็นคนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังรุกคืบหน้าในความมืดหลูเฉิงกวงที่เคยอยู่ในกองทัพ สามารถประมาณการจำนวนคนได้ในครู่เดียวไม่น้อยกว่าสามพัน!หลูเฉิงกวงอุทานในใจลับ ๆ แม้จะรู้ว่าใต้เท้าเจ้าเมืองไปปราบพวกโจรด้วยตนเอง จำนวนคนไม่ม
ทหารหลายคนเดินเข้าหาเฉินฝานและฉินเย่ว์เจียว...…“ใต้เท้าจาง พูดกันได้ขอรับ ๆ!”หลูเฉิงกวงวิ่งมาอยู่ตรงหน้าเฉินฝานแล้วดึงเขาออกไป“เสี่ยวฝาน เจ้าเมืองจะไปปราบพวกโจรด้วยตนเอง”“ท่านเจ้าเมืองมาด้วย?” เฉินฝานรู้สึกประหลาดใจมากที่ท่านเจ้าเมืองมา“ใช่!” หลูเฉิงกวงขยับริมฝีปากและมองไปที่โพรงหญ้าสองข้างเฉินฝานมองตามท่าทางของหลูเฉิงกวงโพรงหญ้าสองข้างเห็นเป็นเงาตะคุ่ม“ดูเหมือนว่า คนมาไม่น้อยนะ”“ก็ใช่น่ะสิ? ตั้งสามพันคน” หลูเฉิงกวงยังคงดึงเฉินฝานไปด้านข้าง“คนเยอะขนาดเลยรึ เช่นนั้นข้าไม่ต้องทำอะไรแล้วสิ”การปราบโจรเป็นงานที่แลกด้วยชีวิต ท่านเจ้าเมืองพาคนมามากขนาดนี้ เขาก็ไม่ต้องเสียสละโดยไม่มีความจำเป็นเหมือนกัน“เย่ว์เจียว เจ้าแจ้งเหล่าหญิงสาวให้ถอยไปด้านข้างแล้วพักผ่อนที่นั่น!”หลังจากกล่าวจบ เฉินฝานปัดมือแล้วนั่งบนก้อนหินริมทาง“เสี่ยวฝาน ใต้เท้ายังอยู่ตรงนี้ อย่ามัวแต่นั่งนิ่ง” หลูเฉิงกวงรีบดึงเฉินฝานขึ้นมาจากก้อนหิน“ขอรับ”เฉินฝานเพิ่งรู้สึกตัว เขาเกือบลืมไปแล้วว่าที่นี่คือสังคมศักดินาที่มีชนชั้นที่เข้มงวดอย่างยิ่งเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามเฉ
“พึ่บ!”“พึ่บ ๆ ๆ!”คบเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนสว่างขึ้นในเวลาเดียวกัน ส่องสว่างทั่วทั้งภูเขาวิฬาร์จนเป็นสีแดง“ท่านเจ้าเมืองหลี่พาคนสามพันคนมาที่นี่ด้วยตนเอง จางหย่งชุนก็ดูมั่นใจมากเช่นกัน ไป!” หลูเฉิงกวงดึงเฉินฝาน “ไปดูว่าพวกเขาสู้กันอย่างไร”เมื่อเทียบกับการปกครองอำเภอ หลูเฉิงกวงสนใจการทำสงครามมากกว่า“โถ ใต้เท้า ทำไมท่านถึงยังคิดจะดูว่านายกองทหารปราบโจรอย่างไรอีกเล่า ท่านไม่คิดหรือว่าใต้เท้าเจ้าเมืองจะจัดการท่านอย่างไรหลังจากปราบโจรเสร็จแล้ว หากท่านมีเวลาแบบนี้ ท่านไปคิดดีกว่าว่าจะขออภัยโทษจากใต้เท้าเจ้าเมืองอย่างไร บางทีใต้เท้าเจ้าเมืองอาจจะไม่ลงโทษท่านเพราะปราบโจรสำเร็จก็เป็นได้”อาจารย์ของหลูเฉิงกวงคำแนะนำอยู่ข้าง ๆ อย่างจริงจัง“ข้ารู้แล้ว หลังจากเห็นวิธีโจมตีแล้ว ข้าจะไปคิดทันที” หลูเฉิงกวงพยักหน้าพร้อมดึงเฉินฝานขึ้นไปบนภูเขา“เฮ้อ!”อาจารย์ปู่มองแผ่นหลังของหลูเฉิงกวงแล้วส่ายหัวซ้ำ ๆหลูเฉิงกวงเป็นคนเที่ยงตรง ใส่ใจพลเมืองเสมอ อะไรก็ดี แค่ไม่มีไหวพริบเพียงพอ จึงได้ถูกลวี่เหลียงเจ๋อกดขี่อยู่เสมออย่างสถานการณ์ตอนนี้ หากเป็นลวี่เหลียงเจ๋อ เขามีเวลาคิดไปปราบพวกโจรอย่างไรอีก
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ