“พวกโจรภูเขาวิฬาร์ใกล้บุกเข้ามา ข้ากับตาเฒ่าเพียงต้องการซ่อนตัว เมื่อโจรจากไป พวกเราก็จะกลับไปที่หมู่บ้าน จะไม่อยู่ที่นี่นานแน่นอน”ภายใต้การชี้นำของเฉินเจียง นางโจวเริ่มกล่าวพร้อมทั้งน้ำตา“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า……” นางโจวร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความร้าวรานคนที่ไม่รู้ความจริง มองแล้วชวนให้รู้สึกสงสารนางมากและคิดว่าเฉินฝานทำเกินไป“โอ้สวรรค์ มีเรือนหลังใหญ่ขนาดนี้ ไม่ไปเชิญท่านปู่ของตนมาอยู่ที่นี่ด้วยตนเองก็ช่างปะไร เมื่อปู่มาถึงและมาเพราะพวกโจรก่อปัญหา แม้แต่ข้ามประตูไปก็ยังไม่อนุญาต?”“นี่คือผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งประจำจังหวัดของอำเภอผิงอันเราหรือ ที่สำคัญยังชนะผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งของสำนักบัณฑิตด้วย?”“ไม่มีแม้กระทั่งความกตัญญูที่เป็นขั้นพื้นฐาน แต่ได้อันดับหนึ่งแล้วจะมีประโยชน์อย่างไร ชนะบัณฑิตแล้วมีประโยชน์อย่างไร?”“เขาไม่กลัวถูกฟ้าผ่าหรือ?”คนโบราณให้ความสำคัญเรื่องชื่อเสียง โดยเฉพาะปัญญาชนเฉินเจียงสบตากับเฉินฝานโดยตรงเป็นสายตาที่ยั่วยุสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้วเจ้ายังกล้าไม่ให้พวกเราเข้าไป?เฉินเจียงวางแผนไว้แล้ว เมื่อเฉินฝานอนุญาตให้พวกเขาเข้าไป พวกเขาจะไม่เข
“นายท่าน” ฉินเย่ว์โหรวหน้าแดงใจเต้น หมัดสีอมชมพูทุบเฉินฝานไม่หยุด “ปล่อยข้านะเจ้าคะ!”“ข้าไม่ปล่อย!”“นายท่าน…...”มีเสียงที่ชวนให้คนรู้สึกหน้าแดงดังมาจากข้างในฉินเย่ว์เจียวเดินไปที่สนามเพื่อฝึกยิงธนูโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าใดฉินเย่ว์ฉู่หาผ้าสองชิ้นมาอุดหูการกระทำเหล่านี้ สองพี่น้องทำอย่างช่ำชองและไม่รู้สึกประหลาดใจนานแล้วแต่พวกสาวใช้แตกต่างออกไปก่อนที่หลี่ซานจะส่งพวกนางมาที่นี่ เขาบอกพวกนางว่า พวกนางมาไม่ได้มาเพื่อเป็นแค่สาวใช้ แต่ยังต้องช่วยเฉินฝานผลิดอกออกผลพร้อมสั่งให้มัวมัวสอนวิธีร่วมหอแก่พวกนางถึงจะบอกว่าเข้าใจแต่พวกนางก็ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ จะบอกว่าไม่เข้าใจ มัวมัวก็อธิบายละเอียดขนาดนั้นพอเวลานี้ได้ยินเสียงไพเราะเหล่านั้น แต่ละคนก็หน้าแดงมากเสียงของนายท่านมีไม่มากแต่หนักแน่นและทรงพลังมัวมัวบอกว่า ผู้ชายแบบนี้ แข็งแกร่งมากและสามารถทำให้ผู้หญิงท้องได้ง่ายผู้หญิงที่ได้เจอผู้ชายแบบนี้นับว่าโชคดีฟังไป คิดไปพวกสาวใช้ บางคนหน้าแดงกว่าเดิม ในขณะที่บางคนก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ความปรารถนาในด้านนั้นของผู้หญิง ไม่น้อยไปกว่าความปรารถนาของผู้ชาย เพียงแค่ปรัชญาดั้งเดิมก
“พี่หลี่ เกิดอะไรขึ้น?” เฉินฝานลุกขึ้นไปถามเขา“พวกเขา พวกเขา…...”ไม่รู้ว่าเพราะวิ่งเร็วเกินไปหรือกังวลมากไป ผ่านไปนานมากหลี่ซานแทบพูดไม่ออกเฉินฝานยื่นชาหนึ่งแก้วให้เขา “พี่หลี่ ใจเย็นก่อน ดื่มชาก่อนแล้วค่อยพูด”หลี่ซานโบกมือ “ไม่ดื่มแล้ว คนพวกนั้นมุ่งหน้าไปยังที่ทำการแล้ว!”เฉินฝานตกตะลึง “มุ่งหน้าไปที่ทำการ? ใคร? ทำไม?”“ทันทีที่ประตูเมืองเปิดเมื่อเช้านี้ ชาวบ้านจากนอกเมืองก็หลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก หลังจากรู้ว่าใต้เท้าหลูจะนำทัพไปปราบโจรด้วยตนเอง พวกเขาก็ตรงไปยังที่ทำการและไม่ให้ท่านหลูไป”“อ่อ ใต้เท้าหลูเป็นคนเอาใจใส่พลเมือง เขาเป็นข้าราชการที่ดี พวกชาวบ้านคงกลัวว่าจะตกอยู่ในอันตรายกระมัง”“ไม่ใช่ มันตรงกันข้ามกับที่เจ้าพูดเลยเสี่ยวฝาน” เมื่อเห็นว่าเฉินฝานเข้าใจผิด หลี่ซานก็ร้อนใจอีกครั้ง “ชาวบ้านเหล่านั้นไม่ได้เป็นห่วงใต้เท้าหลู แต่พวกเขาประณามใต้เท้า ว่าใต้เท้าหลูกำลังยั่วยุพวกโจรและจะนำพาความเสี่ยงถึงชีวิตมาสู่พวกเขา ด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงได้ปิดกั้นประตูที่ทำการและไม่ให้ใต้เท้าออกไป”“คำสั่งปราบโจรมาจากท่านเจ้าเมืองไม่ใช่หรือ? ถ้าใต้เท้าหลูไม่ไปก็เท่ากับฝ่าฝืนคำสั่ง ใต้เท
“ใช่ เพราะอะไรล่ะ?”ชาวบ้านที่ถอยกลับไปเมื่อครู่นี้ พลันหยุดก้าวเท้า“ข้ารู้แล้ว!” ชายชุดเขียวอยู่ในฝูงชนพลันยกมือ“หืม พี่ชาย ถ้าท่านรู้ก็จงบอกทุกคนเร็วเข้า” เสียงของชายชุดเทาที่ยืนบนที่สูงดังกว่าเดิมสายตาของผู้คนเพ่งไปที่ชายชุดเขียวพร้อมกัน“ทุกคนยังจำลูกธนูทั้งสิบที่ซ่อนอยู่ แล้วยิงอย่างต่อเนื่องที่สนามแข่งได้ใช่หรือไม่!”“แน่นอน ลูกธนูนั่นไม่เพียงแต่ฆ่าเจี่ยงหงเหวิน แต่ยังต้องการฆ่าเฉินฝานด้วย”เหตุการณ์อันน่าตกตะลึงนั่น เวลานี้ในอำเภอผิงอัน อำเภอตูอันและอำเภอเหออัน กลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนหลังจากกินข้าวเสร็จพวกเขารู้สึกเสียดายเจี่ยงหงเหวินและประหลาดใจกับโชคชะตาของเฉินฝานจนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเฉินฝานมีความสามารถจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสอบขุนนางหรือชนะเจี่ยงหงเหวิน พวกเขาต่างคิดว่าเพราะโชคชะตาช่วยเขา“ใต้เท้าเจ้าเมืองตรวจสอบพบว่าลูกธนูที่ยิงนายน้อยเจี่ยงมาจากภูเขาวิฬาร์!”“ภูเขาวิฬาร์? เจ้ากำลังบอกว่าโจรภูเขาวิฬาร์คือคนยิงนายน้อยเจี่ยงงั้นรึ? ข่าวของเจ้าเชื่อถือได้หรือไม่?”“นี่คือสิ่งที่ญาติของข้าที่ทำงานอยู่ในที่ทำการเจ้าเมืองหรงตูบอกแก่ข้า จะเชื่อไม่ได้ได้
“ทำไมล่ะ ใต้เท้าหลูไม่เคยล่วงเกินเขา ข้ากับเจ้ายิ่งไม่เคยทำ” หลี่ซานขมวดคิ้วมุ่นและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ“ความโลภ!”อำนาจจะขยายความ/โลภของผู้คนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อสองอำเภอถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเมือง ลวี่เหลียงเจ๋อที่เป็นนายอำเภอก็จะก้าวกระโดดกลายเป็นจือโจวทันทีเขาและหลี่ซานได้กลายเป็นหนามยอกอกของลวี่เหลียงเจ๋อแล้ว เมื่อเขาได้เป็นจือโจว ลวี่เหลียงเจ๋อต้องโจมตีพวกเขาอย่างแน่นอนผู้ชายทุกคนในอำเภอผิงอันก็จะตกที่นั่งลำบากไปด้วย ภายหลังของการรับสมัครกองกำลังทหาร ลวี่เหลียงเจ๋อก็จะเริ่มต้นจากอำเภอผิงอันอย่างแน่นอน“เสี่ยวฝาน เจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรตอนนี้?” ใบหน้าของหลี่ซานเต็มไปด้วยความกังวลดวงตาของเฉินฝานมีความสุขุมลุ่มลึก คำพูดที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งก็เปล่งออกมาจากปากของเขา “ปราบพวกโจร ตัดหัวหัวหน้าของไอ้มังกรตาเดียว!”“เสี่ยวฝาน เจ้า เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดสิ่งใด?” หลี่ซานตกใจหน้าซีดและรู้สึกประหม่าจึงเตือนเฉินฝานด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คำพูดนี้ จากนี้ไปเจ้าห้ามพูดอีก ห้ามพูด!”มังกรตาเดียว มีตัวตนเหมือนปีศาจในเมืองหรงตูผู้คนในเมืองหรงตู ไม่กลัวเทพเจ้า ไม่กลัวผี ไม่กลัวจื
“เจ้าไปทำไม? บ้าไปแล้ว เรื่องนี้เจ้าอย่ายุ่ง” หลี่ซานคัดค้านเป็นคนแรก“เสี่ยวฝาน การปราบโจรไม่เหมือนการแข่งขันในอำเภอตูอัน มันไม่ใช่การสอบขุนนาง มันคือใช้ดาบของจริง ไม่มีการเริ่มใหม่เมื่อทำไม่สำเร็จ เมื่อพ่ายแพ้ก็อาจต้องตายทันที!” จางเจิ้งคัดค้านด้วยคน“ถูกต้อง การปราบโจรคล้ายกับสนามรบจริง นอกจากรู้ศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังต้องรู้วิธีนำกองทัพด้วย สิ่งเหล่านี้ยากกว่าทั้งสามรายการที่เจ้าแข่งขันที่อำเภอตูอันอีก เจ้ารู้ศิลปะการต่อสู้และวิธีนำกองทัพ?” หลี่ซานยิ่งพูดยิ่งร้อนใจ“เสี่ยวฝาน แม้ว่าคำพูดของหลี่ซานไม่น่าฟัง แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง เรื่องนี้เจ้าอย่ายุ่งดีกว่า นี่เป็นหนี้เลือดที่ข้าก่อไว้เอง ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นคนไปจัดการ” หลูเฉิงกวงกล่าวต่อเมื่อหลูเฉิงกวงพูดจบก็ไม่มีใครพูดอีก เฉินฝานถึงกล่าว “พวกเจ้าพูดจบแล้วใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นก็ถึงคราวของข้าบ้าง”“ข้า” เฉินฝานหยุดชั่วคราวและจ้องหลูเฉิงกวง “พูดจาไม่น่าฟังเหมือนกัน ใต้เท้าจะไปปราบพวกโจร ท่านแพ้แน่นอน แต่ถ้าข้าไป แพ้หรือชนะก็ยังไม่แน่นอน”“เมื่อรู้ว่าแพ้และรู้ว่าการพ่ายแพ้จะส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน แล้วทำไมใ
“ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าคงฟังผิด”“พวกเจ้าได้ยินถูกแล้ว!”เฉินฝานเดินออกมาจากด้านหลังหลูเฉิงกวงและยืนข้างเขาอย่างเรียบนิ่ง“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับใต้เท้าหลูแต่อย่างใด ข้าคิดว่า…...”เฉินฝานกวาดตามองคนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ในหมู่พวกเจ้า คงมีพี่น้องจากภูเขาวิฬาร์เป็นแน่ ตอนนี้ข้าจึงขอรบกวนเจ้าส่งสารให้นายของเจ้า เราสู้กันด้วยกำลังของคนพื้นเมือง พวกเขากล้ารับคำท้านี้หรือไม่? ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ก็ถือว่าเป็นเรื่องของเราสองคน ไม่เกี่ยวข้องกับพลเมืองของอำเภอผิงอัน”เมื่อเฉินฝานพูดจบ สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แม้แต่ชายสองคนที่เป็นคนชี้นำยังตกตะลึงพวกเขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องราวจะดำเนินไปเช่นนี้ชายชุดเทามองรถม้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่ทำการอำเภอ คนบนรถม้าส่ายหัวให้สัญญาว่านิ่งเพื่อดูสถานการณ์ก่อน“เฉินฝาน ปัญญาชนอย่างเจ้าจะไปปราบโจร?”“มีกฎห้ามปัญญาชนไปปราบโจรรึ?” เฉินฝานยิ้มเบา ๆบางคนในฝูงชนเริ่มแสดงท่าทาง “พวกโจรในภูเขาวิฬาร์ใช้ดาบที่ยาวและใหญ่ขนาดนั้น อย่าว่าแต่สู้กัน เจ้ายกดาบนั่นไหวรึเฉินฝาน?”“กล่องใส่ตำราเรียนของพวกปัญญาชนที่เข้าเรียนในสถานศึ
“พี่ใหญ่ อย่าทำให้เด็กกลัวสิขอรับ”ชายผู้นั่งอยู่ไม่ไกลจากมังกรตาเดียวพูดน้ำเสียงที่อบอุ่นเมื่อชายคนนั้นกล่าว มังกรตาเดียวก็ขมึงตาใส่ชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เขาหยิบถ้วยสุราขึ้นดื่มต่อ“เฮยจื่อ ไม่ต้องกลัว ลุกขึ้นพูด!”ชายคนนั้นวางตำราเรียนในมือลง เขาสวมชุดขาว เป็นคนผิวขาวและสวมเสื้อผ้าที่สะอาด ดูสง่าและอ่อนโยน ไม่เข้ากับบรรยากาศอึมครึมที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในถ้ำอย่างสิ้นเชิงผู้ชายที่มีนามว่าเฮยจื่อ ไม่ ควรใช้คำว่าเด็กชายเด็กชายมีผมเทาเหลือง รูปร่างผอมเล็กเหมือนคนขาดสารอาหาร“ทะ ท่านโจว!” ตอนพูดกับมังกรตาเดียว ร่างผอมเพรียวของเด็กชายสั่นเทายิ่งกว่านายท่านโจวที่เขาเรียก ก็คือผู้นำคนที่สองของภูเขาวิฬาร์โจวหลี่เหรินนายท่านโจวผู้นี้มีใบหน้าที่ดูใจดีมีเมตตาและอ่อนโยนอยู่เสมอ แต่ทุกคนบนภูเขาวิฬาร์รู้ดีว่าความโหดร้ายของเขา น่ากลัวกว่ามังกรตาเดียวมากกว่าสองเท่ากวาดล้างหมู่บ้านฆ่าเด็กทารก ใช้ทัณฑ์ทรมานด้วยการเสียบทารกไว้กับเสาไม้แล้วตั้งไว้หน้าหมู่บ้าน ก็คือฝีมือของเขา“อืม ไอ้เฉินฝานนั่นพูดว่าอย่างไร เจ้าจงพูดอีกครั้ง อย่าได้ตกไปแม้แต่คำเดียว”“ขอรับ นายท่านโจว” เด็กชายทวนคำพ
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่