“ใช่ เพราะอะไรล่ะ?”ชาวบ้านที่ถอยกลับไปเมื่อครู่นี้ พลันหยุดก้าวเท้า“ข้ารู้แล้ว!” ชายชุดเขียวอยู่ในฝูงชนพลันยกมือ“หืม พี่ชาย ถ้าท่านรู้ก็จงบอกทุกคนเร็วเข้า” เสียงของชายชุดเทาที่ยืนบนที่สูงดังกว่าเดิมสายตาของผู้คนเพ่งไปที่ชายชุดเขียวพร้อมกัน“ทุกคนยังจำลูกธนูทั้งสิบที่ซ่อนอยู่ แล้วยิงอย่างต่อเนื่องที่สนามแข่งได้ใช่หรือไม่!”“แน่นอน ลูกธนูนั่นไม่เพียงแต่ฆ่าเจี่ยงหงเหวิน แต่ยังต้องการฆ่าเฉินฝานด้วย”เหตุการณ์อันน่าตกตะลึงนั่น เวลานี้ในอำเภอผิงอัน อำเภอตูอันและอำเภอเหออัน กลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนหลังจากกินข้าวเสร็จพวกเขารู้สึกเสียดายเจี่ยงหงเหวินและประหลาดใจกับโชคชะตาของเฉินฝานจนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเฉินฝานมีความสามารถจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสอบขุนนางหรือชนะเจี่ยงหงเหวิน พวกเขาต่างคิดว่าเพราะโชคชะตาช่วยเขา“ใต้เท้าเจ้าเมืองตรวจสอบพบว่าลูกธนูที่ยิงนายน้อยเจี่ยงมาจากภูเขาวิฬาร์!”“ภูเขาวิฬาร์? เจ้ากำลังบอกว่าโจรภูเขาวิฬาร์คือคนยิงนายน้อยเจี่ยงงั้นรึ? ข่าวของเจ้าเชื่อถือได้หรือไม่?”“นี่คือสิ่งที่ญาติของข้าที่ทำงานอยู่ในที่ทำการเจ้าเมืองหรงตูบอกแก่ข้า จะเชื่อไม่ได้ได้
“ทำไมล่ะ ใต้เท้าหลูไม่เคยล่วงเกินเขา ข้ากับเจ้ายิ่งไม่เคยทำ” หลี่ซานขมวดคิ้วมุ่นและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ“ความโลภ!”อำนาจจะขยายความ/โลภของผู้คนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อสองอำเภอถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเมือง ลวี่เหลียงเจ๋อที่เป็นนายอำเภอก็จะก้าวกระโดดกลายเป็นจือโจวทันทีเขาและหลี่ซานได้กลายเป็นหนามยอกอกของลวี่เหลียงเจ๋อแล้ว เมื่อเขาได้เป็นจือโจว ลวี่เหลียงเจ๋อต้องโจมตีพวกเขาอย่างแน่นอนผู้ชายทุกคนในอำเภอผิงอันก็จะตกที่นั่งลำบากไปด้วย ภายหลังของการรับสมัครกองกำลังทหาร ลวี่เหลียงเจ๋อก็จะเริ่มต้นจากอำเภอผิงอันอย่างแน่นอน“เสี่ยวฝาน เจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรตอนนี้?” ใบหน้าของหลี่ซานเต็มไปด้วยความกังวลดวงตาของเฉินฝานมีความสุขุมลุ่มลึก คำพูดที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งก็เปล่งออกมาจากปากของเขา “ปราบพวกโจร ตัดหัวหัวหน้าของไอ้มังกรตาเดียว!”“เสี่ยวฝาน เจ้า เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดสิ่งใด?” หลี่ซานตกใจหน้าซีดและรู้สึกประหม่าจึงเตือนเฉินฝานด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คำพูดนี้ จากนี้ไปเจ้าห้ามพูดอีก ห้ามพูด!”มังกรตาเดียว มีตัวตนเหมือนปีศาจในเมืองหรงตูผู้คนในเมืองหรงตู ไม่กลัวเทพเจ้า ไม่กลัวผี ไม่กลัวจื
“เจ้าไปทำไม? บ้าไปแล้ว เรื่องนี้เจ้าอย่ายุ่ง” หลี่ซานคัดค้านเป็นคนแรก“เสี่ยวฝาน การปราบโจรไม่เหมือนการแข่งขันในอำเภอตูอัน มันไม่ใช่การสอบขุนนาง มันคือใช้ดาบของจริง ไม่มีการเริ่มใหม่เมื่อทำไม่สำเร็จ เมื่อพ่ายแพ้ก็อาจต้องตายทันที!” จางเจิ้งคัดค้านด้วยคน“ถูกต้อง การปราบโจรคล้ายกับสนามรบจริง นอกจากรู้ศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังต้องรู้วิธีนำกองทัพด้วย สิ่งเหล่านี้ยากกว่าทั้งสามรายการที่เจ้าแข่งขันที่อำเภอตูอันอีก เจ้ารู้ศิลปะการต่อสู้และวิธีนำกองทัพ?” หลี่ซานยิ่งพูดยิ่งร้อนใจ“เสี่ยวฝาน แม้ว่าคำพูดของหลี่ซานไม่น่าฟัง แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง เรื่องนี้เจ้าอย่ายุ่งดีกว่า นี่เป็นหนี้เลือดที่ข้าก่อไว้เอง ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นคนไปจัดการ” หลูเฉิงกวงกล่าวต่อเมื่อหลูเฉิงกวงพูดจบก็ไม่มีใครพูดอีก เฉินฝานถึงกล่าว “พวกเจ้าพูดจบแล้วใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นก็ถึงคราวของข้าบ้าง”“ข้า” เฉินฝานหยุดชั่วคราวและจ้องหลูเฉิงกวง “พูดจาไม่น่าฟังเหมือนกัน ใต้เท้าจะไปปราบพวกโจร ท่านแพ้แน่นอน แต่ถ้าข้าไป แพ้หรือชนะก็ยังไม่แน่นอน”“เมื่อรู้ว่าแพ้และรู้ว่าการพ่ายแพ้จะส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน แล้วทำไมใ
“ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าคงฟังผิด”“พวกเจ้าได้ยินถูกแล้ว!”เฉินฝานเดินออกมาจากด้านหลังหลูเฉิงกวงและยืนข้างเขาอย่างเรียบนิ่ง“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับใต้เท้าหลูแต่อย่างใด ข้าคิดว่า…...”เฉินฝานกวาดตามองคนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ในหมู่พวกเจ้า คงมีพี่น้องจากภูเขาวิฬาร์เป็นแน่ ตอนนี้ข้าจึงขอรบกวนเจ้าส่งสารให้นายของเจ้า เราสู้กันด้วยกำลังของคนพื้นเมือง พวกเขากล้ารับคำท้านี้หรือไม่? ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ก็ถือว่าเป็นเรื่องของเราสองคน ไม่เกี่ยวข้องกับพลเมืองของอำเภอผิงอัน”เมื่อเฉินฝานพูดจบ สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แม้แต่ชายสองคนที่เป็นคนชี้นำยังตกตะลึงพวกเขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องราวจะดำเนินไปเช่นนี้ชายชุดเทามองรถม้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่ทำการอำเภอ คนบนรถม้าส่ายหัวให้สัญญาว่านิ่งเพื่อดูสถานการณ์ก่อน“เฉินฝาน ปัญญาชนอย่างเจ้าจะไปปราบโจร?”“มีกฎห้ามปัญญาชนไปปราบโจรรึ?” เฉินฝานยิ้มเบา ๆบางคนในฝูงชนเริ่มแสดงท่าทาง “พวกโจรในภูเขาวิฬาร์ใช้ดาบที่ยาวและใหญ่ขนาดนั้น อย่าว่าแต่สู้กัน เจ้ายกดาบนั่นไหวรึเฉินฝาน?”“กล่องใส่ตำราเรียนของพวกปัญญาชนที่เข้าเรียนในสถานศึ
“พี่ใหญ่ อย่าทำให้เด็กกลัวสิขอรับ”ชายผู้นั่งอยู่ไม่ไกลจากมังกรตาเดียวพูดน้ำเสียงที่อบอุ่นเมื่อชายคนนั้นกล่าว มังกรตาเดียวก็ขมึงตาใส่ชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เขาหยิบถ้วยสุราขึ้นดื่มต่อ“เฮยจื่อ ไม่ต้องกลัว ลุกขึ้นพูด!”ชายคนนั้นวางตำราเรียนในมือลง เขาสวมชุดขาว เป็นคนผิวขาวและสวมเสื้อผ้าที่สะอาด ดูสง่าและอ่อนโยน ไม่เข้ากับบรรยากาศอึมครึมที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในถ้ำอย่างสิ้นเชิงผู้ชายที่มีนามว่าเฮยจื่อ ไม่ ควรใช้คำว่าเด็กชายเด็กชายมีผมเทาเหลือง รูปร่างผอมเล็กเหมือนคนขาดสารอาหาร“ทะ ท่านโจว!” ตอนพูดกับมังกรตาเดียว ร่างผอมเพรียวของเด็กชายสั่นเทายิ่งกว่านายท่านโจวที่เขาเรียก ก็คือผู้นำคนที่สองของภูเขาวิฬาร์โจวหลี่เหรินนายท่านโจวผู้นี้มีใบหน้าที่ดูใจดีมีเมตตาและอ่อนโยนอยู่เสมอ แต่ทุกคนบนภูเขาวิฬาร์รู้ดีว่าความโหดร้ายของเขา น่ากลัวกว่ามังกรตาเดียวมากกว่าสองเท่ากวาดล้างหมู่บ้านฆ่าเด็กทารก ใช้ทัณฑ์ทรมานด้วยการเสียบทารกไว้กับเสาไม้แล้วตั้งไว้หน้าหมู่บ้าน ก็คือฝีมือของเขา“อืม ไอ้เฉินฝานนั่นพูดว่าอย่างไร เจ้าจงพูดอีกครั้ง อย่าได้ตกไปแม้แต่คำเดียว”“ขอรับ นายท่านโจว” เด็กชายทวนคำพ
“ใต้เท้า เป็นเรื่องจริงขอรับ ข้าน้อยมั่นใจในข่าวแล้วถึงกลับมาขอรับ”“เจ้าหนุ่มนั่น” ลวี่เหลียงเจ๋อขยับถ้วยชาเบา ๆ “ในสมองเขามีของอยู่ไม่น้อย แค่พูดไม่กี่คำ วิกฤตของหลูเฉิงกวงก็คลี่คลายไปได้อย่างง่ายดาย”“ถึงกระนั้น ตราบใดที่หลูเฉิงกวงไม่ส่งคนไปปราบพวกโจรก็เท่ากับขัดขืนคำสั่ง พวกเราสามารถไปฟ้องใต้เท้าจือฝู่ได้” เมื่อคิดว่าจับจุดอ่อนของหลูเฉิงกวงได้ นายทะเบียนอำเภอตูอันก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย“เอ่อ!” ลวี่เหลียงเจ๋อยกมือขึ้น “ไม่จำเป็น พวกเรารอดูความสนุกอยู่ข้าง ๆ ก็พอ ข้าอยากดูสักหน่อยว่าเจ้าเฉินฝานจะเอาชนะพวกโจรภูเขาวิฬาร์อย่างไร”สิ่งที่เขาอยากเห็น สุดท้ายเฉินฝานตายอย่างไรพูดตามตรง ผลลัพธ์นี้ เขาอยากเห็นมากกว่าเมื่อเฉินฝานตาย จะจัดการหลูเฉิงกวงก็ง่ายมากหากไม่มีเฉินฝาน หลูเฉิงกวงก็คงออกจากตำแหน่งไปนานแล้วในดวงตาของลวี่เหลียงเจ๋อมีความชั่วร้ายวาบผ่านเจ้าหนุ่ม สมองของเจ้าฉลาดไม่น้อย แต่เด็กเกินไปมักหลงตัวเอง เจ้าคิดว่าการปะทะกับโจรภูเขาวิฬาร์ คือการปะทะกับติงลั่ว ฟางทิงและเจี่ยงหงเหวินอย่างนั้นรึ?……วันที่โจรภูเขาวิฬาร์รับคำท้า มีคนหนุ่มสาวจำนวนมากของอำเภอผิงอันไปลงสมัคร
“เจ้าต้องการไหเหล้ามากมายขนาดนั้นไปทำอะไร? เพื่อให้เจ้ามีกำลังใจมากขึ้น?”เฉินฝานยังไม่ทันตอบ หลี่ซานก็พูดต่อ “สู้พวกโจรเหล่านั้นไม่ได้ ก็สู้ไม่ได้ ดื่มเหล้ามากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์”“นี่!” เฉินฝานส่ายหัว “พี่หลี่ พี่เพิ่งจะอายุยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกก็เข้าสู่วัยทองแล้วหรือ? ขี้บ่นเหมือนแม่ของข้าเลย”“วัยทองคืออะไร? ข้าเหมือนแม่ของเจ้า แล้วแม่เจ้าเป็นใคร?” หลี่ซานมีนิสัยชอบขุดไปถึงราก“นางเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับข้า แต่นางก็เหมือนมัวมัวในเรือนของเจ้า จู้จี้จุกจิกตลอดทั้งวัน” เมื่อเฉินฝานพูดจบ ก็พูดในใจเงียบ ๆ ว่าแม่ ผมขอโทษ แม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดของผม แม้ว่าจะจู้จี้จุกจิก แต่ผมก็รักแม่ครับ“เสี่ยวฝาน เจ้าหมายความว่าอะไร? ข้าเหมือนมัวมัวตรงไหน ไม่ใช่เพราะข้าเป็นห่วงเจ้าหรอกรึ? เจ้า……”“พี่หลี่ ๆ ข้าผิดไปแล้ว ๆ” เฉินฝานใช้ไม้ตายเดิมของเขาด้วยการยิ้มซื่อบื่อ“ถ้าไม่ใช่เพราะสงสารพวกน้องสะใภ้ ข้าก็ไม่อยากสนใจเจ้าหรอก ถ้าเจ้าตาย ใครจะดูแลทรัพย์สินเหล่านั้นของเจ้าและใครจะดูแลพวกน้องสะใภ้”“พี่หลี่ พี่พูดถูก พูดถูกขอรับ!” กลัวว่าหลี่ซานจะบ่นต่อ เฉินฝานจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “นอกจากไหเหล้าแล้ว พ
โจวลี่เหรินไม่มีกองกำลังทหาร ทว่าอำนาจบารมีของเขาเกรียงไกรกว่ามังกรตาเดียวมาก เมื่อเขาพูด วานรและถูซิงซุนหุบปากทันที“การรุกรานของเฉินฝานครั้งก่อน พวกเราปล่อยปละละเลยไม่ได้เด็ดขาด จะปล่อยให้เขาขึ้นเขามาไม่ได้ เพียงแค่เขาปรากฎตัว ฆ่าทิ้งทันที” โจวลี่เหรินกล่าว“ใต้เท้านายกองของหรงตูนำกำลังทหารมาด้วยตัวเอง ก็ยังทะลวงประตูภูเขาพวกเราไม่ได้ แค่ปัญญาชนคนเดียวจะกลัวอะไร?”“นั้นนะสิ ถ้าข่าวแพร่ออกไป คนอื่นก็ต้องหัวเราะเยาะพวกเราแน่ ปัญญาชนคนเดียวทำให้เราตกใจกลัวจนเป็นแบบนี้ ต่อจากนี้ไปใครจะกลัวพวกเราอีก”วานรกับถูซิงซุนที่ทะเลาะกันวุ่นวายใหญ่โตเมื่อครู่ ตอนนี้กระซิบกระซาบเข้าขากันได้อย่างดี“น้องรอง เจ้าระแวงเกินเหตไปละมั้ง?” มังกรตาเดียวก็แสดงความเห็นต่าง“พี่ใหญ่ ข้าเคยเจอเฉินฝานนั้นที่อำเภอผิงอัน เขาไม่ใช่คนไร้ความสามารถแน่นอน เขาสามารถหลบลูกธนูของโจวอวี่ได้”โจวลี่เหรินสีหน้าเคร่งขรึม ถ้าคนที่จะมาเป็นหลูเฉิงกวง เขาจะไม่สนใจเลย ปล่อยให้มังกรตาเดียวจัดการตามอำเภอใจตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นเฉินฝาน.....เขากังวลใจมาตลอด การประลองสามครั้งระหว่างเฉินฝานกับอำเภอตูอัน การเกษตร เค้ก รถเครื่
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ