ยืนอยู่หน้าเฉินเจียง เจ้าหน้าที่ว่าการสองคนที่ขวางพวกเขามาโดยตลอด จู่ๆ ประสานสองมือ โน้มตัวลงทำความเคารพ“ทำเช่นนี้แต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าขอบอกพวกเจ้า ตอนนี้สายไปแล้ว”เฉินเจียงคิดว่าเจ้าหน้าที่ว่าการสองคนนั้นทำความเคารพตน วางมาดด้วยความลำพองใจ“รู้ว่าข้าเป็นใคร ยังไม่หลีกทางให้ข้าอีก!”เฉินเจียงตำหนิเจ้าหน้าที่ว่าการ พร้อมกับเดินเข้าไป“ถอยไป!”“โอ๊ย โอ๊ย!”ไม่มีใครมองทันว่าเจ้าหน้าที่ว่าการใช้กำลังอย่างไร ตอนได้ยินเสียงโอดครวญของเฉินเจียง เฉินเจียงล้มลงบนพื้นแล้ว“เจียงเอ๋อร์!”“นายท่าน!”พวกเฉินฟู่ จางเหลียนฮวาพุ่งตัวไปหาเฉินเจียง“เจียงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”“นายท่าน ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ?”เฉินเจียงผลักจางเหลียนฮวาทิ้งด้วยความหงุดหงิด มือชี้หน้าเจ้าหน้าที่ว่าการทั้งสองคน “พวกเจ้ากล้าเตะข้าเนี่ยนะ!”เจ้าหน้าที่ว่าการไม่สนใจเฉินเจียง พวกเขาประสานสองมือโน้มตัวทำความเคารพอีกครั้ง “คุณชาย!”คุณชาย?พวกเฉินเจียงมองไปตามทางที่เจ้าหน้าที่ว่าการทำความเคารพเฉินฝานเดินอย่างมั่นคง มาทางพวกเขาน่าเกรงขาม สง่าผ่าเผย สุขุมหลักแหลมจางเหลียนฮวาตกใจ
“พวกโจรภูเขาวิฬาร์ใกล้บุกเข้ามา ข้ากับตาเฒ่าเพียงต้องการซ่อนตัว เมื่อโจรจากไป พวกเราก็จะกลับไปที่หมู่บ้าน จะไม่อยู่ที่นี่นานแน่นอน”ภายใต้การชี้นำของเฉินเจียง นางโจวเริ่มกล่าวพร้อมทั้งน้ำตา“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า……” นางโจวร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความร้าวรานคนที่ไม่รู้ความจริง มองแล้วชวนให้รู้สึกสงสารนางมากและคิดว่าเฉินฝานทำเกินไป“โอ้สวรรค์ มีเรือนหลังใหญ่ขนาดนี้ ไม่ไปเชิญท่านปู่ของตนมาอยู่ที่นี่ด้วยตนเองก็ช่างปะไร เมื่อปู่มาถึงและมาเพราะพวกโจรก่อปัญหา แม้แต่ข้ามประตูไปก็ยังไม่อนุญาต?”“นี่คือผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งประจำจังหวัดของอำเภอผิงอันเราหรือ ที่สำคัญยังชนะผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งของสำนักบัณฑิตด้วย?”“ไม่มีแม้กระทั่งความกตัญญูที่เป็นขั้นพื้นฐาน แต่ได้อันดับหนึ่งแล้วจะมีประโยชน์อย่างไร ชนะบัณฑิตแล้วมีประโยชน์อย่างไร?”“เขาไม่กลัวถูกฟ้าผ่าหรือ?”คนโบราณให้ความสำคัญเรื่องชื่อเสียง โดยเฉพาะปัญญาชนเฉินเจียงสบตากับเฉินฝานโดยตรงเป็นสายตาที่ยั่วยุสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้วเจ้ายังกล้าไม่ให้พวกเราเข้าไป?เฉินเจียงวางแผนไว้แล้ว เมื่อเฉินฝานอนุญาตให้พวกเขาเข้าไป พวกเขาจะไม่เข
“นายท่าน” ฉินเย่ว์โหรวหน้าแดงใจเต้น หมัดสีอมชมพูทุบเฉินฝานไม่หยุด “ปล่อยข้านะเจ้าคะ!”“ข้าไม่ปล่อย!”“นายท่าน…...”มีเสียงที่ชวนให้คนรู้สึกหน้าแดงดังมาจากข้างในฉินเย่ว์เจียวเดินไปที่สนามเพื่อฝึกยิงธนูโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าใดฉินเย่ว์ฉู่หาผ้าสองชิ้นมาอุดหูการกระทำเหล่านี้ สองพี่น้องทำอย่างช่ำชองและไม่รู้สึกประหลาดใจนานแล้วแต่พวกสาวใช้แตกต่างออกไปก่อนที่หลี่ซานจะส่งพวกนางมาที่นี่ เขาบอกพวกนางว่า พวกนางมาไม่ได้มาเพื่อเป็นแค่สาวใช้ แต่ยังต้องช่วยเฉินฝานผลิดอกออกผลพร้อมสั่งให้มัวมัวสอนวิธีร่วมหอแก่พวกนางถึงจะบอกว่าเข้าใจแต่พวกนางก็ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ จะบอกว่าไม่เข้าใจ มัวมัวก็อธิบายละเอียดขนาดนั้นพอเวลานี้ได้ยินเสียงไพเราะเหล่านั้น แต่ละคนก็หน้าแดงมากเสียงของนายท่านมีไม่มากแต่หนักแน่นและทรงพลังมัวมัวบอกว่า ผู้ชายแบบนี้ แข็งแกร่งมากและสามารถทำให้ผู้หญิงท้องได้ง่ายผู้หญิงที่ได้เจอผู้ชายแบบนี้นับว่าโชคดีฟังไป คิดไปพวกสาวใช้ บางคนหน้าแดงกว่าเดิม ในขณะที่บางคนก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ความปรารถนาในด้านนั้นของผู้หญิง ไม่น้อยไปกว่าความปรารถนาของผู้ชาย เพียงแค่ปรัชญาดั้งเดิมก
“พี่หลี่ เกิดอะไรขึ้น?” เฉินฝานลุกขึ้นไปถามเขา“พวกเขา พวกเขา…...”ไม่รู้ว่าเพราะวิ่งเร็วเกินไปหรือกังวลมากไป ผ่านไปนานมากหลี่ซานแทบพูดไม่ออกเฉินฝานยื่นชาหนึ่งแก้วให้เขา “พี่หลี่ ใจเย็นก่อน ดื่มชาก่อนแล้วค่อยพูด”หลี่ซานโบกมือ “ไม่ดื่มแล้ว คนพวกนั้นมุ่งหน้าไปยังที่ทำการแล้ว!”เฉินฝานตกตะลึง “มุ่งหน้าไปที่ทำการ? ใคร? ทำไม?”“ทันทีที่ประตูเมืองเปิดเมื่อเช้านี้ ชาวบ้านจากนอกเมืองก็หลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก หลังจากรู้ว่าใต้เท้าหลูจะนำทัพไปปราบโจรด้วยตนเอง พวกเขาก็ตรงไปยังที่ทำการและไม่ให้ท่านหลูไป”“อ่อ ใต้เท้าหลูเป็นคนเอาใจใส่พลเมือง เขาเป็นข้าราชการที่ดี พวกชาวบ้านคงกลัวว่าจะตกอยู่ในอันตรายกระมัง”“ไม่ใช่ มันตรงกันข้ามกับที่เจ้าพูดเลยเสี่ยวฝาน” เมื่อเห็นว่าเฉินฝานเข้าใจผิด หลี่ซานก็ร้อนใจอีกครั้ง “ชาวบ้านเหล่านั้นไม่ได้เป็นห่วงใต้เท้าหลู แต่พวกเขาประณามใต้เท้า ว่าใต้เท้าหลูกำลังยั่วยุพวกโจรและจะนำพาความเสี่ยงถึงชีวิตมาสู่พวกเขา ด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงได้ปิดกั้นประตูที่ทำการและไม่ให้ใต้เท้าออกไป”“คำสั่งปราบโจรมาจากท่านเจ้าเมืองไม่ใช่หรือ? ถ้าใต้เท้าหลูไม่ไปก็เท่ากับฝ่าฝืนคำสั่ง ใต้เท
“ใช่ เพราะอะไรล่ะ?”ชาวบ้านที่ถอยกลับไปเมื่อครู่นี้ พลันหยุดก้าวเท้า“ข้ารู้แล้ว!” ชายชุดเขียวอยู่ในฝูงชนพลันยกมือ“หืม พี่ชาย ถ้าท่านรู้ก็จงบอกทุกคนเร็วเข้า” เสียงของชายชุดเทาที่ยืนบนที่สูงดังกว่าเดิมสายตาของผู้คนเพ่งไปที่ชายชุดเขียวพร้อมกัน“ทุกคนยังจำลูกธนูทั้งสิบที่ซ่อนอยู่ แล้วยิงอย่างต่อเนื่องที่สนามแข่งได้ใช่หรือไม่!”“แน่นอน ลูกธนูนั่นไม่เพียงแต่ฆ่าเจี่ยงหงเหวิน แต่ยังต้องการฆ่าเฉินฝานด้วย”เหตุการณ์อันน่าตกตะลึงนั่น เวลานี้ในอำเภอผิงอัน อำเภอตูอันและอำเภอเหออัน กลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนหลังจากกินข้าวเสร็จพวกเขารู้สึกเสียดายเจี่ยงหงเหวินและประหลาดใจกับโชคชะตาของเฉินฝานจนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเฉินฝานมีความสามารถจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสอบขุนนางหรือชนะเจี่ยงหงเหวิน พวกเขาต่างคิดว่าเพราะโชคชะตาช่วยเขา“ใต้เท้าเจ้าเมืองตรวจสอบพบว่าลูกธนูที่ยิงนายน้อยเจี่ยงมาจากภูเขาวิฬาร์!”“ภูเขาวิฬาร์? เจ้ากำลังบอกว่าโจรภูเขาวิฬาร์คือคนยิงนายน้อยเจี่ยงงั้นรึ? ข่าวของเจ้าเชื่อถือได้หรือไม่?”“นี่คือสิ่งที่ญาติของข้าที่ทำงานอยู่ในที่ทำการเจ้าเมืองหรงตูบอกแก่ข้า จะเชื่อไม่ได้ได้
“ทำไมล่ะ ใต้เท้าหลูไม่เคยล่วงเกินเขา ข้ากับเจ้ายิ่งไม่เคยทำ” หลี่ซานขมวดคิ้วมุ่นและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ“ความโลภ!”อำนาจจะขยายความ/โลภของผู้คนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อสองอำเภอถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเมือง ลวี่เหลียงเจ๋อที่เป็นนายอำเภอก็จะก้าวกระโดดกลายเป็นจือโจวทันทีเขาและหลี่ซานได้กลายเป็นหนามยอกอกของลวี่เหลียงเจ๋อแล้ว เมื่อเขาได้เป็นจือโจว ลวี่เหลียงเจ๋อต้องโจมตีพวกเขาอย่างแน่นอนผู้ชายทุกคนในอำเภอผิงอันก็จะตกที่นั่งลำบากไปด้วย ภายหลังของการรับสมัครกองกำลังทหาร ลวี่เหลียงเจ๋อก็จะเริ่มต้นจากอำเภอผิงอันอย่างแน่นอน“เสี่ยวฝาน เจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรตอนนี้?” ใบหน้าของหลี่ซานเต็มไปด้วยความกังวลดวงตาของเฉินฝานมีความสุขุมลุ่มลึก คำพูดที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งก็เปล่งออกมาจากปากของเขา “ปราบพวกโจร ตัดหัวหัวหน้าของไอ้มังกรตาเดียว!”“เสี่ยวฝาน เจ้า เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดสิ่งใด?” หลี่ซานตกใจหน้าซีดและรู้สึกประหม่าจึงเตือนเฉินฝานด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คำพูดนี้ จากนี้ไปเจ้าห้ามพูดอีก ห้ามพูด!”มังกรตาเดียว มีตัวตนเหมือนปีศาจในเมืองหรงตูผู้คนในเมืองหรงตู ไม่กลัวเทพเจ้า ไม่กลัวผี ไม่กลัวจื
“เจ้าไปทำไม? บ้าไปแล้ว เรื่องนี้เจ้าอย่ายุ่ง” หลี่ซานคัดค้านเป็นคนแรก“เสี่ยวฝาน การปราบโจรไม่เหมือนการแข่งขันในอำเภอตูอัน มันไม่ใช่การสอบขุนนาง มันคือใช้ดาบของจริง ไม่มีการเริ่มใหม่เมื่อทำไม่สำเร็จ เมื่อพ่ายแพ้ก็อาจต้องตายทันที!” จางเจิ้งคัดค้านด้วยคน“ถูกต้อง การปราบโจรคล้ายกับสนามรบจริง นอกจากรู้ศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังต้องรู้วิธีนำกองทัพด้วย สิ่งเหล่านี้ยากกว่าทั้งสามรายการที่เจ้าแข่งขันที่อำเภอตูอันอีก เจ้ารู้ศิลปะการต่อสู้และวิธีนำกองทัพ?” หลี่ซานยิ่งพูดยิ่งร้อนใจ“เสี่ยวฝาน แม้ว่าคำพูดของหลี่ซานไม่น่าฟัง แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง เรื่องนี้เจ้าอย่ายุ่งดีกว่า นี่เป็นหนี้เลือดที่ข้าก่อไว้เอง ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นคนไปจัดการ” หลูเฉิงกวงกล่าวต่อเมื่อหลูเฉิงกวงพูดจบก็ไม่มีใครพูดอีก เฉินฝานถึงกล่าว “พวกเจ้าพูดจบแล้วใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นก็ถึงคราวของข้าบ้าง”“ข้า” เฉินฝานหยุดชั่วคราวและจ้องหลูเฉิงกวง “พูดจาไม่น่าฟังเหมือนกัน ใต้เท้าจะไปปราบพวกโจร ท่านแพ้แน่นอน แต่ถ้าข้าไป แพ้หรือชนะก็ยังไม่แน่นอน”“เมื่อรู้ว่าแพ้และรู้ว่าการพ่ายแพ้จะส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน แล้วทำไมใ
“ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าคงฟังผิด”“พวกเจ้าได้ยินถูกแล้ว!”เฉินฝานเดินออกมาจากด้านหลังหลูเฉิงกวงและยืนข้างเขาอย่างเรียบนิ่ง“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับใต้เท้าหลูแต่อย่างใด ข้าคิดว่า…...”เฉินฝานกวาดตามองคนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ในหมู่พวกเจ้า คงมีพี่น้องจากภูเขาวิฬาร์เป็นแน่ ตอนนี้ข้าจึงขอรบกวนเจ้าส่งสารให้นายของเจ้า เราสู้กันด้วยกำลังของคนพื้นเมือง พวกเขากล้ารับคำท้านี้หรือไม่? ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ก็ถือว่าเป็นเรื่องของเราสองคน ไม่เกี่ยวข้องกับพลเมืองของอำเภอผิงอัน”เมื่อเฉินฝานพูดจบ สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แม้แต่ชายสองคนที่เป็นคนชี้นำยังตกตะลึงพวกเขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องราวจะดำเนินไปเช่นนี้ชายชุดเทามองรถม้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่ทำการอำเภอ คนบนรถม้าส่ายหัวให้สัญญาว่านิ่งเพื่อดูสถานการณ์ก่อน“เฉินฝาน ปัญญาชนอย่างเจ้าจะไปปราบโจร?”“มีกฎห้ามปัญญาชนไปปราบโจรรึ?” เฉินฝานยิ้มเบา ๆบางคนในฝูงชนเริ่มแสดงท่าทาง “พวกโจรในภูเขาวิฬาร์ใช้ดาบที่ยาวและใหญ่ขนาดนั้น อย่าว่าแต่สู้กัน เจ้ายกดาบนั่นไหวรึเฉินฝาน?”“กล่องใส่ตำราเรียนของพวกปัญญาชนที่เข้าเรียนในสถานศึ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ