“ใช่แล้ว!” หลี่ซานย่อตัวลง พูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวฉู่ ตอนนี้นายท่านของเจ้าเป็นผู้มีอำนาจมากๆ เป็นผู้มีอำนาจแล้ว ข้างกายย่อมต้องมีบ่าวรับใช้ มิเช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะเอาได้”“เจ้าค่ะ พี่หลี่พูดถูก ไม่อาจให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะนายท่านของข้าได้!”“ดูสิ!” หลี่ซานหันไปมองเฉินฝานแล้วพูด “เสี่ยวฉู่ยังรู้หลักการข้อนี้”“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์ฉู่เอียงหน้าเล็กน้อย หันไปมองเฉินฝาน “ข้ามองแล้วไม่เหมือนผู้มีอำนาจเลยเจ้าค่ะ ยังเหมือนสมัยอยู่ในหมู่บ้าน”“ถูกต้อง!” เฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์ฉู่ขึ้นมา “เจ้าอย่าฟังพี่หลี่พูดจาเหลวไหล ข้ายังเหมือนเมื่อก่อน เป็นนายท่านของพวกเจ้า นับจากนี้พวกเราสี่คนร่วมมือกัน ทำให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้น”หลี่ซานยังอยากพูดอีก แต่เฉินฝานใช้สายตาบอกกับเขาให้หยุดพูดฉินเย่ว์ฉู่ยังเด็ก เขาอยากให้นางเติบโตอย่างเข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อน“นายท่าน ข้าสิบขวบแล้ว ท่านอย่าเอาแต่อุ้มข้าแบบนี้สิเจ้าคะ”เฉินฝานอุ้มนางต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำให้เด็กน้อยรู้สึกอายเล็กน้อย พวงแก้มแดงระเรื่อ“หื้ม?” เฉินฝานหยิกแก้มของฉินเย่ว์ฉู่ “อายเหรอ? เจ้าบอกว่าชอบเวลาข้าอุ้มที่สุดไม่ใช่หรือ? ยามไม่อุ้มเจ้ายังร้อง
หลี่ซานโบกมือให้พวกสาวใช้ “ไปหาฮูหยินของพวกเจ้า พาพวกนางคุ้นเคยกับเรือนหลังนี้”“เจ้าค่ะ!”พวกสาวใช้ลุกขึ้น ย่อตัวลงหันหน้าเข้าหาเฉินฝานแล้วถอยออกไปมารยาทของสมัยโบราณ ยามบ่าวรับใช้ออกไป ไม่อาจหันหลังให้นายผู้ฝ่าฝืน นายมีสิทธิ์สังหาร“เจ้าวางใจเถอะ ทั้งหมดนี้เป็นทาสในเรือน ล้วนเชื่อใจได้” กลัวเฉินฝานไม่วางใจ หลี่ซานจึงพูดเสริมเฉินฝานใช้เวลาครู่หนึ่ง เพิ่งนึกออกว่าทาสในเรือนหมายความว่าอะไร ทาสในเรือนคือ ลูกที่เกิดจากสาวใช้และบ่าวรับใช้ในเรือน ซึ่งได้รับอนุญาตจากนาย บ่าวรับใช้ประเภทนี้ แตกต่างจากบ่าวรับใช้ที่ซื้อ พวกเขาเป็นบ่าวตั้งแต่กำเนิด จึงมีความจงรักภักดีค่อนข้างสูงตอนหญิงสาวมากมายอายุไล่เลี่ยกับตน ร้องเรียกตนว่าฮูหยิน พี่น้องตระกูลฉินตะลึงงันปีแรกที่เพิ่งแต่งงานกับเฉินฝาน พวกนางรู้สึกว่าชีวิตนี้จบเห่แล้วหลังจากเฉินฝานตกหน้าผา ชีวิตของพวกนางเริ่มมีความหวัง เฉินฝานหาเงินเข้าบ้านทีละเล็กทีละน้อย กระทั่งในตอนหลังเขาซ่อมบำรุง ซื้อรถม้า ไม่ต้องกังวลปากท้องและเครื่องนุ่งห่มอีกพวกนางรู้สึกว่าตนมีความสุขมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าเฉินฝานจะสอบคัดเลือกขุนนางได้อันดับหนึ่ง ยิ่งคิดไม
หลังจากพวกเหออี้หมินจากไป หลี่ซานประสานมือเข้าด้วยกัน หันหน้าขึ้นฟ้า “หวังว่าจะไม่ใช่ข่าวชายแดนสถานการณ์ตึงเครียด หวังว่าจะไม่ต้องเกณฑ์ทหารมากขึ้น!”ตระกูลหลี่ร่ำรวยที่สุดในอำเภอผิงอัน มีเงินทองสามารถทำได้ทุกอย่าง ในอำเภอผิงอัน เต็มไปด้วยคนของตระกูลหลี่หลังจากรับประทานอาหารค่ำ หลี่ซานก็ทราบข่าวสถานการณ์ชายแดนไม่ได้ตึงเครียด ไม่ต้องเกณฑ์ทหารเพิ่มขึ้น แต่ว่า...“เสี่ยวฝาน ใต้เท้าหลูจะไปปราบโจรอีกแล้ว”“ปราบโจรหรือขอรับ? เป็นเรื่องดี เหตุใดพี่หลี่จึงกังวลเช่นนี้?”“เสี่ยวฝาน ท่านใต้เท้าจะไปปราบโจรบนภูเขาวิฬาร์”“ภูเขาวิฬาร์?” ภาพใบหน้าขาวสะอาดสง่าผ่าเผยฉายขึ้นในความคิดของเฉินฝาน“ใช่แล้ว โจรบนภูเขาวิฬาร์ โจรพวกนั้นส่วนมากหนีมาจากกองทัพ ต่อสู้เก่งทั้งยังจิตใจเหี้ยมโหด เจ้าหน้าที่ว่าการและมือปราบในอำเภอจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างไร เฮ้อ!”หลี่ซานถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งส่ายหน้าด้วยความเศร้า “ชาวอำเภอผิงอันจะเคราะห์ร้ายแล้ว”“พี่หลี่ ความหมายของพี่คือ หากใต้เท้าจับโจรล้มเหลว โจรภูเขาวิฬาร์จะแก้แค้นชาวอำเภอผิงอันหรือขอรับ”“คุยกับคนฉลาด สบายแบบนี้แหละ!” สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความก
“เสี่ยวฝาน ความหมายของเจ้าคือเจี่ยงหงเหวินจ้างโจรภูเขาวิฬาร์สังหารเจ้า?”“ถูกต้อง!”“แป๊ะ!” หลี่ซานปรบมืออย่างแรง พูดด้วยความสะใจ “เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ แม้หลับฝันเจี่ยงหงเหวินคงคิดไม่ถึงว่า สุดท้ายคนที่ถูกธนูยิงตายจะเป็นตัวเขาเอง”“เฮ้อ ไม่สิ!” จู่ๆ หลี่ซานก็ฉงนยิ่งนัก เขาเอียงหน้าถามเฉินฝาน “แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับที่ท่านเจ้าเมืองสั่งให้ใต้เท้าหลูปราบโจรเล่า?”“เรื่องนี้ ใต้เท้าหลูน่าจะรู้ดีกว่าข้า” เฉินฝานประสานนิ้ว แล้วกดเบาๆ“กร๊อบแกร๊บ!” เสียงกระดูกข้อนิ้วมือดังก้องหลี่ซานทอดสายตามองมือของเฉินฝาน แววตาของเขาเคล้าไปด้วยความตกใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือหวาดกลัวท่าทีนี้ หากเป็นชาวนาหรือนายพราน เป็นเรื่องปกติแต่หากเป็นเฉินฝาน ผิดปกติยิ่งนักปัญญาชนทั่วไป เป็นไปไม่ได้ที่กระดูกข้อนิ้วมือจะแข็งเช่นนี้เฉินฝานมีความลับมากมายเพียงใดกันแน่?“พี่หลี่”เฉินฝานร้องเรียกหลี่ซานถึงสามครั้ง กว่าหลี่ซานจะดึงสติกลับมา“เสี่ยวฝาน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“เสี่ยวฝาน เป็นอะไร?”“คำถามนี้ข้าน่าจะเป็นคนถามท่าน ท่านเอาแต่จ้องข้า มีอะไรติดหน้าข้าหรือ?”“อ่อๆ!” หลี่ซานรีบส่ายหน้า “ใบหน้าเจ้าไม่
“หลี่ซาน!” หลูเฉิงกวงพูดแทรกหลี่ซานหลูเฉิงกวงกวาดสายตามองไปรอบๆ ตอนถอนสายตากลับ เขาพูดเสียงเบา “ท่านเจ้าเมืองคือคนที่เจ้าพูดจาหยามเกียรติได้หรือ?”หลี่ซานรีบเงียบและก้มหน้าลงทันทีเมื่อครู่เขาบุ่มบ่ามเกินไปจริงๆ หากที่นี่มีคนของลวี่เหลียงเจ๋อ ลวี่เหลียงเจ๋อนำไปรายงานท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นชีวิตของเขาก็จบเห่แล้ว“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ!”หลูเฉิงกวงไล่คนกลุ่มใหญ่ออกไป ในศาลาว่าการเหลือเพียงจางเจิ้งห้าว เหออี้หมิน รวมถึงเฉินฝานและหลี่ซานเท่านั้น เหตุผลในการให้เฉินฝานและหลี่ซานอยู่ต่อเพราะการปราบโจรในครั้งนี้ทั้งสองจะเป็นคนสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายในห้องโถงเหลือเพียงพวกเขา หลี่ซานพูดอีกครั้ง “ใต้เท้า เมื่อวานลำพังผู้ชมก็นับหมื่นคนแล้ว คนมากมายเห็นแล้ว ลูกดอกเหล่านั้นหมายจะพุ่งไปสังหารเฉินฝาน เห็นชัดว่าพวกเจี่ยหงเหวินเป็นคนจ้างพวกโจรภูเขา พวกเราให้ชาวบ้านเหล่านั้นเป็นพยานต่อหน้าท่านเจ้าเมืองได้”หลูเฉิงกวงถลึงตามองค้อน “สิ่งที่เจ้าพูดข้าไม่รู้เช่นนั้นหรือ?”“เช่นนั้นใต้เท้า...”“พี่หลี่ พี่พูดน้อยลงหน่อยเถอะขอรับ”เฉินฝานดึงตัวหลี่ซานหรงตูมีสิบอำเภอ อำเภอตูอันร่ำรวยที่สุด ภาษีส่วน
“กรึกๆๆ”“วี๊ดวือๆๆ”เฉินฝานและหลี่ซานออกมาจากศาลาว่าการ พบว่าบนท้องถนนเต็มไปด้วยรถม้าเวลานี้ยามซูแล้ว ปกติเวลานี้ บนท้องถนนไม่มีผู้คน“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เหตุใดจู่ๆ จึงมีรถม้าเข้าเมืองมากมายเช่นนี้? พ่อบ้านมั่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“ไม่รู้ขอรับ แปลกจริงๆ ข้าอยู่ที่นี่มานานกว่าห้าสิบปีแล้ว ไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน”บรรดาพ่อบ้านและสารถทีที่รอพวกเฉินฝานด้านนอกศาลาว่าการก็กำลังเสวนาเรื่องนี้เฉินฝานและหลี่ซานสบตากันครู่หนึ่ง หากเดาไม่ผิด คนพวกนี้ทราบเรื่องปราบโจรแล้ว“เจ้าหน้าที่ ท่านปล่อยพวกเราเข้าไปเถอะขอรับ”“ได้โปรด ให้พวกเราเข้าไปเถอะ!”ตอนพวกเฉินฝานผ่านประตูเมือง ด้านนอกมีชาวบ้านมากมายกำลังอ้อนวอนขอเข้า อีกทั้งชาวบ้านเหล่านั้นยังเต็มไปด้วยสัมภาระ เห็นชัดว่าจะย้ายเข้ามาอยู่“ไม่ได้ ยามซูแล้ว หากไม่มีตราคำสั่งไม่อาจเข้ามาได้”“ปิดประตูเมือง!”ภายใต้คำสั่งของหัวหน้าเฝ้าประตูเมือง ประตูเมืองปิดลง ปล่อยให้ชาวบ้านที่กำลังอ้อนวอนเหล่านั้นอยู่ด้านนอก“เสี่ยวฝาน อย่ามองเลย ปิดประตูเมืองตอนยามซู เป็นกฎระเบียบ พรุ่งนี้รุ่งสางเมื่อถึงยามเหม่าประตูเมืองเ
“นายท่าน นายท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ?”พี่น้องตระกูลฉินที่ได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านในออกมา พวกนางคิดว่าเฉินฝานกลับมาแล้วเมื่อเห็นพี่น้องตระกูลฉิน เฉินฟู่ นางโจว เฉินเจียง จางเหลียนฮวาอิจฉาตาร้อนอิจฉา ริษยา โลภนี่ยังใช่พี่น้องตระกูลฉินซูบผอม เสื้อผ้าซอมซ่อในความทรงจำพวกเขาหรือไม่ตอนนี้พวกนาง...สวมผ้าต้วน ใส่เครื่องประดับเงินทอง ทั้งยังมีสาวใช้ติดตามอยู่ข้างกาย นี่คือฮูหยินตระกูลใหญ่อย่างเห็นได้ชัดความริษยาในแววตาของนางโจวและจางเหลียนฮวา ร้อนแรงเป็นพิเศษนางโจว ‘นางเป็นท่านย่าของเฉินฝาน คนที่ได้สวมเครื่องประดับเงินทองควรเป็นนาง’จางเหลียนฮวา ‘เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไร? สามสาวยากไร้ตระกูลฉิน มีชีวิตที่ดีกว่านางได้อย่างไร เฉินเจียงคือผู้มีวาสนาที่นักพรตวัดซานชิงกวนพูดถึง คนที่ควรอยู่อย่างสุขสบาย ใช้ชีวิตเป็นฮูหยินผู้สูงศักดิ์ ควรคือนางจางเหลียนฮวา!’เฉินฟู่และเฉินเจียงอิจฉาตาร้อน ความริษยาแทบจะเอ่อล้นออกมาจากสายตาเฉินฟู่ ‘เรือนโอ่อ่าเช่นนี้ เขาจะอยู่ที่นี่ เป็นเจ้าของที่นี่ ผู้คุ้มกันทุกคนที่นี่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา’เฉินเจียง ‘สาวใช้มากมายเช่นนี้ ดูเล
ยืนอยู่หน้าเฉินเจียง เจ้าหน้าที่ว่าการสองคนที่ขวางพวกเขามาโดยตลอด จู่ๆ ประสานสองมือ โน้มตัวลงทำความเคารพ“ทำเช่นนี้แต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าขอบอกพวกเจ้า ตอนนี้สายไปแล้ว”เฉินเจียงคิดว่าเจ้าหน้าที่ว่าการสองคนนั้นทำความเคารพตน วางมาดด้วยความลำพองใจ“รู้ว่าข้าเป็นใคร ยังไม่หลีกทางให้ข้าอีก!”เฉินเจียงตำหนิเจ้าหน้าที่ว่าการ พร้อมกับเดินเข้าไป“ถอยไป!”“โอ๊ย โอ๊ย!”ไม่มีใครมองทันว่าเจ้าหน้าที่ว่าการใช้กำลังอย่างไร ตอนได้ยินเสียงโอดครวญของเฉินเจียง เฉินเจียงล้มลงบนพื้นแล้ว“เจียงเอ๋อร์!”“นายท่าน!”พวกเฉินฟู่ จางเหลียนฮวาพุ่งตัวไปหาเฉินเจียง“เจียงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”“นายท่าน ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ?”เฉินเจียงผลักจางเหลียนฮวาทิ้งด้วยความหงุดหงิด มือชี้หน้าเจ้าหน้าที่ว่าการทั้งสองคน “พวกเจ้ากล้าเตะข้าเนี่ยนะ!”เจ้าหน้าที่ว่าการไม่สนใจเฉินเจียง พวกเขาประสานสองมือโน้มตัวทำความเคารพอีกครั้ง “คุณชาย!”คุณชาย?พวกเฉินเจียงมองไปตามทางที่เจ้าหน้าที่ว่าการทำความเคารพเฉินฝานเดินอย่างมั่นคง มาทางพวกเขาน่าเกรงขาม สง่าผ่าเผย สุขุมหลักแหลมจางเหลียนฮวาตกใจ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ